บทที่ 28 – ฉันได้ยินเสียงของคุณ (5)
ท้องฟ้าที่ถูกย้อมไปด้วยสีดำ ภายใต้ท้องฟ้าเทียมนี้ไม่ได้มีแม้กระทั่งแสงที่ส่องผ่านมา ดันเจี้ยนนี้มันเหมือนกับจะกลืนทุกๆคนเข้าไป เปิดมาของมันราวกับจะแสวงหาเหยื่อให้มากยิ่งขึ้น จากนั้นเสียงของคนตายและกลิ่นคาวเลือดก็หลั่งไหลออกมา
[ไอ้ลูกชาย แกพร้อมยัง?]
พ่อมองกลับมาหาฉันในขณะที่ถือหอกยาวกว่า 3 เมตร พ่อเป็นฮีโร่ผู้มีประสบการณ์ เป็นฮีโร่ของมวลมนุษย์ ไม่ใช่แค่เขา แต่ทุกๆคนที่ได้มารวมตัวกันเพื่อเคลียร์ดันเจี้ยนก็เป็นเหมือนกัน
[พร้อมแล้ว]
ฉันได้ตอบกลับเขาไปเบาๆ ขณะที่ตรวจสอบอุปกรณ์ก่อนที่จะเข้าไปในดันเจี้ยน เกราะมันทำมาจากโลหะห้าสี ถุงมือก็จะมีออร่าแปลกๆจากนอกโลก และรองเท้าก็จะไม่เป็นอะไรแม้จะเดินในลาวา สุดท้ายนี้ในมือของฉันเป็นหอกสีขาวบริสุทธิ์ที่ปฏิเสธความมืดทั้งหมด
ในที่สุดแล้ว
[ชาระนะ ริยู ไพก้า ดอร์ตู]
[ฉันพร้อมแล้ว]
[อะไรล่ะ! ฉันพร้อมที่จะเข้าไปนานแล้ว ฉันพร้อมที่จะอาละวาดแล้ว]
[ไปกันได้แล้ว จากนั้นพวกเราก็สามารถจะเล่นได้]
[ฉันดอร์ตู ฉันจะทำตามคำสั่งของนายท่าน]
ด้วยพวกเขาเคียงข้างฉัน ฉันจะไม่หวาดกลัวอะไรหรือใครที่ฉันจะสู้ด้วย ฉันได้ให้รอยยิ้มแก่พวกสาวๆ และพวกเธอก็จะยิ้มกลับมา ฉันสามารถจะทำมันได้ ฉันได้เต็มไปด้วยความมั่นใจ
ฉันได้ยกหอกสีขาวขึ้นและชี้ไปที่ทางเข้าดันเจี้ยน
[พวกเรากำลังจะไปเยือนแล้ว]
****
“….”
ฉันได้ตื่นนอนขึ้นมา ฉันได้ยกมือขึ้นมาอย่างใจเย็น มันเป็นมือที่ฉันเห็นมาตลอด 19 ปี ฉันสัมผัสที่ร่างกายของตัวเอง มันก็เหมือนเดิม เสื้อตัวเดิมที่ฉันมักจะใส่เป็นชุดนอน
“ฟู๋…ฟู๋…”
ฉันรู้สึกเหมือนกับจะอ้วกออกมาจากอาการปวดหัว กี่ครั้งแล้วกันนะที่ฉันได้เห็นความฝันแบบนี้? ฉันจำได้อย่างน้อยก็สาม…ห้า…ยี่สิบ
ฉันไม่สามารถจะจำใบหน้าของคนที่ปรากฏในความฝันของฉันได้ แต่ฉันก็พอจะจำคำพูดหรือวิวในที่นั่นได้ มันเป็นฝันเกี่ยวกับอนาคตหรอ? ไม่สิมันอาจจะมาจากซากปรักหักพัง…
[พี่เจ้าชาย]
[คนดังนี่นา]
[เขามีกลิ่นที่หอม]
[กรี๊ดดด! เขามองมาทางนี้]
ด้วยหน้าต่างที่เปิดออกเล็กน้อย ฉันได้เห็นอากาศที่หมุนอยู่รอบๆฉัน มันมีมวลแสงสีน้ำเงินอยู่ใกล้ๆฉัน พวกเขาจะต้องเป็นเจ้าของเสียงที่ฉันได้ยินมาเมื่อกี้และพยายามจะเมินมันไป พวกนี้มีตัวเล็กและมีท่าทางทีกล้าหาญถือครองอำนาจที่ไม่สามารถจะเข้าใจได้ พลังธาตุ!
ฉันได้ตอนนี้ได้แน่ใจแล้วว่าฉันนั้นตื่นขึ้นแล้ว
ความเชี่ยวชาญจิตวิญญาณและการพิสูจน์แห่งไดฟิคมันเป็นเรื่องบังเอิญที่ฉันได้เรียนรู้ทักษะทั้งสองอย่างนี้งั้นหรอ? ฉันยังคงสงสัยอยู่ ในตอนแรกฉันคิดว่าการพิสูจน์แห่งไดฟิคมันเป็นทักษะที่ช่วยให้ฉันได้เรียนรู้วิธีบ่มเพาะมานาและฉันคิดว่าความเชี่ยวชาญจิตวิญญาณมันจำทำให้ทักษะการพิสูจน์แห่งไดฟิคแข็งแกร่งขึ้นเพียงเท่านั้น
ในตอนนี้พลังของฉันได้ตื่นขึ้นมาแล้ว ทักษะทั้งสองมันก็ได้มีจุดมุ่งหมายที่ต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง นี้มันได้ถูกวางแผนไว้โดยใครบางคนงั้นหรอ? ถ้างั้นแล้วเป็นใครกันล่ะ? เป็นผู้สร้างดันเจี้ยนหรอ? มันจะใช่การมีอยู่ของมนุษย์หรือไม่?
สิ่งที่ฉันไม่เคยคาดคิดเกี่ยวกับมันได้เข้ามาภายในสมองของฉัน อย่างไรก็ตาม…
ฟึบ!
“เอาล่ะ”
ในขณะที่ฉันตีแก้มของฉันเพื่อที่จะกลับไปสู่ความจริง แม้ว่าถ้าฉันจะพยายามนึกถึงมันแต่ฉันก็ไม่สามารถที่จะจำอะไรได้ ฉันต้องทำสิ่งต่างๆจากพลังของฉัน ถ้างั้นแล้วพวกเขาล่ะ?
มันเป็นรูปแบบการทำพันธะสัญญา
“มีธาตุอยู่มากมายบนในโลก แต่ฉันก็ไม่สามารถที่จะค้นหาคู่หูของฉันได้”
ฉันได้ตระหนักถึงมันจากการได้ยินเสียงของเหล่าธาตุเมื่อไม่กี่วันก่อน โลกนี้นั้นเต็มไปด้วยธาตุ แม้ว้าฉันจะไม่รู้เลยว่ามีพวกเขาอยู่ก่อนแล้วหรือปรากฏตัวขึ้นมาหลังจากที่มีพระจันทร์แฝด
ฉันได้เรียกใช้พลังของฉันอย่างช้าๆกับเหล่าธาตุ ฉันสามารถจะรู้สึกได้ถึงธาตุ เห็นพวกเขาและใช้พลังของพวกเขาได้ด้วยการสร้างพันธะสัญญากับพวกเขา
พันธะสัญญา
ด้านถาษามันได้ถูกเตรียมเอาไว้แล้ว มันราวกับว่าฉันรู้เกี่ยวกับมันอยู่แล้วมันได้ฝังอยู่ในใจของฉัน แม้ว่าฉันจะไม่คุ้นเคยกับตัวเอง ฉันก็รู้สึกไม่สบายใจ ฉันจะต้องยอมรับในอะไรที่ฉันจะต้องยอมรับมัน อย่างไรก็ตามฉันอยากจะรู้ว่าผู้ตื่นขึ้นมาจะมีประสบการณ์ความรู้สึกแบบเดียวกับหรือป่าว?”
แน่นอนว่าเพียงเพราะฉันได้ยินเสียงของเหล่าธาตุและทำสัญญากับพวกเขาก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะสามารถทำพันธะสัญญากับธาตุแบบสุ่มๆได้ ธาตุที่จะสามารถมองเห็นและทำพันธะสัญญาจะต้องขึ้นอยู่กับคลื่ยนพลังจากวิญญาณผู้ใช้ธาตุ
เมื่อคุณภาพวิญญาณของผู้ใช้ธาตุเพิ่มขึ้น เขาก็จะสามารถมองเห็นธาตุได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามฉันก็ยังเป็นผู้ใช้ธาตุมือใหม่ที่ไม่เคยจะทำพันธะสัญญากับธาตุแม้แต่ตนเดียว สิ่งแรกที่ฉันจะต้องทำเลยคือการหาธาตุที่มีคลื่นแบบเดียวกับฉัน
ฉันจะไปอย่างมันได้อย่างไรงั้นหรอ? แน่นอนว่าฉันไม่สามารถที่จะเดินทางไปทั่วโลกเพื่อค้นหาธาตุได้ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมถึงได้มีวงเวทพันธะสัญญญาอยู่ มันเป็นสิ่งที่ได้ฝังอยู่ในใจของฉันแน่นเมื่อฉันได้ตื่นขึ้นมาในฐานะผู้ใช้ธาตุ มันเป็นวงเวทย์ที่จะเชี่อมต่อกับธาตุที่มีความถี่เดียวกันกับฉัน
อย่างแรกเลยฉันได้ผลักเตียงไปด้านข้างและเริ่มวาดวงเวทย์ลงไปบนพื้น ฉันได้กัดนิ้วของฉันและใช้เลือดของฉันในการวาดวงเวทย์ จากนั้นฉันก็ได้เขียนด้านในวงเวทย์ด้วยสัญลักษณ์ที่อยู่ๆก็โผล่ขึ้นมาในหัวของฉัน ในเวลาเดียวกัน ฉันก็ได้ใส่มานาลงไปบนสัญลักษณ์พวกนั้น ส่งพลังไปให้พวกเขา
[ดูสิ! มันเป็นวงเวทย์พันธะสัญญา]
[จริงดิ?]
[เขาเป็นผู้ใช้ธาตุ]
[ฉันไม่เคยเห็นใครสักคนบนโลกใบนี้เลย]
[ฉันต้องการที่จะให้เขาทำสัญญากับฉัน! จากนั้นฉันก็จะขอให้เขากอดฉันอย่างอบอุ่น]
[มันก็แค่ความเพ้อฝันของพวกอ่อนแอ]
ธาตุที่อยู่ใกล้ๆดูเหมือนจะสังเกตุเห็นถึงสิ่งที่ฉันกำลังทำอยู่ขณะเดียวกันพวกเขาก็ได้วนไปรอบๆฉัน อย่างไรก็ตามฉันไม่ได้สนใจพวกเขาทั้งหมด แม้ว่าฉันจะสามารถได้ยินเสียงของพวกเขา แต่ฉันก็ไม่สามารถที่จะเห็นรูปร่างของพวกเขาได้ มันหมายความว่าพวกเขามีคลื่นที่ไม่ตรงกันกับฉัน
ฉันได้ใช้เวลาไปมากกว่า 3 ชั่วโมงในการวาดวงเวทย์ แน่นอนว่าฉันได้ล็อคประตูเอาไว้แล้ว ฉันไม่ต้องการที่จะถูกรบกวน วันนี้มันเป็นวันอาทิตย์ดังนั้นฉันจึงไม่ต้องห่วงอะไรมากนัก
หลังจากที่ฉันวาดวงเวทย์เสร็จสิ้นแล้วฉันก็ได้ใส่มานาลงไปเพื่่อตรวจสอบว่ามันทำงายถูกต้องหรือไม่? มันไม่มีปัญหาอะไรเลย
ฉันได้คุกเข่าลงข้างหนึ่งและร่ายเวทย์ออกมาในขณะที่วางมือซ้ายลงบนวงเวทย์
“ฉันคัง ชิน ได้ขอความช่วยเหลือจากโลกด้วยวงเวทย์ที่เชื่อต่อระหว่างฉันและใครสักคนที่จะกลายมาเป็นเพื่อนและความแข็งแกร่งของฉัน ให้พวกเรามาพบกันเหมือนกับว่าพวกเราอยู่ในช่วงเริ่มต้นของโลก”
วิ้งงงงง
ทันทีที่ฉันร่ายจบวงเวทย์พันธะสัญญาก็เริ่มสั่นสะเทือนและเปล่งแสงออกมา มันไม่เพียงแค่ดูดมานาของฉันเท่านั้น แต่มันยังดูดมานาจากอากาศอีกด้วย
[กรี๊ดดด วิ่ง! พวกเรากำลังจะถูกดูดเข้าไป]
[ตามที่ฉันคาดเอาไว้เลย เขาเป็นคนที่-น่า-มหัศ-จรรย์]
[นี้มันการกำเนิดของผู้ใช้ธาตุ]
[ไอธาตุโง่เง่า! ฉันบอกให้วิ่งไง!]
แม้ว่าในขณะที่ธาตุใกล้ๆฉันได้วิ่งหนีไปจากวงเวทย์อย่างเร่งรีบ วงเวทย์มันก็ยังคงดูดมานามากยิ่งขึ้น ยิ่งขึ้น นี้มันได้ใช้ระยะเวลาอย่างยาวนานก็เริ่มที่จะหยุดลง จากนั้นหลังจากแสงที่แผ่กระจายระเบิดออกมาในครั้งสุดท้ายมันก็เริ่มที่จะสงบลงอย่างสมบูรณ์ ในเวลาเดียวกันฉันก็ได้ยืนยันว่าฉันได้เชื่อมต่อกับใครสักคนผ่านวงเวทย์พันธะสัญญาแล้ว
ฉันได้กระซิบออกไปเบาๆ
“คุณได้ยินฉันมั้ย?”
[ใคร…นายคือใคร? ความแข็งแกร่งและสายฟ้าที่คุ้นเคยนี้…]
ฉันได้กินคริสตัลมานาไปจนถึงขีดจำกัดตั้งแต่นั้นมาความสัมพันธ์ของฉันกับสายฟามันก็ได้เพิ่มขึ้นอย่าเห็นได้ชัด มันไม่ต้องสงสัยเลยว่าฉันจะได้เชื่อมตัวกับธาตุสายฟ้า ฉันได้พูดต่อไป
“ฉันคัง ชิน นายคือใคร?”
[ฉันเป็นธาตุสายฟ้า ไพก้า ฉันได้หลับไหลอยู่ในที่ๆไม่มีใครสามารถจะพบฉันได้]
[ฉันหานายเจอ ฉันต้องการที่จะให้นายกลายมาเป็นพลังของฉัน]
[ฉันก็เช่นกัน ฉันก็ต้องการให้นายถือครองพลังอำนาจแห่งสายฟ้า ฉันต้องการที่จะเห็นโลกภายนอก]
“ถ้างั้นมาทำพันธะสัญญากับฉันกัน”
[โอเค]
ในคราวนี้ วงเวทย์พันธะสัญญาได้ปล่อยแสงสุกใสออกมา มันสว่างมากจนฉันไม่สามารถจะลืมตาได้เลย เมื่อฉันได้ลืมตาขึ้นมาอีกที่ก็มีหญิงสาวน่ารักซึ่งมีความสูงไม่ถึง 20 เซนติเมตรลอยอยู่ด้านบนวงเวทย์ เธอสวมชุดผ้าไหมสีดำอ่อนๆและถุงมือผ้าสีดำ และผมของเธอก็ดำตรงโดยที่มีส่วนโค้งตรงปลาย
เธอมีผิวสีขาวหิมะ ดวงตาส่องประกายด้วยทองคำ ทั้งส่วนสูงและรูปร่างมันทำให้เหมือนกับว่าเธอคือตุ๊กตาเลย นี่มันเป็นสิ่งที่น่าเสียดายมาก ถ้าหากว่าเธอเป็นมนุษย์เธอก็คงจะเป็นเด็กผู้หญิงที่สวยจนไม่มีใครเทียบได้
เธอได้หุบพัดลงในมือของเธอแล้วจากนั้นก็ชี้มาทางฉัน
[ฉันมาที่นี่เพื่อทำพันธะสัญญา]
“ฉันชื่อคัง ชิน เพื่อแลกเปลื่ยนกับมานาของฉัน ฉันต้องการที่จะสร้างพันธะสัญญาเจ้านายกับเธอ”
[ชื่อของฉันคือไพก้า จนกว่าจะถึงวันที่ฉันสลายไป ฉันจะขอสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อนาย]
ในขณะนั้นเองการเชื่อมโยงระหว่างฉันกับไพก้าก็ได้เปลื่ยนไปเป็นสายเชื่อมโยงที่ไม่สามารถจะแยกออกได้ ความสุขสุดที่จะบรรยายมันได้ผ่านเข้ามาในร่างกายของฉัน ในเวลาเดียวกันฉันก็ได้ยินข้อความที่ฉันจะได้เห็นมันแค่ในดันเจี้ยนเท่านั้น
[คุณได้ทำพันธะสัญญากับวิญญาณธาตุสายฟ้าไพก้า! ความสัมพันธ์และความต้านทานสายฟ้าของคุณเพิ่มขึ้นอย่างมาก!]
[คุณได้รับคลาส ‘ผู้ใช้ธาตุ’ ความสำเร็จในคลาสแรก พลังเวทย์และเสน่ห์ของคุณเพิ่มขึ้น 10]
[คุณได้รับทักษะใช้งาน ‘ออร่าจิตวิญญาณ’ โดยการใส่ธาตุลงไปในอาวุธของคุณ คุณจะสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของอาวุธได้ ความแรกมันจะขึ้นอยู่กับมานะที่ใช้และความสัมพันธ์ของคุณกับธาตุ]
[คุณได้รับทักษะติดตัว ‘เชื่อมต่อธาตุ’ เมื่อระดับของทักษะเพิ่มขึ้น จำนวนและคุณภาพของธาตุที่คุณจะสามารถเชื่อมต่อได้ก็จะมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันมันก็จะมีผลดีต่อธาตุที่ทำสัญญาอยู่แล้วอีกด้วย การอัญเชิญธาตุและการใช้ทักษะที่เกียวข้องกับพวกเขาจะเพิ่มขึ้น จำนวนพันธะสัญญาที่มีอยู่ในตอนนี้ : 1]
[คุณได้รับทักษะประจำคลาส ‘ควบคุมธาตุ’ คุณสมารถจะควบคุมธาตุในพันธะสัญญาได้ คุณสามารถจะเรียกใช้ธาตุที่ไม่มีเจ้าของจากธรรมชาติได้อีกด้วยชั่วคราวเพื่อแลกกับมานา เมื่อระดับทักษะนี้เพิ่มขึ้นคุณก็จะสามารถใช้มานาที่น้อยลงในการควมคุมธาตุและควบคุมได้ดีและง่ายมากยิ่งขึ้น การสั่งการ การควบคุมและทักษะโดยรวมของธาตุจะเพิ่มขึ้น]
[รายชื่อธาตุในพันธะสัญญา
1.ไพก้า – ธาตุสายฟ้า ธาตุระดับยูนิค ล็อค ล็อค ยังไม่ตื่นขึ้น]
[ความเชี่ยวชาญจิตวิญญาณระดับต่ำกลายเป็นระดับ 4! ความสัมพันธ์ของคุณกับวิญญาณและจิตวิญญาณเพิ่มขึ้น ทำให้ความสามารถในการใช้พลังแข็งแกร่งขึ้น]
“ฮู”
ในที่สุดฉันก็มีคลาส แม้ว่ามันจะไม่ใช่คลาสที่เกี่ยวกับหอก แต่มันก็ง่ายมากที่จะห็นว่าคลาสผู้ใช้ธาตุมันเป็นคลาสหายาก ไม่สิโดยไม่สนใจถึงความหายากของมัน ฉันก็รู้ว่าฉันไม่สามารถจะเป็นสิ่งอื่นได้นอกจากผู้ใช้ธาตุ ฉันแน่ใจว่าสิ่งนี้มันเป็นสิ่งที่สลักไว้ในดวงวิญญาณของฉัน นี้มันจึงเป็นสิ่งที่ทำให้ถูกปลุกขึ้นมา? นี้มันคือสิ่งที่ทำให้ฉันกลายมาเป็นผู้ใช้พลัง? ฉันไม่รู้ว่าดันเจี้ยนจะเกิดอะไรขึ้นและความสามารถที่เหมือนไปของงฉัน แต่ว่าในตอนนี้ฉันยินดีเกินไปกว่าที่จะไปสนใจสิ่งพวกนั้น
พันธะสัญญาธาตุ มันทำให้ฉันรู้สึกถึงการดำรงอยู่ที่แตกต่างไปจากของฉันเองและความรู้สึกของการควบคุมมัน มันทำให้ฉันมีความยินดีราวกับติดยา ฉันรู้สึกถึงพลังชีวิตที่แข็งแกร่งของเธอ และแม้ในขณะที่ฉันหวาดกลัว ฉันก็ยิ้ม ไพก้าได้ลอยขึ้นและเข้ามาหาฉัน จากนั้นก็ใช้มือของเธอที่ไม่ได้ถือพัดจับมี่ตาซ้ายของฉัน
[ฉันจะจารึกสัญลักษณ์เอาไว้ในดวงตาของท่านมันอาจจะเจ็บสักหน่อยนะ]
“กึ๊ก”
มันเป็นความเจ็บปวดที่เหมือนกับถูกแทงเข้ามาที่ดวงตาอย่างไรก็ตามความเจ็บปวดนี้กินเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น เมื่อฉันหยิบกระจกขึ้นมาตรวจตาของฉัน ฉันก็ต้องตกใจ ที่กลางดวงตาของฉันมันได้แผ่กระจายออกมาด้วยแสงสีทอง
[ท่านจะไม่สังเกตุเห็นมันหากไม่มองอย่างใกล้ชิด]
ไพก้าได้ยิ้มและพูดออกมา ฉันสามารถที่จะเห็นสัญลักษณ์นี้กับเธอได้เช่นกัน มันเป็นสัญลักษณ์มังกรทำที่อยู่บนแก้มของเธอ
“นั่นมันคืออะไรน่ะ มังกรหรอ?”
[มันเป็นสิง่มีชีวิตที่มีแก่นแท้ใกล้เคียงกับวิญญาณนายท่าน ดังนั้นสัญลักษณ์จึงเป็นเช่นนี้]
“เข้าใจล่ะ…เอาหละ ยินดีที่ได้รู้จักนะไพก้า”
[ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันนายท่าน ฉันไม่รู้ว่าทำไม แต่นายท่านมีกลิ่นที่หอมมาก ฉันชอบมันนะ ฉันหวังว่านายท่านจะเรียกฉันต่อไป]
“ใช่นั่นคือสิ่งที่ฉันวางแผนไว้ว่าจะทำมัน”
ถ้าเราอัญเชิญธาตุและอัญเชิญทิ้งไว้ มันจะช่วยเพิ่มความชำนาญในสัญญาธาตุ ความเชี่ยวชาญวิญญาณ และควบคุมธาตุ สิ่งนี้มันไม่ใช่แค่เพียงในดันเจี้ยน แต่มันยังรวมถึงในโลกภายนอกอีกด้วย
แม้ว่ามานาของฉันจะถูกดูดไปอย่างต่อเนื่อง นั่นมันคือปัญหาที่ฉันสามารถจะแก้ไขมันได้ด้วยการใช้วงจรเพรูต้า ไพก้าได้ยิ้มอย่างมีความสุขและนั่งอยู่บนไหล่ของฉัน
ฉันได้ดึงเตียงกลับมาเพื่อทับรอยวงเวทย์และจากนั้นก็ออกไปจากห้อง
โลกมันดูแตกต่างออกไป โลกมันได้เต็มไปด้วยธาตุ