บทที่ 251 – เหนือดินแดนน้ำแข็ง (2)
หมาป่าโครงกระดูกยักษ์นั้นดูน่าจะเป็นการรวมกันของเวนดิโก้กับหมาป่ายักษ์ มันได้ปล่อยพลังงานเยือกแข็งอย่างมากออกมา ยังไงก็ตามไม่ว่ามันจะมีพลังมากยังไงมันก็ไม่ได้อยู่เหนือไปกว่าความคาดคิดของฉัน มันไม่ได้เป็นภัยคุกคามกับฉันเลย
[ก๊าซซซซซซซซ]
มันก็ยังเร็วมาก แต่แน่นอนฉันเร็วกว่า พลังงานเยือกแข็งของมันก็ทรงพลังมาก แต่ก็อ่อนแอไปกว่าริยู มันสามารถจะขยายหัวหรือเท้าหน้าของมันได้ แต่ว่ามันไม่มีทางโจมตีฉันแม้แต่ครั้งเดียว เมื่อเทียบมันกับราชาแห่งการจำศีลผู้ที่ลบตัวตนได้อย่างสมบูรรืแล้ว หมาป่าโครงกระดูกตัวนี้มันมีตัวตนที่ชัดเจนเกินไป
ในตอนที่มันขยายส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายมันพลังงานก็จะรวมอยู่ในจุดๆนั้นก็จะมารวมกันอย่ามากจนมันเป็นไปไม่ได้เลยที่ฉันจะไม่รู้ตัว มีถ้าเดียวที่มันจะโจมตีโดนฉันได้ก็คือจงใจรับการโจมตี ฉันสงสัยมากๆว่าทำไมในก่อนหน้านี้ฉันถึงไม่ได้สังเกตุถึงเลือกนี้
“พี่ชายคนนี้ยังมีเรื่องที่จะต้องทำอีกมาก ดังนั้นฉันไม่มีเวลาจะมาเล่นกับนายแล้ว โอเวอร์ลอร์ด”
เนื่องจากว่าฉันไม่ได้วางแผนไว้ว่าจะไปต่อสู้ที่ไหนอีกฉันจึงใช้โอเวอร์ลอร์ดออกไปโดยที่ไม่ลังเลใจ มันไม่มีทางที่บอสในชั้นที่ 25 ของบียอนจะต้านทานพลังที่เอาชนะได้แม้แต่ศัตรูของโลกได้อยู่แล้ว ในตอนที่หมาป่าโครงกระดูกได้เห็นพลังงานภายในตัวฉันพุ่งขึ้นมา มันก็หอนขึ้น
[ก๊าซซซซซซซซซ]
[‘เสียงคำรามแห่งการพังทลาย’ ของหมาป่าโครงกระดูกเยือกแข็งไปดังออกมา ทุกๆสิ่งที่มีรูปร่างจะเริ่มพังลง และทุกๆอย่างที่พังลงจะถูกควบคุมโดยหมาป่าโครงกระดูกเยือกแข็งและโจมตีคุณ]
รู้แล้ว ถ้างั้นนี่ก็เป็นเหตุผลให้ห้องของบอสเป็นภูเขาหิมะสินะ หลังจากได้ยินข้อความจากพี่สาวข้อความฉันได้รีบอัญเชิญชาราน่าออกมาเพื่อให้เธอเข้ามาในตัวฉันและบินขึ้นไป อย่างแรกพื้นดินใต้เท้าเราได้เริ่มพังลงตามมาด้วยยอดเขาหิมะเป็นชุด จากนั้นด้วยการควบคุมมานาจากหมาป่าโครงกระดูกเยือกแข็ง หิมะที่พังลงทั้งหมดได้พุ่งเข้ามาหาฉัน หลังจากที่หมาป่าโครงกระดูกเยือกแข็งได้ใช้เสียงคำรามแห่งการพังทลายมันก็ยังแช่แข็งอากาศบางส่วนและพุ่งตรงมาหาฉันบนท้องฟ้า
เมื่อได้เห็นทุกๆอย่างพุ่งเข้ามาหาฉันพร้อมกับจิตสังหารฉันก็ยิ้มเย้ยออกมา มันดูเหมือนกับกำลังมองดูไกอา บัสเตอร์ในเวอร์ชั่นที่ใหญ่กว่า ด้วยสเตตัสของฉันแม้ว่าฉันจะไม่สามารถทำแบบเดียวกันนี้ได้ แต่อย่างน้อยฉันก็สามารถจะทำแบบที่หมาป่าโครงกระดูกทำได้ซักครึ่งหนึ่ง
แม้ว่ามันจะไม่ได้มีพื้นที่แบบนี้มากนัก แต่ว่าเมื่อกลับไปที่แอนตาร์กติก้ามันก็มีพื้นที่มากพอที่จะทำแบบนั้นแล้ว
“ริยู เธอช่วยจัดการด้านการป้องกันที่นะ ไพก้าใช้พลังเต็มที่กันเถอะ”
[อื้อ]
[แสดงพลังให้เจ้าหมานี่ดูกัน]
ริยูได้ลอยขึ้นไปและเข้าไปหาก้อนน้ำแข็งที่กำลังเข้ามาหาเรา หลังจากที่ใช้มานาของฉันไปถึง 20% เธอก็เข้าไปในดงน้ำแข็งและควบคุมมันทั้งหมดด้วยตนเอง
เมื่อเห็นว่าฉันปลอดภัยจากการโจมตีแล้วฉันได้เร่งความเร็วขึ้นไปในทันทีและชี้หอกที่หุ้มสายฟ้าสีทองไปทางหมาป่าโครงกระดูกเยือกแข็ง สายฟ้าของไพก้าที่ถูกยกระดับโดยพลังของเทพสายฟ้าและผสมกับฮีโรอิคออร่าได้ทำให้มันกลายเป็นสายฟ้าสีแพลตตินัม ถึงแม้ว่ามันน่าอายที่จะพูดเองแต่ว่าฉากนี้มันก็สมแล้วกับชื่อเทพสายฟ้า
“นายแข็งแกร่ไม่พอ ระดับที่ฉันอยู่ในตอนนี้อยู่ไกลกว่าความต้องการในชั้นนี้ไปนานแล้ว”
[ฉันจะส่งกลับคืนแล้วนะ รับไปเลย]
ในเวลาเดียวกันกับที่ฉันแทงหอกออกไป ริยูก้ยังได้ตะโกนออกมา จำนวนก้อนน้ำแข็งต่างๆที่ถูกยิงออกไปได้ถูกยิงกลับมาทางหมาป่าโครงกระดูกตามคำสั่งของริยู หมาป่าโครงกระดูกทำได้เพิ่งหอนออกมาและเผชิญหน้ากับมันตกๆ แต่ไม่นานนักเสียงหอนของมันก็เหมือนกับเสียงร้องแทนมากกว่า
[คุณได้เคลียร์บียอนชั้นที่ 25 คุณได้รับคุณสมบัติในการท้าทายดันเจี้ยนชั้นที่ 76]
[พลังชีวิตและมานาสูงสุดของคุณเพิ่มขึ้น 2% คุณได้รับโบนัสสเตตัส 5 แต้ม]
[ทักษะที่คุณได้ใช้ในบียอนชั้นที่ 25 นี้จะถูกเพิ่มค่าประสบการณ์ขึ้นตามจำนวนการใช้]
[คุณได้เอาชนะบอสประจำชั้นของบียอนตัวที่ 5 หมาป่าโครงกระดูกเยือกแข็ง คุณได้รับฉายา ‘นักล่าหมาป่าโครงกระดูกเยือกแข็ง’ สเตตัสทั้งหมดเพิ่มขึ้น 1 เป็นการถาวร]
[เลือกรางวัลของคุณ]
[1.แหวนแห่งการพังทลาย]
[มันอ่อนไป]
“น่าทึ่งจริงๆ แม้แต่บอสประจำชั้นของบียอนก็ทำอะไรกับริยูไม่ได้เลยสินะ”
[เอะเฮะเฮะ]
แม้ว่าหมาป่าโครงกระดูกจะอ่อนแอกว่ามังกรซ่อมบี้แต่ทักษะพังทลายและควบคุมพื้นที่มันน่ากลัวจริงๆ ถ้าหากว่าฉันไม่มีภูติธาตุอย่างริยูอยู่ด้วยฉันก็คงจะต้องมีปัญหาแน่ๆ
นอกจากนี้ยังเป็นการควบคุมก้อนน้ำแข็งยักษ์พวกนี้…. การควบคุมนี้เป็นพลังที่เพิ่มขึ้นมาของริยูหรอ ยังไงก็ตามทีก็เป็นเพราะเธอที่มีส่วนช่วยมากที่สุดฉันก็ได้ยกย่องเธออย่างเต็มไปใจในขณะที่ลูบหัวเธอไปด้วย จากนั้นฉันก็อ่านข้อความที่ฉันเพิ่งจะได้รับมา
มันค่อนข้างจะเข้าใจได้ในเรื่องที่ว่าฉันไม่ใช่คนแรกที่เอาชนะหมาป่าโครงกระดูกเยือกแข็งได้ในการโซโล่ แต่ฉันก็ยังตกใจ นี้มันหมายความว่าก็ยังมีคนอื่นๆปีนมาถึงบียอนชั้นที่ 25
คนรุ่นก่อนหน้าฉันปีนบียอนไปไกลแค่ไหนกันนะ แล้วดันเจี้ยนที่หนึ่งล่ะ ชายที่อยู่ในพื้นที่พักอาศัยของบียอนก็อีกคน แม้ว่าฉันจะเต็มไปด้วยคำถามในหัวมากมายแต่ฉันก็เลือกเก็บมันเอาไว้ ฉันรู้ว่าเมื่อมันถึงเวลาฉันก็จะรู้เอง
ถัดมาก็คือเรื่องพลังของแหวนแห่งการพังทลายมันเหนือกว่าที่ฉันคิดเอาไว้ มันเหมือนๆกับแหวนเสียงสะท้อนที่ได้มาจากบอสประจำชั้นของบียอนในก่อนหน้านี้ที่ขยายพลังของทักษะประเภทเสียงคำราม แหวนแห่งการพังทลายนี้ได้เพิ่มพลังที่อย่างน่ากลัวคือการขยายระยะขึนเป็นสองเท่าของทักษะที่ทำลายพื้นดิ
ฉันได้นึกไปถึงเวทย์แผ่นดินไหวที่จอมเวทย์ชอบใช้กัน แต่ตัวฉันมีเพียงแค่ไกอา บัสเตอร์ ฉันอยากจะทดสอบมันซะเดี๋ยวนี้ แต่ว่าเพราะพื้นน้ำแข็งที่นี่มันพังไปจากทักาะของบอสในตอนก่อนหน้านี้แล้วทำให้ฉันได้แต่ต้องออกมาจากที่นี่ก่อน เมื่อฉันได้ออกมาฉันก็ได้เจอกับลูกค้าที่ฉันไม่คาดคิดว่าจะมาเจอในร้านขายของมาก่อน
“โอ้ นี่มันคือฮีโร่ที่อยู่ในสถานการณ์วิกฤติสองเท่านี่นา”
“อึก”
“โอ้ชิน มาเร็วจัง”
คนที่คุยกับโรเล็ตต้าไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากเอเลนี่หัวหน้าของกิลด์ผู้ดูแลไร้หุบเขา ครั้งล่าสุดที่ฉันได้คุยกับเธอมันไม่ใช่เรื่องที่น่ารื่นรมเลย ฉันได้รู้สึกอึดอัดในทันทีที่เห็นหน้าของเธอ ฉันได้มองไปอย่างเงียบๆที่โรเล็ตต้าเพื่อถามเธอด้วยการแสดงออกทางสีหน้า
“อ่า เธอมาพูดคุยเรื่องงานนะ ฉันไม่รู้ว่าชินจะกลับมาตอนไหน ฉันก็เลยออกไปจากร้านขายของไม่ได้”
“เธอควรทำในสิ่งที่พอประมาณนะโรเล็ตต้า ถ้าเธอยิ่งลงไปลึกเท่าไหร่เธอก็จะไต่กลับมายากขึ้นเท่านั้น”
“เงียบน่าก่อนที่เธอจะได้ตกลงไปลึกๆเลยเอเลนี่”
เอเลนี่ได้เบะปากเงียบๆ ฉันได้โบกมือลาด้วยรอยยิ้มขมและบอกเกี่ยวกับการที่จะออกมาในตอนที่โรเล็ตต้าได้พยายามหยุดฉัน
“มันใกล้จบแล้ว ดังนั้นอยู่ที่นี่เล่นกับฉันก่อนนะ”
“ถ้าหากว่าหัวหน้ากิลด์ผู้ดูแลถ่อมาถึงนี่เพื่อที่จะหารือเรื่องบางอย่างมันก็คงไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่ เดี๋ยวฉันจะกลับมาทีหลังจากนั้นพวกเราจะได้เดินเล่นด้วยกัน”
เอเลนี่ได้หยักหน้าอย่างจริงจังทั้งที่ยังคงเงียบอยู่ โรเล็ตต้าได้จ้องมาที่เอเลนี่ด้วยจิตสังหาร แต่ว่าในท้ายที่สุดแล้วเธอก็ถอนหายใจและหยิบขวานออกมาจาก…. เดี๋ยวนะ นี่มันไม่ใช่สัญญาณของการลาออกหรอ!?
เอเลนี่ที่ไม่ได้สังเกตุเห็นถึงขวานของโรเล็ตต้าจู่ๆก็จ้องมาที่ฉันด้วยสายตาที่เป็นประกาย ในตอนที่ฉันสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆเธอก็พูดในคำที่ฉันไม่เคยคิดมาก่อนออกมา
“ฮีโร่ ฉันได้ยินว่าว่านายได้เอาชนะศัตรูของโลกมาสองตัวแล้ว ถ้างั้นนายก็สามารถมาช่วยในด้านธุระของเราด้วยได้ไหม?”
ก่อนที่ฉันจะได้ตอบกลับไป โรเล็ตต้าก็กระชับขวานบนมือและพูดออกมา
“เอเลนี่ หยุดได้แล้ว”
“มันไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องปกติที่จะมอบภารกิจให้กับนักสำรวจที่มีคุณสมบัติเหมาะสมงั้นหรอ นี่มันคืองานของสมาชิกของกิลด์ผู้ดูแล”
“แต่ว่าเขาก็ยุ่งอยู่แล้ว ถ้าเธอยังคงสร้างเรื่องยุ่งยากให้กับชินอีก ฉันจะทำให้เธอต้องเสียใจแน่”
แม้ว่าหลังจากจะถูกโรเล็ตต้าขู่ไป เอเลนี่ก็ยังมองมาที่ฉันอย่างสนใจต่อไป ฉันได้ส่ายหัวด้วยรอยยิ้มแห้งๆ
“ขอโทษนะ แต่ว่าสำหรับตอนนี้ก็คงไม่ได้ มันยังมีสิ่งต่างๆอีกมากที่ฉันจะต้องทำบนโลก”
“จริงหรอ เรายังมีเวลาเหลืออยู่ถ้างั้นก็ติดต่อมาหาฉันนะเมื่อนายทำธุระ… ฮิค”
ขวานยักษ์ของโรเล็ตต้าได้เหวี่ยงปักลงบนพื้นดันเจี้ยนทำให้เสียงดังออกมาเหมือนกับฟ้าฝ่าจนเอเลนี่ต้องตกใจ
“ระ โรเล็ตต้า เธอจะทำแบบนี้จริงๆงั้นหรอ!?””
“ชิน ขอโทษนะแต่ว่าไว้มาเล่นกันทีหลัง สำหรับตอนนี้ฉันมีเรื่องอื่นที่จะต้องจัดการก่อน”
“อ่า อืมมม… โอเค พยายามหลีกเลี่ยงการฆาตกรรมนะโรเล็ตต้า”
โรเล็ตต้าได้ตอบกลับคำแนะนำของฉันเบาๆราวกับว่าเธอกำลังยุ่งกับการจับยุ่งหน้ารำคาญที่บินอยู่ในห้อง
“ฉันจะคิดดู”
“เฮ้ฮีโร่ นายกำลังหนีนะ ฉันจะแก้แค้นแน่”
“โรเล็ตต้า ฉันก็ไม่คิดอะไรหรอกนะแม้ว่าโรเล็ตต้าจะเป็นคนร้ายนะ”
“โอเคชิน ฉันเข้าใจแล้ว”
“ฮีโร่ นาย นายให้การช่วยเหลือการฆาตกรรม มันเป็นอาชญากรรมนะ เฮ้”
เพราะแบบนี้ฉันจึงหนีออกมาจากเอเลนี่และโรเล็ตต้าได้อย่างปลอดภัย
“แปลก แปลกจริงๆ
ลิโคไรท์ดูจะไม่สบายใจในตอนที่เราได้เข้ามาสำรวจแอนตาร์กติก้า
“ฉันกำลังมาเที่ยวกับสามีที่รัก แต่ทำไมฉันไม่รู้สึกว่าเป็นแบบนั้นเลยล่ะ ทำไมกันนะ”
“ฉันมั่นใจเลยว่านั่นมันเป็นแค่การจินตนาการของเธอ บางทีเธออาจจะเปลื่ยนความคิดก็ได้ในตอนที่เราเคลียร์ดันเจี้ยน”
“ไม่ มันจะต้องเป็นเพราะว่ามันมีเวลาไม่พอแน่ๆ ถ้าแบบนี้ฉันจะต้องใช้เวลากับสามีที่รักให้มากยิ่งขึ้น”
[หยุดพล่ามเรื่องไร้สาระแล้วก็มองไปข้างหน้าได้แล้วค้างคาว]
“อึก นกไร้สมองนี่…”
ลิโคไรท์ได้ขบฟันมองไปที่ล็อทเต้ ยังไงก็ตามล็อทเต้ก็พูดถูก แม้ว่าพวกเราจะเดินทางกันได้อย่างรวดเร็วบนหลังของล็อทเต้ มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะหาเหตุการณ์ดันเจี้ยนในทวีปที่ใหญ่ขนาดนี้เจอ ลิโคไรท์ที่มีผลสรุปการค้นหาของซัคคิวบิอยู่ในหัวจำเป็นจะต้องตั้งใจนำทางเราเพื่อที่จะให้การสำรวจแอนตาร์กติก้าจบลงอย่างรวดเร็ว
“แม้แต่สามีที่รัก… ฉันรู้สึกเหมือนกับเป็นแค่แผนที่เลย”
“พยายามหน่อยนะลิโคไรท์ เมื่อจบเรื่องนี้แล้วฉันมีรางวัลจะให้ด้วยนะ”
“ถ้าสามีที่รักพูดแบบนั้น….”
ลิโคไรท์ได้บ่นออกมาเล็กน้อยและปิดตาลงเพื่อตั้งสมาธิหาข้อมูลภายในหัวของเธอ จากนั้นเธอก็สั่งให้ล็อทเต้เลี้ยงขวาและบินตรงต่อไป
ในตอนที่เราได้มาถึงจุดๆหนึ่ง เธอก็ได้มองไปทางธารน้ำแข็งขนาดใหญ่และทำท่าทางมึนงง จากนั้นเธอก็ปิดตาลงไปครู่หนึ่งก่อนจะเปิดออกมา
“สามีที่รัก”
“หืม?”
สิ่งต่อมาที่เธอได้พูดขึ้นทำให้ฉันประหลาดใจอย่างมาก
“ดันเจี้ยนอยู่ที่นี่แน่นอน ฉันคิดว่ามันถูกเคลียร์ไปแล้ว”