บทที่ 348 – จุดจบ (2)
“…”
ฉันได้จ้องมองไปที่ร้านค้าที่ว่างเปล่า ถึงฉันจะคิดเอาไว้แล้วแต่ก็ยังน่าตกใจอยู่ดี ฉันเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของเธอแต่แล้วฉันก็ตัดสินใจจะเชื่อในตัวเธอ
“เชอร์ราฟิน่าเธอพร้อมแล้วนะ?”
ไม่มีเสียงตอบกลับมา แต่ว่าฉันรู้วิธีที่จะหาคำตอบกลับมา ฉันได้เดินตรงเข้าไปในประตูมิติสู่บียอนด์
มอนสเตอร์ที่เริ่มปรากฏขึ้นมานับจากบียอนด์ชั้นที่ 41 คือเอรัง พวกเขามีลักษณะพิเศษที่จะป้องกันการโจมตีจากออร่าที่ไม่บริสุทธิ์ได้
นอกไปจากนี้พวกเขายังพูดคุยแนะนำกันโดยที่รู้ว่าฉันเป็นคน ถึงก่อนหน้านี้ฉันจะไม่มั่นใจ แต่หลังจากได้รับพลังเดม่อนลอร์ดมา ฉันก็เริ่มจะมั่นใจ
เอรังน่าจะเป็นหุ่นเชิดที่ใช้พลังของเชอร์ราฟิน่า เธอไม่ได้พยายามซ่อนมันเลยด้วย
ชั้นที่ 45 ไม่ได้ใหญ่มากนัก มันเป็นแค่ห้องหินอ่อนที่ดูเงียบสงบมากๆ นอกไปจากนี้ห้องนี้ก็เต็มไปด้วยพลังดันเจี้ยน
[ฉันกำลังรอคุณอยู่เลย]
สิ่งมีชีวิตที่มีผิวหนังสีดำและปีกสีขาวคู่หนึ่งได้พูดออกมา
[ฉันเชื่อว่าคุณจะทำมันได้สำเร็จในสักวัน]
เสียงที่ดังออกมาเป็นเสียงของผู้ชาย แต่ฉันก็รู้ว่านี่คือเสียงของเชอร์ราฟิน่า
“เธอเป็นอะไรกันแน่?”
[ตัวฉันเองก็ไม่แน่ใจ เวลาผ่านไปนานมากเกินกว่าที่จะจำได้ถึงอดีตแล้ว แต่ว่าฉันก็รู้ว่าครั้งหนึ่งฉันเคยเป็นเด็กสาว]
เขา… เธอ… เชอร์ราฟิน่าได้ตอบกลับมา
[มีบางสิ่งที่ฉันไม่เข้าใจ เคนซ่อนความสามารถของเขาจากฉันได้ยังไงกัน?]
“นั่นคือพลังที่เขาได้รับมาเพื่อซ่อนตัวเขาและพรรคพวกของเขา”
[นั่นมัน…]
“ใช่แล้ว เพื่อซ่อนจากเธอไงล่ะ”
เชอร์ราฟิน่าพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็ถามกลับมาอีกครั้งหนึ่ง
[แล้วคุณเข้ามาในดันเจี้ยนได้ยังไง?]
“ฉันทำได้มากกว่านี้อีก”
[นี่ไม่ได้อยู่ในการคำนวนของฉันเลย]
“ชั้นที่ 95”
[เป็นอย่างที่ฉันสงสัยสินะ การที่จะหลอกสายตาฉันได้คงจะต้องเป็นมังกร]
ฉันได้หยักหน้าออกมา
[ยังมีมังกรรอดชีวิตอยู่อีกสินะ ฉันคิดว่าฉันกำจัดไปจนหมดแล้วซะอีก]
“เป็นความผิดพลาดสินะ”
[นั่นไม่ใช่แค่ความผิดพลาดธรรมดาๆ มังกรตนนี้ได้ทำให้แผนที่มีโอกาสสำเร็จอย่างแน่นอนพังลง]
“แต่เธอก็ยังจะทำตามแผนเดิมอยู่อีกหรอ?”
[เป้าหมายของสิ่งที่ฉันได้ทำมาทั้งชีวิตอยู่ตรงหน้าแล้ว คังชินหากว่านายอยู่ในตำแหน่งเดียวกันนายจะหยุดแค่เพราะโอกาสมันลดลงงั้นหรอ?]
“ฉันคงไม่ตั้งเป้าหมายเรื่องน่ารำคาญแบบนั้นตั้งแต่แรกแล้ว”
[แน่อยู่แล้วสินะ นั่นก็เพราะคุณเกิดมามีทุกอย่างอยู่แล้ว]
หืม เกิดมาพร้อมทุกอย่าง นี่คือคำถามที่ฉันมีในตอนที่ฉันเข้ามาในดันเจี้ยน ตอนนี้มันถึงเวลามาหาคำตอบกันแล้ว
หลังจากสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วฉันก็พูดออกมา
“…เธอคือคนที่เชื่อมต่อทั้งสองโลกสินะ”
[ใช่แล้ว]
เธอได้ยอมรับออกมาตรงๆ
“เธอเป็นคนที่ขโมยพลังของโลกและกำหนดฝ่ายโจมตีและฝ่ายป้องกัน”
[ใช่แล้ว ฉันสร้างความเป็นไปได้ขึ้นมาสำหรับโลกที่เป็นฝ่ายโจมตีและฝ่ายป้องกัน]
“ความเป็นไปได้?”
[ใช่แล้ว ความเป็นไปได้ที่จะมีนายอยู่]
หุ่นเชิดเชอร์ราฟิน่าไม่อาจจะแสดงอารมณ์ได้ แต่ฉันรู้ได้เลยว่าใบหน้าในตอนนี้ของเธอกำลังยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ฉันได้ถามออกมาอีกครั้งหนึ่ง
“ที่เธอทำทั้งหมดนี่ก็เพื่อค้นหาฉัน?”
[ใช่แล้ว]
“เธอดึงโลกจำนวนนับไม่ถ้วนให้สูญสิ้น หลอกผู้ใช้พลังที่ทรงพลังมาสร้างดันเจี้ยน และแบ่งพลังของเธอเองให้นักสำรวจเหมือนกับนักบุญ ทุกๆอย่างที่เธอทำก็แค่เพื่อหาฉันเนี้ยนะ?”
[ใช่แล้ว]
ฉันไม่รู้จะพูดกับเธอว่ายังไงดีแล้ว
“เธอคือเทพเจ้างั้นหรอ?”
[เทพเจ้าคืออะไร?]
“อะไรนะ?”
[บนหัวคุณมีพลังส่องสว่างที่ฉันไม่อาจจะเข้าใจได้อยู่ นั่นคือเครื่องพิสูจน์ของเทพเจ้างั้นหรอ?]
“ฉันไม่รู้”
[ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฉันใช่เทพเจ้าไหม แต่ว่าสิ่งมีชีวิตอื่นๆต่างก็เรียกฉันว่าเทพเจ้า]
ฉันได้หัวเราะออกมากับคำพูดของเธอ เทพเจ้า คนที่สร้างคำๆนี้ขึ้นมาก็คือมนุษย์และสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญา ซุส โอดิน เฮอร์มีส พระศิวะ พระแม่กาลี พระแม่ทุรคา อิกนิส พวกเทพเจ้าทั้งหมดนั่นแหละ! พวกเขาต่างก็เกิดขึ้นมาจากมนุษย์ทั้งนั้น
เมื่อดูจากวิธีที่เธอตอบคำถามฉันแล้วดูเหมือนว่าเธอจะไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ
“ใช่แล้ว เธอไม่ใช่เทพเจ้า หากจะมีอะไรแบบนั้นฉันก็ใกล้เคียงกับคำว่าเทพเจ้ามากกว่าเธอ”
[ฉันก็คิดเหมือนกัน]
“เธออยากจะเป็นเทพเจ้างั้นหรอ?”
[ไม่เลย การที่คุณกลายเป็นเทพเจ้าไม่ใช่ส่วนหนึ่งของแผนฉัน นี่ก็น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของความผิดพลาด แต่ก็นั่นแหละ ฉันคิดไว้แล้วว่านายจะมีพลังอย่างสองอย่างที่เหนือเกินกว่าความเข้าใจของฉัน]
เสียงของเชอร์ราฟิน่าดูสงบจนน่าแปลกใจ ราวกับว่าไม่ว่าฉันจะแกร่งยังไงก็ไม่สำคัญ
[ฉันมีความสามารถที่จะใช้พลังแห่งโลกได้]
“ฉันรู้แล้ว หากเธอทำไม่ได้ เธอก็คงจะเอาพลังแห่งโลกไปใส่ในร่างคนอื่นๆแบบนี้ไม่ได้แน่”
[ไม่ใช่ว่าฉันจะใส่พลังแห่งโลกเข้าไปในตัวใครก็ได้ พวกเขาจะต้องเป็นฮีโร่ด้วย]
หรือก็คือการกำหนดฮีโร่ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของเธอ
[เมื่อโลกที่ฉันมีชีวิตอยู่ได้เชื่อมต่อเข้ากับอีกโลกหนึ่ง ฉันก็ได้เรียนรู้ถึงการมีอยู่ของพลังแห่งโลกและเพราะแบบนั้นฉันจึงแกร่งขึ้น ไม่นานนักฉันก็รู้ตัวว่าฉันสามารถจะควบคุมพลังแห่งโลกได้อย่างอิสระ นี่แหละคือวิธีที่ฉันได้ใช้เพื่อสร้างเส้นทางไปสู่โลกทั้งหมด]
“แล้ว?”
[ฉันอยากที่จะเก็บพลังแห่งโลกทั้งหมดไว้ภายในตัวฉัน ฉันคิดว่าหากฉันใช้ความสามารถนี้ฉันจะทำให้มันเป็นไปได้]
เธอพูดออกมาเหมือนกับว่านี่คือสิ่งที่เธอต้องทำให้ได้ ฉันได้เริ่มรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที
“แค่เพราะแบบนี้… เธอก็เลยดึงโลกจำนวนนับไม่ถ้วนเข้ามาสู่การสูญสิ้น?”
[ใช่แล้ว การแสวงหาพลังนี่สัญชาตญาณโดยธรรมชาติ คุณก็เป็นเหมือนๆกันไม่ใช่หรอ?]
“ฉันจะไม่ฆ่าทุกๆคนที่รู้จักเพื่อให้ตัวเองแกร่งขึ้นหรอกนะ! ต่อให้ฉันแกร่งขึ้นมาแล้วฉันจะมีอะไรเหลืออยู่อีกล่ะ?”
[พลังไงล่ะ]
เธอพูดออกมาราวกับเป็นสัจจธรรมในตัวเธอ มุมปากของเธอได้บิดออกมาเป็นรอยยิ้มจ้องมาที่ฉัน
[คุณก็น่าจะรู้ถึงธรรมชาติของพลังคุณนี่ แล้วคุณยังจะพูดแบบนี้อีกงั้นหรอ?]
“การรู้ถึงธรรมชาติของพลังตัวเองกับการทำลายโลกอื่นๆนั่นมันไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลยสักนิด”
[ฉันสามารถจะใช้พลังแห่งโลกได้ แต่ว่าฉันเก็บเอามันมาไว้ในร่างได้ไม่สำเร็จ ฉันไม่มีความสามารถนั้น]
“…เพราะงั้น?”
[แต่ว่าคุณมีพลังในการผสมพลังใดๆก็ตาม จะมากแค่ไหนก็ได้ให้กลายมาเป็นหนึ่งเดียว ยกตัวอย่างเช่นการบีบอัดทุกๆอย่างให้เป็นหนึ่งเดียวไงล่ะ]
ฉันได้หลับตาลง
[หลังจากระยะเวลาที่ยาวนานในที่สุดฉันก็ได้เจอคุณ คุณได้พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วและยอดเยี่ยม แต่ถึงแม้ว่าจะล้ำหน้ามากเกินไปหน่อยแต่ก็ยังอยู่ในการควบคุมของฉัน]
“แค่นี้เนี้ยนะ? เหตุผลที่เธอเชื่อมต่อโลกต่างๆและสร้างดันเจี้ยนขึ้นมาน่ะ?”
[ใช่แล้ว]
“เพียงแนี้ เธอได้ทำให้ผู้คนมากมายต้องทุกข์ทรมานเนี้ยนะ?”
[ฉันก็แค่เร่งให้สิ่งที่จะเกิดเกิดขึ้นเร็วขึ้นเท่านั้นเอง]
เธอได้พูดออกมาอย่างสงบ
[ในโลกของคุณมีเวลาแค่เพียง 4,200 ปีเท่านั้น ถึงฉันจะไม่คิดว่ามันเร็วนักก็ตาม]
“อะไรที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้กัน? มนุษย์ เอลฟ์ มังกร! เธอไม่น่าจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวตั้งแต่แรกสิ! ทำไมกันล่ะ?”
[การแสวงหาพลังต้องมีเหตุผลด้วยงั้นหรอ?]
“อะไรนะ?”
[ไม่สำคัญว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น แต่การที่จะแสวงหาพลังมันต้องมีเหตุผลด้วยหรอ?]
“…”
เธอได้หัวเราะออกมา แม้ว่าจะผ่านหุ่นเชิดแต่นี่ก็เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันได้ยินเธอหัวเราะออกมา
[ทำไมคุณต้องหาเหตุผลด้วยล่ะ? ทุกๆการกระทำของเราต้องมีเหตุผลด้วยงั้นหรอ? คังชินคุณมันไร้เดียงสาเกินไป ฉันยังไม่เคยตั้งคำถามเลยด้วยซ้ำว่าทำไมฉันถึงเป็นเช่นนี้ ฉันก็แค่ทำในสิ่งที่อยากจะทำเท่านั้น และสิ่งที่ฉันอยากจะทำคือการแสวงหาพลัง ไม่สำคัญหรอกว่าการจะทำแบบนี้จะมีโลกหายไปมากแค่ไหน ไม่สำคัญว่าจะมีกี่ชีวิตต้องสูญสิ้น มันไม่ใช่ธุระของฉันเลยแม้แต่นิดเดียว ทำไมมันถึงได้สำคัญกันล่ะ?]
“นี่เธอ… เธอไม่มีคนรักเลยงั้นหรอ? ในอดีตก็ไม่เคยมีเลยงั้นหรอ?”
ใบหน้าของเอลลอสได้ปรากฏขึ้นมา เขาคือชายที่เต็มไปด้วยแรงบรรดาลใจซึ่งได้ถูกเลือกให้เป็นนักสำรวจดันเจี้ยนที่หนึ่ง เขาได้เจอกับคนรักของเขาและเสียเธอไปเพราะศัตรูแห่งโลก สำหรับเขาแล้วผู้หญิงเพียงคนเดียวสำคัญยิ่งกว่าตัวเขาหรือโลกทั้งใบอีก เพราะแบบนั้นเขาจึงพยายามแก้แคนโดยดึงฉันเข้าไปเกี่ยวด้วยและสุดท้ายก็ต้องตายไปเพราะแบบนั้น
ฉันไม่ได้สงสารเขาเลย ในตอนที่เขาวางแผนเล่นงานฉัน เขาก็ไม่ใช่เพื่อนฉันอีกต่อไปแล้ว เขาก็เป็นแค่ศัตรูของฉัน แต่ว่าเมื่อมาคิดว่าเขาถูกเชอร์ราฟิน่าปั่นหัว ฉันก็เต็มไปด้วยความรู้สึกสงสารเขาขึ้นมา
[นับตั้งแต่ที่คุณได้ให้คุณค่ากับคนอื่นๆ คุณก็คือคนอ่อนแอแล้ว]
เธอได้พูดออกมาอย่างมั่นใจ
[และจริงๆแล้ว คุณก็ได้แบ่งพลังของคุณไปปกป้องครอบครัว เพื่อน และโรเล็ตต้า]
“…ฮึ่ม”
[ในตอนที่ฉันพยายามจะจับโรเล็ตต้า ฉันรู้สึกได้ว่าตัวตนของฉันถูกคุกคามและต้องยอมแพ้ไป การที่จะทำให้โรเล็ตต้ามีพลังมากขนาดนั้น คุณคงตองจ่ายไปมากพอสมควรเลยนี่ ฉันพูดถูกไหมล่ะ?]
ฉันได้ยิ้มออกมา
“แทนที่จะพูดว่าพลังของฉัน มันกลับเป็นพลังของขวานต่างหาก… แต่ก็นะ เธอก็ไม่ได้พูดผิดหรอก”
ฉันสงสัยมากว่าโรเล็ตต้าซ่อนตัวอยู่ไหนกัน? แต่ไม่ว่ายังไงก็เป็นเรื่องดีที่รู้ว่าเชอร์ราฟิน่าจับตัวโรเล็ตต้าล้มเหลว
เชอร์ราฟิน่ายังคงพูดต่อไป ฉันไม่รู้เลยว่าเธอเข้าใจในสิ่งที่ฉันกำลังคิดไหม
[เพราะแบบนั้นจึงไม่มีใครที่มีคุณค่าต่อฉันเลย ไม่มีแม้แต่คนเดียว เว้นก็แต่คุณ เพราะแบบนั้นฉันต้องได้คุณมา]
เพราะแบบนั้นในที่สุดหุ่นเชิดก็เริ่มเคลื่อนไหว
[แน่นอนว่าตอนนี้ฉันแค่จะประเมินความสามารถของคุณเท่านั้น ฉันไม่กล้าคิดว่าฉันจะใช้หุ่นเชิดเอาชนะคุณได้อยู่แล้ว]
“ฉลาดนี่”
ฉันได้เอื้อมมือออกไปจับอากาศที่ว่างเปล่า เหนือหัวของฉันวงแหวนได้ส่องแสงออกมาอย่างรุนแรงก่อนที่มานาแห่งอินิกม่าจะกำจัดเอรังไป
“แต่ดูเหมือนว่าหุ่นเชิดนี่จะไม่สามารถประเมินพลังฉันได้อีกแล้ว”
[…ดูเหมือนว่าฉันจะประเมินพลังของเทพเจ้าต่ำไป]
ในตอนนี้เสียงไม่ได้มาจากหุ่นเชิดแล้ว ฉันรู้สึกได้ว่าเสียงของเธอสั่นอยู่เล็กน้อย เธอได้แสดงความต้องใจออกมาเมื่อฉันยิ้มขึ้น
[ดูเหมือนว่าฉันจะเป็นต้องมีพลังของเคียร่า คีเน็กซ์]
“…อะไรนะ? เธอน่าจะ…”
[เธออยู่ในดันเจี้ยน]
เชอร์ราฟิน่าได้พูดออกมา
[ฉลาดมากที่พยายามจะซ่อนเธอจากฉัน แต่ว่าคุณได้ทำพลาดแล้ว]
“…!”
[การเลือกนักสำรวจไม่ได้เกิดขึ้นจากการเลือกของนักสำรวจคนอื่นเท่านั้น เคียร่า คีเน็กซ์ได้พยายามปืนดันเจี้ยนอย่างหนักเพื่อจะไดช่วยนาย]
ฉันได้เริ่มวิ่งออกไป เมื่อทะลวงผ่านพลังยับยั้งของดันเจี้ยนมาแล้วฉันก็ได้กลับมาที่ดันเจี้ยนที่หนึ่ง จากนั้นฉันก็วิ่งขึ้นไปบนชั้นที่ 96 โดยไม่ลังเล
[ฉันจะรอคุณอยู่บนชั้นที่ 100 นะ หากว่าคุณไม่รีบเข้าอาจจะไม่ทันเวลาเอนะ]
“หุบปาก!”
เชอร์ราฟิน่าได้พูดขึ้นอย่างยินดี
[พลังของเธอเชื่อมต่อกับคุณ เมื่อฉันได้เธอมา ฉันก็จะรู้จักคุณมากขึ้น]
“ฮ่าาาาห์!”
พื้นได้แตกกระจายและมิติได้บิดเบี้ยวจากการที่ฉันพุ่งตรงผ่านชั้นที่ 96 ยังไงก็ตามชั้นที่ 100 อยู่ไกลเกินไป หากว่าเคียร่าอยู่ในดันเจี้ยนจริงๆ เธอก็น่าจะตรงอยู่ในมือของเชอร์ราฟิน่าไปแล้ว!
[คังชิน เมื่อถึงเวลานั้นคุณก็จะไม่มีคุณสมบัติจะสู้กับฉันอีกต่อไปแล้ว!]
ฉันได้วิ่งออกไป
วิ่งไปสู่ชั้นที่ 100!