บทที่ 306 – ลิลิธ (6)
“ไพก้า”
[งั่ม งั่ม]
“งั่ม งั่ม!?”
แสงที่อยู่เต็มพื้นที่นี้ได้หายไปโดยสมบูรณ์แล้ว บางอย่างได้ระเบิดในปากของไพก้าและมีเลือดสีแดงชานไหลออกมาจากปากของเธอ ฉันได้จ้องไปที่ไพก้าอย่างตกใจ ในเวลาเดียวกันพระราชวังก็ได้เริ่มเปลื่ยนไป มานาของลิลิธที่คงสภาพพื้นที่นี้เอาไว้ได้หายไปแล้วและมันก็ไม่ได้สมบูรณ์อีกต่อไป ไพก้าคือคนที่เอามานานั้นมา
[อึก]
“อึก!?”
ไพก้าได้กลืนในสิ่งที่อยู่ในปากของเธอลงไป ร่างกายของไพก้าได้ยืดยาวขึ้นมาในทันที เกล็ดของเธอก็ยังงดงามยิ่งขึ้น และมีเขาอีกหนึ่งอันงอกออกมาจากหัวของเธอ มันดูเหมือนว่าการกินลิลิธจะทำให้เธอพัฒนาขึ้นไป
“ไพก้าเธอไม่เป็นไรนะ?”
[อื้อ เธอเกือบจะตายเพราะการโจมตีของนายท่านอยู่แล้ว]
ไพ้ก้าได้หมุนตัวไปรอบๆเพื่อแสดงร่างกายให้ฉันเห็น จากนั้นฉันก็รู้ได้ว่าลิลิธไม่ได้ฟื้นอาการบาดเจ็บเลย เธอก็แค่หลอกฉัน เธอก็แค่ปกปิดบาดแผลเอาไว้เท่านั้นเอง
“แล้วเธอทำได้ยังไงกัน?”
[ฉันก็ตกใจกับการที่เธอหลอกนายท่านได้นะ แต่ว่ามันไร้ประโยชน์กับท่านไพก้าคนนี้! ฉันได้ปกป้องนายท่านจากผู้หญิงแปลกๆแบบเถอะ หุหุ]
ไพก้าคงจะลืมว่าร่างที่เธออยู่คือร่างไหน เธอได้หัวเราะออกมาอย่างร่าเริงทั้งแบบนั้น แต่ว่ามันเป็นเรื่องจริงที่ไพก้าได้ช่วยฉันเอาชนะลิลิธเอาไว้ ฉันได้ลูบหัวของเธอเป็นการขอบคุณ
“เธอทำให้ฉันได้รับชัยชนะมา ขอบคุณนะไพก้า”
[หุห ฉันก็น่าจะพูดแบบเดียวกัน ต้องขอบคุณผู้หญิงคนนั้นที่ทำให้ฉันรู้สึกได้ว่าฉันจะได้กลับไปสู่ร่างจริงเร็วๆนี้!]
“เธอหมายถึงผนึกสุดท้ายหรอ?”
[ใช่แล้วนายท่าน]
ไพก้าได้ยิ้มออกมาจนเห็นเนื้อและเลือดที่ติดอยู่บนฟันของเธอจนทำให้ฉันต้องตัวแข็ง ลิลิธที่สร้างปัญหาให้กับฉันได้จบลงด้วยสภาพที่น่าอดสู
หากไม่มีไพก้าที่ต้อนเธอจนมุมแล้ว เธอก็ยังมีพลังเวทย์เหลือและพลังเสน่ห์ของเธอมันก็น่ากลัวจริงๆจนถึงในจุดที่ขัดต่อกฏของโลก ยังไงก็ตามไพก้าไม่ได้โดนมันสักนิดเลย
พลังของไพก้าจะต้องเหนือยิ่งกว่าที่ฉันจินตนาการ แแต่กระทั่งด้วยวิญญาณสัมบูณณ์และวงจรเพรูต้าฉันก็ไม่สามารถจะมองผ่านการหลอกของลิลิธได้ แต่ว่าไพก้าได้ทำมันได้ง่ายๆและแถมยังกินลิลิธลงไปอีกด้วย นี่มันเป็นเพราะไพก้าเป็นภูติธาตุงั้นหรอ? หรือมันเพราะเธอเป็นผู้หญิง? บางทีมันอาจจะเป็นเพราะทั้งสองอย่างหรือไม่ใช่เพราะทั้งสองอย่างก็ได้
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันมั่นใจนั่นก็คือความพิเศษของไพก้า สิ่งที่พิเศษยิ่งกว่าดอร์ตูที่พิเศษอยู่แล้ว
ฉันรู้ว่าในท้ายที่สุดแล้วฉันจะต้องเจอมัน เมื่อผนึกสุดท้ายของเธอถูกปลดออกมาฉันจะรู้เอง ฉันได้ถามกับไพก้าด้วยรอยยิ้ม
“เธออยากจะลองกินมอนสเตอร์ตัวอื่นด้วยไหม?”
[ไม่! การกินมอนสเตอร์มั่วๆมันจะทำให้ฉันป่วยนะ!]
ไพก้าได้บนออกมาเหมือนกับคนเลือกกินและเสียงประโคมก็ได้ดังขึ้นมาในทันทีหลังจากนั้น
[คุณได้เอาชนะลิลิธเพียงลำพังสำเร็จ คุณได้เอาชนะศัตรูของโลกที่ไม่เคยมีนักสำรวจเอาชนะได้มาก่อนเหมือนอย่างนรกสีชาด ความสำเร็จของคุณจะเป็นเกียรติในหมู่นักสำรวจจนกระทั่งดันเจี้ยนหายไป ในตอนนี้ไม่มีนักสำรวจดันเจี้ยนคนใดที่เทียบเท่าคุณได้อีกแล้ว คุณได้รับแต้มทักษะ 5 แต้มเป็นรางวัล แต้มทักษะในปัจจุบัน 34]
[คุณได้รับฉายา ‘ผู้พิฆาติลิลิธ’ แต้มสเตตัสทั้งหมดเพิ่มขึ้น 5 เป็นการถาวร]
[คุณได้เคลียร์บียอนชั้นที่ 35 คุณได้รับคุณสมบัติที่จะท้าทายดันเจี้ยนที่หนึ่งชั้นที่ 86]
[คุณได้รับแต้มโบนัส 5 แต้ม พลังชีวิตและมานาสูงสุดของคุณเพิ่มขึ้น 2%]
[ทักษะที่คุณใช้บ่อยในระหว่างผ่านบียอนชั้นที่ 35 จะได้รับค่าประสบการณ์เสริมขึ้นไป]
[คุณได้รับรางวัลพิเศษที่ซ่อนเอาไว้สำหรับนักสำรวจคนแรก ยินดีด้วยคุณได้รับสเตตัสโชคเพิ่มขึ้น 10]
[รางวัลลับ เขาลิลิธ]
เขา? แต่ว่าลิลิธไม่มีเขานี่?
[เขาคือชิ้นส่วนร่างกายของลิลิธที่เก็บพลังของเธอเอาไว้มากที่สุด ดันเจี้ยนได้เก็บเขาของเธอที่ถูกฮีโร่ตัดออกมาเอาไว้]
ฉันจำเป็นต้องใช้เวลาสักพักจนกระทั่งฉันสามารถเข้าใจในสิ่งนี้ได้ทั้งหมด ในที่สุดแล้วฉันก็ได้คำตอบง่ายๆที่ทำให้ฉันต้องอ้าปากค้าง
“พลังของลิลิธถูกจำกัดเอาไว้อยู่…?”
และเธอก็ยังมีเสน่ห์จำนวนมากอยู่งั้นหรอ? มันดูเหมือนกับตลกง้าย ในหมู่ศัตรูของโลกที่ฉันได้เคยเจอมาเธอเป็นคนที่มีพลังพิเศษที่น่ากลัวที่สุด ฉันได้แต่รู้สึกขอบคุณไพก้าอีกครั้งหนึ่ง
ถ้าฉันเผชิญหน้ากับสมาชิกรีไวเวิร์ลคนอื่นๆ ฉันจะต้องเจอกับช่วงเวลาที่ยากกว่านี้ด้วยเพราะลิลิธจะต้องเปลื่ยนพรรคพวกของฉันไปเป็นพรรคพวกของเธอแน่นอน
“ฉันเข้าใจแล้ว มันขึ้นอยู่กับพลังพิเศษของศัตรูสินะ มันจะดีกว่าถ้าหากว่ามีเพียงแค่ไม่กี่คนหรือไม่ก็มีแค่ฉัน ฟู่… อย่างน้อยในตอนนี้มันก็จบไปแล้ว”
[เยี่ยมมาก นายท่าน!]
[ยินดีนายท่าน]
หลังจากได้ยืนยันว่าการประโคมข้อความได้จบลงไปแล้ว ไพก้ากับชาราน่าก็ได้กลับมาอยู่ในรูปแบบภูติธาตุ ฉันไม่ได้แน่ใจมากนักแต่ว่าไพ้าดูต่างไปจากรูปร่างภูติธาตุเดิมของเธอนิดๆ… ใช่แล้ว มันดูเหมือนว่าจากรูปร่างของเด็กสาวของเธอได้เป็นผู้ใหญ่ขึ้น
‘เอาเถอะ ถ้ามันสำคัญฉันก็มั่นใจว่าไพก้าจะบอกฉันเองแหละ’
ฉันได้เลือกที่จะเงียบต่อไป
[ข้าดอร์ตู ผู้หญิงคนนั่นไม่น่าพอใจ เธอทำให้ดอร์ตูรู้สึกไม่พอใจ]
ในทางกลับกันแล้วฉันก็ได้ยินเสียงของดอร์ตูดังมาแทน เนื่องจากว่าเขาไม่ได้มีรูปร่างดังัน้นฉันก็เลยลูบหัวเพื่อปลอบเขาไม่ได้ ทำให้ฉันได้แต่พูดออกไปเท่านั้นเอง
“นายก็ทำได้ดีเหมือนกันดอร์ตู มันเป็นแค่เพราะพลังของเธอนั่นเฉยๆ นับจากนี้ไปเราจะไม่…”
อืมม ฉันคิดว่าฉันไม่แน่ใจแหะ ในหมู่โลกนับไม่ถ้วนจะไม่มีคนที่มีพลังแบบลิลิธเลยหรอ?
“นับจากนี้ไปเราจะแข็งแกร่งขึ้นมากพอที่จะเอาชนะพลังแบบนั้นในอนาคต
[ข้าดอร์ตู นายท่านเท่ที่สุด]
เมื่อได้ยินเสียงนี้ของดอร์ตูทำให้ฉันอดขำมาไม่ได้
เพราะอย่างนี้การต่อสู้ได้จบลงไปแล้ว ถึงแม้ว่านรกสีชาดกับลิลิธจะมีพลังที่เหนือดันเจี้ยน แต่ฉันก็ได้เอาชนะศัตรูของโลกทั้งสองตน ด้วยความแข็งแกร่งของทั้งสองตนนี้ทำให้ฉันได้รับประโยชน์มาอย่างมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสู้กับลิลิธ ฉันมั่นใจว่าฉันจำได้ถึงการบีบอัดมานากว่าหนึ่งแสนลงไปในหอก
“ฉันมั่นใจว่าถ้าเป็นคนอื่นๆจะทำไม่ได้แน่”
ลิลิธจะต้องตกตะลึงในทุกๆอย่างแน่ มันไม่ใช่ทักษะและฉันได้ตั้งสมาธิกับมานาทั้งหมดที่ฉันมีจนสำเร็จ
“ไพก้า การบีบอัดมานาไปในจุดๆเดียวมันยากไหม?”
[นายท่าน ท่านคิดที่จะเปลื่ยนวัตถุที่ไม่มีชีวิตไปเป็นโลหะหลังจากได้เห็นสิ่งที่ดอร์ตูทำหรอ?]
“ไม่”
[แต่ว่าดอร์ตูก็สามารถทำมันได้อย่างเป็นธรรมชาตินะ]
[ข้าดอร์ตู เธอพูดถูก ดอร์ตูสามารถจะเปลื่ยนสิ่งไม่มีชีวิตไปเป็นโลหะได้]
เมื่อได้ยินแบบนี้ฉันได้หมดคำพูดไป ฉันไม่มีทางจะสามารถรูปภาพของดอร์ตูที่้เปลื่ยนสิ่งต่างๆไปเป็นโลหะได้แน่นอน
“แต่ว่านั่นมันเหมือนกันหรอ”
[ฉันจะพูดให้มันชัดกว่านี้นะนายท่าน]
ไพก้าได้กางพัดของเธอและชี้มาที่หน้าฉัน
[การรวมพลังไว้ในจุดๆเดียวมันเป็นสิ่งที่ยากจนเป็นไปได้ยากมาก โดยเฉพาะถ้าสิ่งนั่นคือมานา]
“แล้วทำให้ฉันทำมันได้ง่ายๆล่ะ?”
[ลองไปถามนักสำรวจคนอื่นแบบนี้สิ]
ด้วยแบบนี้ไพก้าก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ฉันได้ตกอยู่ในความเงียบกับการคิดในสิ่งที่เธอพูด อืมมม ไม่สิ แต่ว่า… ถ้าแบบนี้…
“ฉันเข้าใจล่ะ… แบบนี้สินะ”
ฉันไม่สามารถจะจำได้ชัดนัก แต่ว่าในตอนฉันยังเด็กฉันได้เห็นพ่อแทงหอก พวกเราทั้งคู่ได้ฝึกในเทคนิคของบรรพบุรุธและเรียนรู้ในวิธีแทงหอกด้วยการเน้นพลังของร่างกายไปในจุดๆเดียว ในตอนนั้นฉันรู้สึกว่าการแทงหอกของพ่อต่างไปจากฉัน เพราะพ่อแข็งแกร่งมากฉันก็เลยเชื่อว่านั่นเปนสิ่งที่สมบูรณ์แบบ แต่ว่าในตอนนี้นั่นอาจจะไม่ใช่เรื่องจริง
“นี่มันคือพลังของฉัน”
ฉันได้พึมพัมเงียบๆ ในตอนนี้ฉันรู้สึกถึงทุกๆอย่างได้แล้ว ในตอนแรกที่ฉันได้แสดงพลังของฮีโร่ออกมามันไม่มีอะไรนอกไปจากการที่ฉันรวมพลังในร่างกายไว้ในจุดเดียวและปล่อยมันออกไปอย่างในตอนที่ฉันเรียนฮีโรอิค สไตรค์ พลังนี้เป็นองฉัน พลังที่ฉันเกิดขึ้นมากับมัน มันเป็นเรื่องแปลกที่จะเรียกมันว่าพลังเพราะมันไม่มีรูปแบบที่แน่นอน
พรสวรรค์
“นี่คือพลังของฉัน”
ฉันได้พึมพัมด้วยเสียงเดียวกันนี้จนดังก้องอยู่ในหัวใจ
ฉันได้หลับตาลงและเปิดขึ้นมาใหม่ มันไม่ได้มีอะไรเปลื่ยนเลยแต่ว่าทุกๆสิ่งก็เปลื่ยนไป
“ฉันได้พบกับเส้นทางแล้ว”
การโจมตีที่ฉันทำในตอนที่อยู่ต่อหน้าสุมิเระ ฉันไม่ได้ใช้มานาเลย แต่ว่าฉันเชื่อว่าวงจรเพรูต้าได้แสดงมันออกมาด้วยทางของมันเอง
แต่ว่านั่นมันไม่ใช่ นั่นมันคือพลังที่ทรงพลังอย่างมากที่ฉันแสดงออกไปแม้จะไม่สมบูรณ์ มันเป็นการโจมตีที่รวมเอาพลังทั้งหมดที่ฉันจะรวมได้เอาไว้ การโจมตีในตอนนั้นมันเกิดขึ้นในตอนที่ฉันยังไม่เข้าใจในพลังที่ฉันมีโดยสมบูรณ์เลยทำให้ผลลัพธ์มันยังบกพร่องอยู่
ถ้าฉันสามารถจะบีบอัดในส่วนมานา ส่วนของกล้ามเนื้อและเลือดแต่ละหยดได้เต็มที่ และถ้าฉันสามารถจะนำมันมารวมกันได้… ฉันก็จะได้ไปตอน ในตอนนี้มันถึงเวลาแล้วฉันไม่มีอะไรจะต้องกลัวอีก
ในที่สุดฉันก็นึกออกแล้ว ฉันมีคำตอบอยู่เสมอแต่ว่าฉันเพิ่งจะมารู้เอาตอนนี้
[นายท่านเท่มาก…]
“ใช่ ฉันรู้”
ฉันได้ยิ้มขึ้นและสงบพลังที่อยู่ข้างใน ฉันรู้ว่ามันไม่สามารถจะทำได้ในเวลาแค่วันหรือสองวัน แต่ว่าในตอนนี้ฉันรู้เป้าหมายแล้ว ฉันรู้แล้ว
“ถ้างั้นในตอนนี้มารับพลังใหม่กันก่อนดีกว่า”
ฉันรอมันมากนานแล้ว! ฉันได้เอื้อมมือไปที่รางวัลอย่างเขาของลิลิธ
สิ่งที่อยู่บนมือของฉันก็คือเขาสีแดงดำที่ดูสง่างาม
[เขาของลิลิธ (ตำนาน)
ออฟชั่น – ถ้าคุณสร้างอาวุธด้วยการใช้เขานี้ ศัตรูที่คุณฟันด้วยอาวุธนั่นก็จะมีโอกาสสุ่มหลงเสน่ห์ คุณสามารถจะเปลื่ยนศัตรูมาเป็นข้ารับใช้ได้ด้วยโอกาสที่ต้ำ ถ้าหากว่าคุณนำเขาไปทำเครื่องประดับ เสน่ห์ของคุณจะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากและคุณก็จะสามารถใช้พลังส่วนหนึ่งของลิลิธได้ด้วย เขานี้เป็นอันตรายมากเกินไปที่จะใช้มันโดยไม่กลั่นมันใหม่]
มันดูเหมือนว่าชาราน่าจะกลัวว่าฉันจะเอาเขานี้ไปใส่หัวทำให้เธอให้คำอธิบายการใช้มาอย่างชัดเจน ถ้าฉันยังเป็นนักสำรวจระดับทองอยู่ ฉันก็คงจะต้องกลั่นเขานี้ไปเป็นอาวุธหรือเครื่องประดับแน่
แต่ว่าตัวฉันในตอนนี้ไม่มีทางทำแบบนั้น ฉันได้จับเขาแน่นและเร่งวงจรเพรูต้าขึ้นอย่างไม่ลังเลสังนิด มานาที่ไม่สิ้นสุดที่ถูกเก็บไว้ในเขา พลังเสน่ห์ของลิลิธได้เริ่มถูกดึงมา ฉันไม่ได้คิดว่ามันจะง่ายอยู่แล้ว ฉันได้พยายามที่จะฝืนดึงมันทั้งหมดเข้ามา
เขาได้เริ่มกลายเป็นฝุ่นไปจากด้านบน พลังของเขาได้ย้ายมาสู่ร่างกายของฉัน หัวใจของฉันได้เต็มรัวขึ้นและพลังก็เริ่มทำให้ฉันเจ็บปวด
“ฟู่………”
ฉันรู้สึกเหมือนกับเลือดของฉันกำลังเดือด ถึงแม้ว่าลิลิธจะแพ้แต่เธอก็ยังเป็นศัตรูของโลก พลังของเธอมีความพิเศษยิ่งกว่าพลังของนรกสีชาด มันมีความต้านทานมากกว่าในตอนที่ฉันดูดพลังของนรกสีชาด แถมมันยังเป็นพลังที่ฉันรู้สึกมาก่อน ฉันได้ดึงวงจรเพรูต้าและวิญญาณสัมบูรณ์ไปจนขึดสุด ถ้าฉันต้องการฉันก็เตรียมให้ไพก้าเข้ามาในร่างด้วย
ยังไงก็ตามมันไม่จำเป็นนัก ถึงแม้ว่าฉันจะมีเวลาเหลือไม่กี่วินาทีแต่ฉันก็ยังอยู่ในผลของโอเวอร์ลอร์ดอยู่ อินิกม่าได้ช่วยฉันในการเอาชนะพลังของลิธลิธ พลังของลิลิธได้ขยับช้าลงและเริ่มผสานเข้ากับเลือด มานา และร่างของฉัน
ก่อนที่ฉันจะรุ้ตัวโอเวอร์ลอร์ดและอินิกม่าก็หายไปแล้วแต่กระบวนการยังคงอยู่ มันใช่เวลานานมาก นานมากจริงๆ มันเป็นพลังที่ยอดเยี่ยมเกินไป
“ฟู่ ฟู่….”
สักพักหนึ่งฉันก็ได้เปิดตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ตัวฉันในตอนนี้ได้รู้ในพรสวรรค์ของตัวเองไม่เหมือนก่อนหน้านี้แล้ว ในตอนนี้ทุกๆอย่างได้เปลื่ยนเป็นจริงๆ
ฉันได้ถามออกมาด้วยเสียงแข็งๆ
“นี่มันอะไรนะ?”
“มันคือเขา นายท่าน”
ไพก้าได้ตอบกลับมาด้วยเสียงที่สัมผัสได้ถึงความรัก สิ่งนี่มันทำให้ฉันหยักหน้าและลูบบนหน้าผากของฉัน
บนหน้าผากของฉันข้างหนึ่งได้มีเขาสีดำแดงปรากฏขึ้นมาที่ใครๆก็เห็นได้อย่างชัดเจน