บทที่ 261 – เจ้าหนีไปจากนักบุญไม่ได้หรอก (1)
เมื่อเรสพิน่าถูกไฟกลืนลงไปมอนสเตอร์ที่เหลืออยู่ต่างก็คลั่งไปทันที พวกนั้นทั้งหมดต่างก็พุ่งเข้ามาหาฉันราวกับว่าเสียสติไปแล้ว
[ฆ่ามัน]
[ฆ่ามัน]
[ฆ่ามัน]
[ฆ่า…มัน]
ในตอนที่ฉันเผชิญหน้ากับพวกนี้ฉันรู้สึกได้เลยว่ามีบางอย่างที่แปลกไป สิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาตามปกติแล้วจะไม่โยนชีวิตทิ้งไปง่ายๆ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่คิดจะปล่อยพวกนี้ไปอยู่แล้ว แต่ว่าหากมองในมุมมองของพวกนั้นการถอยกลับแล้วค่อยมาใหม่มันจะดีกว่าบุกเข้ามาตรงๆอย่างนี้แน่นอน
เนื่องจากว่าศัตรูเป็นปีศาจไม่ใช่มอนสเตอร์แล้วฉันก็คิดเอาไว้ว่าการกระทำของมันจะมีความเป็นแบบแผนมากกว่า แต่แล้วพวกมันกลับพุ่งเข้ามาใส่ฉันโดยไม่สนใจชีวิตของตัวเองเลย ความดื้อดึงนี้แม้แต่ฉันก็ยังเสียวสันหลัง
เมื่อพวกมันระเบิดพลังมานาออกมาทั้งหมดแม้แต่สมาชิกของรีไวเวิร์ลจะพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อหยุดมันเอาไว้แต่ว่าก็มีหลายครั้งที่พวกเขาพลาดพลั้งจนเกือบถึงชีวิต เนื่องจากในตอนนี้ฉันได้ใช้โอเวอร์ลอร์ดที่เป็นอาวุธลับสุดยอดออกไปแล้วทำให้ตอนนี้ฉันเหลือเพียงร่างกายเปล่าๆไว้ต่อสู้ ยังไงก็ตามยังเหลือปีศาวอีกนับแสนเหลืออยู่ที่นี่หรือกำลังมาที่นี่อีกด้วย
[ถ้าเธอเหนื่อยก็บอกมาตามตรงแล้วก็กลับไปพักที่บ้านกิลด์เถอะ พวกเรามีอิสระที่จะเลือกถอยไปจากที่นี่ได้]
[ถ้าพวกเราออกมา มันจะเป็นเรื่องยากสำหรับนายแน่เจ้าโง่ มันชัดเจนเลยว่าพวกนั้นทั้งหมดต่างก็เล็งนายอยู่ นายคิดว่าพวกเราจะไม่รู้หรอว่านายคิดจะพยายามแก้ทุกอย่างด้วยตัวเอง]
ในตอนที่ฉันส่งข้อความไปหาสมาชิกคนอื่นๆอย่างกังวล ฮวาหยาก็ตะโกนกลับมาอย่างโกรธเคืองทันที ร่างกายของเธอต่างเต็มไปด้วยเปลวเพลิง
“ทุกๆทำให้ดีที่สุดเพื่อช่วยให้ชินได้หยุดเรื่องไร้สาระนี่ ห้ามตายเด็ดขาดเพราะถ้าใครตายฉันจะตามไปลากมาจากนรกเอง เจ็ดพระชิวหาพระอัคคี”
ในตอนที่เธอยื่นมือออกมาได้มีลำธารยักษ์ทั้งเจ็ดที่ลุกท่วมไปด้วยเพลิงสีขาวลุกพรึบขึ้นบนท้องฟ้า ฉันเข้าใจได้เลยว่าเธอได้ใช้พลังของพระอัคคีออกมามากขึ้นกว่าตอนที่เธอแสดงให้เราได้เห็นในครั้งที่แล้ว พระอัคคีก็ยังมีพลังในหลายๆรูปแบบเหมือนกับพลังของซุสหรือพลังของพระศิวะเหมือนกัน
ถ้าหากว่าพลังในครั้งที่แล้วที่ฮวาหยาใช้คือการสร้างเพลิงศักดิ์สิทธิ์ พลังที่เธอใช้ในครั้งนี้กลับง่ายยิ่งการนั้นก็คือพลังการทำลายล้างอย่างสมบูรณ์แบบ เจ็ดพระชิวหาได้โผล่ขึ้นมาจากท้องฟ้าและไหลลงไปบนพื้นทำลายทุกๆอย่างที่อยู่ในเส้นทาง
ที่น่าตกใจไปกว่านี้ก็คือพระชิวหาพวกนี้ก็ยังไปโดนพรรคพวกอีกด้วย ฉันได้แต่เตรียมใช้คะดูเซียสด้วยความกังวลว่าจะมีใครเป็นอะไรไปด้วยดวงตาที่เบิกกว้างอย่างตกใจ เยอึนที่โดนเข้ากับพระชิวหานั้นได้โผล่ขึ้นมาโดยที่ไม่มีเพลิงซักนิด
“ว้าว แผลฉันหายไปหมดเลยอะ”
“หุหุ พลังของพี่สาวคนนี้เป็นยังไงล่ะ”
“เจ๋งสุดๆเลยพี่สาว ฉันอยากได้จัง”
ใช่แล้วแผลของเยอึนได้รับการรักษาหรือก็คือพลังเพลิงพระชิวหานั้นจะทำร้ายศัตรูและรักษาพรรคพวก มันคุ้มค่าสมกับเป็นพลังของเทพจริงๆ
“ยึดที่มั่นไว้ทุกคน ไม่ว่าจะมีปีศาจมากแค่ไหนชัยชนะจะต้องเป็นของเราแน่นอน เหล่าผู้พิทักษ์และปีกแห่งเสรีก็ใกล้ที่จะมาเสริมแล้วด้วยนะ กองกำลังคนอื่นๆของรีไวเวิร์ลก็ใกล้จะมาแล้ว
“โอ้ววววววววว”
“ฉันจะช่วยทุกๆคนด้วย”
ในตอนที่เสียงที่เต็มไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ของฮวาหยาดังขึ้นในสนามรบสมาชิกกิลด์รีไวเวิร์ลคนอื่นๆต่างก็ส่งเสียงเชียร์กลับมา เนื่องจากว่าพวกเขาดูจะเต็มไปด้วยพลังแล้วทำให้ฉันคิดว่าพวกเขาก็คงไม่เป็นไร ฉันได้ต่อสู้กับปีศาจข้างหน้าของฉันด้วยรอยยิ้มขม เดม่อนลอร์ดจะต้องทำไรกับพวกนี้แน่ๆเพื่อที่จะให้มีความป่าเถื่อนบ้าคลั่งแบบนี้… เป้าหมายของเข้าจะต้องเป็น…
“ไว้ค่อยมาห่วงเรื่องนี้ทีหลังดีกว่า ไอพวกเวรมาสู้กับฉันนี่มา”
ฉันได้ต่อสู้กับศัตรูที่ทรงพลังมาจนนับไม่ถ้วนนับตั้งแต่ที่ปีนบียอนแล้ว ไม่ว่ามันจะเป็นสองแสนหรือห้าแสนฉันก็จะสู้กับพวกมันทั้งหมดนี่แหละ วงวนมานาได้หมุนรอบๆฉันอย่างรุนแรงล้อมทั้งหอกและปั่นฉีกกระชากปีศาจออกไปในทันที ฉันได้ตะโกนออกมาในขณะที่ตัดปีศาจขึ้นอีกทันที
“พวกเราคือรีไวเวิร์ล ไม่ว่าจะเป็นปีศาจหรือมอนสเตอร์ก็เข้ามาเลย”
นับจากนั้นฉันก็ได้ใช้เวลาสี่วันในการกวาดล้างออสเตรเลียและส่วนที่เหลือของโอเชียเนีย มีสมาชิกรีไวเวิร์ลถึงสองนที่ต้องสูญเสียขาไปแต่ก็ได้ถูกรักษากลับมาด้วยความพยายามของอิเลด้า รูเดีย และอิลิกเซอร์
เนื่องจากว่าฉันก็ต้องสู้กับปีศาจเป็นร้อยๆพร้อมๆกันก็ทำให้แขนขวาของฉันแตกร้าวพังไปหมด แต่ว่าด้วยแหวน ‘นิ้วที่สองของโกเลมเนื้อ’ ทำให้ฉันสามารถใช้มันฟื้นฟูแขนได้ก่อนที่จะเป็นปัญหา
แน่นอนเนื่องจากว่าเกราะความปรารถนาที่ดำมืดไม่มีทางจะทำลายได้ดังนั้นแม้แขนข้างในของฉันจะแหลกเหลวแต่เกราะของฉันก็ยังดูจะไม่สะทกสะท้านกับอะไรเพราะแบบนี้ทำให้ไม่มีคนอื่นรู้ว่าฉันเสียแขนไปแล้วหลายรอบ
“คังชิน….ร่างส่วนหนึ่งพัง ตายแน่นอน”
ยังไงก็ตามดูท่าสัมผัสที่หกของเดซี่ก็จะมองออก ฉันได้พยายามจะซ่อนความคิดเอาไว้แล้ว แต่ไม่ว่ายังไงมันก็ไม่ได้ผลนัก เดซี่ได้ลูบที่แขนขวาของฉันสองสามครั้งและเอียงหัวก่อนจะออกไป เดซี่ เธอนี่ดูจะลึกลับจริงๆ….
แม้ว่าอย่างนั้นรีไวเวิร์ลก็เสียหายแค่เล็กน้อยเท่านั้น กลับเป็นผู้พิทักษ์และปีกแห่งเสรีที่ได้รับบาดเจ็บล้มตายกันไปอย่างมาก ทั้งจำนวนและความแข็งแกร่งแล้วปีศาจเหลือกว่าทั้งสององค์กรมาก
เนื่องจากว่าชาวเมืองของออสเตรเลียส่วนใหญ่ต่างก็ใช้ชีวิตกันอยู่บริเวณชายฝั่งทำให้พวกเราไม่สามารถจะหลบหนีการโจมตีของพวกปีศาจได้และตายกันไปจำนวนมาก ผู้รอดชีวิตที่เหลืออยู่น้อยเสียยิ่งกว่าชาวนิวซีแลนด์ซะอีก ในท้ายที่สุดแล้วช้ยชนะนี้ไม่มีใครที่สามารถจะยินดีกับมันได้เลย นับตั้งแต่เหตุการณ์ดวงจันทร์แฝดนี้ก็นับเป็นหนึ่งในห้าเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ผู้พิทักษ์และปีกแห่งเสรีก่อตั้งกันขึ้นมา
“มันเกิดขึ้นแค่ในตอนสองปีก่อนหรือช่วงที่มอนสเตอร์ปรากฏตัวขึ้นมาในครั้งแรก ทุกๆคนผ่อนคลายกันเกินไป ด้วยเหตุกาณณ์นี้ความคิดพวกนั้นจะ….”
“มันไม่เป็นไร ฉันรู้ว่าเธอต้องการจะสื่ออะไร”
ฉันได้กอดฮวาหยาและปลอบตัวเธอ มันเป็นเรื่องดีที่ทำให้มนุษย์ได้ตระหนักถึงอันตรายที่จะมามากยิ่งขึ้นแต่ว่าราคาที่ต้องจ่ายไปก็มากเกินไปเช่นกัน นอกไปจากนี้แม้ว่าคนอื่นๆจะไม่รู้แต่เราก็ไม่ได้เหลือเวลามากอีกแล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะเตรียมพร้อมกันมากแค่ไหนเพื่อต่อสู้กับมอนสเตอร์และปีศาจ แต่ด้วยเวลาที่น้อยมากๆพวกเขาจะทำได้แค่ไหนกัน
ยังไงก็ตาม
“ด้วยพลังของเราพวกเราหยุดมันได้ ดังนั้นก็แค่ต้องพยายามให้ดีที่สุด”
“พวกเราทำได้ใช่ไหมชิน พวกเรายังหยุดไม่ได้แม้แต่กองทัพปีศาจแค่ส่วนนึงเลยนะแล้วดูนี่สิสิ่งที่เกิดขึ้นนะ มันยังมีปีศาจที่มากมายที่ยังแข็งแกร่งและแม้กระทั่งเรายังต้องมากังวลเรื่องมอนสเตอร์… ฉันอยากจะอัดตัวฉันในอดีตเหลือเกินที่ฉันรู้สึกมั่นใจเกินไปในตอนแรกที่ได้พลังมา”
“เราทำได้แน่ เชื่อฉันสิ”
ฮวาหยาได้เปิดตากว้างกับความมั่นใจของฉันและจากนั้นก็ยิ้มขึ้น
“อื้อ ถ้าชินบอกแบบนั้น… ฉันจะเชื่อนาย”
แบบนี้เธอจึงได้ลุกขึ้นและกำหมัดแน่น
“ฉันจะไม่มัวแต่ทำตัวเป็นเด็กแล้ว ฉันจะกลับไปที่ดันเจี้ยน”
“วันนี้เธอควรจะพักนะ”
“ไม่ ร่างกายฉันยังไม่เหนื่อยเลยแล้วก็…จิตใจของฉันเพิ่งจะหายเหนื่อยเมื่อกี้ ฉันจะไป”
เพราะอย่างนี้เธอก็ได้ยิ้มออกมาอย่างน่ารัก จากนั้นจู่ๆท่าทางของเธอก็เปลื่ยนไปราวกับว่าเธอเผลอเหยียบขี้ เธอได้พองแก้มขึ้นมา
“แล้วก็นะวิธีที่นายทำแบบนั้นกับปีศาจผู้หญิงคนนั้นมันโหดร้ายมาก”
“อะ อะไร”
“ดูสิ นายยังมาถามว่าฉันพูดอะไรทั้งๆที่ท่าทางของนายมันแสดงออกชัดเจนขนาดนี้ ถ้าหากในสถานการณ์ตอนนั้นมันไม่… ชั่งมัน ไม่ว่ายังไงฉันจะยกโทษให้นายละกัน นอกจากนี้ฉันก็เป็นคนที่โหดร้ายเหมือนกันที่พูดเรื่องนั้นออกมาตอนแรก”
ฉันได้แต่นั่งนิ่งหันหน้าหนีไปจากเธอ เธอคนนี้เป็นปีศาจ
“อ่อ ฉันน่าจะให้นายเซ็นต์สัญญาเลยนะ เพราะว่านายเป็นผู้ชายที่ฉันตกหลุมรักจากความยอดเยี่ยมนี้ ฉันจะต้องเจอปัญหาแบบนี้อีกมากแน่ๆ แต่ยังไงตอนนี้ฉันก็คงจะหยุดไม่ได้แล้ว”
ฮวาหยาได้บ่นออกมาแต่ฉันได้แต่หลบฉากออกไปด้านข้าง ฉันได้อยู่อย่างเงียบๆและอึดอัดใจ ในตอนนั้นเองเธอก็พูดคำสุดท้ายออกมา
“…แต่ไม่ว่ายังไงฉันก็จะคอยอยู่เป็นกำลังใจข้างๆนาย ฉันรู้นะว่านายรู้สึกยังไง”
“อืมม เธอก็ยังมีคนอื่นที่เธอ…..”
“ไม่ต้องพูดแล้วเจ้าโง่ ฉันกำลังพูดถึงสถานการณ์ในปัจจุบันของโลกนะ ฉันอารมณ์เสียแล้วนะ นายอยากจะให้ฉันอารมณ์เสียมากไปกว่านี้งั้นหรอ”
ในท้ายที่สุดแล้วเธอก็ทุบฉัน ให้ตายสิ… ถ้าฉันอยู่เงียบๆละก็นะ
อย่างแรกที่ฉันทำหลังจากนั้นเลยก็คือการกลับเข้าไปในดันเจี้ยน ตอนนี้มันถึงเวลาที่ฉันจะต้องสู้กับบอสชั้นที่ 80 เป็นครั้งแรกแล้ว ในช่วงเวลา 4 สัปดาห์ที่ฉันกวาดล้างแอนตาร์กติก้าฉันได้ใช้ช่วงนั้นปีนทั้งดันเจี้ยนและบียอนไปด้วยทำให้ฉันได้ผ่านชั้นที่ 79 ของดันเจี้ยนที่หนึ่งและชั้นที่ 29 ของบียอน หลังจากตอนนั้นฉันก็ติดภาระยุ่งจนไม่ได้มีเวลามาต่อสู้กับบอสประจำชั้นอีกเลย ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการเลือนการเข้ามาในดันเจี้ยนก่อนที่ทุกๆสิ่งจะถูกจัดการแทน
ห้าเดือนได้ผ่านไปแล้วนับตั้งแต่ที่ฉันได้คุยกับโรเล็ตต้าในเรื่องระยะสองปีครั้งแรก ยังไงก็ตามในตอนนี้ระยะเวลาจริงๆก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัดเท่าไหร่นัก และมันจะเป็นการดีหากฉันคิดเอาไว้ว่ามีเวลาเหลือแค่หนึ่งปีเท่านั้น ผู้บุกรุกจะเข้าสู่โลกเหมือนกับที่พวกเขากำลังถูกอะไรสักอย่างไล่ล่ามา และเดม่อนลอร์ดกับศัตรูคนอื่นๆก็ยังมีอีกหลายๆสิ่งเกี่ยวกับตัวพวกนั้นที่น่าสงสัยเกินไป
เพื่อที่จะป้องกันโลกและคนที่ฉันรักสิ่งที่ฉันจำเป็นต้องมีเลยก็คือพลัง พลังที่เป็นของๆฉันเพียงคนเดียว พลังที่ไม่มีใครเอาไปจากฉันได้ พลังที่ไม่ได้ยืมใครมา ฉันได้สาบานกับตัวเองว่าจะต้องมีพลังนี้ให้จงได้
“เอ๋ ชินล้มเลิกที่จะเอาอิลิกเซอร์มาทั้งหมดแล้วหรอ”
“ใช่แล้ว ฉันอยู่ในจุดที่แต้มสเตตัสไม่กี่แต้มจะช่วยปัญหาที่ฉันมีอยู่ได้อีกแล้ว แต้มสเตตัสพวกนี้ได้ช่วยฉันแค่ในตอนที่ฉันปีนดันเจี้ยนชั้นล่างๆ แต่ว่าในตอนนี้พวกนี้ก็แค่ตัวเลข สิ่งที่ฉันต้องการจริงๆก็คือระดับพลังที่มากยิ่งขึ้นไป”
“ชิน… ชินพูดถูกแล้วล่ะ ฉันก็อยากจะให้ชินได้มีเวลาได้คิดสิ่งต่างๆมากขึ้นเหมือนกันนะ แต่ว่าหากคิดดูจากสถานการณ์ของโลกในตอนนี้แล้วนี้ก็ฟังดูเข้าท่า ใช่สิฉันก็จะช่วยสนับสนับชินในการยกระดับขึ้นอย่างเต็มความสามารถนะ”
โรเล็ตต้าได้เห็นด้วยกับความคิดของฉันและหยักหน้า ฉันได้หันไปพร้อมกับรอยยิ้ม ข้างหน้าของฉันคือบันไดก้าวขึ้นไปสู่ชั้นที่ 80 ครั้งต่อไปที่ฉันจะเจอโรเล็ตต้าก็คือหลังจากที่ฉันชนะชั้นที่ 80
“ชิน ชินจะไม่ฟังเรื่องเกี่ยวกับบอสชั้นที่ 80 หน่อยหรอ”
“ฉันพอเดาได้นะ ฉันมั่นใจมากว่าฉันไม่น่าจะคิดผิด”
เริ่มจากชั้นที่ 76 เป็นต้นไปได้มีมอนสเตอร์ประเภทอันเดตปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง พวกนั้นในครั้งนี้แข็งแกร่งกว่าตัวที่ฉันเคยเจอในชั้นล่างๆ ซอมบี้ยักษ์ กูลและแม้แต่พวกประเภทผีก็ยังสุ่มปรากฏกันออกมาตามที่ต่างๆเพื่อหลอกยฉัน นอกไปจากนี้การปรากฏตัวของพวกมมอนสเตอร์ระดับสูงก็ยังมากขึ้น
มอนสเตอร์ประเภทอันเดตพวกนี้จะต้องมีบอสของพวกมัน… และฉันก็คิดว่าฉันจะต้องเจอกับมันที่ชั้นที่ 80 แน่ๆ ฉันไม่จำเป็นต้องคิดมากเลย
จู่ๆโรเล็ตต้าก็มาคว้าฉันและถามฉันอย่างระวังด้วยใบหน้าที่แดงเล็กน้อย
“ชินต้องการพรไหม”
“ไม่ แต่ว่าแค่ให้จูบฉัน ฉันต้องการกำลังใจที่บริสุทธิ์ของโรเล็ตต้าแทนที่จะเป็นพร”
“ชิน ชินเปลื่ยนไป เดี๋ยวนี้ชินพูดอะไรน่าอายๆแบบนี้ได้ด้วย”
“ถ้าเธอไม่ชอบ ฉันจะไม่ทำ”
“ฉันไม่ได้ไม่ชอบนะ ฉันชอบ ชอบมากๆเลย”
ในท้ายที่สุดแล้วโรเล็ตต้าก็ได้ให้พรกับฉัน ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นพลังแห่งจูบหรือพลังแห่งพรแต่ว่าฉันก็สามารถจะผ่านชั้นที่ 80 ที่เต็มไปด้วยมอนสเตอร์ได้อย่างง่ายดายจนกรทั่งมาถึงประตูห้องบอสที่ดูใหญ่ผิดปกติ
“เอาล่ะมาเจอกัน…บอสประจำชั้น”
ฉันจะมั่วอะไรอยู่อีกล่ะ ฉันได้เตะประตูเข้าไปโดยไม่ลังเลและตะโกนขึ้น
“มาสู้กัน”
ในดินแดนที่มืดมนและหนาวเย็นได้มีเสียงดังออกมาจากส่วนลึกสุด
[ดี มาสู้กัน]
เขาคนนั้นได้ปรากฏตัวออกมาพร้อมกับออร่าสีดำ มือข้างหนึ่งถือดาบเอาไว้และสวมใส่เกราะสีดำสนิท ดวงตาสีแดงชาดได้มองผ่านช่องของหมวกซึ่งแสดงออกถึงความคุกคามนั้นไม่ใช่แค่เอาไว้โชว์
มอนสเตอร์อันเดตระดับสูงที่ได้ระดับความนิยมมากที่สุดอัศวินแห่งความตายปรากฏตัวแล้ว