บทที่ 304 – ลิลิธ (4)
[คุณ… คุณทนมันได้จริงๆ]
ฉันสามารถจะบอกได้ทันทีที่ได้ยินเสียงของเธอว่าเธอกำลังโกรธ ฉันได้มองเธอยิ้มๆ
“นักสะสมความตาย”
หมอกสีดำได้ออกมาจากร่างฉันในทันที ลิลิธที่ใส่ชุดบางที่สามารถจะมองทะลุไปได้ดูจะขาดได้ง่ายแต่ว่าเธอก็แค่มองดูอาวุธที่โผล่ออกมาจากอย่างอย่างสนใจ ริมฝีปากที่อวบอิ่มของเธอได้ค่อยๆเปิดขึ้นมาและน้ำเสียงหวานๆของเธอก็เข้ามาใหูฉันอีกครั้งหนึ่ง
[คุณจะมาชี้อาวุธใส่ฉันจริงๆหรอ?]
“ตายซะ!”
[ข้าดอร์ตู เสริมพลังให้กับอาวุธทั้งหมด]
ดอร์ตูได้ส่งพลังของเขาลงไปในอาวุธทั้งหมดที่ออกมาจากหอกและอาวุธพวกนี้ก็พุ่งเข้าไปหาลิลิธด้วยความเร็วที่ยิ่งกว่ากระสุนในทันที อาวุธจำนวนมหศาลนี้ได้ตัดผ่านอากาศออกไปเพียงแค่เพื่อจัดการผู้หญิงที่อ่อนแอคนหนึ่ง
[คุณจะแทงฉันจริงๆ?]
เธอได้ตะโกนออกมาโดยที่ไม่คิดจะหลบ ฉันได้สบถออกมา ฉันสามารถจะโจมตีเธอได้ไม่ว่าเสน่ห์ของเธอมันจะสูงกว่าฉันมากแค่ไหน ด้วยวิญญาณสัมบูรณ์และวงจรเพรูต้าได้เสริมพลังในการแก้มันให้กับฉัน เธอไม่สามารถจะจัดการกับจิตใจที่แข็งแกร่งของฉัน ไม่ว่าเธอจะอ้อนวอนฉันมากแค่ไหน มันก็ไม่มีทาง… ไม่มีทาง…
[หุหุ นั่นคือสิ่งที่ฉันคิดเลย]
“นี่มัน… อะไร…?”
ฉันได้พึมพัมออกมาอย่างตกตะลึง ไม่ว่าใครก็จะต้องเป็นแบบฉัน ฉันไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็ฯเลย
[นี่ไง นี่ไง คุณก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ]
อาวุธของนักสะสมความตายที่สร้างขึ้นมาจากความโกรธแค้นและอาฆาตที่มีเป้าหมายแค่การฆ่าเป้าหมายของมันได้หยุดอยู่กลางอากาศทีละอัน อาวุธพวกนี้กระทั่งได้เริ่มหมุนอยู่รอบๆลิลิธเหมือนกับทำตัวเป็นผู้ป้องกัน
ฉันได้พึมพัมออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น
“นี่เธอ… คุณใช้เสน่ห์ได้แม้แต่กับวัตถุที่ไม่มีชีวิตงั้นหรอ?”
[หุหุ ฉลาดมาก ฉันชอบคุณจริงๆ]
ลิลิธได้ส่งรอยยิ้มหวานมาให้กับฉัน ดูเหมือนเธอจะคาดหวังกับการแสดงออกของฉันเอาไว้แล้ว
[ข้าดอร์ตู กำลังปกป้องนายท่าน]
เสียงของดอร์ตูดูรีบร้อนมาก อาวุธส่วนใหญ่ที่ปรากฏออกมาจากหมอกได้หนัเป้าหมายมาทางตรงกันข้ามและเริ่มพุ่งเข้ามาหาฉันในทันที ดอร์ตูได้ยอมแพ้ที่จะควบคุมพวกมันและเริ่มที่จะควบคุมในอาวุธที่ไม่ได้รับผลจากลิลิธแทน
“อ๊าาา ฉันได้ใช่ทักษะนี่ครั้งแรกและในตอนนี้ฉันก็กำลังถูกทักษะนี้โจมตีเอง!? บ้าอะไรกันเนี่ย!?”
[ข้าดอร์ตู ปกป้องความรู้สึกของนายท่าน]
พลังของดอร์ตูมีมากมายมหาศาล ดอร์ตูได้ควบคุมอาวุธทั้งหมดสวนกลับไปและโจมตีในอาวุธที่เข้ามาโจมตีฉันโดยที่ฉันไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย ในตอนที่อาวุธได้พังลงมันจะกลายเป็นบางอย่างที่เหมือนกับของเหลวและหายไปในหมอก ยังไงก็ตามอาวุธของดอร์ตูก็ทำได้เพียงแค่ป้องกันฉันเอาไว้ด้วยการหมุนรอบตัวฉัน อาวุธพวกนี้ไม่ได้คิดที่จะเข้าไปโจมตีลิลิธอีกครั้งเลย
มันดูเหมือนว่าลิลิธจะรู้ได้ถึงบางอย่างเมื่อได้เห็นการเคลื่อนไหวของอาวุธ
[โอ้ พลังนั่นมันคือของคุณหีอ? หรือว่า… จะมีภูติธาตุตนอื่นที่ฉันไม่รู้ล่ะ?]
“เธอล่อลวงวัตถุได้ยังไงกัน?”
ฉันอดที่จะถามออกไปไม่ได้ ฉันรู้ดีว่าในตอนนี้มันไม่ใช่เวลาแต่ว่านี่มันน่าตกใจมาก ไม่ว่าเสน่ห์ของเธอจะมากแค่ไหนมันก็น่าจะส่งผลแค่กับคนอื่นๆสิ มันน่าจะได้ผลกับแค่สิ่งมีชิวิตสิ
แต่แล้วลิลิธได้ล่อลวงอาวุธที่ซึ่งมีเป้าหมายแค่ฆ่าศัตรูของมันเท่านั้น ฉันเข้าใจในพลังของเธอไม่ได้เลยซักนิด
[ที่รัก คุณรู้ไหมว่าชื่อของฉันมันหมายถึงอะไร?]
“ชื่อของเธอ?”
บนโลกลิลิธคือภรรยาคนแรกของอดัมที่เป็นผู้ปฏิเสธแม้แต่เทพเจ้าและเข้าไปมีความสัมพันธ์กับปีศาจ
มันไม่เพียงแต่เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อถือเท่านั้น แต่ว่าเรื่องราวมันก็ยิ่งเปลื่ยนแปลงไปเมื่อนานปีเข้า ในตอนนี้ลิลิธเป็นที่รู้ด้วยกันว่าคือปีศาจที่คล้ายกับซัคคิวบัส
ลิลิธได้พูดออกมา
[หุหุ ลิลิธหมายถึงผู้หญิงที่มีเสน่ห์ที่สุดในโลก]
“นั่นมันคือในโลกของเธอ”
[ใช่แล้วนี่มันอยู่ในโลกของฉัน ลิลิธมันไม่ใช่ชื่อแต่เป็นฉายา ฉายาที่มีเกียรติที่จะมอบให้กับหญิงสาวที่มีเสน่ห์มากที่สุดในโลก]
เธอได้ยื่นมือมาให้ฉันด้วยรอยยิ้มหวาน
[ฉันเป็นคนที่สวยงามและมีเสน่ห์มากที่สุดในโลกโลกอีเนซิส คุณรู้ไหมว่าคำว่า ‘ที่สุด’ มันหมายถึงอะไรในหมู่ของปีศาจ?]
“มันดูเหมือนฉันรู้หรอ?”
[หุหุ คุณนี่ตลกจริงๆ]
ฉันได้ตอบกลับไปอย้่างห้วนๆและถามกับดอร์ตูถึงจำนวนของอุปกรณ์ที่ดอร์ตูสามารถจะควบคุมป้องกันจากผลของเธอได้
ดอร์ตูได้ตอบกลับมา
[ข้าดอร์ตู ระหว่างเกราะกับหอกของนายท่าน จะต้องมีหนึ่งอย่างที่ทิ้งไว้]
ฉันได้เปลื่ยนเกราะของฉันกลับไปในรูปแบบกำไลในทันที เมื่อเห็นจู่ๆฉันเปลื่ยนเสื้อไปเหลือแต่เสื้อข้างในทันให้รอยยิ้มของลิลิธกว้างขึ้นมา
[ตอนนี้มันดูดีมาก คุณเปลื่ยนใจแล้วหรอ? เยี่ยมเลย มานี่สิ พวกเราไม่จำเป็นต้องสู้กันหรอก เรามาทำสิ่งที่ตื่นเต้นมากกว่านี้ดีกว่า เก็บหอกลงไปด้วยสิ หุหุ… คุณมีอาวุธอันอื่นที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว]
“ขอร้องล่ะ เธอก็น่าจะรู้ว่าทำไมฉันถึงถอดเกราะออกไปนี่”
ฉันได้บ่นขึ้นและดึงพลังเทพสายฟ้าเข้ามาในหอกโกลาหล ไพก้าได้ฮัมเพลงขึ้นอย่างยินดีและเพิ่มพลังของมันขึ้นไปสายฟ้าได้ผสานเข้าไปด้วยกันส่งประกายสายฟ้าออกมา
[หุหุ คุณพูดแบบนั้นสินะแต่ว่าในท้ายที่สุดคุณก็จะหนีไปจากเสน่ห์ของฉันไม่ได้ ฉันลิลิธ ฉันมีพลังในการล่อลวงทุกๆสิ่งในโลก ทุกๆสิ่ง… ยกเว้นผู้หญิงไม่กี่คนเท่านั้น]
“ฮีโร่ที่เอาชนะเธอ…”
[ใช่แล้ว ฮีโร่ที่เป็นผู้หญิง แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นเธอ เธอก็ยังลังเลที่จะฆ่าฉันและในท้ายที่สุดฉันก็ถูกจับและมาจบลงที่นี่]
“อะไรของเจ้าฮีโร่งี่เง่านั่น”
[คุณพูดถูก แต่ว่าเธอพยายามที่สุดแล้ว บางทีนักรบคนอื่นๆทั้งหมดอาจจะส่งความกล้าทั้งหมดมาให้เธอแล้วก็ได้เพราะว่านอกไปจากเธอแล้วไม่มีใครที่จะทำอะไรฉันได้เลยโดยเฉพาะอย่างยิ่งนักรบเพศชาย]
ลิลิธได้เริ่มบ่นออกมา เธอได้เอื้อมมือเข้ามาหาฉันและพูดขึ้น
[คนที่พยายามจะฆ่าฉัน… ในตอนที่มือของฉันสัมผัสพวกเขา…]
มือของเธอที่นุ่มนวลได้ผ่านอากาศออกมา มันดูเหมือนกับว่าเธอกำลังลูบหน้าของฉัน การเคลื่อนไหวที่ทรงเสน่ห์นี้มันดูเหมือนว่าต้องการที่จะทำให้ฉันเป็นของเธอ
[พวกนั้นต่างยินดีที่จะมอบชีวิตให้กับฉัน อ๊าาา พวกนั่นน่าเบื่อ น่าเบื่อมากจริงๆ]
“แต่ว่าไม่ใช่พวกนั้นฆ่าซัคคิวบิและอินคิวบิที่อยู่ภายใต้คำสั่งของเธอหรอกหรอ?”
[หุหุ นั่นมันก็เป็นเพราะว่าฉันต้องรอนานมากกว่าที่เส้นทางการบุกรุกไปจะเปิดกว้างพอ แต่ว่าคุณรู้เรื่องนี้… โอ้ บางทีคุณน่าจะมีราชินีซัคคิวบัสอยู่กับคุณสินะ?]
หัวใจของฉันได้เต้นรัวขึ้น ฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะอ่านฉันออกมาขนาดนั้น แต่ว่าบางทีนี่มันอาจจะเป็นการแกล้งก็ได้ ท่าทางของลิลิธได้เปลื่ยนไปกลายเป็นรุนแรงขึ้น นี่มันเป็นครั้งแรกเลยที่ฉันได้เห็นใบหน้าของเธอเป็นแบบนี้นับตั้งแต่ที่เจอเธอ
[คุณมีเจ้าเลวทรามอยู่กับคุณที่มีนมีผมสีชมพูอยู่ด้วยสินะ นี่มันใช่เลย ในตอนที่ฉันพ่ายและติดกับอยู่ที่นี่มาหลายปีเธอคนนั้นได้เจอเจ้านายใหม่ของตัวเองและไปที่โลกอื่นสินะ! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!]
ลิลิธได้หัวเราะออกมาดังๆ เสียงหัวเราะของเธอได้เต็มไปด้วยความโกรธ ไม่นานหลังจากที่เธอได้เริ่มหัวเราะจู่ๆเธอก็หยุดลงและมองตรงมาทางฉันและพูดขึ้น
[ลูกรักอยู่กับฉัน ตัดพันธะสัญญากับเธอ และมาอยู่กับฉันตลอดไปเถอะ ที่นี่มันจะไม่มีใครมารบกวนเราได้]
เธอได้พูดต่อไป ดวงตาของเธอได้ส่องแสงออกมาเหมือนกับอัญมณีล่อลวงตัวฉัน
[ฉันจะให้ทุกๆอย่างกับคุณนอกเหนือไปจากอิสระ คุณรู้ไหวว่าร่างกายของผู้หญิงจะมอบความยินดีอะไรให้กับคุณได้บ้าง? ถ้าหากคุณกอดฉันจะไม่มีผู้หญิงคนใดที่จะทำให้คุณพอใจได้อีก อาหาร? นี่ ฉันไม่ได้ต่างไปจากพระเจ้าที่สรรสร้างเลย สิ่งที่คุณต้องการจะกิน สิ่งที่คุณต้องการจะดื่ม ฉันสามารถจะทำมันได้ทั้งหมด การต่อสู้หรอ? ศัตรูของโลกหรอ? มันไม่มีอะไรที่สำคัญแล้ว ฉันจริงจังนะ]
กลิ่นของเธอได้รุนแรงมากขึ้น ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอยังไม่ได้ถึงจีดจัดกัด พลังในการล่อลวงของเธอที่ฉันเชื่อว่าฉันป้องกันได้ได้กลายมาเป็นแข็งแกร่งมากกว่าเดิม นี่มันไม่ต้องสงสัยเลย นี่มันคือเธอจริงๆ ลิลิธจริงๆ
[มันไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความสุขแล้ว อยู่กับฉันสิ ฉันสามารถจะให้ความสุขที่เทียบกับผู้หญิงคนอื่นๆไม่ได้เลย]
“ที่นี่ กับเธอตลอดไปงั้นหรอ…?”
[ใช่แล้ว อยู่กับฉันตลอดไป]
คำพูดของเธอทำให้ฉันหวั่นไหว เธอไม่ได้มีพลังในการต่อสู้ที่เหนือขีดสุดหรือพลังเวทย์ที่ไม่สิ้นสุด ทั้งหมดที่เธอมีเลยก็คือเสน่ห์ที่น่าสะพรึงกลัว ด้วยพลังเสน่ห์นี้ของเธอ เธอสามารถจะล่อลวงวัตถุที่ไม่มีชีวิตและสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาได้
บ้ามาก บ้าเกินไปแล้ว! เชอริฟิน่า… เธอคิดอะไรกันถึงได้มาวางกับดักไว้ในบียอนชั้นที่ 35 นี้!? ระดับของเธอคนนี้แตกต่างไปอย่างนรกสีชาดอย่างสิ้นเชิง นรกสีชาดสามารถต้านทานฉันทางกายภาพได้ แต่ว่าลิลิธ
[ติดคริติคอล]
[กรี๊ดดดดดดดดดดด!]
เสียงกรีดร้องที่น่ากลัวได้ดังไปทั่วทั้งพระราชวังนี้ ในเวลาเดียวกันเก้าอี้โซ่ที่ลิลิธนั่งอยู่ก็ได้พังลงมาในที่สุดจากการที่เพลิงโกลาหลเผาไหม้และเก้าอี้ก็ได้ตกลงมาบนพื้น
ลิลิธได้ร้องออกมาพร้อมกับเอามือกุมหน้าของเธอในขณะที่ตกลงมาบนพื้นอย่างทำอะไรไม่ได้ ฉันได้ปาหอกเข้าไปใส่เธอทันที แต่ว่าน่าทึ่งที่โซ่บนเก้าอี้ได้เข้ามมาป้องกันหอกของฉันไว้
สำหรับโซ่เฉยๆนี้มันทนทานอย่างมาก มันได้หยุดการโจมตีของฉันเอาไว้และป้องกันฉันไม่ให้ทำร้ายลิลิธได้ จริงๆแล้วส่วนหนึ่งมันเป็นเพราะฉันใช้พลังเต็มที่ไม่ได้ด้วยเช่นกันเนื่องจากฉันมีปัญหาในการเคลื่อนไหว
[ได้ยังไง… ได้ยังไงกัน…!]
ลิลิธได้ฝืนลุกขึ้นมา ใบหน้าของเธอได้ปกคลุมได้ด้วยเลือด มือข้างหนึ่งของเธอได้ปิดหน้าไว้ส่วนหนึ่งและฉันก็รู้ดีว่าทำไม
“นรกสีชาดสามารถจะป้องกันการโจมตีทางกายภาพของฉันได้…”
ฉันแทบจะหยุดการสั่นจากเสน่ห์ของเธอและเรียกหอกที่ปาใส่หน้าของเธอกลับมา ในท้ายที่สุดแล้วคมหอกก็บาดดึงดวงตา
“แต่ถึงมันจะลดลงไปแล้วแต่เสน่ห์ของเธอก็ยังมากจริงๆ”
ฉันได้ดึงตาของเธอออกมาและบีบมันทิ้ง ดวงตาอัญมณีได้ระเบิดขึ้นและพลังของมันก็เริ่มไหลเข้ามาในตัวฉัน
[คุณ… ได้ยังไงกัน คุณเป็นผู้ชายนะ! คุณเป็นผู้ชาย!]
“อืมม ในตอนนี้เธอก็เหลือตาเดียวแล้วสินะ เธอที่เหลือครึ่งเดียวไม่ได้แย่นะ”
ฉันได้ยิ้มหวานขึ้นมา เป็นเพราะการที่ฉันได้ขโมยพลังเสน่ห์มาจากเธอบางส่วนทำให้ลิลิธไม่ได้ดูน่ากลัวและน่ารักอีกต่อไปแล้ว
จริงๆเมื่อมองไปที่ลิลิธพลังเวทย์ที่รั่วไหลออกมาก็ทำให้จิตวิญญษณการต่อสู้ของฉันพุ่งทะยานขึ้นไป
[ถ้าหากว่าคุณต้องการแบบนี้ ฉันจะฆ่าคุณ…! ฉันจะฆ่าคุณและลบผู้หญิงคนนั้นออกไปด้วยเหมือนกัน!]
“ไม่ใช่ว่าฉันบอกแต่แรกแล้วหรอกหรอ? มาสู้กัน”
ฉันได้ตอบกลับไปสั้นๆ ลิลิธได้ดึงพลังของเธอขึ้นมาและกระจายพลังเวทย์ของเธอไปทั่วทั้งพระราชวังและรูปปั้นทองคำที่ดูเหมือนของตกแต่งก็ได้เริ่มเคลื่อนไหว เสน่ห์ในระดับเทพของเธอส่งผลได้แม้แต่วัตถุที่ไม่มีชีวิต รูปปั้นทองคำเหล่านี้เหมือนกับเป็นทหารที่ภักดีของเธอ
“เยี่ยม ตอนนี้มาสู้กันให้สนุกเลย”
ตัวฉันที่ไม่ได้ใส่อะไรเลยนอกจากชุดชั้นใน ฉันได้ถือหอกขึ้นและยิ้มอย่างมันใจ
จากนั้นฉันก็พุ่งออกไปด้านหน้า