บทที่ 279 – ฤดูที่สาม (4)
การฝึกของเร็นกับพอลเป็นสิ่งสำคัญ แต่ว่าสมาชิกรีไวเวิร์ลคนอื่นๆก็สำคัญเหมือนกัน บางคนได้ชะลอความเร็วในดันเจี้ยนและพวกเขาก็ยังต้องเตรียมบางอย่างเอาไว้เผื่อในกรณีที่พวกเราเสียพลังของดันเจี้ยนอีกด้วย
หลังจากคิดมาเป็นเวลานานฉันก็ตัดสินใจได้ว่าฉันจะสอนวงจรเพรูต้าให้กับพวกเขา
“วงจรเพรูต้า… วังวนมานาที่นายใช้น่ะหรอ?”
“เธอรู้วิธีบ่มเพาะมานาอยู่แล้วดังนั้นมันก็ไม่น่าจะจำเป็นสำหรับเธอหรอกเลอบิค”
“ไม่ ฉันอยากจะเรียนมัน ให้ฉันเรียนมันด้วย!”
“มันไม่เป็นไรหรอกน่า ก็แค่ตั้งใจกับสิ่งที่มีอยู่แล้ว”
ฉันไม่ควรจะพูดแบบนี้ในฐานะคนที่เชี่ยวชาญวงจรเพรูต้าในอายุเพียงแค่ 22 ปี แต่ว่ามันจะต้องใช้เวลานานมากในการเรียนเพรูต้า หากไม่มีคำแนะนำจากตัวเพรูต้าอย่างต่อเนื้องแล้วล่ะก็ ด้วยพรสวรรค์ของฉันแล้วฉันอาจจะต้องใช้เวลามากกว่านี้ถึงสองสามเท่า
สำหรับพวกคนที่มีเทคนิคการหายใจมานาและการบ่มเพาะมานาที่ยอดเยี่มแล้วล่ะก็ การจะเรียนวงจรเพรูต้าอาจจะให้ผลร้ายมากกว่าดี
“ดังนั้นนี่คือรายชื่อของคนที่จะเรียนรู้วงจรเพรูต้าจากฉัน”
ฮวาหยา คังยงอู ชูน่า อิลลิน่า คังยุย สุมิเระ วอร์คเกอร์ โซฟี แรส อิเลด้า และเคียร่า
ในตอนที่เยอึนได้เห็นรายชื่อพวกนี้เธอได้บ่นขึ้นมาทันที
“เอ๋ ไม่มีฉันนี่”
“เธอได้เรียนจากดูก้าแล้วนี่”
“แต่ว่าในนี้มีคู่แข่งถึง 7 คน ฉันไม่สามารถถูกแยกไปคนเดียว….”
“เดี๋ยวนะ เจ้ดคน? เธอนับรวมใครไปบ้างเนี้ย!”
“โอ๊ยยยย!”
ในตอนที่ฉันจัดการลงโทษเยอึน ลีออนก็ได้ยกมือขึ้นมาอย่างสงสัย
“เพื่อน ทำไมฉันเรียนสิ่งนั้นไม่ได้ล่ะ? หรือว่ามันมีเหตุผลพิเศษที่ฉันถูกยกเว้นนะ?”
“ใช่แล้วล่ะลีออน นายจะต้องเรียนบางอย่างจากอีกคนนะ”
ฉันได้ยิ้มขึ้นอย่างซุกซน
“มีสุภาพบุรุษคนหนึ่งที่เหมาะกับนายมาก”
“มีคนแบบนั้นด้วย!? ทำไมไม่บอกฉันก่อนล่ะ!? ฮ่าฮ่าฮ่า!”
“ก็เพราะว่านายจำเป็นจะต้องการมาเป็นนักสำรวจดันเจี้ยนที่หนึ่งก่อนไงล่ะ”
“อ่า เข้าใจแล้ว! ฉันก็เพียงจะกลายเป็นนักสำรวจดันเจี้ยนที่หนึ่งเมื่อสัปดาห์ก่อนเอง!”
เขาเร็วจริงๆเลย การที่เขาจะกลายมาเป็นนักสำรวจในดันเจี้ยนที่หนึ่งนั่นหมายความว่าเขาได้ผ่านชั้นที่ 80 ของดันเจี้ยนที่สอง ฉันได้ยิ้มออกมาและบอกให้ลีออนรอ พ่อก็ยังถามฉันออกมา
“ไม่ใช่ว่าแกบอกว่าแกสอนคนอื่นไม่ได้ไม่ใช่หรอ?”
“ผมบอกงั้นแหละ แต่ว่าตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว ผมเชี่ยวชาญมันจนพอที่จะไปสอนคนอื่นๆเลย นั่นเป็นเหตุผลที่ผมยินดีจะสอนคนอื่นไง”
“นั่นก็เยี่ยมไปเลยนี่ แต่ว่าพ่อไม่อยากจะเรียนมัน พ่ออยากจะทำลายขีดจำกัดด้วยตัวเอง”
“ผมก็คิดไว้อยู่แล้วว่าพ่อจะพูดแบบนี้”
ฉันได้ลบชื่อของพ่อออกไปในทันที ในตอนนั้นเองฉันก็มองไปหามิเชลเพื่อที่จะยืนยัน เขาก็ยิ้มออกมา
“ฉันยินดีที่จะถูกสอน ถ้าฉันทำได้ไม่ดีก็เชิญลงโทษฉันได้เลย”
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้หรอกน่ามิเชล”
มิเชลเป็นพูดออกมากึ่งจริงจังกึ่งล้อเล่น แต่ไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่ได้จะยอมผ่อนปรนให้เขาเนื่องจากว่าเขาแก่กว่าฉันอยู่แล้วฉันจะต้องสอนเข้าอย่างเข้มงวด มันเป็นไปได้ด้วยอีกว่าอาจจะมีคนมากเข้าไปร่วมขั้นตอนการทุบตีของเร็นกับพอล
“มันจะไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณชิน? คุณยุ่งมากอยู่แล้วนะคะ”
สุมิเระรู้ว่าฉันยังไม่ได้เชี่ยวชาญในทักษะที่ฉันแสดงให้เธอเห็นก่อนหน้านี้ ท่าทางของเธอได้กังวลอย่างสมบูรณ์ ฉันได้ตอบกลับไปอย่างมั่นใจและลูบหัวเธอทันที
“มันไม่เป็นไรหรอกน่า อย่างที่เธอก็น่าจะรู้ฉันสามารถจะพัฒนาขึ้นไปในตอนที่สอนเธอได้ด้ววยเหมือนกัน ฉันมั่นใจว่าฉันจะต้องได้เรียนรู้อะไรบางอย่างในขณะที่สอนวงจรเพรูต้าให้กับคนอื่่นๆแน่นอน”
นอกจากนี้ในตอนที่เผ่าพันธ์ปีศาจได้พิชิตโอเชียเนียไป ฉันก็ตระหนักได้ว่าฉันไม่สามารถจะเป็นคนเดียวที่พัฒนาไปได้ ในตอนแรกที่ฉันสร้างรีไวเวิร์ลขึ้นสิ่งแรกที่ฉันคิดไว้เลยก็คือกลุ่มระดับสูงที่เหนือกว่าศัตรูใดๆก็ตาม ในตอนนี้มันถึงเวลาแล้วที่ทุกๆคนจะต้องแข็งแกร่งขึ้น
“ฉันจำเป็นจะต้องกรุยเส้นทางมานาวงจรเพรูต้าไว้ ฉันจะต้องทำแบบนั้นทีละคน ฉันไม่สามารถจะสอนแบบทีละคนได้เหมือนกันแต่ว่าฉันจะมาตรวจสอบและให้คำแนะนำเป็นระยะๆนะ ฉันจะทำให้สุดความสามารถเพื่อที่จะทำให้ทุกคนสามารถจำชำนาญวงจรเพรูต้าได้ในหนึ่งวัน”
“ขอบคุณพระเจ้าที่ฉันไม่ได้อยู่ในลิทต์นั้น…”
“แค่คิดมันก็ทำให้ฉันสั่นแล้ว เจ้าชายจะพยายามให้ดีที่สุด…!”
เร็นกับพอลได้กอดกันเองและตัวสั่น ฉันได้ส่งเสียงหึขึ้นและสาบานว่าจะพยายามฝึกพวกเขาด้วยเช่นกัน
หลังจากบอกแผนงานไปและทุกคนก็ยอมรับกันแล้ว ฉันได้ัดหมายคนที่จะเรียนวงจรเพรูต้าต่อ จากนั้นก็พาลีออนไปสวนแฟรี่
[คุณเจ้าชายมาแล้ว]
[นั่นมันคุณเจ้าชายนี่!]
[อ่า เขาพาคนอื่นมาด้วยล่ะ]
[ฉันไม่เคยเห็นเขามาก่อนเลยนะ!]
“โอ้ววว ที่นี่มันน่าทึ่งจริงๆ งดงามมาก!”
ในทันทีที่เราได้มาถึงสวนแฟรี่เหล่าภูติธาตุที่อยู่ใกล้ๆก็เข้ามาทักทายเราแล้ว แม้ว่าลีออนจะเห็นพวกเขาไม่ได้แต่เขาก็ยังสามารถจะตรวจจับแสงเวทย์ที่เปล่งออกมาได้อยู่ แสงหลากสีนี้ได้ถูกสร้างขึ้นมาจากภูติธาตุทำให้ลีออนอุทานออกมาอย่างตกใจ สำหรับฉันแล้วเขาดูเหมือนพวกบ้านนอกเข้าเมืองมาก
“เพื่อน ถ้ามันมีสถานที่สวยๆแบบนี้นายควรจะพาฉันมาตั้งนานแล้ว!”
“มันไม่ใช่ว่าใครก็เข้ามาที่นี่ได้ ฉันต้องได้รับอนุญาติก่อนเหมือนกัน”
“ฉันสัมผัสได้ ฉันสัมผัสมันด้วยนะ นี้มันเหมือนกับในตอนแรกที่ฉันรู้สึกถึงมานาเลย!”
“ยังไงก็เถอะน่า ตามฉันมาได้แล้ว”
ลีออนไม่สามารถจะละสายตาไปจากภูติธาตุได้เลยทำให้ฉันต้องลากเขามาที่ทำงานของหลินแทน ในตอนที่พวกเขาใกล้จะมาถึงแล้วเสียงค้อนก็ดังออกมา
“โอ้? วันนี้เขาก็ยังทำงานหรอ?”
สำหรับคนแบบหลินที่เกลียดการทำงานกำลังทำงานอยู่นี่มันแปลกจริงๆ ฉันได้เอียงหัวและเตะประตูเข้าไป หลินได้ตะโกนออกมาราวกับรู้ว่าเรามาหา เขายังคงถือค้อนเอาไว้ภายในมือ
“อ๊าา รออีกเดี๋ยว”
หลินกำลังตีโลหะทรงกระบอกขนาดเล็กอยู่ ฉันรู้ได้ในทันทีเลยว่ามันคืออะไร
“หลินนายดกำลังทำปีนให้ลีออนหรอ?”
ฉันไม่ได้ขอให้เขาทำเลย เขาได้ทำมันด้วยความตั้งใจของตัวเอง หลินได้เริ่มทุบลงไปอีกครั้งในขณะที่มองมาทางเรา
“นั่นเขาหรอ?”
“ว่าไงสหาย! ยินดีที่ได้รู้จักนะฉันลีอน เป็ปเปอร์! นั่นคือคุณสุภาพบุรุษสินะ”
“รอเดี๋ยวนะ ฉันใกล้จะทำเสร็จแล้ว”
หลินดูจะชอบกับคำชมของลีออนทำให้เขายิ้มออกมาและหันกลับไปทำงาน ในขณะเดียวกันลีออนก็มองไปรอบๆที่ทำงานและพูดออกมารัวๆ ถ้าฉันใช้ชีวิตแบบนี้อ่อน ชีวิตของฉันจะต้องเต็มไปด้วยความสุขแน่ ฉันได้มองไปที่เขาอย่างไร้จุดหมายในขณะที่คิดบางอย่าง
“ฟู่…. โอเคล่ะ”
หลินได้ผลงานที่น่าพอใจหรอ? เขาได้หยิบโลหะทรงกระบอกขึ้นมาและหยักหน้าอย่างพอใจ จากนั้นเขาก็หันมาทางเรา
“ลีออน เป็ปเปอร์ใช่ปะ?”
“ใช่แล้ว ให้ฉันเรียกนายว่าไงอะ?”
“หลิน”
“หลิน! ชื่อนี้เท่ดีนะ!”
หลินได้ยิ้มขึ้นและหยิบเอาบุหรี่ออกมาก่อนจะทำท่ามอบให้ลีออน ลีออนได้หยักหน้าในทันทีและรับเอาบุหรี่ที่หลินโยนมาให้
“ฉันไม่ได้ให้บุหรี่ของฉันกับใครบ่อยหรอกนะ คิดซะว่ามันเป็นเกียรติละกัน”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันจะจำมันไว้”
ในตอนที่หลินพยายามจะจุดไฟ หลินก็ยิ้มขึ้นและจุดบุหรี่ที่อยู่บนปากของเขาโดยไม่ขยับนิ้ว เมื่อลีออนได้เห็นแบบนี้เขาก็ยังเอาบุหรี่
เข้าไปในปากด้วยและก็ตามที่คาดไฟมันได้ลุกขึ้น ลีออนได้เบิกตากว้างและพึมพัมออกมา
“ฉันอิจฉาพลังนี้จริงๆ….”
“นายอิจฉาเรื่องจุดไฟบุหรี่เนี่ยนะ?”
“เขาไม่เหมือนนายจริงๆคังชิน เขารู้ว่าอะไรมันดี โอ้ มาให้ฉันดูหน่อยสิ”
หลินได้เอื้อมมือไปหาลีออน ลีออนได้เอียงหัวและจับมือของหลินเอาไว้ จากนั้นหลินก็วางนิ้วชี้และนิ้วกลางของเขาไว้บนหลังมือของลีออนและหลับตาลง
“…คังชินพูดถูก นายเหมือนฉันจริงๆ”
หลังจากนั้นหลินก็ได้พึมพัมเงียบๆพร้อมกับเปิดตาขึ้นมา ท่าทางที่สนใจของเขาได้แสดงออกมาอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน
“แต่ว่าโลกของพวกนายมันอะไรกัน? มีคนแบบคังชิน แล้วก็ยังมีคนที่มีพลังเหมือนๆกับฉันด้วย น่าสนใจ น่าสนใจจริงๆ”
“แล้วเป็นไรมั้งล่ะ?”
หลินดูเหมือนจะลังเลอยู่สักหนิด ในตอนที่ลีออนยิ้มออกมา หลินก็หยักไหล่
“เยี่ยม ฉันสามารถจะใช้เขามาเพื่อที่จะป้องกันผู้หญิงมากวนฉันได้”
“นั่นมันไม่ใช่เหตุผลที่น่าพอใจเลยนะ”
“ตอนนี้นายอยู่ชั้นที่เท่าไหร่?”
ลีออนตอบกลับไปทันที
“ฉันเพิ่งจะมาดันเจี้ยนที่หนึ่งสัปดาห์นี้เอง! ตอนนี้ฉันอยู่ชั้นที่ 54 แล้ว!”
“นายมาจากดันเจี้ยนที่สองงั้นหรอ? ถ้านายปีนดันเจี้ยนสามชั้นในสัปดาห์หนึ่ง นายก็ไม่ได้แย่เลย… เยี่ยม นายอยากจะเรียนรู้อะไรจากฉันล่ะ?”
“ฉันยินดีที่จะเรียนเสมอเพื่อน! การเรียนรู้คือสิ่งที่ทำให้คนเป็นมนุษย์”
“ฉันไปเป็นเพื่อนของนายได้ยังไงกันนะ? อ่า ชั่งเถอะ ฉันยังไม่ได้บอกนายเลยว่าฉนจะสอนอะไร”
หลินได้พ่นควันบุหรี่ออกมาก่อนจะโยนบุหรี่ขึ้นบนฟ้อง จากนั้นเขาก็หยิบเอาปืนพกออกมาและยิงบุหรี่ทิ้ง
ได้เกิดการระเบิดขึ้น
“พวกเราอยู่ในสวนแฟรี่นะหลิน!”
“ไม่ต้องห่วงฉันสร้างมันมาทน”
หลินได้ตอบกลับอย่างเฉื่อยชาและเก็บปีนพกลงไปแต่ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าฉันเห็นโรเล็ตต้าที่กำลังโกรธวิ่งมา ในทางกลับกันแล้วลีออนได้โพ่งขึ้นมา
“พลังของนายเหมือนกับฉันจริงๆด้วย! ไม่สิ่ง มันน่าทึ่งยิ่งกว่าของฉันซะอีก”
“ฮึ่ม อย่างน้อยนายก็ตาถึงนะ ฉันจะขอพูดก่อนเลยนะ ฉันเกลียดคนที่ไร้พรสวรรค์และคนที่ไม่มีจรรยาบรรการทำงาน ที่ฉันสอนนายเพราะ
ว่าคังชินแนะนำนายมากแต่ว่าถ้าฉันไม่ชอบนาย นายก็จะต้องไป ถ้านายโอเคแล้วล่ะก็ฉันก็จะให้ความช่วยเหลือเอง”
เขาได้จ้องมาที่ลีออน
“นายอยากจะไปไหม?”
ลีออนได้มองหน้าหลินตรงๆและยิ้มออกมา ใบหน้าของเขาได้เต็มไปด้วยความมั่นใจ
“ฝากตัวด้วยนะเพื่อน พวกเราคงจะต้องอยู่ด้วยกันอีกนานแล้วล่ะ”
หลินกับลีออนดูจะมีบางอย่างคล้ายๆกัน มันเป็นเพราะพวกเขาสูบบุหรี่รึเปล่านะ? ฉันได้เอียงหัวแต่ว่าถ้าหากว่าบุคลิกของพวกเขาเข้ากันได้ก็ดีแล้ว ฉันได้หยักหน้าและพูดกับหลิน
“หลินมีบางอย่างที่ฉันอยากจะขอนายด้วย”
หลินได้มองมาอย่างตะลึก
“ฉันติดหนี้อะไรนายงั้นหรอ? นายกล้ามาขอฉันแบบนี้ได้ยังไง?”
“เครื่องประตดับของฉันพังหมดเลย นะหลิน นายเป็นแค่คนๆเดียว ไม่สิ ครึ่งมังกรคนเดียวที่ฉันเชื่อใจ”
“นั่นมันเป็นเพราะว่าฉันเป็นครึ่งมังนายนายก็รู้… นะ นี้มันอะไร!? ของพวกนี้มันไม่เหลือแม้แต่สภาพเดิมเลยนะ!”
ถึงแม้ว่าเขาจะบ่นออกมาติดๆแต่หลินก็รับเอาเครื่องประดับไป หลังจากที่เขาได้ตรวจสอบของแต่ละชิ้นเขาก็ร้องออกมา เขานี้เป็นช่างฝีมือจริงๆ!
“จริงดิ!? ฉันไม่น่าจะยอมรับความช่วยเหลือจากเจ้านี้เลย… อึก กลับมาในสัปดาห์หน้าละกัน”
“ขอบคุณนะหลิน”
“ไสหัวไป!”
หลินนี่ใจดีจริงๆด้วย! ฉันได้ยกนิ้วให้กับเขาในขณะที่ลีออนที่ยืนอยู่ข้างๆเขาเบิกตากว้าง
เพราะแบบนี้ฉันก็พาลีออนมาฝึกกับหลินเรียบร้อยแล้ว