บทที่ 317 – แนวทางการขัดแย้ง (4)
เมื่อเราได้ออกมาจากอลาสก้าและเข้ามาที่แคนนาดาชั้นบรรยากาศแห้งๆที่ฉันรู้สึกได้ในอลาสก้าก็ได้ลดลงไปเล็กน้อย ในแคนนาดานี้ยังมีผู้คนอาศัยอยู่เป็นส่วนมาก
พวกเราได้เดินทางไปที่แวนคูเวอร์และจัดการกับมอนสเตอร์ในระหว่างทางพร้อมกับวางแผนที่จะไปที่สหรัฐก่อนที่จะกลับไป พวกเราได้ผ่านชายแดนหลังจากกวาดล้างมอนสเตอร์ในเวลาน้อยกว่าชั่วโมง
เนื่องจากว่าที่อเมริกามีจำนวนของผู้ใช้พลังมากที่สุดทำให้พื้นที่ที่ถูกยึดไปโดยมอนสเตอร์ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่อลาสก้า ถ้าหากว่าทุกๆอย่างมันเป็นไปตามแผนเราก็จะไปถึงที่กรีนแลนด์ได้ภายในคืนนี้
ยังไงก็ตามคนที่มาต้อนรับเขาในซีแอตเทิลดูแปลกๆ
“นั่นเขานี่….”
“คังชิน”
“คังชินจริงๆ”
ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้แม้แต่สมาชิกของผู้พิทักษ์ไม่เข้ามาคุยกับฉันแต่ไปคุยกับยุยแทน ทำไมเขาถึงได้ไปคุยกับยุยในเมื่อฉันยืนอยู่ข้างหน้าพวกเขาล่ะ
“…ทำไมฉันถึงได้รู้สึกเหมือนกับลิงในสวนสัตว์เลยนะ?”
“หนูก็ไม่เชื่อเลยสักนิด หนูเข้าใจค่ะพี่”
ยุยได้ยิ้มขมๆซึ่งหาได้ยากมากในขณะที่เธอมองไปรอบๆ
“พลังของพี่มันเกินจริงมากเกินไป มันแทบจะถึงในจุดที่บ้าแล้วเลย รูปลักษณ์ภายนอกของพี่ก็เปลื่ยนไปมากเหมือนกัน”
“อ่า”
ฉันได้นึกถึงสิ่งที่เดซี่ได้พูดกับฉันเมื่อวานและเงียบลงไป สิ่งที่เดซี่พูดเหมือนกับเกินจริงไปมันดูจะเป็นจริงแล้วในตอนนี้…
“เอาเถอะ พี่ก็คิดว่าพี่ไม่น่าใช่มนุษย์แบบสมบูรณ์อีกต่อไปแล้ว”
ฉันได้พึมพัมกับตัวเองอย่างขมขื่นและลูบหน้าผากของตัวเอง ฉันรู้สึกได้ถึงเขาที่อยู่บนหน้าผากของฉันที่ยื่นส่งความร้อนออกมาอยู่
จริงๆแล้วฉันก็คิดที่จะซ่อนเขาต่อหน้าฝูงชนแต่ว่าฉันก็ไม่อยากจะซ่อนอะไรไว้อีกหลังจากที่ได้มากไกลขนาดนี้ทำให้ฉันตัดสินใจที่จะปล่อยให้ทุกคนได้รู้ แต่ดูเหมือนสิ่งต่างๆมันจะต่างไปจากที่ฉันคิดแหะ
แน่นอนว่าฉันได้ผ่านในจุดที่การถูกคนมองส่งผลไปนานแล้ว ฉันได้ยิ่มกว้างออกมา มันน่าตกใจนิดๆที่คนอื่นๆเข้ามาคุยกับฉันยากขึ้น แต่ก็มันก็แค่นั่น มันเป็นเรื่องจริงที่ฉันต่างไปจากพวกเขาแล้วและฉันก็ไม่คิดที่จะย้อนกลับไปเป็นแบบเดิมด้วย
“แล้วพวกนั้นว่ายังไงล่ะยุย?”
“พวกเขาบอกว่าเราเข้ามาใกล้แล้ว ที่ซีแอตเทิลไม่เป็นไร แต่มันชัดเจนเลยว่าที่ชายฝั่งพอร์ทแลนที่อยู่ด้านล่างขวาของซีแอตเทิลเต็มไปด้วยมอนสเตอร์”
“พอร์ตแลนด์? นั่นมันมันไม่น่าจะใช้เวลามากนักหรอก เอาล่ะ ไปกันเลย!”
วิธีการล่าของพวกเราในอเมริกามันก็ง่ายๆเหมือนกับในอลาสก้า ฉันได้ใช้พลังของดอร์ตูสร้างกระจกขึ้นมาและปลดปล่อยพลังของดวงตามารแช่งแข็งพวกมอนสเตอร์ทั้งหมด จากนั้นอันเดตของเดซี่กับสัตว์ของยุยก็จะฉีกกระชากพวกนั้นทิ้ง
ฉันได้กระจายมานาออกไปเพื่อตรวจสอบพวกมอนสเตอร์ที่ไม่ได้รับผลของการแช่แข็งด้วยและในตอนที่ฉันสรุปว่าทุกๆอย่างไม่มีปัญหาแล้ว เราก็จะไปที่ต่อไป ด้วยวิธีนี้ทำให้พวกเขาใช้เวลาน้อยกว่า 10 นาทีซะอีกในการกวาดล้างที่ที่มีขนาดพอๆกับกรุงโซล
“ทุกๆอย่างได้กลายเป็นหิน”
“เขาไม่ใช่มนุษย์”
“แน่นอนเขาไม่ใช่มนุษย์ เขามีเขาด้วย”
ชัดเจนเลยว่าคนที่พูดเรื่องแบบนี้ออกมาก็คือเหล่าสมาชิกของกลุ่มผู้พิทักษ์ที่เดินทางมากับเขา ฉันได้กระโดดไปบนหลังของไอกันธ์พร้อมถอนหายใจออกมา
[ข้าดอร์ตู นายท่านมานาที่เก็บไว้พอไหม?]
“ถ้าเรามีไม่พอ พวกเราก็เก็บเพิ่มได้ตลอด”
ฉันได้ตอบดอร์ตูกลับไปเบาๆและสูดหายใจเข้า เนื่องจากว่าฉันได้ดูดพลังแห่งความตายมาจากมอนสเตอร์ทุกๆตัวที่ฉันฆ่าทำให้ฉันต้องจัดการพลังในร่างกายที่วุ่นวายของฉัน เมื่อทำเสร็จแล้วฉันก็ได้รับมานราใหม่เข้ามาในร่างอีก เดซี่ได้พูดขึ้นทันทีที่เห็นฉันรวบรวมมานาเข้ามา
“มานาของฉันอย่าดูดมันไปล่ะ”
“ฉันรู้แล้ว”
“มันต้องใช้เวลานานแค่ไหนกันคะที่วงจรเพรูต้าของหนูจะไปอยู่ในระดับเดียวกับพี่?”
“อืมม ถ้าเป็นยุย พี่มั่นใจว่าคงไม่นานหรอก”
ถึงแม้ว่าฉันจะไม่รู้ในพรสวรรค์ของยุย แต่ว่ามันไม่น่าจะยากเกินไปนัก
“เร็วเข้าเถอะ พี่ไม่คิดว่าเจ้าสิ่งที่เคียร่าพูดถึงจะอยู่ในอเมริกา”
“ใช่แล้ว!”
“การปฏิเสธในพลังของดันเจี้ยนปรากฏขึ้นมามากขึ้นเรื่อยๆแล้ว หากเป็นแบบนี้ต่อไปการขยายของดันเจี้ยนจะพังลงไหม?”
ฉันได้ดีดที่หน้าผากของเดซี่ แต่ว่าเพราะสิ่งที่เธอพูดมามันก็มีความจริงบางส่วนด้วยทำให้ฉันเม้มปากไว้ มันไม่มีอะไรมารับประกันเลย ถ้าศัตรูของโลกที่เป็นแบบนี้มีมากขึ้นโลกก็จะต้องถูกพิชิตและทำให้เกิดคนที่ต้องการในพลังของโลกมากยิ่งขึ้น….
ถ้าหากว่าพลังในการปฏิเสธพลังของดันเจี้ยนได้กระจายสู่มอนสเตอร์ธรรมดา นักสำรวจดันเจี้ยนส่วนใหญ่ก็อาจจะเจอมันปัญหาแน่นอน
“ไม่ นั่นมันจะไม่เกิดขึ้น”
“ทำไมล่ะ?”
“เพราะฉันจะจัดการทุกๆอย่าง”
ฉันได้ตอบไปแบบกึ่งตลกและยิ้มออกมา จากนั้นเดซี่ก็ปิดปากของเธอลงไป
ต้องขอบคุณพวกผู้พิทักษ์ในอเมริกากับซัคคิวบิที่รวบรวมในข้อมูลที่จำเป็ฯทั้งหมดมาทำให้เราจัดการที่อเมริกาจบได้อย่างรวดเร็ว
ผู้สื่อข่าวก็ได้ติดตามพวกเราไปทุกๆที่โดยไม่หวาดกลัวและรายงานข่างสถานการณ์ออกไปเรื่อยๆ แต่ว่าเพราะความเร็วที่ไม่น่าเชื่อของเขาทำให้สื่อถึงขนาดที่คิดว่าฉันมีร่างโคลนด้วยซ้ำไป
วิธีที่เราได้ใช้มันก็เหมือนกันในทุกๆที่ที่เราไป แต่ว่าความคิดเห็นจากสาธารณะชนก็ได้เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆตามแต่ล่ะตอน ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้สนใจซักนิด แต่ว่าความกลัวของสาธารณะชนก็ได้เริ่มไปถึงความศรัทธา แต่ว่าเนื่องจากมันไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันเจอเรื่องแบบนี้ทำให้ฉันไม่ตกใจซักนิด
“มันดูเหมือนว่าฉันคงจะไม่ควรฝันถึงการใช้ชีวิตตามปกติแล้วสินะ”
เมื่อฉันได้พึมพัมเยาะเย้ยตัวเอง เยอึนก็ได้ปลอบฉันอย่างร่าเริง
“ฉันเคยเจอมาก่อนนะ พวกเขาทำกับฉันเหมือนกับเอเลี่ยนเลย พวกเขาถ่ายรูปฉันหมดเลยอะ”
“เธอถอดฮูดออกหรอ?”
“ฉันต้องไปทำงานที่ออฟฟิศของพี่สาว นั่นแหละเป็นตอนที่คนเริ่มถ่ายรูปฉัน”
“ฉันคิดว่านั่นคงเป็นตอนที่พวกเขารู้ถึงตัวตนของเธอ”
“อ่า….”
เมื่อรู้ได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วเยอึนก็ก้มหัวของไปทันที ถึงแม้ว่าฉันจะไม่อยากบอกกับเธอ แต่ฉันก็ไม่สามารถจะปล่อยให้เธอลืมเรื่องพลังในการซ่อนตัวของเธอได้
ในบางครั้งฉันก็สงสัยนะว่าเธอมาเข้ามหาลัยได้ยังไงกัน
อเมริกา จากนั้นแคนนาดา พวกเราได้ไปในทุกๆที่ที่อาจจะมีมอนสเตอร์แต่ว่าพวกเราก็ไม่เจออะไรที่พิเศษอีกเลย สิ่งที่ฉันสงสัยได้เริ่มลดลงไป แต่ว่ามันกลับตรงกันข้าม
ในตอนนี้เป็นเวลากลางคืนแล้ว มันดูเหมือนว่าการเดินทางในครั้งนี้จะใช้เวลามากกว่าสองวันซะอีกทำให้เขาล้มเลิกการนอนพักและบินไปที่กรีนแลนด์ในทันที พวกเราได้ทำแคมป์ไฟกันบนหลังของไอกันธ์แทน
“อย่างที่ฉันคิดเลยมันคือที่กรีนแลนด์”
“กรีนแลนด์? ที่นั่นเป็นยังไง?”
“น้ำแข็ง”
“แล้วก็?”
“หิน”
เดซี่ได้อ้าปากค้างกับการตอบของฉัน ฉันไม่ได้โกหกเลย พื้นที่ส่วนใหญ่ของกรีนแลนด์เป็นน้ำแข็งกับหิน มีเพียงแค่ 1% เท่านั้นที่เป็นพื้นหญ้า
“แล้วคนอื่นๆล่ะ?”
“มีอยู่ประมาณ 6 หมื่นคนแต่ว่าในตอนนี้พวกเขาทั้งหมดตายไปแล้ว เมื่อเทียบกับขนาดพื้นที่แล้วมันอาจจะมีมอนสเตอร์ไม่มากนัก”
“แล้วงั้นนั่นเป็น 1% หรอ?”
“หืมม?”
คำถามของเดซี่ทำให้ฉันวางมันฝรั่งหวานลงและหันไปมอง เหมือนกับที่ซัคคิวบิได้รายงานเลย ฉันได้หันไปมองพื้นที่ที่ปกคลุมน้ำแข็ง แต่ว่าเมื่อดูอย่างใกล้ชิดพื้นดินมันดูมืดมัวไปหมด ดวงตามารของฉันกำลังตอบสนองกับมัน
“นั่นไม่ใช่ 1% แต่เป็น 84%….”
พักหนึ่งฉันได้เห็นสิ่งที่นอกเหนือจากน้ำแข็ง ถ้าไม่ใช่เพราะดวงตามารฉันคงมองผ่านมันไม่ได้แน่
นั่นมันของปลอม
ในตอนนี้ฉันได้มั่นใจแล้วมันมีบาเรียโปร่งใสปรากฏอยู่บนท้องฟ้า ขนาดของมันทำให้มันเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดและเมื่อได้เห็นความโค้งของมันทำให้ดูเหมือนว่ามันจะเป็นโดมที่ปกคลุมกรีนแลนด์
“ว้าว”
ฉันได้อุทานออกมา ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าทำไมเดซี่ถึงได้ถามว่านั่นใช่ 1% หรือป่าว ด้วยความคิดแย่ๆทำให้ฉันคิดว่า 1% อาจกลายเป็น 100% ไปแล้วก็ได้ ฉันได้หยิบมันฝรั่งหวานขึ้นมาและมองไปที่บาเรียที่กันไอกันธ์เอาไว้
“ชิน นั่นมันมันฝรั่งหวานนะ”
“เธอพูดถูกแล้ว แต่ว่าดูดีๆนะ นี่มันคือความหมายของการเน้นพลังไปในจุดๆเดียว”
“คังชินถ้าเป็นไปได้ใช้อย่างอื่นสิ ถ้าหากทำมันด้วยมันฝรั่งหวานนี่แม้แต่ฉันก็รู้สึกอาย”
ในขณะที่เยอึนกับยุยกำลังเอียงหัว เดซี่ก็แนะนำฉันอย่างสงบๆ แต่ว่าฉันได้ยิ้มง่ายๆให้กับพวกเธอและจับมันฝรั่งหวานด้วยสองมือ จากนั้นก็พูดขึ้นในขณะถ่ายเทมานาลงไป
“ดอร์ตู”
[ข้าดอร์ตู ข้าจะชอบมันมากกว่านี้หากมันไม่ใช่มันฝรั่งหวาน]
ดอร์ตูได้บ่นออกมาในขณะที่เปลื่ยนให้มันฝรั่งหวานกลายเป็ฯโลหะ ถึงแม้ขนาดและรูปร่างมันยังคงเป็นมันฝรั่งหวานแต่ว่าภายในของมันเปลื่ยนไปแล้ว ในตอนที่ฉันมองลงไปมันฝรั่งหวานก็ได้สองประกายห้าสีออกมา ดอร์ตูได้พูดขึ้นมาอย่างมั่นใจ
[ข้าดอร์ตู นี่ก็คือโอริชาคอส โลหะที่ทำขึ้นเป็นพิเศษของดอร์ตู]
“มันฝรั่งหวานคือโอริชาคอส… คังชิน…”
มานาจำนวนกว่าล้านได้ลวไปในมันฝรั่งหวานด้วยเวลาไม่กี่วินาที แน่นอนที่มันเป็นแบบนี้ได้เพราะดอร์ตูได้เปลื่ยนมันเป็นโอริชาคอส แต่ว่าด้วยขนาดเล็กๆนี่มันก็ไร้สาระอยู่ดีที่มันจะมีมานาจำนวนมหาศาลขนาดนี้ มันได้ส่องแสงออกมาจนทำให้ยากที่จะมองตรงๆ
จากนั้นฉันก็ได้ตั้งสมาธิกับพลังวงจรเพรูต้าภายในนั้น มันฝรั่งหวานได้เริ่มสร้างวังวนขึ้นมาหมุนวนส่องแสงไม่สิ้นสุด
ด้วยแสงมากขนาดนี้พวกศัตรูก็น่าจะรู้ตัวแล้วด้วย ตรงกันข้ามกับโดมโปร่งแสงนี้ฉันรู้สึกได้ถึงปฏิกิริยาพลังเวทย์เลย
ยังไงก็ตามมันสายไปแล้ว
“มันฝรั่งหวานคั่วมาแล้ว!”
ฉันได้ตะโกนออกไปจนสุดเสียงและขว้างมันฝรั่งหวานออกไป ในตอนที่มันได้สัมผัสกับกับแมงที่แม้แต่ไอกันธ์ยังผ่านไปไม่ได้มันก็ได้ทำให้บาเรียยักษ์เหมือนก้อนกรวด
โดมได้หายไปเหมือนไม่เคยมีมาก่อน
“บาเรียหายไปแล้ว”
“บาเรียที่สร้างโดยดยุค!”
แผ่นดินกรีนแลนด์ที่ถูกปกปิดได้เผยออกมาแล้ว
ฉันได้ถอนหายใจออกมาอย่างตกตะลึง ฝูงปีศาจได้รวมตัวฉันอยู่บนพื้นทำให้ฉันนึกไปถึงตอนในโอเชียเนีย ยังไงก็ตามปัญหาที่ใหญ่สุดเลยก็คือกรีนแลนด์มันไม่ใช่กรีนแลนด์อีกต่อไป
“เจ้าพวกสารเลวนั่น… พวกมันย้ายทวีปลูก้ามาที่นี่”
พืชที่ฉันเห็นในทวีปลูก้ากำลังเติบโตบนดินสีแดงและต้นไม้ที่สูงตระหง่านขึ้นฟ้า นอกไปจากนี้ก็ยังมีชั้นบรรยากาศที่เต็มไปด้วยพลังปีศาจ
กรีนแลนด์ได้กลายเป็นดินแดนของปีศาจไปแล้ว เคียร่าพูดถูก สิ่งที่เธอเห็นมันเป็นปัญหาที่ใหญ่มาก
“คังชิน ตอนี้ฉันไปอารวาดได้ไหม?”
“อารวาดของเธอคืออะไร ใจเย็นสิ”
ฉันได้ทักเดซี่เอาไว้
“เธอต้องรอจนกว่าระเบิดจะลง”
“มันฝรั่งหวานทำลายบาเรียไปแล้ว”
“นั่นมันแค่การอุ่นเครื่องนะ”
สมาชิกในปาร์ตี้ได้มองฉันอย่างงุนงงทำให้ฉันต้องอธิบายออกไป
“ก้อนที่มีมานาถึงหนึ่งล้านที่เกิดวังวนมานาอยู่ มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากว่ามันเจอกับมานาที่กระจายรอบๆ?”
“มันจะดูดเข้าไป?”
“ใช่แล้ว”
“ในทันทีเลย?”
“ในทันที จากนั้น…..”
ได้มีเสียงดังขึ้นออกมาแต่ไม่ใช่เสียงตูม
แต่เป็นเสียงวี๊ดดดที่น่าพอใจ
เสียงนี้ทำให้ 60% ของปีศาจหายไป