บทที่ 352 – งานแต่งของเทพเจ้า (จบ)
อย่างแรกฉันได้ออกไปหาโรเล็ตต้า ในตอนแรกฉันไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน แต่แล้วโรเล็ตต้าได้อยู่ในกระท่อมของธอ เธอกำลังก้มอยู่ในมุมหนึ่งของกระท่อมพร้อมถือขวานด้วยท่าทางที่น่ารัก แต่ว่าก็น่ากลัวนิดๆเหมือนกัน
“ชะ ชินนนนนนน!”
“ก่อนอื่นช่วยลดขวานลงก่อนนะ”
โรเล็ตต้าได้วิ่งเข้ามากอดฉันทั้งน้ำตา ฉันได้รีบปลดขวานที่เธอถือไว้ออกไปก่อนที่ฉันจะรับเธอไว้
“ฉันดีใจนะที่นายปลอดภัย”
“ฉันก็ดีใจที่เธอปลอดภัยเหมือนกันโรเล็ตต้า ฉันรู้อยู่แล้วว่าขวานนี่จะช่วยเธอ”
ฉันได้มองไปที่ขวานที่เก็บเจ้าแห่งความตายเอาไว้
“ขอบคุณนะ”
[ถ้าอยากจะตอบแทนก็สร้างร่างใหม่เจ๋งๆให้กับฉัน]
“ฉันจะเอาไปคิดดูนะ”
เมื่อฉันกำลังจ้องอยู่กับเจ้าแห่งความตาย โรเล็ตต้าก็ได้ถามออกมาทั้งๆที่ซุกหน้าอยู่ในหน้าอกฉัน
“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าแห่งดันเจี้ยน”
“เธอตายแล้ว”
“เข้าใจแล้ว…”
โรเล็ตต้าได้ถอนหายใจเธออกมา เธอจะต้องได้ใช้ชีวิตเป็นพันปีกับเชอร์ราฟิน่ามา ฉันมั่นใจได้เลยว่ามีหลายอย่างที่อยู่ภายในใจเธอ
“ฉันพึ่งจะสังเกตถึงแผนของเจ้าแห่งดันเจี้ยนได้ไม่นาน แม้กระทั่งหลินยังรู้ตัวได้เร็วกว่าฉันอีก”
“เธอรู้เรื่องนี้หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับเคนใช่ไหม”
“ใช่แล้วล่ะ”
โรเล็ตต้าหน้าหยักหน้าออกมาด้วยรอยยิ้มแหงๆ จากนั้นเธอก็ส่ายหัวออกมา
“ฉันคงไม่ต้องคิดเรื่องนี้อีกแล้วล่ะเพราะมันจบไปแล้ว ฉันมีความสุขมากนะที่ฉันกลับมาอย่างปลอดภัย ฉันรู้สึกยินดีมากเลยที่ได้ช่วยชิน”
“หากไม่มีนาฬิกาพกพาของโรเล็ตต้ามันก็คงจะเป็นไปไม่ได้เลย”
“หุหุ”
ฉันได้ถามออกมา
“โรเล็ตต้าได้นาฬิกาพกพามาได้ยังไงกันหรอ?”
“นี่เป็นอาร์ติแฟคที่ถูกสร้างขึ้นมาในโลกของฉันน่ะ เมื่อก่อนหลินก็อยากจะได้มันแต่ว่าฉันไม่ได้ให้เขาไป หลินบอกฉันว่าเขาสามารถจะจัดการเจ้าแห่งดันเจี้ยนได้หากมีนาฬิกาพกพานี่ แต่ว่าฉันไม่คิดแบบนั้น นอกจากนี้…”
“นอกจากนี้?”
“…ไม่ ฉันจะเก็บมันไว้เป็นความลับ”
โรเล็ตต้าหันหน้าหนีไปทั้งๆที่หน้าแดงอยู่ ฉันก็พอจะรู้เป็นนัยๆอยู่ทำให้ฉันยิ้มออกมาเล็กๆ
เนื่องจากว่าเรากำลังเร่งรีบกันอยู่เก้าอี้เจ้าแห่งดันเจี้ยนจึงถูกยกไปให้โรเล็ตต้า แต่ว่าเธอก็ไม่อยากจะถูกผูกติดไปกับตำแหน่งนี้ตลอดกาล ฉันได้วางแผนถึงสิ่งที่จะทำไว้นับตั้งแต่แรกแล้ว ด้วยพลังที่มีในตอนนี้มันต้องเป็นไปได้
เพื่อที่จะตัดการเชื่อมต่อกับโลกทั้งหมดและคืนพลังแห่งโลกทั้งหมดกลับไปอย่างถูกต้อง ตอนนี้ฉันสามารถจะใช้พลังแห่งโลกได้ตามต้องการ สำหรับพลังที่รวมกันแล้วการจะแยกพวกมันออกมาก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย
หากว่าพลังแห่งโลกทั้งหมดรวมเป็นหนึ่งแล้วก็อาจจะยากอยู่บ้าง… ไม่สิ ในเมื่อฉันได้ก้าวมาอีกระดับแล้ว ฉันรู้สึกว่าต่อให้มันเกิดขึ้นฉันก็สามารถจะแยกพวกมันออกมาได้
ไม่ว่ายังไงเมื่อทำแบบนั้นสำเร็จแล้วดันเจี้ยนก็จะหายไป ไม่มีความจำเป็นที่ต้องมีดันเจี้ยนอีกแล้ว สมาชิกกิลด์ผู้ดูแลที่ถูกผูกติดกับดันเจี้ยนก็จะเป็นอิสระ และแน่นอนว่ารวมถึงโรเล็ตต้าด้วย
“เร็วเข้าชิน รีบๆปล่อยฉันเป็นอิสระ”
“รออีกเดี๋ยวนะ มันไม่นานหรอกโรเล็ตต้า”
ฉันมั่นใจในการแยกพลังแห่งโลกออกมา แต่ว่าฉันก็มีปัญหาในการส่งพลังของเชอร์ราฟิน่าไปให้กับโรเล็ตต้า
นี่คือผลที่มาจากการหลอมรวม พลังดั้งเดิมของฉัน พลังของเชอร์ราฟิน่าและพลังของเรสปิน่าจนเป็นพลังที่น่าทึ่งจนไม่มีใครคาดคิดมาก่อน เนื่องจากมันคือต้นกำเนิดของพลังจึงเป็นเรื่องยากที่จะแยกพลังของเชอร์ราฟิน่าออกมา
แต่ว่านั่นก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะเป็นเจ้าแห่งดันเจี้ยน ฉันเป็นคู่รักกับโรเล็ตต้า เพราะงั้นฉันสามารถจะมอบพรให้กับเธอ และฉันก็สามารถส่งพลังของเชอร์ราฟิน่าส่วนหนึ่งไปได้
เมื่อโรเล็ตต้าได้รับพรไป เธอก็จะทำหน้าที่เป็นเจ้าแห่งดันเจี้ยนได้หนึ่งเดือน ฉันจะต้องมอบพรระดับสูงสุดให้กับเธอในทุกๆเดือนเพื่อทำแบบนี้ แต่ว่าโรเล็ตต้าก็ไม่ได้คิดอะไรมาก จริงๆแล้วเธอกลับรู้สึกสนุกด้วยซ้ำไป
“อุฟุฟุฟุ”
“หยุดเกาฉันแล้วเริ่มทำงานดันเจี้ยนใหม่ได้แล้ว โลกฉันก็มีปัญหาอยู่เหมือนกัน”
“อ๊าา โอเค… แต่ว่าหลังเสร็จธุระที่โลกแล้วชินต้องกลับมานะ+”
หลังจากมั่นใจว่าดันเจี้ยนได้ทำงานอีกครั้งแล้ว ฉันก็รีบกลับไปที่โลก ในตอนที่ฉันส่งสัญญาณให้เคน เขาก็ยกเลิกการทำงานของกุนนีร์
“เครื่องประดับผมเท่ดีนะ”
นี่คือทั้งหมดที่เคนพูดออกมา และมันก็พอแล้ว เขาได้เห็นฉันไปถึงเป้าหมายของฉัน มันไม่มีอะไรที่จำเป็นต้องอธิบายแล้ว
“ที่รัก!”
“อึก ชินเปลื่ยนไปอีกแล้ว”
“ฟู่”
“ชิน!”
“ปลอดภัยดีนะลูกพ่อ!”
สมาชิกรีไววอร์ลได้วิ่งเข้ามาเหมือนกับจะมาตรวจสอบความปลอดภัยของฉัน ฉันได้รู้สึกแย่นิดหน่อยเมื่อพวกเขาทำให้ฉันนึกไปถึงคนธรรมดาที่เคารพบูชาฉัน แต่ว่าความคิดพวกนี้ก็หายไปอย่างรวดเร็วเมื่อพวกเขาทุกคนเข้ามากอดฉัน
ไม่สิ ตอนนี้ไม่มีเวลาทำแบบนี้แล้ว
“ทุกคน ฉันรู้นะว่าทุกคนดีใจที่เห็นฉันแต่ว่าหยิบอาวุธขึ้นมากันก่อน!”
ฉันได้ตะโกนออกมาและชี้ไปที่มอนสเตอร์ที่กำลังวิ่งอยู่บนพื้น
“ไว้เราค่อยมาคุยกันหลังจากฆ่ามอนสเตอร์ทั้งหมดแล้วนะ”
“งานเฉลิมฉลองจะเริ่มหลังจากนี้ ทุกๆคนกระจายตัวกันออกไป”
ฉันที่อยู่ตรงใจกลางได้ชูหอกตะโกนออกมา
“เข้ามาเลยเจ้าพวกสารเลว!”
นัยน์ตาปีศาจที่ถูกเสริมพลังของฉันได้ส่องแสงออกมาทำให้มอนสเตอร์บนพื้นทั้งหมดกลายเป็นหินไป ในเวลาเดียวกันสายตาผู้คนก็จดจ่อมาที่ตัวฉัน
“ท่านชิน!”
“ท่านชินกลับมาแล้ว!”
“เขามาช่วยพวกเราไว้!”
“…พวกนายอยากจะเรียกอะไรก็ตามใจเลย”
ฉันได้ตัดสินใจยอมแพ้แล้ว
การจัดการทำความสะอาดโลกได้ใช้เวลาไปถึงสีวัน กลุ่มคลื่นมอนสเตอร์ชุดสุดท้ายของเชอร์ราฟิน่ามีจำนวนมหาศาลมากและถูกวางแผนมาเป็นอย่างดี จากการที่ฉันต้องใช้นัยน์ตาปีศาจถึงสี่วันก็แสดงให้เห็นแล้วว่าสถานการณ์เลวร้ายแค่ไหน แต่ก็แน่นอนว่ามันไม่สำเร็จมากนักเมื่อเราได้ฆ่ามอนสเตอร์ทุกๆตัวไปแล้วโดยไม่เหลือทิ้งไว้แม้แต่ตัวเดียว
เมื่อมอนสเตอร์ได้ถูกกำจัดไป โลกก็ได้ดำเนินต่อไปทั้งๆที่ได้รับความเสียหายขนาดใหญ่ ฉันเชื่อว่ามนุษยชาติทุกๆคนคิดสิ่งเดียวกัน นั่นคือโลกจะต้องดำเนินต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
และยังมีข่าวที่ไม่น่ายินดีอีกด้วยเช่นกัน
“พี่คะ ดูเหมือนว่าพี่จะมีศาสนาของตัวเองถูกสร้างขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว”
“นี่คือสิ่งสุดท้ายที่พี่อยากจะได้ยินเลย”
ยุยได้ตอบกลับมาอย่างยินดีกับคิ้วที่ขมวดของัน
“ให้เราหาวิธีกำจัดมันทิ้งไหมล่ะ?”
ลิโคไรท์ที่รู้ความคิดฉันดีที่สุดได้ระเบิดหัวเราะออกมาและจิ้มแก้มฉันอยากสนุกสนาน
“หุหุ มนุษย์น่ะต้องการคนอย่าที่รักเพื่อที่จะผ่านยุคมือไปให้ได้ ทนๆเอาเถอะนะ อีกเไม่นานที่รักก็จะทิ้งโลกไปอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ?”
“ฟู่”
มรดกของเคียร่าได้หยั่งลึกเกินไปที่ฉันจะลบได้ หากว่าฉันต้องการ ฉันก็สามารถยกหอกขึ้นมาสู้กับมนุษย์ที่รอดชีวิตได้ แต่ว่าเพื่ออะไรกันล่ะ? ฉันทำได้แต่ยอมรับกับสถานการณ์นี้อย่างจำใจเท่านั้น ในตอนนี้แสงบนวงแหวนบนหัวของฉันได้ส่องสว่างออกมามากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
ให้ตายสิ ฉันจะไม่สนใจมันอีกแล้ว
ฉันได้ส่งพลังแห่งโลกคืนโลกของพวกเดซี่ เคนและเร็น
“ในตอนนี้ฉันกำลังค้นคว้าหาวิธีป้องกันฮีโร่จากการแบกรับภาระจากพลังแห่งโลกอยู่ เพื่อฉันทำสำเร็จ ฉันจะไปบอกพวกเขาทุกคน”
“คังชิน นายจะทิ้งฉันไว้ในไซลอนงั้นหรอ?”
“ไม่หรอก”
“ฉันจะตามคังชินไปจนกว่าจะตาย ต่อให้ตายแล้วเราก็จะอยู่ด้วยกัน”
“หา คงอีกนานแหละนะกว่าฉันจะตาย”
“อื้อ งั้นฉันจะตามนายตลอดไป”
เธอรู้จังหวะในการเข้ามาพูดอย่างเหมาะสมจริงๆ ฉันได้มองไปที่เดซี่ที่กำลังมองมาที่ฉันอย่างตั้งใจและยืนยันถึงความต้องการของเธอ ฉันได้ลูบหัวเธอไปครั้งหนึ่งและหยักไหล่ให้กับเคนและเร็นเพื่อซ่อนความอายของฉันเอาไว้ ทั้งสองคนได้พูดออกมาทีล่ะคน
“เจ้าชายนี่น่าทึ่งจริงๆ”
“นายนี่มันเจ้าชู้เป็นอันดับหนึ่งในโลกนี้จริงๆเลย”
“อยากจะให้ฉันดึงพลังนายออกมาไหมล่ะ?”
หลังจากจัดการเรื่องเร่งด่วนต่างๆแล้ว ฉันก็ได้เตรียมตัวออกไปจากโลก ยิ่งฉันออกไปเร็วมากเท่าไหร่ ปริมาณของเลือดที่จะหลั่งไหลไปทั่วก็จะลดลงมากขึ้นเท่านั้น
ฮวาหยาที่สังเกตเห็นเรื่องนี้ได้เข้ามาขวางฉันทันที
“เราต้องแต่งงานกันก่อนที่จะออกไป”
“…”
เมื่อฉันไม่ได้ตอบเธอกลับไป ฮวาหยาได้หรี่ตามองมาที่ฉัน
“ฉันจะอัดนายแน่ถ้านายบอกว่านายจะไม่แต่งงานจนกว่าจะทำทุกๆอย่างจนเสร็จสิ้น”
“ฮวาหยา ฉันชื่นชมในสัญชาตญาณที่เฉียบแหลมของเธอจริงๆ”
“ใครก็ได้จับเขาไว้ที ฉันกำลังจะอัดเขา”
เมื่อฉันกำลังสงสัยว่าจะมีใครมาหยุดฉันได้ เยอึน ไอน่าและเดซี่ก็ได้ใช้พลังเทพเจ้าของพวกเธอและหยุดฉันเอาไว้ นี่ไม่มีใครที่ฉันจะเชื่อได้ในโลกใบนี้จริงๆสินะ
ในท้ายที่สุดงานแต่งของฉันก็ถูกวางแผนเอาไว้ในตอนอายุยี่สิบสามปี หากว่าเป็นไปได้ฉันก็อยากจะแต่งงานกับโรเล็ตต้าเป็นคนแรกหลังจากที่เธอเป็นอิสระจากดันเจี้ยน แต่ว่านั่นก็จะหมายความว่าฉันกำลังจะเมินฮวาหยากับคนที่เหลือ
หลังจากคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว ฉันก็ตัดสินใจจะจัดงานแต่งสองงาน หนึ่งคือบนโลกและอีกหนึ่งคือที่สวนแฟรี่ เพราะแบบนั้นโรเล็ตต้าก็จะได้กลายมาเป็นเจ้าสาว
ในขณะที่งานแต่งในสวนแฟรี่มีแค่สมาชิกของกิลด์สวนแฟรี่เท่านั้นที่เป็นห่วง แต่ว่างานแต่งบนโลกคืองานแต่งของเทพเจ้าเพราะงั้นมันจึงยากที่จะรักษาความสงบเอาไว้ได้ เพราะแบบนี้เจ้าสาวจึงต่างก็เฝ้าคอยในงานแต่งที่สวนแฟรี่มากยิ่งขึ้น
“พี่สาวโรเล็ตต้า พี่ช่วยทำให้แม่เป็นนักสำรวจได้ไหม! แม่ก็อยากจะมาด้วย!”
“อย่าทำให้ต้องลำบากเลย นอกจากนี้ฉันอายุแค่สิบเจ็ดเอง ไม่ต้องเรียกพี่หรอก”
โรเล็ตต้าได้ปฏิเสธคำขอของฮวาหยาที่จะทำให้สมาชิกครอบครัวเป็นนักสำรวจ กลับกันเธอได้สร้างระบบ ‘แขก’ ขึ้นมาที่ซึ่งจะได้รับเชิญมาโดยสวนแฟรี่ นี่คือพลังของเจ้าแห่งดันเจี้ยน เพราะเธอทำให้ครอบครัวเจ้าสาวสามารถจะมาที่สวนแฟรี่ได้เช่นกัน
ภายในพริบตาเดียววันงานแต่งก็ได้มาถึง ทั้งสองงานแต่งพวกเราแค่ต้องเตรียมตัวกันในโถงจัดงานแต่งเท่านั้น เนื่องจากว่าเราต้องการเชิญแค่สมาชิกรีไววอร์ลและครอบครัวของบ่าวสาวเท่านั้น
สำหรับฉันแล้ว ฉันกำลังหลบอยู่ในมุมหนึ่งของสวนแฟรี่
“ชิน ทำไมนายต้องมาซ่อนด้วยล่ะ?”
เยอึนที่อยู่ในชุดเจ้าสาวได้หาฉันเจออย่างรวดเร็ว เม่อได้เห็นเธอในชุดเดรสสีขาวบริสุทธิ์แล้วทำให้ฉันก็รู้ถึงความงดงามของเยอึนอีกครั้งหนึ่ง
“เยอึน เธอดูสวยมากเลยนะ”
“เอ๋ เอะเฮะๆ จริงๆหรอ? เฮะๆ นายก็เท่เหมือนกันชิน! เท่เหมือนเคยเลย!”
เยอึนได้ยิ้มออกมาอย่างสดใส เธอน่ารักเป็นพิเศษเลยเมื่อยิ้มออกมา
“แล้วทำไมนายถึงต้องมาซ่อนล่ะ?”
แต่เธอก็ไม่ปล่อยฉันไป ให้ตายสิ
“…ฉันกลัวที่จะเห็นหน้าแม่สะใภ้น่ะสิ”
เจ้าสาวหกคน ฉันเป็นคนเดียวในโลกที่อยู่ในตำแหน่งนี้ แต่ว่านั่นมันก็ไม่ใช่เรื่องดีเลย ฉันนึกภาพได้เลยว่าแม่สะใภ้แต่ล่ะคนจะคิดกันยังไง ยกตัวอย่างเช่นหากว่ายุยไปแต่งานกับคนที่มีภรรยาหลายคน…
“นายอาจจะกลัว แต่ว่าถึงแบบนั้นก็อย่าทำลายสวนแฟรี่สิ”
“ขอโทษที ฉันเผลอไปหน่อย”
นั่นมันมากจากความโกรธต่างหาก แต่โชคดีที่เยอึนไม่ได้รู้ถึงความคิดในใจฉัน
“แต่ถ้าพูดถึงแม่สะใภ้แล้ว ก็มีแค่แม่ของพี่สาวฮวาหยากับแม่ของฉันที่มานะ”
“ถึงแบบนั้นก็เถอะ”
รูเดีย โรเล็ตต้า และเดซี่พวกเธอต่างก็สูญเสียครอบครัวไปหมดแล้ว และลิโคไรท์ก็ไม่ได้มีครอบครัวอยู่ตั้งแต่แรกแล้วด้วย เพราะแบบนี้ทำให้มีแค่ครอบครัวของเยอีนกับครอบครัวของฮวาหยาที่มาเป็นแขกของเจ้าสาวเท่านั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เยอึนไม่ได้ติดต่อกับครอบครัวมาเป็นเวลานานและเรียกครอบครัวมาก็แค่เพราะงานแต่งของเธอเท่านั้น
ในตอนเยอึนปลุกพลังขึ้นมาได้ ครอบครัวของเยอึนได้ทำเหมือนกับเธอเป็นมอนสเตอร์ แต่ว่าเมื่อพวกเขาได้มาเห็นเยอึนในชุดเดรสนี้ ฉันมั่นใจเลยว่าพวกเขาจะต้องเปลื่ยนความคิดไปแน่ แต่ถึงแบบนั้นมันก็สายไปแล้วที่จะรักษาความสัมพันธ์อันดีไว้
“ฉันแค่มีเรื่องต้องคิดอยู่เยอะนะ พอถึงเวลางานแล้วฉันจะเข้าไป เพราะงั้นไปเตรียมตัวเธอ ไม่ต้องห่วงหรอก”
“อื้อ! อุหุหุ… ย่ะห์”
หลังจากเธอหัวเราะออกมาอย่างไร้เดียวสา เธอก็ยื่นหน้ามาจุ๊บแก้มฉันก่อนจะวิ่งจากไป เธอคงจะอายแน่ๆเลย
ในทันทีที่เยอึนหายไป รูเดียก็โผล่ขึ้นมาจากพื้นเหมือนกับเธอกำลังคอยอยู่
“ชิน มีรอยลิปติกอยู่บนหน้านายนะ”
“หืม ความสามารถในการควบคุมพื้นดินของเธอพัฒนาขึ้นนะ”
“ฉันแกร่งขึ้นเพื่อที่จะได้อยู่กับชิน”
รูเดียได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม ในเวลาเดียวกันฉันก็ลบรอยลิปติกออกไปจากใบหน้า
“นี่พวกเธอส่งไม้ผลัดกันงั้นหรอ?”
“ไม่หรอก ฉันมาสักพักแล้วล่ะ เพราะงั้นฉันก็เลยรอให้พวกนายคุยกันจบก่อน นี่นายไม่รู้ตัวเลยหรอ?”
“ตอนนี้มีพลังมารวมตัวกันในสวนแฟรี่อยู่มากเกินไป หากว่าฉันเริ่มปล่อยพลังออกมา ที่นี่ได้พังทลายลงไปแน่ เพราะงั้นฉันก็เลยเก็บพลังเอาไว้น่ะ หากว่าไม่มีใครมาคิดร้ายเป็นศัตรูกลับฉัน ฉันก็ไม่รู้หรอกว่ามีใครซ่อนอยู่ … โรเล็ตต้ากับฮวาหยาก็ซ่อนอยู่ใกล้ๆเหมือนกันใช่ไหม?”
“พวกเธอก็อยากจะออกมาเหมือนกับฉันแหละ แต่ว่าฉันหยุดพวกเธอเอาไว้ หากว่าเจ้าสาวทุกคนหายไปหมดก็คงมีปัญหาแน่”
จากคำพูดของรูเดียฉันได้หัวเราะออกมาเสียงสุดเสียง จากนั้นเธอได้พูดขึ้นอย่างมั่นใจ
“ชิน ขอบคุณนะที่ช่วยฆ่าเดม่อนลอร์ดให้ฉัน”
“นั่นเป็นสิ่งที่ฉันต้องทำอยู่แล้ว”
“ฉันจะคิดมันตามที่ฉันอยากจะคิด นั่นคือนายได้ฆ่าเขาพวกฉัน ในแบบนี้ฉันมีความสุขมากและมันทำให้หัวใจฉันพองโตยิ่งกว่าเดิม”
ฉันได้พูดไม่ออกไปอยู่พักหนึ่ง รูเดียได้เข้ามาหาฉันอย่างช้าๆและพิงที่แขนของฉัน
“ขอบคุณนะที่ยอมรับให้ผู้หญิงเอาแต่ใจอย่างฉันมาเป็นเจ้าสาวของนาย”
“แต่ว่า… เป็นฉันเธอจะโอเคนะ? หลังจากเรื่องนี้ฉันต้องไปโลกอื่นอีกนับไม่ถ้วน”
“ตราบใดที่ชินยังอยู่ก็ไม่เป็นไรหรอก”
น้ำเสียงรูเดียไร้ซึ่งความลังเลใดๆ
“ในที่สุดแล้วฉันก็รู้จักซื่อสัตย์กับตัวเอง ฉันกำลังทำในสิ่งที่หัวใจบอกกับฉัน ฉันไม่อยากจะเสียใจอีกแล้ว
“…ดูเหมือนทุกคนจะโตกันหมดยกเว้นฉันนะ””
รูเดียได้หัวเราะกับเสียงบนของฉันและมัดมาอยู่ตรงไหล่ของฉัน ฉันได้ถอนหายใจออกมาเมื่อเห็นว่าผมที่สวยงามที่จัดมาอย่างดูของเธอยุ่งขึ้นมา
“เธอคงต้องไปทำผมอีกรอบแล้วล่ะ”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก ตอนนี้ฉันซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองแล้ว”
“…ฉันจะเริ่มจากทวีปลูก้าก่อน ฉันจะส่งดินแดนที่เคลื่อนย้ายมาที่โลกกลับคืนไป”
“อื้อ หุหุ ขอบคุณนะที่รัก ฉันจะได้กล้าเงยหน้าต่อหน้าคนของฉันได้”
รูเดียได้พูดออกมาอย่างภาคภูมิใจ หลังจากอยู่แบบนี้ไปซักพักเธอก็ได้จุ๊บแก้มของฉันก่อนจะจากไป จากนั้นเธอก็มองตรงๆมาที่หน้าของฉันและถามออกมา
“มีอะไรที่ชินจะต้องทำที่นี่ใช่ไหม?”
“อื้อ”
“ดีล่ะ ถ้างั้นฉันจะจัดการคนอื่นๆให้เอง ทำธุระเสร็จแล้วก็กลับไปหาพวกเรานะ”
“อ่า เดี๋ยวสิรูเดียว! ที่รัก ฉันด้วย ฉันด้วยยยย!”
“ฉันก็ยัง… อ๊า อย่าจับฉันสิ! คะ คังชิน…!”
รูเดียได้ลากลิโคไรท์กับเดซี่ที่หลบอยู่ออกไป ถึงแม้ว่าพวกเธอจะต่อต้านอย่างเต็มกำลัง รูเดียก็สามารถจะลากพวกเธอออกไปได้… ในระหว่างที่ฉันไม่ได้จับตาดูรูเดียแกร่งขึ้นมากขนาดไหนกันนะ!?
[พวกเธอจะเป็นภรรยาที่ดี พวกเธอทุกๆคนต่างก็งดงาม]
“ฉันก็คิดแบบนั้นแหละเพรูต้า”
ฉันได้ตอบเสียงที่ดังขึ้นในหูฉันกลับไปโดยไม่ประหลาดใจ
[นี่เราไม่ได้คุยแบบนี้กันนานแล้วนะ]
“จริงด้วยสิ”
“การปล่อยพลังแห่งโลกทิ้งไว้แบบเดิมเป็นการตัดสินใจที่ดีเลย เพราะแบบนั้นทำให้้นายจะสามารถก้าวไปสู่ระดับต่อไปได้”
ฉันได้หยักไหล่ตอบกลับไป
“ระดับต่อไป… ฉันไม่รู้เลยว่าจะมีแท่นยืนให้ฉันก้าวต่อไปหรือป่าว… แต่นั่นก็ไม่สำคัญหรอก”
[ฉันจะรอคอยวันที่จะได้เจอกับนายอีกครั้งในสักวันนะ ทางฝากนี้ก็มีสิ่งน่าสนใจอยู่เหมือนกัน]
“น่าสนใจยิ่งกว่าที่ฉันได้เจอในดันเจี้ยนอีกงั้นหรอ?”
[นายคิดว่าของอย่างดันเจี้ยนจะเอามาเทียบได้งั้นหรอ?]
“…ฮ่าๆ มันไม่มีทางสิ้นสุดเลยสินะ? หากว่าฉันอยากจะข้ามไป ฉันก็ต้องก้าวข้ามร่างกายภาพไปสินะ?”
เมื่อได้ยินคำบ่นของฉัน เพรูต้าได้หัวเราะออกมาอย่างเต็มที่
[นายแทบจะไปถึงระดับนั้นแล้ว เพราะงั้นนายไม่ต้องคิดเรื่องนี้เหมือนกับเป็นเรื่องไกลตัวหรอกนะ เอาล่ะ ตอนนี้ฉันกำลังจะไปแล้ว ฉันมั่นใจเลยว่าเราจะได้เจอกันอีกครั้งในสักวันหนึ่ง]
“เมื่อถึงตอนนั้นมาประลองกันด้วยร่างจริงของนายนะ”
[ฉันก็ต้องการแบบนั้นเหมือนกัน]
ฉันรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างหลุดลอยออกไปจากฉัน ฉันสามารถจะรู้สึกได้เลยว่าการเชื่อมต่อระหว่างฉันกับเพรูต้าได้ถูกตัดขาดไปแล้ว ในตอนนี้ร่างกายของฉันแทบไม่ได้ต่างจากของเพรูต้าแล้ว เขาไม่มีทางจะสามารถมาสถิตร่างฉันได้อีกแล้ว
“เชอร์ราฟิน่ากับเคียร่า พวกเธอต่างก็เข้าใจผิดจนถึงตอนจบ…”
พวกเธอทั้งคู่มีมุมมองที่แคบ หากว่าพวกเธอมองให้กว้างกว่านี้ซักนิด พวกเธอก็จะสามารถเข้าใจถึงสิ่งที่อยู่ในอีกฝากหนึ่งได้ หากว่าพวกเธอเข้าใจ พวกเธอก็จะสามารถทำสิ่งที่ต้องการได้สำเร็จโดยที่ไม่ต้องทำการทำลายล้างอย่างเสียเปล่าเลย
ฉันได้ถอนหายใจออกมาเล็กๆ
“แล้วก็นะไพก้า”
[อื้อ]
ไพก้าได้โผล่ขึ้นมาในทันที เพราะสวนแฟรี่นี้เต็มไปด้วยพลังแห่งธาตุทำให้ไพก้าได้แสดงรูปร่างเด็กสาวรูปงามออกมา วันนี้เป็นวันทีดีทำให้ไพก้าก็ดูจะมีความสุขมากๆเช่นกัน
ฉันได้ถามเธอออกไป
“ทำไมเธอถึงไม่ตอบเคียร่าไปล่ะ?”
[นี่นายท่านกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่?]
“ก่อนเคียร่าจะตาย เธอได้มองมาที่เธอนะไพก้า ทำไมถึงไม่ตอบเคียร่ากลับไปล่ะ?”
ไพก้าได้เอียงหัวออกมา เธอได้กางร่มกันแดดในมือบังแสงอาทิตย์ที่ตกลงมา ในขณะที่มองมาที่ฉันเธอดูใกล้จะร้องไห้ออกมา
[ฉันไม่เข้าใจเลยว่านายท่านหมายถึงอะไร]
“โอ้?”
[…สมมุตินะสมมุติว่ามีภูติธาตุที่เก่าแก้จริงๆอยู่ ท่ามกลางหมู่ดาวและโลกจำนวนนับไม่ถ้วน เธอได้เกิดขึ้นมาในโลกที่เก่าแก่ในเวลาเดียวกันกับดวงดาว]
“อื้ม”
[แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างงั้นสิ่งมีชีวิตก็จะต้องสูญสิ้นไปเป็นธรรมดา นั่นมันเพราะไม่มีความเป็นนิรันดร์อยู่ในตัวภูติธาตุที่ไร้เจ้านาย]
“จำเป็นต้องมีเจ้านายด้วยหรอ?”
“อื้อ ภูติธาตุน่ะไม่ได้สมบูรณ์แบบ พวกเราจะกลายเป็นสิ่งที่สมบูรณ์ก็ต่อเมื่อได้เจอกับเจ้านายและทำสัญญากัน เหมือนอย่างที่ฉันทำ ริยูทำ ชาราน่าทำ และดอร์ตูทำ”
ไพก้าได้ขนาดร่มกันแดดของเธอขึ้นมาและปกคลุมตัวฉันไปด้วย
[ภูติธาตุต่างก็คิดว่า ‘ฉันอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป’]
“ถูกแล้ว”
[วิธีที่ดีที่สุดที่จะทำแบบนั้นได้ก็คือทำให้เจ้านายของเธอมีชีวิตอยู่คลอดไป เจ้านายที่เธอมีชะตาที่จะต้องได้เจอในสักวัน]
“อ่อ”
[เพราะงั้นภูติธาตุก็ได้เริ่มคิดหาวิธีที่จะทำให้เจ้านายมีชีวิตไปคลอดกาล ในท้ายที่สุดแล้วเธอก็รู้ถึงวิธีที่จะทำมันให้สำเร็จ]
เหมือนกับว่าฉันก็รู้ว่าวิธีนั่นคืออะไร ฉันได้จ้องไปที่ไพก้าและตอบกลับไป
“รวบรวมพลังแห่งโลกทั้งหมดให้กับเจ้านายสินะ?”
[อื้อ นั่นคือวิธีที่ปลอดภัยที่สุดและเสี่ยงน้อยที่สุด]
“ปลอดภัยที่สุดและเสี่ยงน้อยที่สุด…”
ไพก้าได้พูดต่อออกมา
[ภูติธาตุน่ะทรงพลังมากๆ จริงๆแล้วเธอไม่ต่างไปจากตัวแทนของดวงดาวเลย เธอมีพลังที่เหมือนกับดวงดาว]
“แล้ว?”
[ภูติธาตุได้วางแผนที่จะเคลื่อนไหว เธอได้เชื่อมต่อโลกเข้าด้วยกันและรอคอยให้เจ้านายที่แท้จริงของเธอเกิดขึ้นมา จากนั้นเธอก็จะเลือกคนที่เหมาะสมเพื่อให้มอบพลังไปให้และทำให้คนๆนั้นเกี่ยวข้องกับเจ้านายของเธอ]
“แล้วทำไมภูติธาตุถึงไม่ให้พลังกับเจ้านายของเธอเลยล่ะ? ทำไมเธอถึงต้องทำมันผ่านตัวกลางอย่างเคียร่าด้วยล่ะ?”
[เจ้านายที่ภูติธาตุได้รอคอยมีพรสวรรค์สูงเกินไป เขาจะไม่ถูกควบคุมง่ายๆเหมือนอย่างเด็กสาวแบบเคียร่า]
“อ่า”
ไพก้าได้พูดต่อมา
[นั่นมีแต่จะทำให้ภูติธาตุมีความสุข ไม่มีอะไรที่จะมีความสุขไปกว่าการได้มีเจ้านายที่ยอดเยี่ยมแล้ว ด้วยแผนทั้งหมดที่เธอทำมา ต่อให้จะมีความผิดพลาดเล็กน้อยเกิดขึ้นมา เธอก็เชื่อว่าเธอจะได้ผลลัพธ์ตามที่เธอต้องการได้ เพราะงั้นจากภูติธาตุจึงได้ทำสัญญากับเจ้านายของเธอ]
“แต่ว่า?”
ในตอนนี้เองไพก้าได้ยิ้มออกมาเล็กๆก่อนจะพูดต่อ
[แต่ว่าภูติธาตุได้ทำพลาดไปหนึ่งอย่าง เธอไม่เคยทำสัญญามาก่อน เพราะงั้นเธอจึงไม่รู้ว่าจะเกิดการเชื่อมต่อที่ลึงซึ้งแค่ไหนหรือมีอิทธิพลต่อเธอมากยังไง ต่อให้เธอรู้ เธอก็จะต้อประมาทแน่นอน การได้มีชีวิตอยู่เป็นพันล้ายปีได้ทำให้เธอดูถูกแทบจะทุกๆอย่าง]
“หืม นั่นเป็นปัญหาสินะ”
[แผนของเธอได้ดำเนินต่อไป แต่ว่าภูติธาตุก็ได้เริ่มเหนื่อยล้า ‘หากเป็นแบบนั้นนายท่านอาจจะเศร้าได้’ ‘หากว่านายท่านตายไปก่อนแผนสำเร็จล่ะ?’ เพราะแบบนั้นเธอจึงมอบพลังสายฟ้าที่มีแต่เธอเท่านั้นที่ใช้ได้ให้กับเขา และถึงขนาดช่วยให้เขาได้เรียนรู้ถึงมานาที่ทรงพลัง… เธอยังได้เข้าไปกัดหญิงสาวที่พยายามจะล่อลวงเข้านายเธออีกด้วย เป็นเรื่องงี่เง่าแบบนี้แหละ]
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
ในท้ายที่สุดฉันก็หัวเราะออกมา
[ภูติธาตุก็แค่คนงี่เง่า เธอได้มีชีวิตมาเป็นพันปี แต่ว่าเธอได้เริ่มมีชีวิตอยู่จริงๆนั่นก็คือหลังจากที่ทำพันธะสัญญากับเจ้านายของเธอ เธอได้รู้ถึงหลายๆเรื่องผ่านเจ้านายของเธอ]
“หืม เป็นภูติธาตุที่น่ารักดีนะ”
[ในเวลาสั้นๆความสำคัญต่อภูติธาตุก็ได้เปลื่ยนไป ระหว่างการที่เธอไม่มีความสุขกับการที่เจ้านายไม่มีความสุข เธอได้รู้ว่าการที่เจ้านายของเธอไม่มีความสุขมันเจ็บปวดกว่าเธอไม่มีความสุขซะอีก]
ไพก้าได้พูดจบทั้งๆที่แก้มแดง
[ภูติธาตุคนนั้นอยากที่จะซ่อนความจริงของตัวเองเอาไว้เพราะเธอไม่อยากจะให้เจ้านายเกลียดเธอ]
“เพราะงั้นเธอก็เลยไม่สนใจเคียร่าที่กำลังจะตายสินะ”
[ผู้หญิงโรคจิตแบบเธอไม่คู่ควรกับรอยยิ้มของนายท่าน]
จากนั้นไพก้าก็ก้มหัวลง เธอดูเหมือนเด็กสาวที่กำลังรอคอยการลงโทษ
เมื่อดูเธอแล้ว ความคิดมากมายก็ได้เข้ามาในหัวฉัน ถึงแม้ว่าฉันจะคิดเอาไว้ว่ามันจะเป็นแบบนี้นับตั้งแต่วันที่ได้สู้กับลิลิธแล้ว แต่ว่าการได้ฟังความจริงจากปากไพก้าก็ยังน่าตกใจอยู่ดี
ฉันได้ถอนหายใจออกมา
“ไพก้า”
[อื้อ]
“นับจากนี้ฉันยังต้องการให้เธอช่วยอีกมาก เพราะงั้นนับจากนี้เรามาพยายามด้วยกันนะ”
[…อื้อ!]
ไพก้าได้ทิ้งตัวเข้ามาในอ้อมกอดของฉัน ความคิดมากมายได้เข้ามาในหัวฉัน แต่ว่านี่คือผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้ว ฉันจะผลักไสไพก้าอย่างที่ทำกับเคียร่าแค่เพราะฉันต้องการไม่ได้
ภูติธาตุเป็นเช่นนี้แหละ นั่นมันคือฉันได้กลายเป็นคนสำคัญต่อไพก้ามากกว่าตัวเธอเองอีก
เมื่อฉันได้ปลอบเธอเงียบๆ ไพก้าก็เงยหน้าขึ้นมาอย่างระมัดระวังและถามขึ้น
[ถ้างั้นฉันจะเป็นเจ้าสาวคนที่เจ็ดของนายท่านได้ไหม?]
“อ่า…”
ดูเหมือนปัญหาจะยังไม่จบสิ้นในเร็วๆนี้สินะ