บทที่ 307 – ลิลิธ (7)
“ไพก้า นี่มันดูเหมือนอะไรนะ?”
[เขา?]
“ให้ตายสิ..!”
ฉันได้ถามไพก้าเผื่อที่ว่าฉันจะพลาดไป แต่ว่าคำตอบของไพก้าก็ไม่ได้เปลื่ยนไปเลย ตากนั้นดอร์ตูก็ได้สร้างกระจกโลหะขึ้นมาให้ฉัน ฉันได้เห็นตัวเองสะท้อนอยู่ภายในกระจกสีเงินและฉันก็สามารถจะมองเห็นเขาสีแดงดำที่ยื่นออกมาได้อย่างชัดเจน ไม่ใช่เพียงแค่นั้นแต่ผิวของฉันก็ยังเปลื่ยนไปเป็นสีดาวหิมะในขณะที่ผมของฉันส่วนหนึ่งก็ได้กลายเป็นสีแดง ฉันคิดว่านี่เป็นการที่ฉันได้เอาเอกลักษณ์ของลิลิธมา
“พระเจ้า….”
ฉันตระหนักได้ว่ามันมีพลังของเธอส่วนหนึ่งที่ฉันไม่สามารถจะทำให้มันยอมรับผสมเข้ากับมานาของฉันเพื่อเป็นรูปเขานี้ได้ ฉันควรตัดมันไปดีไหมนะ? ฉันอดไม่ได้ที่จะคิดแบบนี้ แต่แล้วฉันก็ปฏิเสธมันในทันที ฉันได้รู้ในตอนแรกแล้วว่าฉันสามารถจะรีบเอาพลังของลิลิธมาได้ทั้งหมด ในไม่ช้าเขานี้จะหายไปเอง
หรืออีกอย่างก็คือแค่เพราะการที่ฉันดูดซับเขาของลิลิธมันก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะใช้พลังของเธอได้เต็มที่ แน่นอนว่าฉันได้ตรวจสอบสเตตัสของฉันและมองดูค่าเสน่ห์ของฉันที่เพิ่มขึ้นมา 300 แต่ว่ามันก็ยังไม่ได้ถึงจุดที่เสน่ห์จะส่งผลกับสิ่งไม่มีชีวิตได้
ถ้าฉันเอาพลังมาจากเขาทั้งหมดมันจะเป็นไปได้ไหม? ฉันไม่มั่นใจนัก แต่ว่าด้วยเสน่ห์ของฉันที่เพิ่มมากขึ้นสกิลต่างๆก็ยังแข็งแกร่งขึ้นด้วย
ตามปกติแล้วดวงตามารจะส่งผลตามเสน่ห์เหมือนกับสกิลยั่วยุและสะกดข่ม ถ้าความต่างระวห่างฉันกับศัตรูมากเกินไป ฉันก็สามารถจะฆ่าศัตรูได้ในทันทีด้วยเพียงแค่แรงกดดัน ฉันไม่อยากจะจินตนาการถึงในตอนนั้นเลยจริงๆ
“พลังของลิลิธมันยังไม่ได้กลายมาเป็นพลังของฉันจริงๆ ดังนั้นฉันจะต้องมีเจ้าเขานี่เชื่อมต่อเอาไว้ ถ้าฉันโลภมากไปมันจะจบด้วยการสูญเสียแน่เลย”
[เสน่ห์ของนายท่านในตอนนี้มันน่าทึ่งมากๆ!]
“ฉันก็คิดแบบนั่นเหมือนกัน”
ฉันได้ตอบไพก้าไปด้วยรอยยิ้มขม 300 แต้ม ถึงแม้ว่าฉันจะไม่อยากยอมรับแต่ว่าเสน่ห์ของฉันมันก็ก้าวข้ามมนุษย์มานานแล้ว เมื่อคิดจากการที่สกิลของฉันจะส่งผลกับเพศตรงข้ามเป็นสองเท่าแล้ว ฉันอาจจะใช้การล่อลวงของลิลิธใส่ตัวลิลิธเองยังได้เลย แต่แน่นอนว่าในเมื่อเธอตายไปแล้วเรื่องนี้มันคงเป็นไปไม่ได้
ฉันได้มองไปที่กระจกอีกครั้งและตระหนักได้ว่าตัวฉันเองยังเปลือยอยู่ ฉันคิดที่จะใส่เกราะกับไปแต่ว่าเมื่อคิดว่าฉันไม่จำเป็นจะต้องสู้อีกแล้ว ฉันก็แค่ใสเสื้อสภาพๆอย่างชุดเซ็ตราชินีวิญญาณพยาบาทหรือเซ็ตลอร์ดแวมไพร์ก็พอแล้ว
จริงๆแล้วเซ็ตราชาอินคิวบัสมันก็ดูดีเช่นกันแต่ว่าเนื่องจากมันเผยหลายๆส่วนออกมามากเกินไปฉันก็เลยเลือกไม่ใส่มัน ในทางกลับกันแล้วเซ็ตราชินีวิญญาณพยาบามกับเซ็ตลอร์ดแวมไพร์นั่นเป็นผ้าที่ใส่สบายกว่าอีรกด้วย
แต่ว่าในตอนที่ฉันได้เปลื่ยนไปใส่ชุดเซ็ตแวมไพร์ลอร์ดและมองไปที่กระจก ฉันก็ดูคล้ายกับบอสประจำชั้นเอามากๆ
“ตัวฉันเปลื่ยนไปแค่เขากับสีผิว แต่ว่านี่…. ไม่สิ นี่มันเปลื่ยนไปมากเลย”
ให้ตายสิ ถ้าฉันตัดเขานี่ออกไปได้นะ!
“ตอนนี้ไปกันดีกว่า ทำได้ดีมากทุกคน”
[นายท่านก็ทำได้ดีเหมือนกัน]
[มันเป็นเกียรติที่ได้ช่วยนายท่าน]
[ข้าดอร์ตู ในตอนนี้ดอร์ตูทำโอไรท์ชาคอสได้แล้ว]
ฉันได้ออกมาจากบียอนพร้อมๆกับภูติธาตุทั้งสาม ฉันยังได้ตรวจสอบโอไรท์ชาคอสที่อาจจะเหลืออีกด้วย แต่ว่าดูเหมือนเมื่อลิลิธตายมันจะหายไปทั้งหมดเช่นกัน แต่เนื่องจากดอร์ตูได้บอกว่าเขาสร้างมันได้ฉันก็ไม่คิดอะไรมากแล้ว
“ชิน ยินดีต้อนรับกลับนะ… เอ๊ะ?”
ฉันรู้สึกไม่ดีกับการที่ทิ้งโรเล็ตต้าเอาไว้และตรงเข้าไปในบียอนเลย ดังนั้นฉันก็เลยคิดจะแวะมาหาเธอซักเดียว แต่ว่าท่าทางของโรเล็ตต้าดูแปลกไปนิด
“โรเล็ตต้า มีอะไรหรอ?”
“นั่นมันเป็นสิ่งที่ฉันจะถามชินมากกว่า ชินรู้ในสภาพของชินไหม?”
“สภาพ? … อ่า”
อ่อ มันเพราะการที่ฉันสู้กับลิลิธ เสน่ห์ที่ฉันมีอยู่เลยพุ่งไปถึงขีดจำกัด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการที่ฉันได้รับพลังของลิลิธมาด้วย ฉันในตอนนี้ยับยั้งเสน่ห์ตัวเองไม่ได้แล้ว…!
โรเล็ตต้าได้เข้ามาหาฉันเงียบๆและจับที่มือของฉันก่อนที่ฉันจะได้มีเวลาตอบกลับ
“ชิน ฉันคิดว่าฉันรู้ว่าชินสู้กับอะไรในบียอนชั้นที่ 35 แล้ว ภาพลักษณ์ของชินเปลื่ยนไปอยากมากและมันก็เห็นได้ชัดมากด้วย หุหุ”
“อย่างที่คิดเลยว่าเเธอจะรู้โรเล็ตต้า เพราะแบบนี้ฉันก็มีบางอย่างอยากจะถาม”
โรเล็ตต้าได้ยินขึ้นเหมือนกับไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว เธอได้เข้ามาตัวติดกับฉันและกระซิบที่ข้างหู
“ไม่ต้องห่วงน่า มันจะเป็นแบบนี้ไม่นานหรอก ฉันแยกพวกเราจากมุมมองของลอร์ดได้”
“ฉันไม่ได้กังวลเรื่องนั้นนน!”
ฉันได้ตะโกนออกไปแต่จู่ๆโรเล็ตต้าก็จับมือของฉันแน่น ดวงตาของเธอได้ส่องประกายออกมาอย่างรุนแรง เธอได้ดึงแขนของฉันเอาไว้ราวกับจะบอกว่าจะไม่ปล่อยฉันไป
“มาเร็ว ไปที่กระท่อมของฉันกัน”
“โรเล็ตต้า คุยกันก่อนสิ!”
“ชิน ฉันรู้สึกว่าการคุยด้วยร่างกายมันดีกว่า คุยปกติไว้ทีหลัง”
“อ๊ากกกกกกก”
ฉันได้กรีดร้องออกมาและสะบัดร่างกาย แต่เพราะการที่ฉันไม่ได้ใส่เกราะอยู่ทำให้ฉันใช้พลังเต็มที่ไม่ได้! โรเล็ตต้าได้เปิดประตูสวนแฟรี่และพึมพัมอย่างมีความสุข
“หุหุ เราควรจะตั้งชื่อลูกคนที่สิบสามว่าอะไรดีนะ”
“นั่นมันจะเยอะเกินไปแล้ว!?”
จากนั้นฉันก็ต้องใช้เวลาพักหนึ่งก่อนจะหนีมาได้ ฉันรู้สึกเหมือนกับฉันได้ใช้พลังมากกว่าในการสู้กับลิลิธซะอีก การพูดเรื่องนี้มันทำให้ฉันแทบจะร้องไห้
เมื่อฉันมาถึงบ้านแล้วอาหารเย็นก็ยังไม่ได้ถูกเตรียมเอาไว้เนื่องจากว่าแม่ได้เข้าไปในดันเจี้ยน ฉันได้คิดที่จะเข้าไปในสวนมาเรียเน่แต่ว่าฉันก็กลัวว่าโรเล็ตต้าอาจจะดักรอฉันอยู่ทำให้ฉันตัดสินใจเปลื่ยนไปกินราเม็งทันที ในตอนที่ฉันกำลังต้มน้ำในห้องครัวเสียงคนๆหนึ่งก็ดังขึ้น
“คังชิน เติมเต็มสัญญา?”
“ทำไมเธอถึงมาในบ้านฉันล่ะ?”
เดซี่ได้ใส่ชุดเดรสและกางเกงหลวมๆอย่างเคยนั่งเล่นอยู่ เธอได้ทำตัวเหมือนกับชายแก่ที่เบื่อหน่ายในชีวิต นอกจากนี้เสื้อของเธอมันยังไร้การป้องกันเกินไปแล้ว
“ทำไมเธอไม่ใส่อะไรให้มันมิดชิดกว่านี้ล่ะ? นอกจากนี้กางเกงเธอก็สั้นไปแล้วนะ”
“เสื้อสบายดีที่สุด ในตอนไม่สู้หลวมๆดีที่สุด”
“แล้วทำไมเธอถึงมาอยู่ในบ้านฉัน”
บ้านฉันมันสบายงั้นสิ มันเป็นความผิดของฉันเองที่พาเธอมาที่นี่ง่ายๆ เพราะแบบนี้ฉันก็เลยได้ไปหยิบเอาถ้วยราเม็งออกมาอีกอันหนึ่ง แต่แล้วเดซี่ก็เสริมขึ้นมา
“ฉันกินสอง”
“โอเคๆ”
ฉันก็พอจะคิดไว้แล้ว แม้ว่าพวกเราจะใช้มานาสู้แต่เราทั้งคู่ต่างก็มีกล้ามเนื้อที่เหนือมนุุษย์ เพราะแบบนี้เเราจึงกินมากกว่าคนปกติมาก ฉันได้หยิบเอาถ้วยราเม็งเพิ่มขึ้นมาอย่างไม่ลังเล
ในตอนที่ฉันกำลังเทน้ำนั้นเอง จู่ๆเดซี่ก็ถามออกมา
“คังชิน นายได้เขามาหรอ?”
“อ่า ใช่แล้ว ฉันเพิ่งไปเอาชนะคนที่เรียกว่าลิลิธและมันก็เกิดแบบนี้นะ ในตอนนี้ฉันคงจะต้องเป็นแบบนี้ แต่อีกไม่นานนักมันจะหายไปเองในตอนที่ฉันควบคุมมันได้สมบูรณ์”
“เขา โอเค เขาคือสัญลักษณ์ของพลัง ถ้าปีศาจอ่อนแอมีเขา ปีศาจที่แข็งแกร่งจะทำลายมันทิ้ง มังกรพวกมันส่วนใหญ่ก็มีเขาที่สวยงาม เอลฟ์ที่แข็งแกร่งก็ยังมีเขาเหมือนกันนะ”
“ใช่แล้ว ฉันก็เพิ่งมารู้เอาวันนี้เหมือนกัน”
“….นายแต่งงานกับราชินีเอลฟ์?”
“ไม่!”
ฉันได้หันตะโกนกลับไปทันที จากนั้นเองเดซี่ได้หรี่ตาและจ้องมาที่ฉัน
“ราชินีเอลฟ์เป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบ ที่ไม่แต่งกับเธอมันเพราะนายชอบฉันหรอ?”
“ฉันจริงจังนะ ฉันไม่ได้มีความคิดที่มีปัญหากับผู้หญิงคนอื่น ฉันไม่สามารถจะบอกยอมรับได้ แต่ฉันก็ไม่….”
“…นายไม่อยากจะถูกติดตาม ความรู้สึกนี้เพื่อฉัน?”
“ความมั่นใจแปลกๆของเธอนี่มันทำให้ฉันตกใจได้ทุกครั้งเลยนะ! ฉันหมายถึงอยากที่ฉันพูด ฉันไม่คิดที่จะชอบเธอแบบโรแมนติก”
ถึงแม้ว่าฉันจะพูดแบบนั่น เดซี่ก็ยังมีแววตาแบบที่ว่าเธอรู้ทุกอย่าง ฉันรู้สึกว่าฉันไม่มีทางจะทำอะไรได้อีกแล้วเลยได้แต่ยอมแพ้และหันกลับมาต้มน้ำเงียบๆ
ในตอนที่ฉันหยุดพูดลงไปเดซี่ก็หยักหน้าอย่างพอใจ จากนั้นเธอก็แกว่งเท้าไปมาในขณะที่ฮัมเพลงที่ฉันไม่ได้รู้จัก นี่มันก็ยังเป็นเหตุผลให้ฉันต้องตั้งใจฝึกมากกว่านี้ ตอนนี้เธอดูเหมือนกับเด็กประถมที่ร่าเริง
ทันใดนั้นเองจู่ๆดวงตาเดซี่ก็เบิกกว้างขึ้นเหมือนกับเธอตระหนักได้ถึงบางอย่างที่สำคัญ
“นี่คือ… บรรยากาศบ่าวสาว?”
“บ่าวสาวกับผีเธอสิ”
“ไม่มีเงินกินอาหารดีๆเลยทำราเม็ง บ้านเล็กๆที่เต็มไปด้วยความรัก”
“คนจนไม่มีใครเขามากินราเม็งสองห่อใหญ่ๆหรอกน่า แถมบ้านนี้ก็ไม่ได้เล็กแล้วก็ไม่ได้มีความรักระหว่างเราด้วย”
“คังชิน น้ำเดือนแล้ว”
“อ่า จริงด้วย”
ฉันได้หันกลับไปทันทีและเริ่มเปิดห่อราเม็ง จากนั้นเดซี่ก็พูดขึ้นเบาๆ
“คังชิน ขอบคุณนายมากๆเลยนะ”
“ฉันสิที่เป็นคนที่ควรขอบคุณเธอ”
“ในตอนนี้นายควรจะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินอะไรสิ”
“ถ้าหากว่าเธออยากจะพูดกับตัวเอง เธอก็แค่พูดในหัวเธอไปสิ”
ในตอนที่ฉันได้โต้กลับไปเดซี่ก็ส่งเสียงฮึ่มออกมา เมื่อได้เห็นรอยยิ้มบนหน้าของเธอทำให้ฉันอดคิดไม่ได้ว่าทุกๆอย่างเปลื่ยนไปแล้ว ฉันรู้ว่าฉันมีผลกับเธอมันทำให้ฉันภูมิใจ
ในตอนนี้เองนางฟ้าที่ฉันไม่ได้เจอมานานแล้วก็ยื่นหัวเข้ามาในห้องครัว
“พี่ค่ะ ถ้าหนูจะกินราเม็งด้วยมันจะไม่สายไปใช่ไหมค่ะ”
“แน่นอนสิมันไม่ได้สายเลย รอเดี๋ยวนะ”
“กรี๊ดด พี่ค่ะ เขาบนหัวพี่! … แล้วพี่ก็ดูน่าหลงใหลด้วย”
อย่าเรียกว่าน่าหลงใหลสิยุย
“มันไม่ได้มีอะไรมากหรอก ไม่ต้องห่วงยุย เขานี่มันก็คือตัวต่อกันดั้มไง”
“ถ้าพี่บอกแบบนั้นก็โอเค เฮะๆ”
ยุยได้ใส่ชุดบางๆเหมือนกับว่าเธอเพิ่งจะไปอาบน้ำมาหลังจากที่ออกมาจากดันเจี้ยน บนแขนของเธอมีมังกรตัวเล็กๆกำลังหาวอยู่ซึ่งมันก็คือลูกมังกรที่เกิดออกมาจากไข่ของราชาลาวา
เนื่องจากฉันยังไม่ได้ใส่ราเม็งลงหม้อต้นทำให้ฉันยังเติมน้ำเข้าไปได้อีก เพราะแบบนี้ฉันคงต้องรออีกจนกว่าน้ำจะเดือดไหม
เมื่อเห็นยุยนั่งลงข้างๆเธอเดซี่ก็เอียงหัว จากนั้นก็ได้อธิบายขึ้นถึงสถานการณ์ในหัวที่เธอคิด
“น้องสาว ขัดขวางคู่บ่าวสาว… น่ารำคาญ”
“คุณเดซี่ คุณช่วยพูดดังอีกนิดได้ไหมคะ?”
“น้องสาว ขัดขวางคู่บ่าวสาว… น่ารำคาญ”
“อึก”
แม้แต่ยุยที่ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ก็ยังผงะไปกับคำพูดของเดซี่ เดซี่เธอมีพรสวรรค์ในการทำเรื่องตลกให้ไม่ตลกจริงๆด้วย
“แต่ว่าเราไม่ไล่เธอหรอกนะ น้องสาวก็ควรจะมากินราเม็งกับเรา”
“อย่ามาเรียกฉันว่าน้องสาวนะคุณเดซี่”
“คังยงอูบอกว่าฉันเรียกเธอแบบนั้นได้”
“ขอบคุณที่บอกฉันนะคุณเดซี่”
ดูเหมือนว่าพ่อก็จะออกห่างยุยแล้ว ไม่สิ ชายแก่คนนี้ก็พูดแบบนี้มันกับทุกๆคนนั่นแหละ ดูเหมือนว่าเขากำลังพยายามที่จะหาหลานมาทำเป็นทีมฟุตบอลจริงๆซะแล้ว
“คังชิน แล้วราเม็งได้เมื่อไหร่?”
“อีก 5 นาที ขอโทษนะที่ฉันทำให้ต้องรอ”
“ไม่เป็นไรเรามีคนเยอะ ฉันรอได้ เอลฟ์เทาเป็นพวกสบายมากๆ”
“พวกนั่นคือ?”
“อื้อ พวกเขาเป็นพวกสบายๆและผ่อนคลายในทุกๆสิ่ง แต่ถึงแบบนั้นทุกๆคนก็มีพรสรรค์มาก แต่ที่พวกเขาไม่ได้มีนักรบที่โดดเด่นขึ้นมาก็เพราะพวกเราสบายๆนี่แหละ”
“นี่มันเป็นครั้งแรกเลยที่ฉันได้ยินเรื่องนี้”
“แน่นอนว่าในตอนที่เราต้องการอะไรพวกเราก็จะจริงจังกับมัน พวกเราก็ยังอยู่กับเป็นทีม แต่นั่นมันจะจบลงร็วมาก”
หัวข้อจากเรื่องของราเม็งได้เปลื่ยนไปเป็นเรื่องที่น่าสมใจแล้ว ฉันได้โยนราเม็งลงไปในน้ำร้อนและคิดย้อนไปในตอนที่ฉันเจอเดซี่ครั้งแรก เธอได้นอนอยู่บนเตียงเหมือนกับคำอธิบายของเอลฟ์เทาจริงๆ จากนั่นเองเดซี่ก็ได้เสริมขึ้นมา
“ดังนั้นคู่เอลฟ์เทาจริงสบายๆ ความรักและความสัมพันธ์ก็ยังชิวๆ”
“คุณเดซี่?”
“หิวแล้ว”
ในตอนที่ยุยได้เรียกเธอ เดซี่ก็เมินและก้มลงไปมองโต๊ะ ฉันอดไม่ได้ที่จะขำกับท่าทางนี้ของเธอ
“อย่างที่ฉันบอกไงถ้าหากว่าเธออยากจะพูดกับตัวเอง เธอก็ควรพูดมันในหัวนะ”
“อย่างที่ฉันบอกในทุกๆครั้งนายควรจะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินอะไรเลย แต่ว่าในเมื่อนายได้ยินไปแล้วก็ไม่เป็นไร”
เดซี่ได้พูดขึ้นมา
“แม้ว่าหลัจากพวกเขาจะเอาชนะเดม่อนลอร์ดได้แล้วแต่คังชินก็จะต้องทำราเม็งให้ฉันตลอดไป คังชินกับฉันจะใช้ชีวิตอย่างสบายๆ มันน่าสนุกดีนะ”
ราเม็งในค่ำคืนนี้ของเราอร่อยมากๆ แต่ว่าโชคร้ายที่ยุยกำลังโกรธอยู่