บทที่ 273 – คาฮาร์ (7)
[หุหุ…มันก็นานแล้วนะที่ฉันไม่ได้รู้สึกเหมือนกับกำลังจะทะลุขีดจำกัด]
หลังจากที่ตระหนักได้ว่าเธอไม่จำเป็นต้องจำกัดความเร็วของเธอแล้วล็อทเต้ก็ได้พูดออกมาอย่างโล่งอก แต่ว่าฉันก็ยังเห็นหางของเธอที่ตั้งตรงจากความตรึงเครียดอีกด้วย ฉันได้ลูบหัวของเธอไป
“ขอบคุณนะ เธอเหนื่อยไหม?”
[ฮึ่ม นี้มันก็แค่เรื่องกล้วยๆสำหรับราชินีเพลิง! จริงๆแล้วฉันอยากจะขอบคุณฮีโร่จริงๆที่ทำให้ฉันได้ณู้ถึงพลังของตัวเอง]
“อ่อ ขอบคุณนะ”
[ฉันก็บอกไปแล้วไงฮีโร่ไม่จำเป็นจะต้องมาขอบคุณ]
ในทางกลับกันแล้วไวเวิร์นอีกตัวที่ล็อทเต้พามาแทบจะตายไปแล้ว ฉันได้คิดได้คิดจะปล่อยไวเวิร์นที่น่าสงสารนี่ไปให้ได้ แต่ว่าในตอนนั้นเองก็มีภาพในจินตนาการที่ล็อทเต้ปล่อยให้เอลลอสตกลงไปในระหว่างทางได้เลย
“ยังไงก็เถอะระยะของเทือกเขาเพรูต้ามันเริ่มจากตรงไหน? มันก็ผ่านมานานแล้วนะ”
มานาในรชั้นบรรยากาศที่ฉันรู้สึกได้ในตอนนี้ได้หนาแน่นมากยิ่งขึ้น นั่นมันจึงตีความได้ว่าสาเหตุของมานาในชั้นบรรยากศแปลกๆในทวีปอีเดียสอาจจะมีสาเหตุขึ้นมาจากที่นี่ นี้มันไร้สาระจริงๆเลย เทือกเขาเล็กๆนี่กลับส่งผลต่อทั้งทวีปได้เลยงั้นหรอ?
ฉันได้เริ่มมั่นใจในบางอย่าง ต้องเป็นเพรูต้า คนที่ทำมันจะต้องเป็นเพรูต้าแน่ๆ จะเป็นใครอื่นที่ทำไปได้ซะอีกล่ะนอกไปซะจากคนที่มีชื่อติดอยู่กับเทือกเขานี้ นี้มันก็ยังได้เป็นการอธิบายอีกด้วยว่าทำไมฉันถึงได้คุ้นชินกับมานานี่ มานาทั้งหมดที่ฉันฝึกขึ้นมันก็มาจากการใช้วงจรเพรูต้าทั้งนั่น
ยังไงก็ตามนอกไปจากฉันแล้วคนอื่นๆทุกคนต่างก็รู้สึกลำบากกับความหนาแน่นของมานาในเทือกเขาเพรูต้านี้
“อึก นี่มันไม่ง่ายเลยจริงๆ”
“มันดูกับมีอะไรมาทำให้ฉันหายใจไม่ออกเลย อูวว น่าทึ่งจริงๆที่มันส่งผลกับฉันมากถึงขนาดนี้”
“…ฮ่าห์”
[ฉันไม่ชอบที่นี่เลยจริงๆ]
‘เข้าใจล่ะ มันดูเหมือนว่าสภาพแวดล้อมในระยะเทือกเข้านี่มันจะทำให้เกิดอันตรายขึ้น’ ฉันเข้าใจได้เลยทันทีว่าทำไมผู้คนในทวีปถึงเรียกสถานที่นี้เป็นที่ๆอันตรายที่สุด
แน่นอนว่ามันไม่ใช่สำหรับฉัน ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะมานาของเพรูต้าหรือเหตุผลอะไรสักอย่าง แต่ว่าฉันก็ไม่รู้สึกได้ถึงผลกระทบกับตัวฉันเลย
“พลังของดันเจี้ยนกำลังถูกปิดกั้นมากยิ่งขึ้น”
“อะไรนะ?”
เอลลอสได้มองกลับมาอย่างตกใจ
“เอลลอส บางสิ่งบางอย่างที่อยู่ที่นี้อาจจะเป็นสิ่งที่อันตรายต่อนักสำรวจ”
“ไม่มีทาง… ไม่มีคนมาอยู่ที่นี่เป็นเป็นเวลานานแล้วนะ”
“นั่นมันหมายความว่าที่นี่เป็นที่ที่ดีที่สุดที่จะทำโครงการบางอย่าง”
ผู้บุกรุกมีความสามารถจะใช้เครื่องมือเวทย์ สิ่งที่จะยับยั้งพลังของดันเจี้ยนได้ก็มีแนวโนมว่าจะเป็นเครื่องมือเวทย์มากกว่าที่จะเป็นพลังของผู้บุกรุกเอง ทุกๆอย่างที่นี่ได้ชี้ให้มันเป็นแบบนี้ หากไม่ใช่แบบนั้นพลังการปิดกั้นในเทือกเขาก็คงจะไม่แข็งแกร่งแบบนี้
ในเวลาเดียวกันที่ฉันมั่นใจในคำตอบนี้ฉันก็รู้สึกไม่สบายใจ
“นายบอกว่านายรู้สึกถึงมันได้ใช่ไหม? พลังของฮีโร่นะ”
“กระดาษเวทย์นี้จะพิสูจน์ในเรื่องนั้นนี่?”
“ใช่แล้ว”
ฉันได้หยิบเอากระดาษออกมา ฉันหวังว่ามันจะไม่ใช่ที่นี่ แต่ดูเหมือนกับว่าสิ่งต่างๆมันจะไม่เป็นไปตามที่ฉันต้องการ
“ฮีโร่อาจจะอยู่ที่นี่จริงๆ…”
ถ้าแบบนี้ มีโอกาสสูงมากที่ฉัน….
“ชินถ้าสิ่งที่นายบอกเป็นเรื่องจริง…”
“ฉันจะไม่กลับไปเอลลอส ไปกันต่อเถอะ”
“โอเค”
เอลลอสได้หยักหน้าออกมา ล็อทเต้และไวเวิร์นได้บินขึ้นไปหลังจากที่พักเล็กน้อย และจู่ๆได้มีอันเดตซุ่มโจมตีเราอยู่กลางอากาศ
“อะไรกัน!?”
“กริฟฟิน พวกมันคืออันเดตกริฟฟิน”
เอลลอสได้ตะโกนออกมา ที่ฉันไม่รู้เลยเพราะอันเดตพวกนี้ต่างก็เป็นกระดูกทั้งหมด ฉันได้มองลงไปด้านล่าง อันเดตที่ทำขึ้นมาจากกระดูกก็ยังพากันมาหาพวกเขา เทือกเขานี้เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตที่เป็นอันเดตซึ่งแต่ละตัวต่างก็เต็มไปด้วยมานาที่หนาแน่น
“พวกมันถูกสร้างขึ้นเองตามธรรมชาติสามีที่รักษื พลังมานาจำนวนมหาศาลได้พาพวกมันมารวมกัน”
“พวกเราไม่จำเป็นต้องมาเสียเวลากับพวกมัน ฝ่าไปเลย”
[ก๊าซซซซซซซซซซซ]
พวกอันเดตได้ร้องออกมาและไล่หลังเรามา ฉันได้ขบริมฝีปาก นี้เป็นโอกาสดีที่ฉันจะได้แสดงพลังของฉายานักทำลายกระโหลกของฉันแล้วนะ แต่ว่าผลของฉายานี้ก็ถูกปิดกั้นเอาไว้ด้วยพลังที่น่ารังเกียจกว่าครึ่ง
ฮีโร่ได้อยู่ที่ไหนสักแห่งในเทือกเขาแห่งนี้ซึ่งเครื่องมือเวทย์ได้ชี้บอกมา ฉันอดที่จะคิดไม่ได้ว่าฉันโชคดีแค่ไหนที่ได้รับเรเดี่ยนมาจากหลินก่อนที่ฉันจะมานี่
[เจ้าพวกตายซากนี่!]
“ไปว่าคนตายมันไม่รู้อะไรหรอกนะนกโง่”
[หุบปากน่าค้างคาว กำจัดพวกมันไปซะ]
“ฮึ่ม”
ล็อทเต้ได้บ่นไฟออกมาและลิโคไรท์ก็ได้ใช้เวทย์ไฟและแสงเพื่อเผาอันเดต แม้ว่าพวกมันจะได้รับผลกระทบอย่างมากจากมานาในเทือกเขานี้เพื่อยกระดับของมันขึ้น แต่ว่าพวกมันก็ไม่ได้สร้างปัญหาอะไรมากนัก
ถึงแม้ว่าพลังของฉันในฐานะนักสำรวจจะถูกปิดกัน แต่ว่าด้วยมานาของเพรูต้าและเรเดี่ยนได้ให้การสนับสนุนฉัน ดังนั้นฉันจึงสามารถจะโจมตีพวกมันได้อย่างไม่จำเป็นต้องลังเล ฉันได้ปล่อยสายฟ้าที่เต็มไปด้วยพลังเทพสายฟ้าออกไปใส่อันเดตที่อยู่ใกล้ๆและแทงหอกเข้าใส่พวกที่เข้ามาใกล้
เอลลอสก็ยังต่อสู้กับอันเดตด้วย แต่ว่ามันก็ชัดเจนเลยว่าเขาลำบากมากแค่ไหนกับการถูกปิดกั้นพลังเอาไว้ แต่แม้อย่างนั่นดวงตาของเขาก็ลุกโชนไปด้วยไฟแห่งการต่อสู้
“คนอย่างฉันจะไม่แพ้…เจ้าพวกนี้!”
“เยี่ยมเอลลอส”
ฉันได้ตอบกลับไปอย่างใจเย็นและแทงหอกออกไป คลื่นกระแทกได้ถูกยิงออกไประเบิดใส่พวกอันเดต ในตอนนั้นล็อทเต้ก็ยังคำรามขึ้นเพื่อปล่อยลมหายใจเพลิงออกมาเปิดเส้นทางข้างหน้าให้กับเรา
[ฉันจะฝ่าไปละนะ]
“ไปเลยล็อทเต้”
[พวกแกไสหัวออกไปให้หมด]
ล็อทเต้ได้คำรามขึ้นและพุ่งอกไป ในตอนที่ฉันมองไปรอบๆหลังจากฝ่าวงล้อมมาแล้วฉันก็รู้สึกได้ถึงอันเดตที่อยู่ในเทือกเขานี้วิ่งเข้ามาหาพวกเขาอยู่ ยังไงก็ตามพวกมันไม่ได้อยู่ในสายตาฉันเลย
พื้นดินได้สั่นสะเทือนและปล่องภูเขาไฟที่อยู่ไกลออกไปก็เริ่มค่อยๆปล่อยควันออกมา ฉันได้จับกระดาษเอาไว้อย่างหงุดหงิด อนุภาคแสงที่ส่องอยู่ได้ลอยขึ้นและสร้างลูกศรออกมา มันชัดเจนเลยว่ามันจะต้องชี้ไปทางไหน เขากำลังรอเราอยู่ที่นั่น
“ไปกันเถอะ เป้าหมายของเขาคือภูเขาไฟนั่น”
ฉันจำไม่ได้แล้วว่ามีอันเดตมากแค่ไหนมาขวางทางของเรา แต่ว่าฉันรู้ว่าเราได้บดขยี้อันเดตไปนับไม่ถ้วนแล้วในระหว่างทางของเรา ในตอนที่ฉันได้มาอยู่ข้างหน้าทางเข้าถ้ำข้างๆภูเขาไฟ ตัวของฉันก็ได้เต็มไปด้วยเศษกระดูกแล้ว ฉันได้ขอให้ริยูจัดการทำความสะอาดฉันทันที
“เข้าไปกันเถอะ”
“ปะ”
เอลลอสได้หยักหน้าขึ้นมาอย่างเคร่งขรึม พวกเราได้เดินเข้าไปในถ้ำพร้อมๆกัน ล็อทเต้ก็ได้กลายร่างมาเป็นมนุษย์และยืนอยู่ข้างๆฉันในขณะที่ไวเวิร์นที่น่าสงสารถูกผูกติดเอาไว้กับหน้าถ้ำในที่ๆศัตรูเข้ามาไม่ถึง อย่างน้อยที่สุดแล้วไวเวิร์นตัวนั่นก็น่าจะปลอดภัย
“ฮีโร่คงจะไม่ได้ซ่อนอยู่ที่นี่อย่างตั้งใจแน่”
ฉันได้พูดขึ้นในขณะที่เดินเข้าไปในถ้ำ เอลลอสได้ผงะไปและหยักหน้า
“ถ้าหากที่นี่มีอุปกรณ์ที่ปิดกั้นพลังของดันเจี้ยนจริงๆ ผู้บุกรุกจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องแน่ๆ”
“นั่นมันหมายความว่ามีบางอย่างที่สำคัญกับพวกนั้นมากยิ่งกว่าการฆ่าฮีโร่”
“ชินนายคิดอะไรสักอย่างอยู่สินะ?”
ฉันไม่ได้พูดอะไร ฉันไม่รู้ว่าฉันจะพูดอะไร ในท้ายที่สุดแล้วฉันก็แค่จ้องไปที่กระดาษภายในมือ
“มันอาจจะไม่มีอะไรมาก…”
ฉันได้ส่งกระดาษไปให้ลิโคไรท์และถามขึ้นมา
“ลิโคไรท์เจ้าสิ่งนี้ชี้ไปที่พลังของฮีโร่งั้นหรอ? หรือว่ามันจะชี้ไปที่ลักษณะพิเศษในมานาของเขา”
“สามีที่รักถ้าหากว่ามันชี้ไปที่พลังของฮีโร่ถ้างั้นมันก็น่าจะตอบสนองกับพลังของสามีที่รักด้วย”
ลิโคไรท์ได้ตอบกลับมาโดยที่ไม่ลังเล อย่างที่ฉันได้ิคดเอาไว้เลย ฉันได้หยักหน้าและก้าวเท้าไปต่อ เอลลอสได้มองมาที่ฉันอย่างสงสัยในคำถามที่ฉันหมายถึง
“ชิน….?”
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันก็แค่อยากรู้”
“….”
พวกเราได้เดินไปด้านหน้า มันดูเหมือนจะเป็นเพราะว่าเราได้เข้าใกล้ศูนย์กลางของภูเขาไฟแล้วทำให้ความร้อนมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าความร้อนจะไม่ได้มีผลกับฉันก็ตาม แต่กับคนอื่นแล้วไม่ใช่ ลิโคไรท์ได้เช็ดเหงื่อจากหน้าผากของเธอและบ่นออกมา
“ความร้อนนี้มันทำให้ฉันเหงื่อตก….”
“มันอาจจะเป็นเพราะว่ามีมานาถูกบีบอัดอยู่ที่นี่ มานี่สิ”
ฉันได้ยืมพลังของริยูเพื่อสร้างความเย็นขึ้นในมือของฉันและเช็ดเหงื่อให้กับลิโคไรท์ ลิโคไรท์ได้หน้าแดงขึ้นและไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี แม้ว่าเธอจะเป็นราชินีซัคคิวบัส แต่เธอก็ไม่เคยมีประสบการณ์จริงๆมาก่อนเลย เพราะแบบนี้เธอจริงอ่อนแอเมื่อฉันใกล้ชิดกับเธอ
“อะ อะ อะไรนะสามีที่รัก? ทำไมถึงเซอร์วิสให้กับฉันแบบนี้?”
“ฉันเป็นคนพาเธอมาที่นี่เองดังนั้นฉันเลยรู้สึกผิด ริยูช่วยทำให้คนอื่นๆเย็นด้วยสิ”
[อื้อ]
มานาของริยูได้ไปคลุมคนอื่นๆในทันที ฉันได้ลูบหัวลิโคไรท์และไปกระซิบข้างหูเธอ
“…เข้าใจนะ?”
“อื้อ”
เธอได้อายขึ้นมาอีกครั้งแะหยักหน้าขึ้นอีกที ฉันได้ยิ้มขึ้นและเดินต่อไปข้างหน้า
นอกจากความร้อนที่มากขึ้นแล้ว ความหนาแน่นของมานารอบๆก็ยังมากขึ้นเช่นกัน พลังปิดกั้นพลังของดันเจี้ยนก็ยังถูกปิดกั้นเช่นกัน พวกเราได้เข้าใก้ลเป้าหมายแล้ว บางอย่างจะปรากฏขึ้นมาในอีกไม่ช้า ฉันได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามันถูกต้องเมื่อเราเดินไปไม่นานก็ได้เจอกับคนเข้า
“มีมนุษย์มาที่นี่จริงๆ”
“หุหุ ดูสิ ฮีโร่…. อึก!?”
ฉันได้พุ่งออกไปหาพวกมันและเหวี่ยงหอกไปทันที หอกของฉันได้ฟาดออกไปอย่างรวดเร็วและเต็มไปด้วยพลังในร่างของฉันมันจึงสามารถจะตัดชุดพาวเวอร์สูทและกุดหัวของพวกมันได้อย่างง่ายดาย ความเร็วของฉันในตอนนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าตอนที่ใช้ความเร็วศักสิทธิ์เลยแต่ยีงไงก็ตามความเร็วศักดิ์สิทธิ์กับนับเป็นพลังของดันเจี้ยน การใช้มันในที่แห่งนี้ก็จะลดพลังของมันไปถึงครึ่งหนึ่งดังนั้นฉันจึงไม่ได้ใช้มันออกมา
แน่นอนว่าฉันก็ยังเร็วมาก ในช่วงหลาปีมานี้ฉันได้ปีนดันเจี้ยนและต่อสู้กับศัตรูของฉันมานับไม่ถ้วน ฉันได้เรียนรู้ถึงวิธีการควบคุมมานาเพื่อใช้ความเร็วศักดิ์สิทธิ์และมานาโดยธรรมชาติเอง ในเมื่อฉันรู้แล้วว่ามานาจะต้องขยับไปยังไงนั่นก็หมายความว่าฉันสามารถจะเลียนแบบมันได้ ในตอนนี้ฉันไม่จำเป็นต้องเปิดใช้งานทักษะแล้ว
แต่นี่ก็ยังเป็นครั้งแรกที่ฉันได้ใช้มัน และสัญชาตญาณของฉันมันก็ถูกต้อง ในความเป็นจริงแล้วฉันได้เรียนรู้อะไรมามากมายจากความรู้สึกของมานาที่ไหลอยู่ในร่างกายของฉัน แม้ว่าความเร็วที่ฉันใช้ในตอนนี้มันจะยังเทียบไม่ได้กับความเร็วศักดิ์สิทธิ์อย่างเต็มที่แต่เมื่อฉันใช้มันจนชินและปรับพัฒนามันฉันรู้สึกได้ว่ามันสามารถจะก้าวข้ามความเร็วศักดิ์์สิทธิ์ไปได้
“เจ้า….”
ก่อนที่มันจะได้พูดจนจบประโยคฉันก็ได้ตัดหัวของมันออกไปแล้ว การโจมตีอย่างสายฟ้าแลบของฉันได้ตัดทั้งชุดพาวเวอร์สูทและจบชีวิตของมันไปในทันที ฉันได้เช็ดคราบเลือกออกไปจากหอกทันที
“ไปกันเถอะ พวกมันที่มากกว่านี้อาจจะรอเราอยู่ข้างใน”
“ชิน นาย…”
“เอลลอส ไปกันเถอะน่า”
ฉันได้พูดต่อไปอย่างไม่ลังเล ตามที่ฉันได้คิดเอาไว้เลยพวกผู้บุกรุกจำนวนมากกำลังรอคอยเราอยู่ด้านใน พวกมันทั้งหมดต่างก็แข็งแกร่ง หากวัดจากมาตราฐานของดันเจี้ยนแล้วล่ะก็พวกมันทั้งหมดต่างก็เหนือกว่าชั้นที่ 75 ไปแล้ว
“ทำไมพวกมันถึงไม่ได้รับผลกระทบเลยล่ะ?”
“ใครสนล่ะ? แค่อัดพวกมันแล้วค่อยถามเอาทีหลัง!”
ฉันในปัจจุบันอ่อนแอกว่าพวกมัน หากฉันไม่มีเรเดี่ยนแล้วล่ะก็ฉันอาจจะต้องบาดเจ็บหนักไปแล้วก็ได้ ยังไงก็ตามประสบการณ์การต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งจำนวนหลายปีก่อนหน้านี้มันให้ทุกๆครั้งที่ฉันสู้ ฉันจะรู้สึกได้ถึงการทะลวงไปสู่ขีดจำกัดใหม่ๆ
ดังนั้นทำไมฉันจะต้องกล้วด้วยล่ะ
“อึก ฮีโร่เร็วไปแล้ว”
ฉันได้ปลุกพลังไต้ฝุ่นคลั่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีด้วยเวทย์หรือกายภาพก็ตาม การโจมตีของพวกมันจะต้องโดนฉันเท่านั้นถึงจะได้ผล ไต้ฝุ่นคลั่งได้ปัดการโจมตีของพวกมันออกไปจากวิธีทางฉันและแม้ว่าพวกมันจะโจมตีฉันโดนแต่มันก็เป็นแค่การสะกิดเท่านั้น ในขณะเดียวกันฉันก็ยังแทงหอกออกไปอย่างต่อเนื่องด้วยการเลียนแบบความเร็วศักดิ์สิทธิ์ไปด้วย ด้วยเทคนิคหอกของฉันในตอนนี้การโจมตีของฉันได้เข้าไปในมุมที่ยากจะหลบบวกเข้ากับความเร็วนี้ทำให้เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกมันจะหลบพ้น
“เจ้าจะไม่ได้แตะต้องฮีโร่ของข้า”
“อ๊า เจ้าพวกน่าลำคาญ ทำไมพวกนายถึงใส่เสื้อน่ารังเกียจแบบนี้เต็มไปหมดเลย!”
ในทางกลับกันล็อทเต้กับลิโคไรท์ก็ไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากการกดขี่จากมานาของพวกนั้น เนื่องจากว่าศัตรูก็ยังได้รับผลจากเอกลักษณ์เฉพาะของเทือกเขานี้เหมือนกันทำให้พวกมันไม่สามารถจะหลบได้ง่ายๆ ไม่นานนักพวกผู้บุกรุกจำนวนมากก็ตายไปและในที่สุดพวกมันก็ถอยกลับ
“พวกเราสู้ไม่ได้”
“พวกเราแข็งแกร่งไม่พอ”
“พวกมันกำลังจะเข้าไปข้างใน”
พวกนั้นพูดถูก ไม่ว่าจะมีศัตรูมากแค่ไหนรอฉันอยู่ ฉันก็จะต้องเข้าไปข้างในนั่นแม้ว่าฉันจะรู้ว่ามีอะไรรออยู่ก็ตาม
“ทุกคนไปกันเถอะ”
“ชิน ได้ยังไง!? ไม่สิ ทำไมล่ะ!?”
“ไม่ใช่ว่านายก็น่าจะรู้ในคำตอบโดยที่ไม่ต้องถามฉันอยู่แล้วหรอ?”
เอลลอสได้เงียบลงไป
แม้ว่าเราจะกลับไปตอนนี้พวกเราก็ไม่ได้อะไรอยู่ดี สิ่งที่ฉันต้องการ สิ่งที่ศัตรูที่รอฉันอยู่ข้างในต้องการ และสิ่งที่เอลลอสต้องการ พวกเราจะต้องตัดสินใจมันในตอนนี้ พวกเขาจะเดินต่อ อีกไม่นานเส้นทางก็จะไปถึงจุดสิ้นสุดแล้วและพื้นที่โล่งใหญ่ก็โผล่ขึ้้นมา พวกคิดจากความร้อนแล้วพวกเราก็น่าจะอยู่ใกล้เคียงกับปล่องภูเขาไฟแล้ว ไม่สิ ที่นี่แหละคือปล่องภูเขาใจ ฉันสามารถจะมองเห็นท้องฟ้าได้จากรูขนาดใหญ่บนเพดาน
นอกไปจากนี้
“ฉันกำลังรอคุณอยู่เลยฮีโร่ของโลก”
ชายคนหนึ่งได้ยืนอยู่ตรงกลางนั้น เขาเป็นชายวัยกลางคนที่สววมชุดพาวเวอร์สูทสีดำที่ดูบางเฉียบแตกต่างไปจากพวกผู้บุกรุกคนอื่นๆ พลังที่น่ากลัวได้ถูกเขาปล่อยออกมาทำให้ฉันรู้สึกสงสัยว่าฉันจะเอาชนะได้หรือไม่ต่อให้ฉันได้พลังของดันเจี้ยนกลับมาทั้งหมดก้ตาม
“โอ้ ยังเด็กและหล่อเหลา คุณมีทั้งสองสิ่งนี้เลย ฉัน ฉัน ฉัน ฉันค่อนข้างมีความสุขเลยทีเดียว”
เขาได้มองมาที่พรรคพวกของฉันและยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจ ด้านหลังของเขาฉันยังเห็นคริสตัลขนาดยักษ์ที่ปล่อยแสงลึกลับและน่ากลัวออกมาด้วย ใกล้ๆกันนั้นก็มีฮีโร่ที่เรากำลังหาอยู่
แต่ว่ามีเพียงแค่หัวของเขาเท่านั้น
“เซอร์คาซิน่าทำได้ดีมาก คุณทำได้ประสบความสำเร็จจริงๆ”
“มันประสบความสำเร็จแล้ว”
เอลลอสได้ตอบกลับมาอย่างใจเย็น ฉันได้ตะโกนขึ้นทันที
“ริยู!”