บทที่ 22 – นักเรียนใหม่ฤดูใบไม้ร่วง (4)
เนื่องจากเหตุการณ์ดวงจันทร์สองดวงในช่วงเปิดภาคเรียนมันเลยทำให้การเปิดภาคเรียนได้เลื่อนออกไป เมื่อสิ่งต่างๆได้กลับมาเป็นปกติแล้วโรงเรียนก็ได้กลับมาเปิดอีกครั้ง
“มหาวิทยาลัยจะเปิดในฤดูใบไม้ร่วง หืออ”
ฉันผู้ที่กำลังพยายามทำงานหนักเพื่อที่จะผ่านชั้นที่ 19 ได้รับข้อความมาจากมหาวิทยาลัย ในตอนนี้มันเป็นต้นเดือนกันยายน มันเป็นช่วงที่ลมหนาวจะพัดเอาลมร้อนออกไป
ฉันได้คิดว่าระบบการเรียนมันจะเป็นเช่นไร ฉันได้มุ่งหน้าไปที่มหาวิทยาลัยในวันพิธีเปิดพร้อมๆกับนักศึกษาหน้าใหม่ทั้งหมด มันเหมือนกับมีคนมากองกันเอาไว้มากมาย ในขณะนั้นเองก็ได้มีคนเดินมาชนฉันอย่างเงียบๆแบะผ้่รไป
“โว้ว”
“…”
ใครจะคิดว่าคนที่ชนฉันจะเป็นผู้หญิง เธอได้ปกปิดตัววเองด้วยฮูด แต่ด้วยตาและริมฝีปากของเธอมันได้แสดงออกมาว่าเธอเป็นเพศอะไร เธอดูจะแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงของฉันขณะทนั้นเธอก็มองมาที่ฉันอย่างแน่วแน่ จากนั้นก็เอียงหัวและเดินจากไป
ฉันได้สังเกตุเห็นว่ามีบางอย่างแปลกๆ เห็นได้ชัดว่าเธอเดินชนผ่านคนไป แต่ก็ไม่มีใครสังเกตุเห็น แม้ว่านี่มันจะบังเอิญแต่ฉันก็รู้ถึงความเป็นไปได้บางอย่าง
“เวรเอ้ย เธอเป็นผู้ใช้พลัง”
ฉันเกือบจะเปิดเผยตัวตนออกไปแล้ว ผู้ใช่พลังไม่จำเป็นจะต้องไปเข้ากลุ่มผู้พิทักษหรือปีกแห่งเสรีและไปล่ามอนสเตอร์ก็ได้ ฉันได้บอกกับตัวเองว่าจะไม่ทำอะไรกระโตกกระตากอีกในขณะที่เดินต่อไป
“ทุกๆคนคงจะรู้อยู่แล้วว่านี่มันโชคดีแค่ไหนที่โรงเรียนสามารถจะกลับมาเปิดได้ในช่วงแห่งความวุ่นวาย เราขอแสดงความยินดี…”
สุนทรพจน์ของอธิบดีมหาวิทยาลัยคล้ายคลึงกับครูใหญ่ระดับมัธยมปลายของฉันเลย ทั้งสองคนนี้ดูเหมือนจะมีทักษะกล่อมที่น่าทึ่งมาก ขณะที่ฉันก้มหน้ามองจิ้มต้นขาตัวเองเล่น ทันใดนั้นฉันก็รู้สึกได้ถึงการจ้องมองแปลกๆ
มันไม่ได้เต็มไปด้วยเจตนาฆ่า แต่มันเป็นความอยากรู้อยากเห็น เป็นผู้ใช้พลังก่อนหน้านี้หรอ? ฉันได้ทำตัวให้สงบลง และเมินการจ้องมองที่ค่อยๆชัดเจนขึ้นนี้ แม้ว่ามันจะดูเหมือนมีเจตนาฆ๋านิดหน่อย ฉันก็จะยังคงละเลยมัน
พิธีเปิดมันยาวและน่าเบื่อฉันคิดว่าฉันสามารถจะล่ามนุษย์หนูทมิฬได้รอบนึงเลยหละ ฉันได้อดทนจนผ่านพิธีนี้มาได้่
หลังจากพิธีเปิดก็เป็นงานเลี้ยงตอนรับนักศึกษาใหม่ ฉันที่มีเควสที่จะต้องสำรวจดันเจี้ยนอยู่จึงเลือกที่จะแบหลบหนีออกมา ในขณะที่ฉันแอบออกมาฉันก็รู้สึกว่ามีการคงอยู่ใกล้ๆฉัน
“ฮ่าห์”
ด้วยการถอนหายใจฉันก็ได้เดินออกไปโดยที่พยายามจะเมินการคงอยู่นั้น อย่างไรก็ตามมันยังคงตามฉันต่อไป ปรากฏมาจากด้านขวา ฉันได้ลังเลว่าควรจะเมินต่อไปดีมั้ย แต่หลังจากสรุปได้สั้นๆ ฉันก็ได้ตัดสินใจเมินมันต่อไป อย่างไรก็ตามการคงอยู่นั้นก็ได้มาอยู่ด้านหน้าฉัน ตามคาดมันเป็นผู้หญิงที่สวมฮูด
“เธอเป็นใคร?”
“อา นายทำให้ฉันประหลาดใจ”
ฉันประหลาดใจกว่าเธอซะอีกนะ ฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะกระโดดเข้ามาหาฉันทั้งอย่างนี้ ฉันได้จ้องมองไปที่เธอ ในขณะเดียวกันเธอก็มองมาที่ฉัน
“นายเป็นใคร? นายเห็นการซ่อนตัวของฉันได้ยังไง?”
“แล้วเธอล่ะ? ตอนแรกก็ชนฉัน มารอบนี้ก็มาขวางฉันอีก”
“ฉันเป็นผู้ใช้พลัง”
“อ่า…”
เอาหละ นั่นฉันรู้อยู่แล้ว ฉันควรที่จะคิดคำถามต่อไปให้มากว่านี้
“ฉันนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มใดๆ นายมาที่นี่โดยมีจุดประสงค์สินะ ใช่มั้ย นายมาพาฉันไปสู่กลุ่มผู้พิทักษ์หรือไม่ก็ปีกแห่งเสรีสินะ”
“ไม่อะ เสียใจด้วยนะฉันเนแค่คนธรรมดา ฉันไม่ได้สนใจกลุ่มอะไรพวกนั้นของนายหรอกนัก เข้าใจแล้วนะ? ถ้างั้นฉันไปหละ”
“ดะ เดี๋ยวก่อน”
“ลาก่อน”
‘ถ้าเธอเป็นผู้ใช้พลังและต้องการจะหลีกเลี่ยงผูคนเธอก็ควรจะศึกษามาให้มากกว่านี้นะ’
ทุกๆคนที่อยู่ตามลานจอดรถได้หันมามองที่ฉัน ฉันได้หลบหนีออกมาล้มเหลวเป็นเพราะผู้หญิงสวมฮูดนั่น
อย่างไรก็ตามฉันไม่กลัว ลูกผู้ชายจะต้องกล้าหาญ ฉันได้เมินทุกๆสายตาที่มองลงมาที่ฉันและเดินต่อไป คุณจะต้องเข้มแข็งในสถานการณ์แบบนี้ แต่น่าที่เธอคนนั้นก็ยังตามฉันมา
“นายเป็นคนธรรมดาจริงๆหรอ?”
“ใช่แล้ว”
“นายโกหก”
“ไม่ได้โกหก”
“ถ้างั้นนายเห็นการซ่อนตัวของฉันได้ยังไง? นี่มันเป็นครั้งแรกที่มันเกิดขึ้น”
“ซ่อนตัวคือการเดินผ่านฝูงชนด้วยฮูดนั่นนะหรอ? ฉันไม่รู้”
“กึก การซ่อนตัวของฉันมันเป็นแบบนี้ ตราบเท่าที่ฉันไม่หยุดมันหรือโจมตีอะไร มันก็จะไม่คลายออก อย่างน้อยก็จนถึงตอนนี้”
“ถ้างั้นเธอก็สามารถจะปรับเปลื่ยนมันจากข้อมูลของเธอด้วยสิ่งที่เกิดวันนี้สิ ดีมั้ย? ฉันจะไปแล้ว”
“มู นายได้บอกทำให้ฉันเปิดเผยความสามารถของฉันออกไปใช่มั้ย?”
ความดันโลหิตของฉันได้สูงขึ้น ฉันคิดว่าเพลรูเดียน่ารำคาญมากที่สุดในโลกแล้ว แต่มันดูเหมือนว่าจะยังมีคนอื่นอีก ฉันรู้สึกขี้เกียจแม้แต่จะตอบกลับไป ฉันได้เดินออกมาจากพลาซ่า แต่หญิงสาวสวมฮูดก็วิ่งมาหาฉันอย่างเร่งรีบและเกาะแขนฉันเอาไว้
“เธอกำลังทำอะไร?”
“อะไรล่ะ?”
“นายไม่ได้กำลังจะไปงานต้อนรับนักเรียยนใหม่หรอ?”
“…เธอกำลังพูดเกี่ยวกับเรื่องอะไร?”
ฉันได้คิดว่าผู้หญิงคนนี้มันเป็นคนที่งี่เง่ามากๆ ฉันได้ตอบกลับไปว่า
“ไม่ ฉันไม่ไป”
“นายไม่ใช่นักศึกษาใหม่หรอ?”
“ฉันเป็น”
“ชื่อของนายคือ?”
ฉันรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังถูกสอบสวน ตั้งแต่ที่ฉันยังอยู่ที่นี้ ฉันก็ได้ตัดสินใจที่จะดำเนินการแสดงออกไปอย่างต่อเนื่อง
“ฉันไม่จำเป็นต้องบอกเธอ”
“นายไม่สามารถจะพูดมันได้เพราะว่านายไม่ใช่นักศีกษาใหม่ใช่มั้ย?”
“ที่ฉันไม่พูดมันเป็นเพราะฉันไม่ต้องการจะพูดและถ้าเธอต้องการที่จะถามชื่อคนอื่น เธอควรที่จะบอกชื่อของตัวเองมาก่อนด้วย”
“ฉันซู เยอึนจากคณะธุรกิจ”
“เข้าใจแล้ว ฝากตัวด้วยซู เยอึน”
“ชื่อนายล่ะ!”
“ฉันได้บอกให้เธอบอกชื่อของเธอออกมาถ้าเธอต้องการจะถามฉัน แต่ฉันไม่เคยบอกเลยว่าฉันจะบอกชื่อของฉันกับเธอ”
“อี๊ นายกำลังเลี่ยงคำถาม”
ซู เยอึนยังคงเกาะแขนของฉัน ฉันเริ่มที่จะโกรธขึ้นมาจากพฤติกรรมของเธอ ฉันึสรที่จะไล่เธอไปด้วยพลังของฉันมั้ย? ไม่สิมันจะทำให้เกิดความน่ารำคาญในภายหลัง? … ฉันจะต้องแสดงต่อไป
“เธอช่วยปล่อยฉันได้มั้ย? ฉันบอกเธอไปแล้วนิว่าฉันไม่ใช่ผู้มีพลัง อ๊ะ รถบัสกำลังจะไปแล้ว”
“อา”
ซู เยอึนได้ทำหน้าว่างเปล่า รถบัสนั้นจะออกไปจากคณะต่างๆของนักเรียน มันใช้เวลานานนักสำหรับนักศึกษาใหม่ที่จะหาเส้นทางของรถบัส ซู เยอึนผู้ซึ่งดูเหมือนจะต้องการที่จะไปงานปาตี้ต้อนรับนักศึกษาใหม่ในตอนนี้ได้ถูกทิ้งเอาไว้
“เอาล่ะ ฉันจะไปแล้ว โชคดีนะซู เยอึนผู้ถูกทิ้ง”
“เฮ้ ใครถูกทิ้ง!?”
“ไม่นิ ฉันไม่ได้พูดอะไรอย่างนั้นเลย”
“นายพูดมันทั้งหมด”
ซู เยอึนได้ขุ่นเคืองและดึงผมเอาไว้ รถบัสได้จากไปแลว้ ดังนั้นฉันไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงยังดึงฉันอยู่ อย่างไรก็ตามฉันก็เดินต่อไปข้าหน้า ซู เยอึนก็ได้ถูกลากไปกับฉันตามธรรมชาติ ฉันก็ได้อยู่ในคณะธุรกิจเช่นกัน มันจะเกิดอะไรขึ้นกันนะถ้าฉันเจอเธอในชั้นเรียน?
“ทั้งหมดมันเป็นความผิดของนาย! ฉันนั้นได้พลาดงานปาตี้ต้อนรับนักศึกษาใหม่!”
“เพราะเธอมั่วแต่เกาะฉันไง!”
“รีรา โกหก ขี้โกง”
“เงียบไปซะ แม่สาวฮูด”
“สะ สาวฮูด…”
มหาลัยของฉันมีการแยกกับอย่างชัดเจนระหว่างพวกวิศวะกับศิลปะศาสตร์ เขตของพวกวิศวะจะอยู่ห่างจากกรุงโซลเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งพิธีเปิดมหาลัยก็มีขึ้นที่เขตวิศวะ ในขณะที่พิธีสำเร็จการศึกษาจะจัดที่เขตศิลปศาสตร์ นั่นก็คือตอนนี้พวกเราเป็นเพียงกลุ่มเดียวที่ถูกทิ้งไว้อยู่ในชนบท
หลังจากที่ฉันได้เดินออกมาจากเขตวิทยาลัย ซู เยอึนก็ดูเหมือนจะเบื่อกับการถูกลากไปไหนมารอบๆ เธอได้ปล่อยมือออกจากแขนฉันเล่นเดินมากับฉันอย่างเงียบๆ ภายใต้ฮูดของเธอ การแสดงออกทั้งหมเของเธอก็คือคิ้วที่ขมวดแน่น
“ฮ่าห์ เพราะชายคนนี้…นี่มันเลวร้ายที่สุด…”
“หยุดพึมพัมได้แล้ว ทั้งหมดมันเป็นความผิดของเธอ”
“นายไม่ใช่ผู้ใช้พลังจริงๆหรอ?”
“หยุดถามมันจะตายมั้ย? ฉันจะต้องตอบแบบไหน”
“…ถ้างั้นซื้ออาหารให้ฉัน”
“ทำไม!?”
วิธีคิดของผู้หญิงคนนี้มันไม่ได้ปกติ หัวของฉันเริ่มที่จะปวด ก่อนที่ฉันจะสังเกตุเห็นว่าเราใกล้ถึงสถานีแล้ว ด้วยคนจำนวนมากและรถรอบๆ ฉันได้คิดเกี่ยวกับการวิ่งหนีไปไป มันจะดีกว่าการฟังซู เยอึนบ่นเงียบๆ
“ฉันไม่มีเงิน…ฉันหิว…”
“…”
มันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ในตอนเพลรูเดียว ฉันรู้สึกเหมือนกับโดนต่อย
ฉันได้พาซู เยอึนไปที่ร้านแม็คโดนัลที่อยู่ใกล้ๆ ฉันมองดูเธอสั่งงมันฝรั่งทอดและของกินมามายออกมา จากนั้นฉันก็สั่งของตัวเอง
“นายไม่ต้องการสั่งมันฝรั่งทอดหรอ?”
เธอได้มองฉันแปลกๆ มันเหมือนกับว่าการสั่งมันฝรั่งทอดมันเป็นพื้นฐานบางอย่าง ฉันเมินเธอไปอย่างสมบูรณื ฉันได้หยิบเอาถาดจากพนักงานและเดินไปนั่งข้างหน้าต่าง เธอได้มาถามฉันว่าทำไมเราไม่ไปนั่งตรงอื่นหละ จากนั้นเธอก็ขโมยถาดไปจากมือฉันและเดินไปนั่งตรงกลาง จากนั้นเธอก็พึมพัมออกมา
“นี่เขาโง่จริงๆหรอ?”
“อา…อา…”
มันสายเกินไปแล้ว อย่างแรกที่ฉันจะทำคือการหย่อนเบ็ดลงไปในท้องของเธอ และจากนั้น…! อย่างไรก็ตามเธอถืออาหารอยู่ ตั้งแต่ที่ฉันไม่สามารถจะเสียมันไปได้ ฉันก็ตัดสินใจที่จะเดินกลับไปด้วยความรู้สึกสงสารตัวเอง ฉันได้ตามเธอไปและนั่งลง
“ขอบคุณสำหรับอาหาร”
“ด้วยความยินดี”
ซู เยอึนได้เปิดกล่องตัวด้วยแฮมเบอร์เกอร์ แล้วก็กัดลงไปคำใหญ่ จากนั้นด้วยดวงตาที่เป็นประกายส่องออกมาแม้กระทั่งจากด้านในฮูก เธอได้หยิบเอามันฝรั่งมาเต็มมือและกินมันไปจากนั้นก็อีกกำมือ แก้มของเธอได้พองตัวเหมือนกับแฮมสเตอร์ ฉันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“เธอคงจะหิวมากจริงๆ”
“มั่ม มั่ม….มั่ม…”
เสียงของเธอดูเหมือนเธอกำลังร่ายมนตร์ดำบางอย่าง แต่แล้วเธอก็ได้บอกมาว่าเธอหิวมาตั้งแต่เช้าแล้ว ฉันได้ให้ส่วนแบ่งมันฝรั่งของฉันออกไป จากนั้นเธอก็มองมาอย่างตกใจ จ้องมองระหว่างฉันกับมันฝรั่ง
“…เทวดา?”
“เร็วๆก่อนที่ฉันจะเปลื่ยนใจ”
“นายมอบมันฝรั่งให้กับฉัน”
“ไม่ต้องมาพูดแบบนั้น รับมันไปซะ”
ฉันยังแกะห่อเบอเกอร์ของฉันและกัดมันลงไป มันอร่อยมา เพราะว่าแม่ของฉันไม่เคยให้ฉันกินอะไรแบบนี้ที่บ้านเลย มันเป็นเวลานานแล้วที่ฉันไม่ได้กินของอะไรแบบนี้ บางทียุยก็อาจจะชอบมันเช่นกัน เธออาจจะแม้แต่มาจุ๊บที่แก้มของฉัน
ในตอนท้ายในขณะที่ซู เยอึนเข้าไปในห้องน้ำฉันก็แอบสั่งเบอเกอร์อีกเซ็ตและเข้าไปในน้องน้ำเก็บมันลงไปในช่องเก็บของ มันเป็นอาชญากรรมที่สมบูรณ์แบบ เวลามันจะถูกแช่แข็งหากอยู่ในช่องเก็บของ ดังนั้นมันจึงจะยังร้อนและอร่อยไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน
เมื่อพวกเราได้ออกมาจากแม๊คโดนัล เธอก็ดูเหมือนว่าจะจำสถานการณ์ของเธอได้ เธอได้แยกตัวไปจากฉันและยืนตั้งการ์ด เธอดูแตกต่างไปจากคนที่เรียกฉันว่าเทวดา เธอเป็นคนที่โง่หรือเปล่านะ? ใช่แล้วเธอคงจะเป็นแบบนั้น
“พวกเรามาดีกันนะ? ในตอนนี้กลับบ้านได้แล้ว”
“นาย…นายไม่ใช่ผู้ใช้พลังจริงๆนะ?”
“ฉันไม่ได้เป็น และเธอก็เป็นผู้ใช้พลังที่ขอร้องให้คนธรรมเลี้ยงอาหารหลังจากที่ทำให้เขาบาดเจ็บและรำคาญ”
“…”
“ดังนั้นแล้วพวกเราก็แค่กลับบ้านไปในตอนนี้…เอ๊ะ?”
ซู เยอึนดูเหมือนจะแปลไป มันไม่ใช่การแสดงออกของความโกรธ มันค่อนข้างจะดูเหมือนเธอถูกแช่แข็งไปอย่างสมบูรณ์ ฉันรู้สึกได้ถึงบางอย่างอยู่ ฉันจึงหันไปมองรอบๆ
ด้านหน้าของพวกเราเป็นนกพิราบที่มีขนาด 2 เมตร มันดูเหมือนว่าจะปรากฏออกมาจากที่ไหนสักแห่ง