บทที่ 35 – จากวันนี้ฉันเป็นนักสำรวจอย่างเป็นทางการ (5)
ฉันสงสัยมาตลอดว่าทำไมคนถึงรู้จักชื่อรัชทายาทของฉันมันเยอะนัก เมื่อมัสติฟอร์ดได้ผ่านชั้นที่ 50 ไปและช่องทางการสื่อสารนะหว่างนักสำรวจบนโลกได้ถูกสร้างขึ้น ในที่สุดฉันก็เข้าใจว่าทำไม
ทุกอย่างมันเริ่มต้นที่ชั้นที่ 5 ในช่วงสามปีที่ฉันล่าแต่กับออร์คลอร์ด คำพูดมันก็ได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วว่ามีคนที่จะช่วยผ่านในชั้นที่ 5 อย่างง่ายดาย นั่นมันคือเมื่อตอนที่ฉันได้รับชื่อเล่นว่าองค์รัชทายาท
คนที่ได้ผ่านฉันที่ 5 ด้วยความช่วยเหลือจากฉันก็จะต้องพูดถึงฉันผ่านช่องทางการสื่อสารของดันเจี้ยนบนทวีปของพวกเขา และมันก็เป็นแบบเดียวกันกับที่คนรู้จักฉันในชั้นที่ 10
“จริงๆแล้วนั่นมันเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวของฉันนะ”
ปาตี้ของฉันมันจะเต็มไปในทันทีที่ฉันได้สร้างมัน ฉันได้บ่นออกมาอย่างเหนื่อยล้า ในไม่ช้านักสำรวจทั้ง 9 คนก็ได้ปรากฏตัวต่อหน้าฉัน หญิงสามชายหก ผู้หญิงาองคนเป็นนักบวชและอีกคนเป็นนักธนู
ชายสองคนถือโล่กับดาบ คนหนึ่งใส่ชุดคลุมจอมเวทย์ จากนั้นก็นักธนู นักบวช และอีกคนหนึ่งที่สะพายเครมอร์ไว้บนหลัง
“นี่มันองค์รัชทายาทจริง”
“กรี๊ดดด พี่ชายรัชทายาท”
“เขาเป็นคนที่หล่อเหมือนกับในข่าวลือเลย”
“เขาดูอ่อนแอนะ ฉันไม่เห็นว่าเขาจะแข็งแกร่งตรงไหนเลย”
‘ฉันได้ยินนะ นายรู้มั๊ย?’
ขณะที่ฉันมองไปที่พวกเขาด้วยท่าทางที่ตกตะลึง จอมเวทย์ก็ได้เข้ามาหาฉัน
“ฉันไม่เคยได้ยินมาว่าคุณองค์รัชทายาทได้มาถึงชั้นที่ 20 เลยนะ พวกเราเป็นปาตี้แรกของคุณใช่มั๊ย?”
“ใช่แล้ว”
“เป็นเกียรติอย่างยิ่ง
ฉันไม่ได้ปฏิเสธการจับมือกับเขา เขาได้มีรอยยิ้มที่ทำให้คนรู้สึกดี มันอาจจะเป็นการตัดสินใจที่เร่งร้อน แต่ว่านักสำรวจดันเจี้ยนก็เป็นคนที่ดีจริงๆ มีบางคนเช่นเพลรูเดียหรือหัวหน้าปาตี้ที่ใจแคบ แต่แม้เช่นนั้นพวกเขาก็ไม่ได้ชั่วร้ายหรือเลวทราม
ฉันได้แต่คิดว่าทำและในไม่ช้าคำตอบมันก็จะมาถึง ในยุคแรกของนักสำรวจดันเจี้ยนที่หนึ่งนั่นจะได้รับการคัดเลือกที่เป็นพิเศษและผู้ที่ติดตามจะได้รับการคัดเลือกจากผู้บุกเบิก เช่นนี้พวกเขาจึงมีบุคลิกที่ดี
แน่นอนฉันไม่ได้หมายความว่าพวกคนชั่วไม่สามารถจะมีพรสวรรคร์อะไรที่มกพอจะได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้บุกเบิก แต่ว่าผู้ติดตามทั้งหมดจะถูกคัดเลือกโดยผู้บุกเบิก
แต่ฉันจำได้ว่าโรเล็ตต้าได้บอกเอาไว้ว่านักสำรวจดันเจี้ยนไม่ได้เข้ามาที่นี่ได้เพียงเพราะว่ามีความแข็งแกร่งและพรสวรรค์เท่านั้น หรือก็คือมันยังมีปัจจัยอื่นๆอีกด้วยที่พวกเขาจะได้รับเลือก ฉันก็สงสัยว่าฉันก็อาจจะเป็นหนึ่งในนั้น
ดังที่กล่าวมา ฉันไม่แน่ใจว่ามันจะไม่มีนักสำรวจที่น่ารังเกียจเลย อย่างไรก็ตามฉันก็แค่อาจจะยังไม่ได้พบเจอเท่านั้น ฉันมั่นใจว่าถึงพวกคนแบนี้จะมีตัวตนแต่ว่าก็คงจะน้อยมาก
“คุณคือองค์รัชทายาท?”
ขณะที่ฉันทักทายกับสมาชิกคนอื่นๆ ชายที่สะพายเครมอร์ก็เข้ามาและถามฉัน เขามีทรงผมที่เหมือนกับสิงโตและมีหนวดเครา เขาให้ความรู้สึกเหมือนกับสัตว์ป่า
ฉันได้ตอบกลับไป
“ใช่แล้ว ฉันเอง ผู้คนต่างเรียกฉันเช่นนี้ในบางครั้ง แม้ว่าฉันจะไม่ชอบมัน ฉันก็ไม่สามารถจะทำอะไรกับมันได้”
“หืม ความจริงแล้วฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมชื่อของนายถึงเป็นที่นิยมในหมู่พวกนักสำรวจ แต่ว่าฉันก็รู้ว่ามันโง่แค่ไหนที่จะตัดสินหนังสือจากหน้าปกของมัน ดังนั้นฉันจะทำการตัดสินหลังจากการจู่โจมนะ”
วิธีการพูดของเขามันเป็นสิ่งที่แปลก แต่เนื่องจากว่าฉันไม่รู้สึกถึงเจตนาใดๆที่เป็นอันตราย ฉันจึงได้ตัดสินใจที่จะไม่ใส่ใจมากเกินไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ จากนั้นในฐานะหัวหน้าปาตจี้ฉันก็เริ่มบอกถึงกลยุทธ์ของฉัน แม้ว่าฉันจะรู้สึกอายก็ตามที่เรียกมันว่ากลยุทธ์
“เอาล่ะนี่คือแผนนะ ก่อนอื่นเราจะแบ่งทีมโจมตีออกเป็นสองกลุ่ม”
“สองหรอ?”
“ใช่แล้ว หนึ่งจะเป็นฉันและคนอื่นๆจะเป็นคนสร้างความเสียหายทั้งหมดด้วยกับคุณนักรบผู้ใช้เครมอร์ที่จะเป็นศูนย์กลาง”
“…นายจะไม่ได้มั่นใจในตัวเองเกินไปหรอ?”
นักรบที่ถือเครมอร์มองมาที่ฉันด้วยสายตาที่กังวล อืมม มันเป็นการกระทำที่สมเหตุสมผลแล้วหละ อย่างไรก็ตามจอมเวทย์ก็ได้ก้าวเข้ามาตอบคำถามของเขา
“นายอาจจะไม่รู้เรื่องนี้นะพี่ชายนักรบ แต่ว่าองค์ชายรัชทายาทเป็นคนที่มีชื่อเสียงมาในนักสำรวจระดับล่าง เขาได้เอาชนะบอสประชำชั้นที่ 5 10 และ 15 ได้อย่างท่วมท้นและได้ทำให้นักสำรวจจำนวนนับไม่ถ้วนได้ก้าวไปต่อ”
“แต่มันก็ไม่มีอะไรรับประกันว่ามันจะเกิดขึ้นเหมือนกันในชั้นที่ 20 นี้”
มันเป็นอีกหนึ่งการตอบสนองที่สมเหตุสมผล ฉันเริ่มจะชอบนักรบเครมอร์แล้วสิ อย่างไรก็ตามจอมเวทย์ก็ดูเหมือนจะหมดคำพูดดังนั้นฉันจึงก้าวออกไปและพูดกับเขา
“นายพูดถูกแล้ว…นายชื่ออะไรนะ?”
“เร็น นายสามารถเรียกฉันว่าเร็น”
“เร็นอย่างน้อยที่สุดวิธีนี้ของฉันมันก็ได้รับการยืนยันแล้วบนชั้นที่ 20 ฉันได้ยืนยันมันแล้ว”
“แต่นายไม่ได้บอกว่านี่มันเป็นการต่อสู้ครั้งแรกของนายบนชั้นที่ 20 งั้นหรอ?”
“ฉันได้บอกว่านี่เป็นปาตี้แรกของชั้นสำหรับการต่อสู้กับบอสประจำชั้นที่ 20”
“หืม? มันไม่ได้เหมือนกันงั้นหรอ? ฉันไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่นายพูด…!?”
ทันใดนั้นเร็นก็ดูเหมือนจะถูกช็อดในขณธที่เบิกตากว้าง มันเหมือนกับคนอื่นๆที่อยู่รอบตัวฉัน ด้วยรอยยิ้มที่ล้อเลียนฉันได้ถามกลับไป
“ตอนนี้นายดีขึ้นยัง?”
“นะ นาย…มันเป็นเรื่องจริงหรอ? นายได้สู้กับบอสประจำชั้นเพียงลำพังและได้รับชัยชนะ!?”
“ใช่แล้ว”
“มันเป็นไปไม่ได้! องค์ชายรัชทายาทต่อสู้กับบอสประจำชั้นในปาตี้เสมอไม่ใช่หรอ?”
“ตามปกติ เมื่อฉันต่อสู้ต่อสู้กับบอสประจำชั้นเพียงลำพัง ไม่เคยมีใครที่เข้าไปดูนะ”
“…”
“อะ องค์รัชทายาท”
“บ้าน่า ที่เขาบอกมันเป็นความจริงได้หรอ?”
“องค์ชายรัชทายาทจะได้อะไรจากการโกหก? เขามีชื่อเสียงไปทั่วโลกอยู่แล้ว”
“เราสามารถจะยืนยันได้แล้ว มันเป็นความจริงที่เจ้าชายแข็งแกร่งจริงๆ”
“ฉันได้ยินข่าวลือว่าองค์ชายได้เก็บสะสมชุดเซ็ตของบอสประจำชั้น ดังนั้นมันคือความจริง…”
“นะ นี่อาจะเป็นชุดเซ็ตเต็มตัวของมนุษย์หนูทมิฬ? ไม่มีทาง ฉันไม่เคยคิดเลยว่ามันเป็นไปได้”
เมื่อสมาชิกในปาตี้ต่างพูดกันออกมาต่างๆนาๆ เร็นก็มองมาที่ฉันด้วยตาเป็นประกายและถามออกมา
“นายสามารถจะสู้กับฉันได้มั๊ย?”
“ถ้านายสามารถจะรอจนการจู่โจมจบลงล่ะก็ไม่มีปัญหา”
“เอาล่ะ มันคือสัญญา! ถ้างั้นรีบๆเข้าไปและจบมันกัน!”
เมื่อฉันได้หยักหน้ารับ ทันใดนั้นเร็นก็กลายเป็นกระตือรือร้นและกระตุ้นให้คนอื่นๆในปาตี้เข้าาและฉันก็ต้องหยุดเขาด้วยรอยยิ้มขม
“พวกเราตัดสิใจเฉพาะทีมที่โจมตีเท่านั้น ต่อไปก็คือทีมสนับสนุน เรามีนักธนูสองคนใช่มั๊ย? พวกนายจะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าอัศวินลิซาร์ดแมนจะไม่ได้โจมตีนักบวช และเมื่อฉันให้สัญญาก็โจมตีไปที่อัศวินลิซาร์ดแมน โดยเฉาะอย่างยิ่งยิงไปที่ตาของมัน
“เข้าใจแล้วองค์ชาย”
“รับทราบ”
นักธนูทั้งสองคนได้ยอมรับโดยไม่มีข้อคัดค้าน สิ่งที่ฉันพูดจริงๆก็เป็นเพียงแค่ ‘ยืนรอและโจมตีเมื่อฉันให้สัญญาณ’ มันเหมือนกับว่ามันทำให้พวกเขาคิดว่ามีบทบาทสำคัญ
“จอมเวทย์ นายสามารถใช้เวทย์ประเภทดีบัฟได้มั๊ย?”
“ฉันอีนัน น่าเสียดายที่ฉันไม่สามารถจะใช้มันได้ ฉันได้เรียนรู้มาแค่เวทมนตร์ขยายและเวทย์น้ำแข็งเท่านั้น”
“การขยาย?”
“ฉันสามารถจะขยายทักษะของใครบางคนขึ้นได้ประมาณ 50% เป็นเวลา 3 วินาที มันเป็นทักษะที่หายากมากเลยทีเดียว ถ้าใช้ในจังหวะที่ถูกต้องมันก็จะให้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมได้”
“เยี่ยมมาก!”
มันไม่ใช่แค่การยกยอ การขยายมันฟังดูเหมือนจะเป็นทักษะที่ดี แม้ว่ามันจะมีผลแค่ช่วงสั้นๆ แต่นั่นมันก็เป็นสิ่งที่ทำให้ฉันสามารถจะเอาชนนะได้ด้วยทักษะของฉัน ฉันได้ขอให้เขาใช้มันกับฉันหรือคนที่ทำดาเมจคนอื่นๆเมื่อฉันให้สัญญาณ และเขาก็ได้ยอมรับมันอย่างง่ายดาย
“ฉันเชื่อว่าพวกฮีลเลอร์รู้ดีนะว่าจะต้องทำอะไร”
“ฉันสามารถจะใช้บัฟได้”
“ฉันสามารถจะใช้โล่และเวทย์ฟื้นคืนได้”
“ฉันเหมือนกัน”
“เพอร์เฟ็ค ถ้างั้นฉันจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกนายนะ ไปกันเถอะ!”
เมื่อยืนยันว่าสมาชิกทุกคนพร้อมแล้ว ฉันก็เปิดประตูออกไปอย่างกล้าหาญ อัศวินลิซาร์ดแมนมันอยู่ในตำแกน่งเดิมกับเมื่อวาน รอจนพวกที่เหลือเข้ามา มันก็ได้ขยับเล็กน้อย
“ท้าทายงั้นหรอ? ด้วยคนหลายคน”
“ฉันจะเป็นคนแรกที่จะเข้าไป ทีมที่สองจะสามารถไปที่ด้านหลังและสร้างดาเมจให้ได้มากเท่าที่ทำได้ ฉันจะป้องกันการโจมตีของมันทั้งหมดเอง เพียงแค่ระวังหางของมันเอาไว้”
เมื่อฉันได้ต่อสู้กับอัศวินลิซาร์ดแมนในครั้งที่แล้ว มันไม่ได้ใช้หางโจมตีเลย ฉันไม่รู้ว่าทำไม มันคงคิดว่าไม่จำเป็นที่จะใช้มันในการต่อสู้กับคนๆหนึ่งงั้นหรอ? หรือว่ามันเป็นความภาคภูมิใจในเทคนิคหอกของตัวเอง?
การระเบิดสายฟ้าทมิฬของฉันอาจจะบังคับให้มันข้ามช่วงที่จะใช้หางโจมตีและไปที่ช่วงใช้การสั่นสะเทือนพื้นโจมตีก็เป็นได้ ไม่ว่าคำตอบจะเป็นอะไรก็ตาม มันก็ไม่ได้สำคัญนักหรอก ส่วนที่หน้าผิดหวังเลยก็คือฉันสามารถฆ่ามันได้เร็วกว่านี้ถ้ามันใช้หางของมันโจมตีเพราะว่ามันจะเป็นการเปิดช่องโหว่ของมัน
“โชคดีนะ องค์ชาย”
“ขอให้พรแห่งเทพธิดาจงสถิตอยู่กับคุณ เบลส!”
[คุณได้รับพร ความต้านทานต่อการโจมตีทางกายภาพเพิ่มขึ้น การโ๗มตีทางกายภาพและเวทมนตร์ของคุณเพิ่มขึ้น]
“ไพก้า ฉันจะใช้ล่ะนะ”
[เข้าใจแล้ว]
หลังจากคำอวยพร ไพก๊าที่อยู่เงียบๆก็ได้เข้าไปในอาวุธ มันมีวิธีอื่นที่จะใช้ไพก๊าอยู่ แต่ว่าสปิริตออร่ามันเป็นสิ่งที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการต่อสู้ระยะประชิด สมาชิกที่ไม่รู้จักไพก้าก็ได้แต่ตกใจ แต่ฉันก็ไม่สนใจพวกเขาและพุ่งเข้าไปหาอัศวินลิซาร์ดแมน
“เคี๊ยกกกกกก”
“ลมหายใจแกเหม็นมากเลยนะ”
ขณะที่หอกยาวของมันพุ่งเข้ามาทางฉัน ฉันก็สไลด์ไปกับพิ้น แม้ว่ามันจะใส่เกราะเต็มตัว แต่มันก็ไม่ได้ติดไปกับร่างกาย จากด้านล่างฉันสามารถจะมองเห็นเห็นช่องว่างระหว่างเกราะกับผิวหนังของมันได้อย่างง่ายดาย นี่มันเป็นข้อมูลที่ฉันได้มาจากการต่อสู้กับมันในครั้งก่อน
“อว๊ากกก”
“มันจะทำให้งงหน่อยนะ เท็มเพรส”
“เคี๊ยกกก!”
โอ้น่าสนใจ อัศวินลิซาร์ดแมนได้บนขึ้นไปบนอากาศอยู่ครู่หนึ่ง ขฯะที่มันฉันหยุดสไลด์และลุกขึ้น ลิซาร์ดแมนก็กรีดร้องออกมาอย่างเจ็ฐปวดโดยที่ไม่สามารถทรงตัวให้มั่นคงได้เลย ในขณะเดียวกันทีมโจมตีที่สองก็ได้มาด้านหลังของมันอย่างปลอดภัย
“…พวกเรากำลังเห็นอะไรกัน?”
“องค์ชายรัชทายาทพุ่งเข้าไปใส่มันและมันก็ดูเหมือนว่าเขาจะโจมตีไปที่อัศวินลิซาร์ดแมนด้วยหอก…”
“ก่อนที่เราจะสังเกตุเห็น อัศวินลิซาร์ดแมนก็กรีดร้องออกมาในขณะที่ลอยอยู่”
โดยที่ไม่ได้สนใจพวกผู้ชมพววกนั้น ฉันยังคงโจมตีมันต่อไป
“นายนี่มันอ่อนแอจริงๆเลย นายได้กลายมาเป็นบอสประจำชั้นได้ยังไงกันนะ?”
[คุณได้ใช้ทักษะกระตุ้น! ศัตรูจะเล็กเป้าหมายมาที่คุณ]
“เคี๊ยกกก! ข้าจะฆ่าแกเจ้ามนุษย์”
“ฉันได้ยินมันมามากกว่าพันครั้งแล้วนะ”
ฉันเคยตายแค่ไม่กี่ครั้ง แต่ว่ามีพวกมันจำนวนนับไม่ถ้วนโดนฉันกำจัดไป