บทที่ 288 – สมาชิกคนล่าสุด (5)
“ฮวาหยาหรอ? เธอหมายความว่ายังไง!?”
“สามีที่รักเป็นคนเดียวที่เข้าไปและฮวาหยาก็ได้ตามคุณเข้าไป หลังจากนั้นเกตก็ได้ปิดตัวลงและไม่มีใครเข้าไปได้อีก… เอ๋? สะ สามีที่รัก!”
ลิโคไรท์ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากที่ฉันเข้าไปในดันเจี้ยนจู่ๆก็ชี้ไปด้านหลังของฉันด้วยความตกใจ เมื่อฉันหันไปมอง เงาสีเทาๆก็ไปปรากฏออกมา
มันคือเกต
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
ฉันได้พึมพัมออกมา ลิโคไรท์ก็ได้ถามขึ้นมาอย่างระมัดระวัง
“สามีที่รักคุณจัดการเคลียร์ดันเจี้ยนไปแล้วจริงๆหรอ?”
“ฉันเคลียร์ดันเจี้ยนไปแล้วนะ ฉันได้ฆ่าราชาไปตัวหนึ่งและ…”
ทันใดนั้นเองฉันก็รู้สึกตัวได้ ฉันได้นึกไปถึงในตอนที่ราชาแห่งสรรพสัตว์ได้พูดออกมาว่าราชาทั้งหมดจะออกมาพร้อมๆกัน ถ้าเป็นแบบนี้คำตอบก็ชัดเจนแล้ว
“นี่คืออีกดันเจี้ยนหนึ่ง”
เพราะแบบนั้นฉันได้เข้าไปหาดันเจี้ยนอย่างรวดเร็ว ยังไงก็ตามด้วยพลังอะไรซักอย่างได้ผลักฉันออกมา เดซี่ได้เดินเข้ามาหาฉันเงียบๆ
“ไม่มีประโยชน์ แม้แต่พลังของเทพก็ทำลายมันไม่ได้”
“เธอลองใช้แล้วหรอ?”
“แค่อย่างเดียว เพื่อที่จะสู้กับราชาแห่งความตายฉันยังเก็บพลังอื่นไว้อยู่”
เดซี่ได้พูดออกมาด้วยเสียงที่เป็นกังวล เธอได้สัมผัสกับแขนและใบหน้าของฉันจากนั้นก็พูดออกมาอย่างโล่งใจ
“ฉันคิดว่านายกับฮวาหยาจะติดกับดักทั้งสองคน… ฉันเป็นห่วง”
นี่มันเป็นครั้งแรกเลยที่เดซี่พูดอะไรแบบนี้ ถ้าดูจากการที่เธอได้ลองใช้พลังของเทพทำลายมันเข้าไปแล้วฉันก็พอจะเข้าใจในความกังวลของเธอได้เลย เมื่อฉันได้รู้ถึงความห่วงใยจากเธอทำให้ฉันรู้สึกประทับใจมากๆ
“ขอบคุณนะเดซี่ ฉันปลอดภัยและฉันก็ยังฆ่าราชาไปแล้วด้วย ถึงแม้… จะไม่มีผู้รอดชีวิตคนอื่นเลยก็ตาม”
“แล้วฮวาหยาล่ะ?”
“มันดูเหมือนว่าเธอจะอยู่ในอีกดันเจี้ยนหนึ่ง มีเกตอยู่สองอันในที่เดียวกัน”
เมื่อฉันได้เข้าไปในเกตของราชาแห่งสรรพสัตว์มันก็ได้ปิดตัวลงเพื่อไม่ให้คนอื่นเข้าไปได้อีก ฮวาหยาที่รีบกระโดดลงไปก็ได้เข้าไปในอีกเกตหนึ่งที่รอเธออยู่
พวกมันวางแผนที่จะแยกฉันกับฮวาหยาออกจากกันตั้งแต่แรกงั้นหรอ? เมื่อฉันได้คิดเรื่องนี้ขึ้นทำให้ฉันต้องหนาวไปถึงสันหลัง ราชาแห่งสรรพสัตว์นั่นดูถูกฉันและพลาดแพ้ฉันมา แต่ว่ามันก็ไม่มีอะไรยืนยันว่าราชาคนอื่นจะเป็นแบบเจ้านั่น ที่สำคัญไปกว่านั้นฉันก็ยังเห็นได้ถึงความรอบคอบของเจ้าสิ่งมีชีวิตที่อยู่เหนือไปกว่าราชา มันจะต้องเป็นคนวางแผนแบ่งแยกกำลังของเราอย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อวันที่ฉันต้องเผชิญหน้ากับมันมาถึง ฉัน… ไม่สิ นี่มันไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนี้
“คังชินนายโอเคนะ?”
“…ไม่เป็นไร โทษนะ”
ฮวาหยาปลอดภัยหรือป่าวนะ? เวลามันผ่านไปนานแค่ไหนแล้วนับตั้งแต่ที่เธอได้เข้าไปในดันเจี้ยน? ราชาตัวนั่นที่เธอเจอมันแข็งแกร่งแค่ไหนกันนะ? ในหัวของฉันได้เต็มไปด้วยคำถาม
“เป็นห่วงฮวาหยาหรอ?”
“แน่นอนสิ!… ขอโทษนะที่ตะโกน ฉันแค่มัวแต่คิดอะไรในหัวนะ”
“อื้อ ไม่เป็นไร”
เดซี่ได้มองมาที่ฉันอย่างใจเย็นและช่วยให้ฉันสงบใจลงไป ในขณะเดียวกันเครื่องบินที่สมาชิกรีไวเวิร์ลคนอื่นๆอยู่ก็ได้ลองมาจอด ไอน่าที่รออยู่ด้านในได้กระโดดเข้ามากอดฉันทั้งน้ำตา
“พ่อ!”
“อื้อ อื้อ”
“แม่ไป…….”
“พ่อรู้ แม่อยู่ในดันเจี้ยนใช่ไหม?”
“อื้อ แต่ว่าหนูเข้าไปไม่ได้ หนูพยายามจะใช้พลังของสกาดิแต่ว่าเดซี่บอกว่าหนูใช้ไม่ได้”
เดซี่รู้ว่ามันไม่มีประโยชน์อะไร ฉันได้ปลอบใจไอน่าที่กำลังร้องไห้ออกมา
“ฮวาหยาเข้าไปในนั้นเมื่อไหร่?”
“13 นาที 27 วินาที”
“ถ้าเป็นฮวาหยาเธอก็น่าจะยังไม่เป็นอะไร… ให้ตายสิ พวกเราไม่รู้แม้กระทั่งว่าอะไรมันอยู่ด้านในเลย!”
ฉันได้ตรวจดูเกตอีกครั้งหนึ่งและมองเห็นร่องรอยของพลังเดซี่ เธอใช้พลังในการกัดกร่อนงั้ยหรอ? ส่วนหนึ่งของเกตได้ถูกขุดขึ้นมา ถ้าหากว่าพลังของเทพได้ผลแค่นี้ แล้วเราจะใช้กำลังบังคับเปิดเกตได้ยังไงกัน?
“ถ้าเป็นดวงตาพระศิวะบางทีอาจจะ……..”
“หาวิธีอื่นเถอะ ถ้าคังชินใช้มันถึงเราจะช่วยฮวาหยาได้แต่เราทั้งหมดจะต้องตายเพราะเดม่อนลอร์ดแน่
“…….”
คำทำนายของเคียร่ามันไม่ได้แน่นอน แต่ว่าด้วยดวงตาที่เธอถูกเปิดขึ้นมาพลังของเธอก็ได้ไปไกลกว่าเมื่อก่อนมาก ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าราชาทั้งหมดมา แต่เธอก็ยังเห็นได้ถึงราชาถึงสองตัวและเอกลักษณ์ของพวกมันด้วย มันเป็นไปได้ว่าฉันจำเป็นต้องใช้ดวงตาพระศิวะในการสู้กับเดม่อนลอร์ดจริงๆ
ให้ตายสิ! ปีละครั้งงั้นหรอ? ฉันจะไปใช้อะไรแบบนี้ได้ยังไง!?”
…รอเดี๋ยวนะ
“ฉันจำเป็นต้องไปในดันเจี้ยน”
ทันใดนั้นฉันก็นึกบางอย่างออก ฉันได้เปิดเกตไปสู่ดันเจี้ยนขึ้นมาทันทีโดยไม่ลังเล แต่ยังไงก็ตามก่อนที่ฉันจะเข้าไปเดซี่ก็ได้ส่ายหัวของเธอ
“ฉันเข้าไปมาแล้ว ในตอนนี้ฉันติดต่อกิลด์ผู้ดูแลไม่ได้เลย ดันเจี้ยนกำลังวุ่นวายมากๆ”
“เธอได้ไปสวนแฟรี่ไหม?”
“สวนแฟรี่? ฉันไม่รู้ว่าจะไปที่นั่นได้ยังไง”
“เอาล่ะไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจะมาบอกทีหลังนะ”
ฉันได้ฝากไอน่าไว้กับลิโคไรท์และกระโดดเข้าไปในดันเจี้ยน จากนั้นก็รีบมุ่งหน้าสู่สวนแฟรี่ทันที
[ท่านเจ้าชาย!]
[เขาแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว!]
[วันนั้นจะต้องใกล้เข้ามาแล้ว]
[อ่า เขามาแล้ว!]
“โรเล็ตต้าอยู่ไหนหรอ?”
[ที่ศาลา!]
[เธออยู่ที่ศาลา!]
ภูติธาตุก็ดูจะรู้ถึงความเร่งรีบของฉันทำให้พวกเขาตอบกลับมาอย่างรวดเร็วโดยไม่ทำเป็นเล่น ฉันได้นึกภาพศาลาสวนแฟรี่ในหัวและเดินต่อทันที
ไม่นานรนักฉันก็ได้เห็นโรเล็ตต้ากับสมาชิกทั้งสิบคนของสวนแฟรี่ หูของโรเล็ตต้าได้ตั้งขึ้นมาเมื่อรู้ว่าฉันมาถึง
“ชิน!”
“โรเล็ตต้าเธอรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นที่โลก?”
“อ่า ชะ ใช่แล้ว ตอนนี้โลกกำลังใกล้จะพังลงไปเรื่อยๆ พวกเราจึงถูกเวลากดดัน…. แล้วเกิดอะไรขึ้นที่โลกของชินหรอ?”
ฉันได้ก้มหน้าลงและถอนหายใจลึกๆออกมา นี้มันไม่ใช่ความผิดของโรเล็ตต้า พวกเราแค่โชคร้าย! ในขณะเดียวกันโรเล็ตต้าก็ได้แอบส่งเอกสารข้างหน้าของเธอไปให้คนที่นั่งถัดจากเธอ
“พี่สาว! มือฉันเต็มไปหมดแล้ว!”
นั่นคือหลิน
“จัดการมันทีหัวหน้ากิลด์ พี่สาวมีธุระที่ต้องจัดการ”
“อ๊าาาาา ก็ได้”
“ชิน บอกฉันมาสิ”
โรเล็ตต้าได้รีบผลักงานออกไปและเข้ามาหาฉัน ฉันรู้สึกเหมือนว่าฉันน่าจะขอโทษที่มารบกวนเธอแต่ว่าฉันก็ไม่อยากจะเสียเวลาไปกับการคุยเล็กๆนี้อีกแล้ว ฉันได้อธิบายในสถานการณ์ในปัจจุบันให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เหตุการณ์ดันเจี้ยนนั่นได้อยู่เหนือการควบคุมของเชอริฟิน่าไปโดยสมบูรณ์แล้ว ดันเจี้ยนที่เป็นกับดักขังคนเอาไว้และวิธีในการทำลายพวกมัน
หลังจากได้ยินเรื่องราวพวกนี้แล้วการแสดงของโรเล็ตต้าได้แข็งทื่อไป
“เป็นไปไม่ได้ มันไม่มีทางที่พวกนั้นจะละเลยในพลังของดันเจี้ยนได้ถึงขนาดนี้”
“มันเป็นความจริงโรเล็ตต้า”
“นั่นมันไม่ใช่แค่เมินในพลังของดันเจี้ยนแต่มันยังใช้พลังของดันเจี้ยนเป็นของตัวเองด้วย! ไม่ว่าจะเป็นปีศาจ ห้าราชา หรืออะไรก็ตามมันไม่มีทางจะเป็นไปได้”
“โรเล็ตต้า”
“ขะ ขอโทษ”
เมื่อฉันได้เรียกเธอด้วยเสียงที่เคร่งขรึมเธอได้สติทันที แต่ว่าในตอนนี้ฉันก็มไมีเวลามายอมรับในคำขอโทษของเธอแล้ว
“พวกเราจะต้องทำยังไงเพื่อเข้าไปในนั้น?”
“เข้าไปหรอ? พลังของดันเจี้ยนมันใช้ไม่ได้ผลกับพวกมันแล้ว แม้แต่ลอร์ดก็ทำอะไรไม่ได้”
“แล้วถ้าเราไม่ได้ใช้พลังของดันเจี้ยนล่ะ? อย่างถ้าฉันใช้พลังของดวงตาพระศิวะในการเปิดประตูล่ะ?”
หลังจากคิดเล็กน้อยโรเล็ตต้าก็เอามือก่ายหน้าผากของเธอ เนื่องจากฉันรู้ว่าเธอจะทำอะไรฉันจึงนึกไปถึงความรู้สึกจากการที่ฉันสัมผัสเกตและส่งมันไปให้เธอ จากนั้นโรเล็ตต้าก็หยักหน้า
“มันน่าจะได้ แต่ว่าถ้าสิ่งที่ชินพูดมันเป็นเรื่องจริง พลังนั่นมันก็จำเป็นเอาไว้ต่อสู้กับเดม่อนลอร์ด…..”
“ถ้างั้นฉันขอถามอีกครั้ง มีนักสำรวจในดันเจี้ยนคนไหนที่มีพลังเทียบได้กับดวงตาของพระศิวะ?”
เมื่อเธอได้ยินคำถามนี้โรเล็ตต้าก็ดูเหมือนจะนิ่งไป แต่ว่าวิต่อมาเธอได้จ้องฉันอย่างตั้งใจ
“…….ชินได้คิดเรื่องนี้มาก่อนที่จะมานี่แล้วใช่ไหม?”
“ใช่”
“ฉันไม่อยากจะเจอเขาอีก……”
“ถ้างั้นปล่อยให้ฉันไปคนเดียว ฉันแค่คิดว่าฉันน่าจะมาบอกโรเล็ตต้าก่อนที่จะไปนะ”
ฉันไม่มีเวลาแล้ว เมื่อโรเล็๖ต้าได้ยืนยันถึงแผนของฉันแล้ว ฉันก็แค่ต้องทำมันเท่านั้น เมื่อฉันได้หันหน้าไปโรเล็ตต้าก็คว้าไหล่ของฉัน
“ให้ฉันไปด้วย ฉันพอจะช่วยโน้มน้าวเขาได้”
“แต่ว่าโรเล็ตต้า”
“ตอนนี้ฉันไม่ได้สนใจแล้ว ฉันก็แค่ไม่อยากจะเห็นหน้าเขาอีก หรือว่าชินสงสัยในตัวฉันหรอ?”
“แน่นอนว่าไม่เลย ฉันก็แค่ไม่อยากจะบังคับให้โรเล็ตต้าไปเจอหน้าคนที่โรเล็ตต้าไม่อยาก….”
“ไปกันเธอ แบบนี้มันจะดีกว่า”
โรเล็ตต้าได้พูดออกมาแข็งๆ ฉันได้มองเข้าไปในตาของเธอและหยักหน้าเบาๆ
“หัวหน้าจะไปแล้วหรอ?”
ซิคาทราได้ถามกับโรเล็ตต้า โรเล็ตต้าได้จับมือของฉันเอาไว้และตอบกลับไป
“ฉันส่งอำนาจไปให้หลินอย่างเป็นทางการแล้ว ต่อให้ฉันไม่อยู่ก็ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“มันจะไม่มีปัญหากับการทำงานของเราหรอกแต่ว่ามันก็ยังคงขัดต่อกฏของลอร์ด หัวหน้าเตรียมตัวกับการลงโทษไว้แล้วหรอ?”
“ใช่ ฉันเตรียมใจแล้ว ดังนั้นนี่คือสิ่งที่ฉันต้องการจะทำ”
“ไท้เป็นไร บอกคนๆนั้นว่าฉันฝากสวัสดีด้วยนะ”
บางทีซิคาทราอาจจะต้องการสร้างลำดับของเหตุการณ์ขึ้น ฉันได้โค้งคำนับให้กับเธอเมื่อได้เข้าใจถึงความตั้งใจนี้ เธอก็ยังยิ้มขึ้นมาและหยักหน้าทันที โรเล็ตต้ากับฉันได้ออกไปจากสวนแฟรีและมุ่งหน้าสู่พื้นที่พักอาศัยของบียอนทันที
ใช่แล้ว ที่นั่นมีคนๆหนึ่งที่ฉันคิดว่ามีพลังที่เทียบได้กับพลังของพระศิวะ
นักสำรวจบียอนคนแรก
“ชินก็อาจจะรู้อยู่แล้ว เขามีพลังของโอดิน”
“โอดิน”
“โอดินไม่ได้ชื่อเสียงแค่บนโลกของชินเท่านั้น เขามีอิทธิพลในโลกอื่นอย่างมากเช่นกัน”
“เข้าใจแล้ว”
“กุงเนียร์ก็น่าจะมีพลังมากพอ ถ้าหากว่าเขากำหนดเป้าหมายไว้ที่ราชามันก็น่าจะสร้างความเสียหายให้กับราชาได้มากอยู่เหมือนกันต่อให้พลังนั้นจะต้องทะลวงเกตไปแล้วก็ตาม”
“ฉันดีใจนะที่ได้ยินแบบนั้น”
เพราะแบบนี้ทำให้เราพอคลายใจได้ ไม่นานหลังจากนั้นเราก็ได้มาอยู่เบื้องหน้าของปราสาทยักษ์ มันยังคงเป็นสถานที่ที่น่าขนลุกเหมือนก่อนหน้านี้เช่นเดิม
เมื่อเราได้มาถึงหน้าประตูปราสาทข้อความก็ได้ดังในหัวของฉัน เขาได้พบกับตัวตนของเราแล้ว
[อย่ามากวนฉันได้มั๊ย? ทำไมนายถึงมาที่นี่อีกล่ะนักสำรวจคนที่สาม?]
เสียงของเขายังคงหมองหม่น แต่ว่ามันก็มีเสน่ห์อย่างน่ากลัว ฉันสามารถจะบอกได้เลยว่าเสน่ห์ของเขาอยู่ในระดับใกล้เคียงกับตัวฉัน
เดี๋ยวก่อนนะเสียงของฉันก็เป็นแบบนี้กับคนอื่นงั้นหรอ? ฉันได้เก็บความไม่สบายใจนี้เอาไว้และพูดออกไป
[ฉันมีคำขอที่จะมาขอคุณ]
[คำตอบคือไม่ กลับไปซะ]
เขาได้ปฏิเสธคำขอของฉันทันที ไอ้เจ้าตัวเลวร้ายนี่… ฉันได้กัดฟันแน่นและกำลังจะขอให้เขาช่วยอีกครั้ง แต่ตอนนั้นเองโรเล็ตต้าก็ได้วางมือลงไปบนประตูเหล็กและขอออกไป
[ฉันมาเพื่อขอให้นายช่วย เคน เซราฮาร์ด]
แม้ว่าเธอจะไม่ใช่นักสำรวจบียอนแต่เสียงของเธอก็ยังดังอยู่ในช่องสนทนาของนักสำรวจบีนยอน สมแล้วที่เธอเป็นหัวหน้ากิลด์สวนแฟรี่
เมื่อนักสำรวจบียอนคนแรกนี้ได้ยินเสียงโรเล็ตต้าเสียงของเขาก็สั่นไป
[เธอคือ… โรเล็ตต้า?]
[ใช่แล้ว ฉันโรเล็ตต้า… ชินอยากจะขอให้คุณช่วย คุณน่าจะฟังเขาหน่อยนะ]
[ไม่ ฉัน… กลับไปซะ]
[คุณจะต้องฟังเขา… ฉันหวังว่าคุณจะจำได้ว่าคุณติดหนี้บุญคุณเรา ติดหนี้บุญคุณฉัน]
ฉันไม่สามารถจะเงยหน้าขึ้นมาได้ ฉันรู้อยู่แล้วว่ามันจะแบบนี้แต่ว่าฉันก็อายเกินกว่าจะเผชิญหน้ากับโรเล็๖ต้า อ่าาา เพื่อช่วยฮวาหยา ฉันได้ทำให้โรเล็ตต้าต้องมาเจอกับรักแรกของเธอ ถ้าฉันตาย ฉันมั่นใจเลยว่าฉันก็คงตกนรกแน่…!
[…เข้าใจแล้ว เขาเป็นของคุณ….]
[ใช่ ฉันไม่เคยพอใจกับความจริงที่ว่าฉันต้องอยู่ในดันเจี้ยนมามากขนาดนี้]
[เข้าใจแล้ว… ถ้าแบบนั้นมันก็ไม่มีทางเลือกอื่น]
นี้มัน พวกเราไม่จำเป็นต้องโน้มน้าวเขาอีกต่อไปแล้ว เขาได้ยอมรับในคำขอของฉันแค่เพราะโณเล็ตต้าได้พูดออกมา ฉันรู้สึกกลัวมากเมื่อคิดไปถึงหนี้บุญคุณที่เขาติดโรเล็ตต้าอยู่หรือว่าภาระในใจของโรเล็ตต้ามันมากแค่ไหน
ประตูเหล็กที่ปิดมาตลอดหลายร้อยปีได้เปิดขึ้นอย่างง่ายดาย สวนกว้างได้ปรากฏขึ้นมาและเราก็ได้เห็นประตูปราสาทของเขา
[เข้ามาสิ อย่างน้อยฉันก็อยากจะได้ยินเสียงของนาย]
นักสำรวจดันเจี้ยนที่แข็งแกร่งที่สุดกำลังต้อนรับฉัน