บทที่ 343 – เดม่อนลอร์ด (6)
ในเวลาต่อมาปีศาจทุกๆตัวที่อยู่ภายใต้แสงจากกระจกก็สลายหายไปเป็นฝุ่นผง 10% ของทวีปได้ถูกกวาดล้างไปในทันที
“ฟู่ๆๆ… อันตรายนะเนี้ย”
ฉันได้เรียกชาราน่าออกมาให้เธอทำให้พายุฝุ่นสงบลง จากนั้นฉันก็ดูดมานาของปีศาจมาทดแทนานาที่เสียไป แม้ว่าการที่ฉันได้ดูดกลืนพลังของมังกราทั้งตัวทำให้ฉันไม่ต้องกังวลว่ามานาจะหมดอีกแล้ว แต่ว่าหากสามารถเติมมานาเข้ามาได้ก็เป็นเรื่องดี
“ว้าว น่าทึ่งจัง!”
พลีนได้ปรบมือออกมาอย่างตื่นเต้นเมื่อได้เห็นปีศาจนับแสนตายไปในพริบตาเดียว ฉันไม่รู้เลยว่าเธอไร้เดียงสาหรือโหดร้ายกันแน่
“แต่ว่าชินให้ฉันมาทำอะไรหรอ?”
พลีนไปมองไปรอบๆตัวและแสดงความสงสัยออกมา
“พลังของเธอสำคัญมากๆ เธอจะสามารถดึงตัวมอนสเตอร์ที่ซ่อนอยู่ออกมาได้”
“ก็จริงนะ แต่ว่า… ฉันอ่อนแอ”
พลีนได้ตอบกลับด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ถึงแม้ว่าเธอจะแกร่งในแบบของเธอ แต่ว่าเมื่อเทียบกับล็อทเต้หรือลิโคไรท์แล้ว เธอก็คือคนอ่อนแอ แค่พลังมานาเธอก็เทียบกันไม่ได้แล้ว
“ไม่หรอก ความสามารถของเธอมีความสำคัญเทียบเท่ากับล็อทเต้หรือลิโคไรท์เลย แถมตอนนี้ฉันยังต้องการพลังนั้นของเธอด้วย”
“ฉันจะทำมันได้หรอ?”
“หากฉันช่วย เธอก็ทำมันได้แน่”
พลีนได้เบิกตากว้างออกมา ฉันจึงได้วางมือลงไปบนไหล่ของพลีน
“ร้องเพลงเลยพลีน พาปีศาจทั้งหมดให้มาที่นี่”
“อะ อื้อ! ฉันจะพยายาม ฉันรู้สึกว่าฉันทำได้!”
เพราะนิสัยเชื่อฟังของเธอ เธอจึงเริ่มร้องเพลิงออกมาตามที่ฉันบอกในทันที ตอนนี้เองเขาบนหัวฉันก็ส่องแสงสว่างออกมาอย่างรุนแรง แต่ถึงแม้ว่าพลีนจะเห็นแบบนี้เธอก็ยังร้องเพลงต่อไป เสียงร้องของเธอได้ดังขยายออกไปเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว
ในเวลาไม่ถึงสิบนาทีก็เกิดการเปลื่ยนแปลงขึ้นแล้ว
“ก๊าซซซซซซซซซ!”
“ก๊าาา!”
“พะ พระจันทร์… พระจันทร์ยักษ์….!”
ฉันได้ยินเสียงของปีศาจจากที่ไกลออกไปแล้ว ไม่นานนัก ฉันก็มองเห็นพายุทรายที่พุ่งขึ้นมาอยู่สุดขอบฟ้า
ปีศาจที่มีเทคนิคการเคลื่อนที่ที่พิเศษได้เป็นพวกแรกที่ฉันมองเห็น ในขณะที่ปีศาจที่บินได้ก็เป็นกลุ่มต่อมาที่พุ่งมาหาเราด้วยความเร็วแสง
ยังไงก็ตามสิ่งที่พวกปีศาจพวกนี้ได้เจอก็มีแต่จุดจบเท่านั้น
ปีศาจที่กรีดร้องออกมาคือพวกที่ทรงพลังจนสามารถต้านทานเสน่ห์ของฉันได้ แต่ว่าส่วนใหญ่แลวพวกปีศาจก็จะกลายเป็นฝุ่นผงไปในทันทีที่เข้ามาในระยะของกระจก แต่ถึงแม้ว่าจะมีปีศาจตายกันอยู่ต่อหน้า ปีศาจที่อยู่ด้านหลังก็ยังพุ่งเข้ามาหาเราเหมือนแมงเม่าบินเข้ากองไฟ พวกปีศาจไม่อาจจะใช้ความคิดได้ชัดอีกแล้ว
พลีนที่ร้องเพลงอยู่ได้เบิกตากว้างขึ้นมาราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่เธอมองเห็นอยู่ เมื่อเธอมองมาที่ฉันอย่างไม่อยากจะเชื่อ ฉันก็ยิ้มให้กับเธอและทำท่าให้เธอร้องต่อไป แสงสีทองจากเขาของฉันได้เปล่งออกมาสว่างมากยิ่งขึ้น
“ฉันกำลังให้เธอยืมพลังเสน่ห์ของฉัน”
“ร่าร๊าร๊า~!”
เธอดูเหมือนจะพูดออกมาว่า ‘น่าทึ่ง’
“เพราะงั้นร้องเพลงต่อไป ไม่ต้องห่วงนะ น่าจะไม่เกินชั่วโมงหรอก”
“ร่าร๊าร๊า~!”
เธอดูเหมือนจะพูดออกมาว่า ‘เรื่องกล้วยๆ’
ยิ่งเวลาผ่านไปก็ยิ่งมีปีศาจกลายไปเป็นฝุ่นมากยิ่งขึ้น เพราะแบบนี้มานาจำนวนมากได้เริ่มเต็มทั่วพื้นที่ ฉันได้ดูดมานาเข้ามาพร้อมทั้งขยายขนาดกระจกขึ้น
ในท้ายที่สุดกระจกก็มีขนาดใหญ่จนเกินกว่าที่ฉันจะมองได้หมดแล้ว และพลังดวงตาฉันได้เพิ่มขึ้นจนดูเหมือนจะส่งผลแม้กระทั่งอากาศแล้ว
เพลงของพลีนได้กระจายออกไปราวกับจะปกคลุมทั้งทวีป หากว่าฉันสามารถจะหลับตาฟังเสียงที่ไพเราะของเธอได้มันคงจะดี แต่น่าเศร้าที่ฉันต้องเปิดตาใช้นัยน์ตาปีศาจเอาไว้ ฉันได้เพิ่มพลังกระจกมากขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ดอร์ตู ปกคลุมมันกัน”
[ข้าดอร์ตู เข้าใจแล้ว]
กระจกยักษ์ได้สั่นสะเทือน รอยร้าวได้กระจายออกมาจากตกกลาง และกระจกได้เริ่มแยกออกมา เศษกระจกเล็กๆนับไม่ถ้วนถูกสร้างขึ้นมาซึ่งจากนั้นก็ลอยไปประจำตำแหน่งของตัวเองราวกับการโคจรของดวงดาว
“งดงาม”
พลีนที่ร้องเพลงจบแล้วได้มองขึ้นไปที่เศษกระจกส่องประกายด้วยความกลัว
กระจกขนาดยักษ์มองภายนอกมันอาจจะดี แต่ว่าสำหรับการขยายพลังของนัยน์ตาปีศาจแล้วกระจกขนาดเล็กจำนวนมากดีกว่ามาก
ในเวลาแค่ไม่กี่นาที กลุ่มเศษกระจกก็ได้ฆ่าปีศาจที่เหลืออยู่ในทวีปไปจนหมด
“เสร็จแล้วล่ะพลีน ตอนนี้มันจบแล้ว”
“จริงหรอ? เฮะๆ เยี่ยมดีจัง! ฉันก็อยากจะให้เสน่ห์ของฉันพัฒนาขึ้นเหมือนกัน”
“เธอทำได้แน่ ยังไงก็ตามมาจัดการเรื่องสุดท้ายแล้วกลับกันเถอะ”
“อะไรงั้นหรอ?”
พลีนได้เอียงหัวออกมาอย่างน่ารัก แต่ว่าฉันก็แค่ยิ้มบางๆตอบกลับไป
ยังไงก็ตามไม่นานหลังจากนั้นก็มีชายคนหนึ่งปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ปีศาจที่มีเขายาว พลังเวทย์ในร่างกายเขาทำให้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาคือพวกระดับสูง
ปีศาจตัวนี้คือปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปนี้รองลงมาจากเดม่อนลอร์ด เหมือนๆกันกับผู้บัญชาการกองทัพที่ฉันเคยได้เจอบนโลก
“นายมาสายไปแล้ว”
“ฉันคือ…!”
เขาได้กัดฟันออกมา และยิ้มอย่างมีนัยยะ
“อย่าโกรธสิ นายอ่อนแอกว่าฉันใช่ไหมล่ะ?”
“แน่นอน ฉันรู้ตั้งแต่ได้ยินข่าวจากท่านเดม่อนลอร์ด…!”
“ฮ่าๆ นายรู้แล้วสินะ กระจกยักษ์นั่นไม่ได้มีแค่พลังนัยน์ตาปีศาจของฉัน”
พลังเวทย์ได้เริ่มพวยพุ่งออกมาจากร่างปีศาจ เขาได้กางปีกเหมือนกับค้างคาวและตะโกนออกมาอย่างรุนแรง
“กระจกยักษ์นั่น มันคือวงเวทย์ที่ไว้หลอกล่อฉัน!”
“ใช ไม่ใช่แค่นายหรอกนะ มันเป็นแค่เวทย์ลวงตาเล็กๆน้อยๆที่เอาไว้ป้องกันไม่ให้นายหรือปีศาจคนอื่นๆที่ทนต่อนัยน์ตาปีศาจมาหาฉันได้”
เมื่อฉันได้ทำลายกระจกไปก็เป็นธรรมดาที่เวทย์ลวงตาจะหายไป ฉันคิดว่าอย่างน้อยน่าจะมีปีศาจห้าตัวที่มีชีวิตรอด แต่ดูเหมือนว่าปีศาจเพียงตัวเดียวที่อยู่ตรงหน้าฉันจะเป็นคนเดียวเท่านั้นที่ทนต่อนัยน์ตาปีศาจได้
“การมาสร้างความวุ่นวายที่นี่ไม่ได้เปลื่ยนอะไรหรอกนะ! โลกจะต้องถูกพิชิต!”
“แต่ว่านายรู้ไหมนะว่าปีศาจทั้งหมดที่ไปบนโลกได้ถูกกำจัดไปแล้ว?”
ฉันได้โบกมือขึ้นไปบนท้องฟ้า เศษกระจกที่อยู่เต็มท้องฟ้าได้ขยับไปตามการขยับมือของฉัน
มันเหมือนกับว่าฉันกำลังร่างภาพท้องฟ้ายามค่ำคืนเหมือนกับพระเจ้า
เมื่อเห็นแบบนี้ฉันได้พูดออกมาอย่างสบายๆ
“ตอนนี้เหลือแค่นายกับเดม่อนลอร์ดแล้ว”
“นะ นายมันปีศาจ…!”
“โอ้”
ฉันได้แค่นเสียงออกมา
“พวกนายเป็นคนแรกที่เริ่มก่อนเองนะ”
“นายคิดว่าเราต่างออกไปงั้นหรอ!? ไม่ต่างกันหรอก! แค่เพราะเรายึดพลังของโลกไว้ พวกเราก็เลยถูกเรียกว่าผู้บุกรุก!”
“แต่พวกนายเริ่มมองหาโลกอื่นหลังจากพิชิตทวีปลูก้าแล้ว พลังของโลกในทวีปลูก้า… มันหายไปแล้วงั้นหรอ? เดม่อนลอร์ดยังคงมีเดม่อนลอร์ดยังมีมันอยู่นี่ อย่ามาปฏิเสธนะในเมื่อฉันรู้ว่ามีปีศาจเกิดใหม่ขึ้นมาอยู่”
“…”
เขาไม่ได้ตอบกลับมา ฉันได้หยักไหล่ขึ้น
“แต่ถึงแบบนั้นฉันยอมรับว่าในตอนแรกพวกเราเหมือนกัน แต่แล้วพวกนายก็บิดเบี้ยวไป ตอนนี้ฉันจะทำมันให้ถูกต้อง มันจะไม่เกิดขึ้นมาอีก แต่แน่นอนว่านายจะต้องตาย”
“หยิ่งผยอง…! นายจะแก้ไขมันงั้นหรอ? นั่นคือสิ่งที่ท่านเดม่อนลอร์ดกำลังหาวิธีทำ! เพื่อที่จะเรียกร้องทุกๆอย่างและแก้ไขโลกที่บิดเบี้ยว! นายนี่พูดเหมือนกับเดม่อนลอร์ด!”
“เดม่อนลอร์ดน่ะผิด และฉันต่างไปจากเขา”
ฉันได้ตอบกลับไปอย่างเย็นชา เทียบฉันกับเดม่อนลอร์ดงั้นหรอ? ไร้สาระ
ปีศาจนี่ไร้เดียงสามจริงๆ แน่นอนว่าความไร้เดียงสามันไม่ใช่บาป เขาอาจจะไม่มีโอกาสได้รู้ถึงมัน มันคงจะผิดหากจะโทษเขา
ยังไงก็ตามมันก็ไม่สมควรที่จะได้รับคำชมเช่นกัน ในเมื่อฉันไม่ได้คิดจะอธิบายทุกๆอย่างให้เขาฟัง ฉันก็เลยเตรียมตัวที่จะฟังคำพูดสุดท้ายจากเขา
“เดม่อนลอร์ดไม่มีจุดอ่อนอะไรพวกนี้เลยหรอ? นายรู้ไหมพวกตัวโกงน่ะชอบทรยศหัวหน้าในตอนกำลังจะตาย?”
“ฆ่าฉันซะ ฉันขอสาปแช่งนายด้วยพลังทั้งหมดของฉัน! ฉันมีพลังคำสาปที่ได้ผลดีต่อให้เป็นเดม่อนลอร์ดเอง! นายจะไม่มีวันทำสำเร็จ! ฝันร้ายครั้งนี้จะไม่มีวันจนสิ้น!”
เมื่อเขาได้ตะโกนออกมาจนสุดเสียง เลือดก็ได้เริ่มไหลออกมาจากปากของเขา มันดูเหมือนว่าเขากำลังร่ายคำสาปอะไรบางอย่าง ยังไงก็ตามฉันได้แค่นเสียงออกมาเท่านั้น
“เสียใจด้วยนะ…”
ฉันได้ชี้นิ้วไปที่เขา เศษเสี้ยวกระจกทั้งหมดได้พุ่งเข้าไปหาเขา
“แต่ว่าคำสาปไร้ผลกับฉัน”
เขาได้เบิกตากว้างออกมา ในเวลาต่อมาเขาก็ได้ถูกกลุ่มโลหะกลืนหายไป
แค่ไม่กี่วินาทีต่อมาเศษเสี้ยงกระจกก็ได้กลับคืนมาตามตำแหน่งเดิมของมันตามการกระดิกนิ้วของฉัน ตอนนี้ไม่มีปีศาจเหลืออยู่แล้ว มีก็แต่เศษเลือดที่ยืนยันถึงการเคยมีชีวิตอยู่ของเขา
“เอาล่ะพลีน กลับกันเถอะ ตอนนี้จบแล้วล่ะ”
“ว้าว ชินน่าทึ่งจัง! เท่สุดๆ!”
ดวงตาพลีนได้เปล่งประกายออกมามากยิ่งขึ้น ฉันได้ลูบหัวของเธอพร้อมกับบอกตัวเองว่าจะไม่ปล่อยให้ไอน่าได้เห็นภาพแบบนี้
เมื่อฉันได้กลับมาที่โลกทุกๆอย่างก็ยังคงเป็นเช่นเดิม จริงๆแล้วฉันกลัวว่ามนุษยชาติกว่า 50% จะถูกกวาดล้างออกไป แต่โชคดีที่นั่นเป็นแค่จินตนาการของฉัน
ดูเหมือนว่าทวีปมอนสเตอร์จะโจมตีจริงๆ ฉันบอกได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อได้เห็นหอกทองคำบนมือเคน
“มีบางอย่างเกิดขึ้น”
“ก็แค่ออกกำลังกายเล็กๆน้อยๆ”
หากว่าเขาต้องดึงพลังของพระเจ้าออกมาใช้มันก็คงเป็นการออกกำลังกายที่รุนแรงจริงๆ มันดูเหมือนว่าเคนจะชอบทำตัวห่างเหินสินะ ฉันได้ถามออกมาเมื่อคิดว่าเขาไม่ใช่คนที่แย่อะไร
“มันจบแล้วหรอ?”
“ใช่แล้ว โลกกำลังจะได้ผลลัพธ์แล้ว”
เคนได้พูดออกมาเสียงต่ำ
“ถ้างั้นตอนนี้มันเริ่มแล้ว”
“โอเค”
สมาชิกกิลด์คนอื่นๆก็ได้บินออกมาก่อนที่ฉันจะสังเกตเห็น ไม่มีใครเลยที่อยู่ในดันเจี้ยน
ฮวาหยา เดซี่ เลอบิค พ่อ เยอึน เร็น รูเดีย ชูน่า ไอน่า ยุย สุมิเระ วอร์คเวอร์ มิเชล อิเลด้า… รวมถึงคนอื่นๆนอกไปจากโซฟีที่ตั้งท้องอยู่ ลีออนที่มีภารกิจสำคัญ และลิโคไรท์กับล็อทเต้ที่ไปช่วยลีอนอ ทุกๆคนต่างก็มาอยู่พร้อมหน้า
“ทำได้ดีมากทุกคน”
ฉันได้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสบายๆ
“วันนี้ทุกๆอย่างจบลงแล้ว การเฉลิมฉลองจะเก็บเอาไว้ก่อนจนกว่ามันจะจบลง”
“… ชินจะไม่พาทุกคนไปใช่ไหม”
เยอึนไดถามออกมาอย่างตั้งใจ ฉันได้หยักหน้าออกมา
“ฉันทำลายดันเจี้ยนของเดม่อนลอร์ดไม่ได้ เพราะงั้นจะมีแค่ฉันกับอีกสามคนที่จะเข้าไปข้างใน จอมเวทย์ที่มีพลังเวทย์ต่ำกว่าเดม่อนลอร์ดจะทำอะไรเขาไม่ได้ เพราะงั้นคนที่จะเข้าไปสู้กับฉันคือสายต่อสู้ระยะประชิด คนแรกคือพ่อ”
ปีศาจมีความสัมพันธ์กันกับพลังเวทย์สูงมากกว่าการต่อสู้ระยะประชิด รวมไปถึงเดม่อนลอร์ดด้วย ฮวาหยากับไอน่าอาจจะเป็นหายนะสำหรับปีศาจตัวอื่นๆ แต่ว่าพลังของพวกเธอใช้ไม่ได้ผลกับเดม่อนลอร์ด
เมื่อได้ยินคำพูดของฉัน พ่อก็ยกหอกขึ้นมาอย่างดีใจ
“ในตอนนี้ลูกเคารพพ่อแล้วสินะ”
“คงมีแค่พ่อคนเดียวที่คิดแบบนี้ทั้งๆที่พาไปในที่ที่อันตรายแบบนั้น คนต่อมาเยอึน”
“ฉันพร้อมแล้ว!”
เยอึนมีนามที่แท้จริงของเทพเจ้า ฉันจะทิ้งเธอไว้ไม่ได้ การต่อสู้กับเดม่อนลอร์ดเป็นภารกิจที่อันตราย แต่ว่าสายตาของเยอึนมีแต่ความกระตือรือร้น เธอน่าไว้ใจจริงๆ
“คนสุดท้ายสุมิเระ”
“ค่ะ คุณชิน! หนูจะทำให้ดีที่สุด!”
สุมิเระได้ตอบกลับมาอย่างมีพลัง เคนได้มองมาที่ฉันราวกับว่าเขาไม่เข้าใจว่าฉันคิดอะไรอยู่
“เกินไปหนึ่งคนนะ ฉันไม่คิดว่าดันเจี้ยนจะอนุญาตให้คนมากกว่าสามคนเข้าไปด้านใน”
“ก่อนหน้านี้ฉันได้ลงมือไปแล้ว เมื่อโซ่คลายออกมา ช่องวางในดันเจี้ยนจะกว้างขึ้นเล็กน้อย มันน่าจะพอให้คนสี่คนเข้าไปด้านหน้า ถึงแม้ว่านายจะทำไม่ได้ก็ตาม”
“ฮึ่ม น่าละอายจริงๆ ฉันอยากจะเห็นหน้าเดม่อนลอร์ดจริงๆ”
ฉันได้ยิ้มให้กับคำพูดสบายๆของเคน
“นายทำอะไรมามากแล้ว นายไปพักเถอะ”
“ไม่มีปัญหา”
ถ้างั้น ต่อไป…
ฉันได้มองขึ้นไปบนท้องฟ้า มันถึงเวลาแล้ว โซ่ที่มัดดันเจี้ยนอยู่ได้คลายออกและความมืดก็ได้เริ่มคืบคลานปกคลุมท้องฟ้า
ท้องฟ้าได้เปลื่ยนไปเป็นสีดำ
ดันเจี้ยนภายใต้ท้องฟ้าเทียมที่ไร้ซึ่งแสใดๆได้ถูกเปิดออกมาราวกับจะกลืนกินผู้ท้าทายเข้าไป
ฉันรู้สึกว่าฉันได้ยินเสียงร้องที่สิ้นหวังและกลิ่นคาวเลือดออกมาจากด้านใน
“ลูกชาย ลูกพร้อมแล้วนะ?”
พ่อได้ถือหอกยาวสามเมตรหันมาหาฉัน
“พร้อมแล้ว”
ฉันได้ตอบกลับไปเบาๆ ฉันไม่จำเป็นต้องตรวจสอบอุปกรณ์แล้ว
เหล็กกล้าได้ปกคลุมทั้งร่างกายฉันตลอดเวลา บนมือของฉันก็มีหอกแพลตตินั่มที่ทะลวงได้ทุกอย่างอยู่ หอกนี้ไม่ได้ด้อยกว่าอาวุธเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์เลย
นอกไปจากนี้
“ชาราน่า ริยู ไพก้า ดอร์ตู”
[ฉันพร้อมแล้วนายท่าน!]
[ฉันด้วยๆ! ฉันพร้อมจะแสดงพลังแล้ว!]
[หุหุ ด้วยพลังของนายท่านดันเจี้ยนนี้จะถูกทะลวงอย่างง่ายดาย]
[ข้าดอร์ตู กำลังทำตามคำสั่งนายท่าน]
พวกเขาได้อยู่เคียงข้างฉัน มันไม่มีอะไรที่ฉันต้องกลัวแล้ว พอคิดกับตัวเองแล้วฉันก็ยิ้มออกมา พวกเขาก็ตอบฉันกลับมาด้วยรอยยิ้มสดใสเช่นกัน
ฉันทำมันได้
ความมั่นใจได้ท่วมท้นขึ้นมาภายในใจฉัน
ฉันได้ชี้หอกไปที่ทางเข้าดันเจี้ยน
“ไปกันเถอะพวกเรา”