บทที่ 323 – ด้วยพลังของตัวนายเอง (3)
ฉันได้ตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม
“อย่าพูดไร้สาระน่าหลิน”
“นี่นายจะเมินคำพูดฉันงั้นหรอ?”
“ฉันจะบอกให้นะ เจ้าสิ่งนี้มันเชื่อมต่อกับฉันอยู่แน่ๆ แต่มันก็ยังไม่ใช่พลังแท้ๆของฉันอยู่ดี อย่างน้อยก็ในตอนนี้”
“ฮึ่ม เอาเเถอะ นายก็ไม่ได้พูดผิด การกลายเป็นเทพมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ”
“จริงใหม่ล่ะ? เทพเป็นอะไรที่มากกว่า…”
ฉันได้หยุดคำพูดเอาไว้ ฉันไม่อยากจะพูดอะไรที่มันเป็นแค่ความคิดของฉันอย่างเดียว ฉันได้แต่เกาหัวแห้งๆแทนจนหลินหัวเราะออกมา
“แล้วนายจะเรียกมันว่าอะไรล่ะ? ในเมื่อนายบอกว่ามันยังไม่ใช่ส่วนหนึ่งของนาย งั้นนายก็ควรจะมีชื่อเรียกมันนะ”
“นายพูดถูก หืมม ฉันไม่รู้ว่าโลหะนี่มันทำมาจากอะไร ถ้างั้นเรียกมันแบบง่ายๆอย่างเหล็กกล้าดีไหมล่ะ”
“อย่างที่คิดเลย นายมันตั้งชื่อได้แย่มาก”
“มันก็ดีกว่าเกราะความปรารถนาทมิฬของนายนั่นแหละ!”
ฉันได้ขัดหลินเอาไว้ และสุดท้ายก็จบลงที่เหล็กกล้า เพราะความสบายของมันนี่เองทำให้ฉันลืมไปว่าฉันกำลังใส่มันอยู่
“แล้วนายเจออะไรอีกไหมหลิน? อย่างจุดอ่อนไรงี้”
“โอ้ เหมือนอย่างที่จะเพิ่มโอกาสได้รับคริติคอลที่เกราะความปรารถนาทมิฬมีสินะ?”
“นั่นแหละ”
“ข้อเสียพวกนั้นทั้งหมดหายไป ปัญหาเดียวของเกราะความปรารถนาทมิฬได้หายไปแล้ว ค่าสเตตัสก็หายไปด้วยเหมือนกันบางทีนายก็อาจจะรู้สึกได้สินะ มานากับพลังงานปีศาจได้ทะลวงผ่านขีดจำกัดและทำให้เจ้านี่เป็นอะไรที่แทบจะคล้ายกึ่งอวัยวะไปแล้ว อย่าสนใจอย่างอื่นนอกจากช่วงชิงเลย”
“ถ้างั้นช่วงชิงก็คือทั้งหมดที่นายได้มาสินะ?”
“ใช่แล้ว พูดตรงๆอาร์ติแฟคโบราณทั้งหมดก็เป็นแบบนี้แหละ ไอเทมที่เกี่ยวข้องกับดันเจี้ยนจะมีการสุ่มคุณสมบัติต่างๆขึ้นมา แต่ว่ามันจะขาดพลังอำนาจเป็นของตัวเอง นายรู้เรื่องแนวคิดเรื่องแอมเบียนส์ไหมล่ะ?”
“อย่างออร่าน่ะหรอ?”
หลินได้ขมวดคิ้วขึ้นมาทำให้ฉันต้องส่ายหัว
“ฉันล้อเล่นน่า ฉันรู้อยู่ ฉันก็แค่ตกใจที่นายรู้ถึงทฤษฏีของศิลปินชาวโลกเท่านั้นเอง”
“ฮึ่ม โลกนายก็ไม่ได้ต่างจากโลกอื่นๆหรอกนะ แอมเบียนส์น่ะคือชั้นบรรยากาศเฉพาะที่มองไม่เห็นและไม่มีปริมาณ สิ่งของที่มีแอมเบียนส์จะนำชัยชนะมาให้ฝ่ายที่ดูเหมือนจะเสียเปรียบ”
“หลินนายมีของแบบนั้นไหม?”
“นายเคยเห็นมันมาก่อนแล้ว”
หลินได้ขยับมือที่ว่างเปล่าของเขา ฉันเข้าใจในทันทีว่าเขากำลังสื่อถึงอะไร ปืนสไนเปอร์ของเขา ปืนที่เขาได้ใช้ฆ่าหัวหน้าของบุ๊ควอร์คเกอร์ในนัดเดียว อย่างที่คิดเลยอาวุธนั่นไม่ธรรมดา
“อาร์ติแฟคโบราณ… ใช่แล้วล่ะ ของพวกนี้จะให้ความรู้สึกที่บริสุทธิ์ ความสามารถช่างตีเหล็กก็สำคัญ แต่ว่าของพวกนี้ส่วนใหญ่จะเกิดจากปาฏิหาริย์ซะมากกว่า มันคือของที่ถูกสร้างขึ้นโดยบังเอิญ ไอเทมรุ่นหลังจะถูกสร้างโดยใช้องค์ประกอบและชนิดที่แน่นอนทำให้ระดับและแอมเบี้ยนส์ตกลง แอมเบี้ยนจะเป็นตัวกำหนดว่าไอเทมไหนจะอยู่ระดับใดอย่างระดับแร์ ยูนีค อีปิค ตำนาน หรือเทพ”
“ครั้งแรกเลยนะที่ฉันได้ยินเรื่องแบบนี้”
“แน่นอนสิ นี่มันคือสิ่งที่ฉันคาดเดาขึ้นมาจากระดับของไอเทมที่ลอร์ดกำหนดมา”
ฉันได้หัวเราะขึ้นมา หลินได้ชี้ไปที่เหล็กกล้าและพูดออกมา
“นี่คือไอเทมรูปแบบดังเดิ้มอันแรกที่ฉันได้เห็นมา มันอยู่เหนือกว่าอันอื่นๆทั้งหมดเลย แค่ได้รู้ว่าฉันได้มีส่วนร่วมในการสร้างมันขึ้นมาก็ทำให้ฉันมีความสุขแล้ว แน่นอนว่าการที่มันเป็นแบบนี้พลังของผู้ใช้และปาฏิหาริย์ที่เกิดในเวลาๆนั้นก็มีส่วนด้วย อย่างที่ฉันบอกไปแทนที่จะพูดว่าเป็นความสามารถของช่างตีเหล็ก อาร์ติแฟค…”
“คือสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากปาฏิหาริย์สินะ ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะดูแลมันอย่างดี”
“เอาไปให้เอลีนดูด้วย เธอก็คงจะอยากรู้เหมือนกัน”
“ฉันก็คิดไว้แล้ว ถ้างั้นไปก่อนนะ ฝากลีออนด้วย”
“ได้ อย่ากลับมาอีกล่ะ”
หลินได้ตอบเล่นๆกลับมาและฉันก็ได้มองเขาก่อนที่จะออกมาจากสวนแฟรี่ ในเมื่อหลินบอกมาแล้วฉันก็จะต้องไปหาเอลีนด้วยเหมือนกัน เธอได้รู้ถึงคุณค่าของเหล็กกล้าในทันทีพร้อมทั้งเสนอทองให้กับฉัน ฉันได้ยิ้มให้กับเธอและแยกออกมาจากกิลด์ลอฟท์แวลลี
จากการผจญภัยครั้งล่าสุดนี้ฉันไม่เพียงแต่จะได้พลังงานความตายมาจำนวนมหาศาลเท่านั้น แต่ฉันยังแกร่งขึ้นและได้พัฒนาเกราะขึ้นอีกด้วย ตอนนี้มันถึงเวลากลับไปลุยดันเจี้ยนแล้ว
เมื่อฉันได้กลับไปที่ชั้น 87 ได้มีกระสุนยิงเข้าใส่ฉันในทันที กระสุนนัดนี้เล็งตรงมาที่กลางหน้าผากของฉันแน่นอน! ฉันได้คิดที่จะหลบมัน แต่แล้วก็ตัดสินใจทดสองพลังป้องกันของเหล็กกล้าแทน
ฉันได้เอื้อมมือออกไป ในตอนที่กระสุนที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วได้ชนเข้ากับกลางฝ่ามือของฉัน กระสนุนนี้ก็ได้เปลื่ยนทิศทางลอยกลับไปทางเดิมด้วยความเร็วที่เท่าเดิม ฉันได้แต่มองกระสุนด้วยความสับสน ในวินาทีต่อมาฉันถึงได้รู้ว่าช่วงชิงนั้นสามารถสะท้อนได้ทุกๆการโจมตี
ตูม! เสียงระเบิดได้ดังขึ้นมาจากไกลๆ
[…คุณได้ทำลายร่างหลักของเครื่องจักรสังหาร 1%]
จากนั้นข้อความของเชอร์ราฟิน่าที่ดูเหมือนจะตกใจก็ดังขึ้นมา
“อย่างที่คิดเลย กระสุนที่โจมตีไกลโครตๆนั่นมาจากร่างหลัก!”
แม้ว่าเชอร์ราฟิน่าจะไม่ได้ตอบกลับมา แต่ฉันก็รู้ว่าฉันคิดถูก บนชั้นที่ 86 นี้ ฉันได้เจอเข้ากับสองการโจมตี อย่างแรกคือสไนเปอร์จากระยะไหนที่ฉันไม่รู้เลย และอีกอย่างคือกองทัพหุ่นยนต์ที่ใช้อาวุธเพลิงทุกชนิด
ตอนแรกฉันคิดว่ามันมีหุ่นยนต์ใช้ปืนสไนเปอร์อยู่ แต่ถึงแม้กระทั่งฉันชินกับมานาจากหุ่นยนแล้ว ฉันก็ไม่อาจจะจับสัญญาณใดๆจากมือซุ่มยิงได้เลย เป็นอย่างที่คิดเลย กระสุนพวกนั้นมาจากร่างหลักมากกว่าหุ่นยนต์
ความลึกลับเดียวที่มีอยู่ในตอนนี้ก็คือมันชี้เป้าของฉันจากระยะไกลแบบนั้นได้ยังไง แล้วก็มันได้รับความเสียหายจากการสะท้อนของเหล็กกล้าได้ยังไง
“…ถ้าฉันใช้วิธีนี้ฆ่าเครื่องจักรสังหารนั่นจะเป็นยังไงกันนะ?”
ชัดเจนเลยว่านี่คือความคิดแรกที่เขามาในหัวของฉัน เชอร์ราฟิน่าไม่ได้ตอบฉันอยู่สักพัก แต่ไม่นานนักเธอก็ให้คำตอบกลับมา
[มันจะไม่เกิดขึ้น]
โอ้ ฉันได้ยิ้มขึ้นมาและพุ่งตัวออกไป
ตอนแรกฉันได้คิดจะใช้พลังงานความตายจัดการหุ่นยนต์ จากนั้นก็ค่อยให้ดอร์ตูใช้พลังควบคุมพวกมัน ยังไงก็ตามในตอนนี้ที่ฉันมีเหล็กกล้าอยู่ มันได้ต่างไปจากเดิมแล้ว พูดกันตรงๆแล้วสำหรับศัตรูที่มีระดับต่ำกว่าไม่อาจจะทำอะไรฉันได้แล้ว
พอสรุปได้แบบนี้ฉันก็เริ่มกลัวตัวเองแล้วสิ ก่อนหน้านี้ด้วยพลังของนัยน์ตาปีศาจกับพลังของดอร์ตู ฉันสามารถจะทำให้มอนสเตอร์ระดับ SSS ทั้งหมดแข็งเป็นหินได้ แต่ในตอนนี้ฉันกระทั่งสะท้อนการโจมตีทั้งหมดของพวกมันกลับไปได้ต่อให้ฉันไม่อยากจะสู้ก็ตามที
แน่นอนว่าการสะท้อนการโจมตีก็มีขอจำกัดอื่นนอกจากระดับของศัตรูอยู่ด้วย คือตอนที่ความสามารถสะท้อนถูกใช้งานมานาของฉันก็จะถูกใช้ไป แต่ว่าด้วยวงจรเพรูต้ากับวิญญาณสัมบูรณ์ทำให้ฉันดูดมานารอบๆเข้ามาเติมตลอดเวลา
พูดอีกอย่างแล้วก็คือหากว่าศัตรูระดับที่ต่ำกว่าฉันต้องการจะทะลวงการสะท้อนนี้ พวกมันได้แต่ต้องใช้การโจมตีที่ไม่สิ้นสุดลงจนกว่ามานาฉันจะหมดลง
และเพราะแบบนี้เองนี่ก็คือวิธีที่แน่นอนที่สุดที่จะเอาชนะฉันได้คือกองทัพหุ่นยนต์ของเครื่องจักรสังหาร แม้ว่าตอนนี้พวกมันจะดูเหมือนยิงกระสุนออกไม่สิ้นสุด! แม้ว่าจะต้องใช้เวลานาน แต่พวกมันก็น่าจะสร้างบาดแผลให้ฉันได้แน่ ร่างหลักมือสไนเปอร์ที่อยู่ระยะไกลมากๆก็น่าจะมีส่วนด้วยเช่นกัน
แต่โชคร้ายสำหรับพวกนั้นที่เหล็กกล้าไม่ใช่อุปกรณ์สิ่งเดียวที่ฉันมี
[ข้าคือดอร์ตู นี่คือหนึ่งวันของงานที่หนักหน่วง]
“นายช่วยหยุดพูดแบบนี้ทีได้ไหมดอร์ตู?”
ก่อนหน้านี้ดอร์ตูจะต้องใช้เวลานานกว่าจะควบคุมหุ่นยนต์สักตัวได้ แต่ว่าหุ่นยนบนชั้นที่ 87 แทบไม่ได้ต่างไปจากหุ่นยนต์บนชั้น 86 เลย ด้วยประสบการณ์ที่ดอร์ตูเคยมีมา ดอร์ตูต้องการเวลาเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้นที่จะควบคุมหุ่นยนต์ที่ร่วงลงไปจากกระสุนที่ถูกสะท้อนกลับ
[ข้าดอร์ตู ดอร์ตูกำลังเริ่มทำงานที่หนักหน่วง]
“ตอนนี้ก็ทำหน้าที่นายได้แล้ว”
ในอีกด้านหนึ่งฉันก็ได้ค่อยๆอ่านทิศทางของกระสุนหุ่นยนต์ช้าๆ ฉันได้ขยับตัวไปรอบๆอย่างต่อเนื่องและพยายามจะอ่านทิศทางของกระสุนนับร้อยนับพันที่ซึ่งในตอนนี้มันเป็นไปได้เพราะการตรวจจับมานาของฉันที่แข็งแกร่งขึ้นกว่าแต่ก่อนาก
[คุณได้ทำลายร่างหลักเครื่องจักรสังหาร 5%]
แม้ว่าฉันจะหลบการโจมตีส่วนใหญ่ แต่ฉันก็ตั้งใจรับกระสุนที่ยิงมากไกลๆอย่างต่อเนื่อง
ทำไมฉันถึงทำแบบนั้นน่ะหรอ? นั่นก็เพราะว่าฉันจะได้ทำลายศัตรูที่ฉันจะต้องเจอบนชั้นที่ 90 ได้ล่วงหน้าไงล่ะ! ข้อความของเชอร์ราฟน่าที่บอกความคืบหน้าของฉันก็ฟังดูขื่นขมมกว่าเดิมเช่นกัน
ฉันได้ใช้เวลาเคลียร์ชั้นที่ 87 ในเวลาเพียงครึ่งเดียวของชั้นที่ 86 เท่านั้นเอง ในระหว่างที่ผ่านชั้นที่ 87 ฉันก็ได้คิดจะทดลองใช้ช่วงชิงในรูปแบบอื่นนอกจากการสะท้อนการโจมตีเช่นกัน
แต่ว่าความสามารถของมันไม่ใช่สิ่งที่จะมีได้จากการใชบ่อยๆ สำหรับตอนนี้เนื่องจากว่ามันจะพัฒนาขึ้นไปเองตามระดับของฉัน ฉันก็เลยตัดสินใจเก็บไว้ก่อน ไพ่ตายต้องเก็บไว้ใช้ในเวลาจำเป็นเท่านั้น
แต่ก็แน่นอนว่านั่นมันไม่ได้หมายความว่าฉันจะไม่ใช้พลังช่วงชิงเลยสักนิด ฉันได้ใช้มันสะท้อนกลับการโจมตีไปแล้ว และถ้าจำเป็น ฉันก็จะใช้มันเต็มที่เหมือนกัน
ฉันได้มุ่งไปต่อที่บียอร์นชั้น 37 โดยไม่พักในทันทีและได้เจอเข้ากับจ้าวแวมไพร์ที่ถูกเสริมพลังขึ้นมา พวกมันจะทุ่งการโจมตีที่ทรงพลังเข้ามาในทันทีที่เจอฉัน และพวกมันก็ต้องตายไปทันทีจากการสะท้อนกลับ การได้แต่ดูมานาลดลงไปและผ่านบียอร์นทั้งแบบนี้มันทำให้ฉันรู้สึกแย่
“คิดดูแล้วนี่มันไม่มีประโยชน์กับการฝึกเลย”
ที่จะบอกก็คือนับจากนี้ไปฉันมีเหล็กกล้าแล้ว ดังนั้นฉันเลยไม่ได้มีประสบการณ์การต่อสู้กับพวกที่ทะลวงการสะท้อนได้เลย แต่ว่าดันเจี้ยนก็ยังคงมีมอนสเตอร์ที่ทะลวงการสะท้อนได้อยู่แน่! พวกบอสชั้นที่แท้จริง ไม่ใช่จ้าวแวมไพร์จอมปลอมนี่
เพราะแบบนี้เองทำให้ฉันเคลียร์บียอร์นชั้นที่ 37 ได้เร็วยิ่งกว่าดันเจี้ยนชั้นที่ 87 ซะอีก ฉันได้มุ่งไปที่ฉัน 88 ทันทีต่อจากนั้น
จากความรู้สึกหลายๆอย่างในตอนที่ฉันเจอดยุคปีศาจมันทำให้ฉันอยากที่จะเพิ่มระดับให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้
บนชั้นที่ 88 นี้มีพวกหุ่นยนต์จากชั้นก่อนหน้านี้อยู่ และยังมีหุ่นยนต์ที่ใช้ดาบที่สร้างขึ้นมาจากมานาเข้ามาโจมตีระยะประชิดใส่ฉันอีกด้วย
หุ่นยนต์พวกนี้เร็วกว่าหุ่นยนต์ที่ติดอาวุธปืน แต่ถึงแบบนั้นพวกมันก็ทะลวงการสะท้อนไม่ได้อยู่ดี ฉันได้พุ่งไปข้างหน้าต่อเรื่อยๆเพื่อที่จะเคลียร์ชั้นที่ 88 ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
และทันใดนั้นเอง…
มิสไซต์ขนาดใหญ่ได้ล่วงลงมาจากบนท้องฟ้า