บทที่ 284 – สมาชิกคนล่าสุด (1)
หลังจากใส่เสื้อกลับมาแล้วฉันก็ได้มุ่งหน้าไปที่บ้านกิลด์พร้อมกับฮวาหยา ในตอนที่ฉันนั่งอยู่หลังรถฉันก็ยังคงบ่นออกมา
“เธอจะยังทำเป็นเล่นกับสถานการณ์แบบนี้อีกนะ”
“ก็มันดูเหมือนว่าแค่นาทีสองนาทีมันก็แก้อะไรไม่ได้อยู่ดี มันจะดีกว่าที่จะผ่อนคลายและทำสิ่งต่างๆให้ช้าลง ถ้าหากว่าพวกเขาจะต้องตาย พวกเขาก็คงตายไปแล้ว”
ฮวาหยาได้พูดขึ้นมาส่งๆในขณะที่เอาปากมาใกล้หูของฉัน
“นักสำรวจที่หายไปในตอนนี้คือพวกที่ทำสัญญากับเดซี่ ตามที่เดซี่ได้รายงานมาคือพวกเขาตายไปแล้ว สื่อคิดว่าพวกเขาแค่หายไป แต่ว่า…. นายก็น่าจะเข้าใจในสิ่งที่ฉันจะบอกแล้วใช่ไหม?”
“เธอไม่ต้องมากระซิบหูฉันแบบนี้ก็ได้นี่”
ฮวาหยาได้ยิ้มบางๆและจู่ๆก็ถอนหายใจออกมา
“ฉันไม่ยินดีเลยสักนิด เพียงแค่ฉันคิดว่าพวกเราจะไม่ต้องกังวลเรื่องนักสำรวจจะทรยศเรา แต่พวกนั้นก็ต้องไปแนวหน้าและตาย ถ้าหากว่าในท้ายที่สุดแล้วนักสำรวจที่มีชีวิตมีแค่เรา…”
“ไว้ค่อยคุยกันกับทุกคนตอนที่เรื่องนี้จบลงล่ะกัน ถึงแม้ว่าฉันไม่คิดว่าจะมีนักสำรวจคนใหม่ที่มายืนอยู่แนวหน้าอีกต่อไปแล้วก็ตาม….”
ฮวาหยาได้มองมาที่ฉันอย่างประหลาดใจ
“จริงหรอ?”
“ใช่สิ ฉันไม่คิดว่าเราจะเหลือเวลาถึงปีเลยด้วยซ้ำ”
“ถ้านั่นเป็นสิ่งที่ฮีโร่พูดฉันก็คงจะไม่เชื่อไม่ได้สินะ… อืมม”
ดูเหมือนว่าสิ่งที่ฉันพูดไปจะไม่ใช่สิ่งที่เธอจะมองผ่านไปได้ เธอได้ส่งเสียงครุ่นคิดออกมาจากนั้นจู่ๆเธอก็พูดเรื่องไร้สาระขึ้น
“พวกเราควรจะทำเด็ก?”
“เธอมาได้ข้อสรุปนี้ได้ยังไงกัน? ผู้หญิงไม่ควรจะมาพูดอะไรแบบนี้นะ”
“ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะ ฉันก็ไม่อยากจะคิดเรื่องนี้ แต่ว่านายก็รู้หากว่ามันมีบางอย่างเกิดขึ้น…. ฉันก็อยากจะมีลูกของเราก่อนที่มันจะเกิดเรื่องอะไร….”
ฉันคิดว่าเธอพูดเล่นแต่ว่าด้วยท่าทางของเธอกลับจริงจังมา ยังไงก็ตามฉันได้จับแก้มของเธอและตอบกลับไป
“ไม่ว่ายังไงพวกเราจะไม่ตาย ไม่ต้องห่วงเรื่องพวกนี้หรอกน่า”
“อู”
“นอกจากนี้โลกมันจะจบลงไปถ้าฉันตายอีกด้วยนะ”
“แต่ถ้าฉันตายล่ะ? นายจะต้องเสียใจเป็นสิบปีแน่และนายก็จะคิดว่า ‘ฉันอยากจะมีลูกสาวที่ดูเหมือนกับฮวาหยา….’ “
“เธออยากได้รู้สาว?”
“มันยังไม่ชัดอีกหรอ? เป้าหมายหลักคือการมีลูก? แล้วนายจะทำลูกฉันไหม?”
“ฉันจะคิดเรื่องนี้หลังจากเอาชนะเดม่อนลอร์ดนะ”
ฮวาหยาได้เบะปากออกมาเหมือนกับเป็ด
“ฮึ่ม ฉันจะต้องตายก่อนนายถึงจะคิดได้สินะ”
“เธอไม่ตายหรอก ฉันจะไม่ยอมให้เธอตาย หยุดพูดเรื่องโง่ๆแบบนี้ได้แล้ว”
“นายเอาก็แต่พูดแบบนี้เหมือนเคยแหละ… อ่า”
ฉันได้กอดฮยาหยา เธอได้หยุดสิ่งที่จะพูดและเงียบลงไป
“ขอโทษนะที่ทำให้เธอไม่สบายใจ”
“อ่า อืมม มะ ไม่สิ ฉันต้องขอโทษเหมือนกัน…”
เธออาจจะทำตัวเหมือนไม่มีอะไรแต่ว่าเธอจะต้องกดดันกับสถานการณ์แบบนี้มากๆแน่ เธอเป็นคนที่รับผิดชอบงานทั้งหมดของรีไวเวิร์ลและธรรมชาติเธอก็เป็นคนที่กังวลในสถานการณ์ของโลกมาที่สุด ในตอนนี้สิ่งต่างๆมันได้เป็นไปเร็วเกินไปและแม้แต่ราชาก็ยังเคลื่อนไหว
มันไม่มีทางเลยที่เธอจะไม่เป็นไรเลยกับสถานการณ์แบบนี้ สาเหตุที่เธอทำเป็นเล่นก็เพราะว่าเธอต้องการจะซ่อนความกังวลของเธอด้วยเช่นกัน
“เธอใจเย็นลงแล้วนะ?”
“บะ บางทีนะ ตะ แต่ว่าฉันกังวลเรื่องอื่น…”
“ไม่เป็นไร”
เมื่อฉันได้พยายามจะปล่อยเธอ ฮวาหยาก็ส่ายหัวและมุดเข้ามาในอ้อมกอดของฉัน
“ขออยู่อย่างนี่จนกระทั่งเราถึงบ้านกิลด์”
“อายุอย่างเธอยังเอาแต่ใจเนี่ยนะ?”
“นายห้ามมาพูดถึงอายุของฉันนะ!”
ฮวาหยาได้ตะโกนออกมาอย่างรุนแรง เธอมีอายุเพียงแค่ 25 ปีในเกาหลี เธอแก่กว่าฉันสามปี เพราะแบบนี้เธอจึงพยายามที่จะเปลื่ยนเรื่องตลอดที่พูดถึงเรื่องของเเธอ ฉันได้ปิดปากลงไปด้วยรอยยิ้มขม
ในตอนที่ฉันเลิกผละออกการกอดนี้ ฮวาหยาก็ได้กอดฉันแน่นขึ้นจากนั้นเธอก็บ่นออกมาเงียบๆ
“ขอโทษนะที่พูดแปลกๆแบบนั้น”
“ไม่เป็นไร”
“ขอบคุณนะที่ยอมรับทุกอย่าง นี่ก็ด้วย…”
“จ้า จ้า”
ฉันได้ลูบหลังของฮวาหยา เธอได้หัวเราะออกมาอย่างพอใจและกอดฉันต่อไป ถ้าหากว่าเป็นตัวเธอตามปกติฉันก็คงจะปฏิเสธไปแล้วแน่นอน แค่ว่าวันนี้มันพิเศษ ฉันได้วางแผนที่จะปล่อยไว้แบบนี้จนกระทั่งเราไปถึงบ้านกิลด์
ในตอนนั้นเองเสียงไอแห้งๆได้ดังขึ้นจากที่นั่งข้างหน้า
“พวกคนหนุ่มนี่มันดีจังเลยนะไอ้ลูกชาย แต่ว่าการมาทำเจ้าชู้ต่อหน้าพ่อ….”
“ในเมื่อพ่อไม่พูดตั้งแต่แรก พ่อก็ควรจะอยู่เงียบๆแบบนั้นไปจนกระทั่งเราถึงนะ”
มันดูเหมือนว่าฮวาหยาจะลืมเรื่องคนขับรถไปแล้วจริงๆทำให้ตัวเธอแข็งทื่อเมื่อได้ยินเสียงของพ่อ ยังไงก็ตามเธอก็ไม่ได้ผละออกไปจากอ้อมกอดของฉันอย่างที่ฉันคิดไว้เลย
ในทันทีที่เราได้มาถึงบ้านกิลด์เราได้เริ่มการตรวจสอบวิดีโอที่เราได้รับมาทันที สมาชิกรีไวเวิร์ลที่ยังอยู่ในเกาหลีต่างก็อยู่ที่นี่ทุกคนและพวกเขาก็ได้เข้ามาร่วมดูวิดีโอนี่ด้วยกัน ในตอนที่วิดีโอได้ถูกเปิดขึ้นสิ่งแรกที่เราได้เห็นเลยก็คือคนจำนวนนับไม่ถ้วนเต็มเมืองและเกตที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า
“เหตุการณ์ดันเจี้ยน? แต่ว่าฉันไม่เห็นจะได้รับรายงานเลยนี่!”
“ใช่แล้วนั่นแหละปัญหา มันไม่มีการแจ้งเตือนอะไรเลย”
ซัคคิวบัสได้รายงานออกมา จากนั้นวิดีโออีกอันก็ถูกเปิดขึ้นมาถัดจากวิดีโอที่เราดูอยู่ มันยังคงแสดงภาพของเกตบนฟ้าอยู่
“มันอยู่คนละที่กันใช่ไหม”
“ใช่แล้ว เกตแรกคือที่ที่ราชาปรากฏตัว ส่วนเกตที่สองไม่ได้มีตัวอะไรโผล่ขึ้นมา ที่ตั้งคืออยู่บอโดในฝรั่งเศส และอีกแห่งคืออยู่ที่มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ในนครวาติกัน”
“สถานที่ทั้งหมดนั่นมัน!?”
ฉันได้ก่ายหน้าผาก มันเป็นที่ที่ทำให้เกิดปัญหาน่ารำคาญขึ้นจริงๆ สถานที่เหล่านั้นเป็นสถานที่สำคัญที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่กำลังจะหายไป แน่นอนว่าหากฉันไม่จัดการเคลียร์เเหตุการณ์ดันเจี้ยน
เดี๋ยวนะ ราชาปรากฏตัวในดันเจี้ยน? ฉันมั่นใจว่ากล้องใช้งานในดันเจี้ยนได้แต่ว่ามันเป็นไปได้หรอที่จะส่งภาพออกมาข้างนอกได้ด้วยนะ?
“วิดีโอถูกส่งมาจากข้างในดันเจี้ยนหรอ?”
“ใช่แล้ว วิดีโอถูกส่งมาผ่านนักสำรวจดันเจี้ยน มันเป็นไปได้แค่เพราะว่าเขาเป็นนักสำรวจดันเจี้ยน แต่ว่าน่าเศร้าที่วิดีโอนี้ได้ถูกตัดไปในตอนที่พวกเขาเจอกับราชา”
มันก็ยังน่าทึ่งอยู่ดีที่เราถ่ายวิดีโอมาได้ การเป็นนักสำรวจดันเจี้ยนนี่มันเป็นประโยชน์จริงๆ ฉันได้หยักหน้าเงียบๆและเริ่มสำรวจเกตทั้งสอง
ในตอนที่เหตุการณ์ดันเจี้ยนปรากฏขึ้นมาตามปกติเชอริฟิน่าจะบอกระดับความเสี่ยงที่เราจะต้องไปเจอ แต่ว่าในคราวนี้เหตุการณ์ดันเจี้ยนทั้งสองอันนั้นไม่ได้มีระดับเลย แน่นอนในเมื่อเรายังไม่ได้รับการแจ้งเตือนใดๆเลยมันก็ไม่แปลกที่จะไม่มีระดับพวกนั้น
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะต้องเป็นเจ้าสิ่งนั่นแน่
“สิ่งที่เมินในพลังของดันเจี้ยนงั้นสินะ?”
“เราจะต้องเจอกับพวกนี้มากขึ้นไปอีกในอนาคตแน่ๆ เรื่องนี้มันไม่น่าแปลกใจเลยแต่ว่าสิ่งที่ทำให้ฉันกลัวคือ….”
สิ่งที่เป็นไปได้สำหรับปีศาจในตอนนี้มันก็เป็นไปได้สำหรับมอนสเตอร์แล้วด้วย นี่มันทำให้ฉันปวดหัว
“ท่านฮีโร่ ฉันขอพูดอะไรได้ไหม?”
เคียร่าได้พูดออกมา กางเขนที่อยู่ในดวงตาของเธอได้ส่องสว่างขึ้นเรื่อยๆ
“พูดมา”
“ทั้งสองที่นั่นมีราชา”
ความเงียบได้มาเยือนในทันที บังเอิฐที่วิดีโอแรกที่เปิดอยู่คนได้เข้าไปในเกต ภาพป่าหนาได้ปรากฏขึ้นมาพร้อมๆกับมอนสเตอร์ขนาดยักษ์ ฉันได้เริ่มจ้องวิดีโออย่างตั้งใจจากนั้นก็หันไปถามเคียร่า
“…เธอรู้ถึงสิ่งที่เราหมายถึง ‘ราชา’ ใช่ไหม?”
“หัวหน้าของมอนสเตอร์ ห้าผู้นำที่ทำงานให้กับสิ่งมีชีวิตที่ระบุไม่ได้ พวกมันสองตัวได้ตายไปแล้วด้วยน้ำมือของท่านฮีโร่”
“ถูกแล้ว”
มันดูเหมือนว่าฉันจำเป็นจะต้องประเมินพลังของเคียร่าใหม่ซะแล้ว ตัวเธอในตอนนี้สามารถจะควบคุมพลังของดวงตามารได้ดีขึ้นทำให้ตัวเธอไม่ได้เป็นอย่างในอดีตแล้ว
แต่ว่าถ้าเธอพูดความจริงนั่นก็หมายความว่างานของเรามันได้ยากขึ้นไปอีกระดับนึง ฉันได้ถามเคียร่าไปต่อ
“เธอสามารถจะบอกได้แม้ว่าเธอจะอยู่ไกลจากที่นั่นได้ยังไงกัน?”
“ไม่ ก่อนหน้าที่วิดีโอจะถูกส่งมา ฉันได้ฟัน ท่านฮีโร่ก็น่าจะรู้ในพลังของฉันในด้านนี้ใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว”
“หลังจากที่ตาของฉันได้เปิดขึ้นมา ความฝันของฉันก็ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ฉันมักจะฝันตลอดเวลาและฉันก็ยังสามารถควบคุบสิ่งที่อยากจะเห็นได้ด้วย”
“เธออยากจะเห็นอะไร?”
“โลกที่ถูกฮีโร่ช่วยเอาไว้และโลกที่ดำเนินไปอย่างสงบสุขภายใต้การนำของท่านฮีโร่….”
“ชั่งมันเถอะ บอกสิ่งที่เธอเห็นมา”
“ค่ะ”
เคียร่าได้อธิบายออกมาอย่างช้าๆ ในเวลาเดียวกันกลุ่มคนที่เข้าไปในเกตที่บอโดได้เผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์จริงๆ มันดูเหมือนกับสิงโตและมีดวงตาสีเหลืองดูน่ากลัว
“ราชาสรรพสัตว์ ผู้ปกครองแห่งสัตว์ป่าที่โหดร้ายทารุณ มันทั้งแข็งแกร่งและรวดเร็ว เป็นราชาผู้ที่ตัดและทำลายทุกสิ่งได้ด้วยแค่พละกำลัง นอกเหลือจากท่านฮีโร่แล้วมีเพียงคุณเดซี่ แอคทราเดี่ยนที่มีความสามารถที่จะเอาชนะมันได้ แต่ถ้าหากเป็นการถ่วงเวลาเอาไว้ล่ะก็จะมีคุณคังยงอู คุณมินามิ ไวโอเล็ท สุมิเระและคุณเยอึน”
เคียร่าได้พูดออกมาอย่างมั่นใจราวกับว่าเธอกำลังประกาศตัวออกมา สิงโตได้โผล่ขึ้นมาพร้อมกับขาข้างหนึ่งที่ทำให้พื้นสั่นสะเทือนและพังลงราวกับจะพิสูจน์ในคำพูดของเธอ เมื่อมันได้คำรามออกมา ป่าทั้งป่าแทบจะถูกพัดกระเด็นออกไป แทนที่จะเรียกมันว่าสิ่งมีชิวิตควรจะเรียกมันว่าภัยพิบัติในคราบสิ่งมีชีวิตซะมากกว่า มันดูเหมือนจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าราชาลาวาซะอีก
เมื่อได้เห็นภาพความแข็งแกร่งนี้ของสิงโตนั่น ฉันได้โพล่งขึ้นมา
“เร็นงานหนักเลยนะ นายยังตามหลังของเยอึนกับสุมิเระอยู่เลยนะ นายจะต้องทำการฝึกพิเศษเพิ่มแล้ว”
“อ๊าาาา….”
เร็นได้ทำท่าทางเคร่งขรึมขึ้น โชคดีที่เทคนิคหอกและการควบคุมมานาของพ่อได้ดีขึ้นทำให้ผู้ชายในกิลด์เราไม่ต้องอายผู้หญิงมากนะ
“ส่วนอีกหนึ่งตัวคือราชาแห่งความตายผู้ที่เป็นเจ้าของศพและชิงชังในสิ่งมีชีวิตทั้งมวล มันเชี่ยวชาฐในพลังเวทย์และการต้านทานเวทย์ มันจะไม่ตายแม้ว่ามันจะถูกฆ่า มีเพียงแค่คุณฮีโร่และคุณฮวาหยา เอเลนี่ มัสติฟอร์ดที่สามารถจะเทียบกับมันได้ และจำเป็นต้องมีคุณเดซี่ แอคทราเดี่ยนในการต่อสู้กับเขา ความเป็นอมตะของมันจะไม่มีทางพังลงหากว่าไม่ถูกการโจมตีสุดท้ายจากท่านฮีโร่หรือพลังของคุณเดซี่”
ทันใดนั้นเดซี่ที่ฟังอยู่ก็ได้ตาเป็นประกาย
“ศพ? มันมีศพดีๆมากไหม? ศพสวยๆมีมากไหม?”
“มีเยอะเลย”
“ราชาแห่งความตาย… เยี่ยม เยี่ยมที่สุด เยี่ยมสุดๆเลย”
“คำว่า ‘อันตราย’ มันไปอยู่ที่ไหนแล้วล่ะ?”
ในขณะเดียวกันที่วิดีโอได้จบลงด้วยลมหายใจกรดของสิงโต ให้ตายสิไม่มีใครรอดเลยแม้แต่คนเดียว
ฉันได้ขมวดคิ้วขึ้นและถามกับเคียร่า
“แล้วการโจมตีสุดท้ายที่เธอหมายถึงคืออะไร?”
“พลังของดวงตา”
“ดวงตามารของฉันหรอ? ฉันไม่คิดว่ามันจะ…”
“ไม่ ฉันหมายถึงดวงตาที่สามของท่านฮีโร่”
ฉันได้ปิดปากลงไปทันที ฉันเริ่มรู้สึกกลัวในพลังของเคียร่า….. แต่ว่าฉันก็โล่งใจที่เธอได้อยู่ข้างเดียวกับเรา
“จริงๆแล้ววันนี้ฉันฝันสองอย่าง อย่างแรกคือฉันได้เตือนเรื่องราชาทั้งสอง และฝันที่สองคือฮีโร่กำลังใช้พลังนั่นต่อสู้กับเงายักษ์สีดำที่มีขาสองข้าง”
เดม่อนลอร์ด ฉันรู้ได้โดยสัญชาตญาณทันทีที่เธอพูดถึงเรื่องนี้และขบริมฝีปาก ดวงตาของรูเดียก็ยังสั่นเมื่อเธอได้ยินคำอธิบายจากเคียร่า ใช่แล้ว รูเดียเคยเผชิญหน้ากับเดม่อนลอร์ดตรงๆมาก่อน ฉันหวังว่าจะคลายความกังวลไปจากรูเดียได้บ้างฉันจึงถามเคียร่าต่อไป
“ฉันชนะ?”
“ฉันขอโทษท่านฮีโร่ ฉันดูไกลกว่านั้นไม่ได้ สิ่งที่ฉันรู้ก็คือฮีโร่จะแพ้แน่นอนถ้าฮีโร่ไม่ใช้พลังของดวงตา”
“….”
เนื่องจากว่าฉันก็คิดแบบเดียวกันนี้ ฉันจึงไม่ได้นำพลังของดวงตาพระศิวะมาคำนวนในพลังของฉัน ฉันไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เดม่อนลอร์ดจะปรากฏตัวออกมาและพลังของดวงตาเป็นพลังที่สำคัญที่จะใช้ได้แค่ปีละครั้งเท่านั้น
เคียร่าได้มองมาที่ฉันตรงๆและพูดออกมาราวกับยืนยันในสิ่งที่ฉันคิด
“สรุปก็คือท่านฮีโร่จะใช้พลังดวงตาไม่ได้นับจากนี้ เดม่อนลอร์ดจะต้องลงมาก่อนหนึ่งปีแน่นอน”
ฉันได้หลับตาลงแน่น ฉันเข้าใจว่าทำไมเคียร่าถึงได้บอกเรื่องทั้งหมดนี้ นี่คือสิ่งที่เธออยากจะพูด
เก็บพลังเอาไว้
ไม่ว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม