บทที่ 41 – เหตุการณ์ดันเจี้ยน (4)
“ว้าว พวกนายดูดีเลยทีเดียว”
“วะ หวัดดี”
เมื่อฉันได้หยุดจ้องไปที่พ่อและเงยหน้าขึ้น เย่ ฮวาหยหรือก็คือฮวาหยา เอเลนิ่ มัสติฟอร์ด ก็ได้อยู่ตรงหน้า เธอดูสวยงามยิ่งกว่าในทีวีซะอีก
เธอมีตาสีแดงเพลิงและผมสีเพลิงของเธอก็ได้ดึงดูดความสนใจของคนอื่นๆมา นอกจากนี้เธอยังมีทรวดทรงที่เร้าใจอีกด้วย เพื่อประโยชน์ของยุยเองมันทำให้ฉันเกือบอยากจะถามว่าเธอกินนอะไรถึงโตมาได้แบบนี้เลยทีเดียว
สิ่งที่สำคัญสุดก็คือชุดสีเดรสสีแดงของเธอที่ใส่อยู่มันทำให้ฉันรู้สึกประทับใจ ฉันได้เปิดปากของฉันออกมามองไปที่ชุดเดรสของเธออย่างแน่นิ่ง
“ยินดีที่พบคุณมัสติฟอร์ด เธอแน่ใจนะว่าจะสวมใส่ชุดเดรสกระโปรงนี้ไปต่อสู้?”
“ฮึ่ม นายรู้อะไรมั๊ย? นี้น่ะคือชุดต่อสู้ของฉันที่ได้มาจากการทำของร้านขายของในชั้นที่ 45 ด้วยชิ้นส่วนที่ดรอปออกมาจากมอนสเตอร์มีชื่อ มันช่วยเพิ่มสเตตัสพลังเวทย์ขึ้น 50! แม้ว่ามันจะลดความคล่องแคล่ว ความแข็งแกร่ง และความทนทานของฉัน 10…”
ฉันกำลังจะคิดว่าเธอพูดภาษาเกาหลีได้ยอดเยี่ยมมากแต่แล้วก็ได้สังเกตุถึงปากของเธอที่ขยับไม่ตรงกับคำพูด ฉันเลยคิดว่ามันน่าจะมาจากการแปลของดันเจี้ยนซะมากกว่า และดูเหมือนว่าฉันจะคิดถูกด้วย
“มัสติฟอร์ดตอนนี้เธอใช้ภาษาอะไรอยู่?”
“แน่นอนมันเป็นภาษาอัง…เอ๊ะ?”
เธอดูเหมือนจะสังเกตุเห็นแล้วเหมือนกัน เราทั้งคู่ต่างก็พูดภาษาของประเทศแม่ของตัวเอง ฉันคิดว่าการแปลมันจะทำงานได้แค่ช่องซ่องสื่อสารเท่านั้นแต่ว่ามันดูเหมือนจะทำงานในทุกๆบทสนทนาของนักสำรวจดันเจี้ยนด้วยกันโดยอัตโนมัต
เมื่อคิดย้อนกลับไปมันอาจจะเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมฉันถึงพูดคุยกับนักสำรวจจากทวีปอื่นรู้เรื่องอีกด้วย เมื่อฉันคิดได้เช่นนี้ ฉันก็ยิ้่มขึ้น
“อย่างที่เธอรู้ ฉันยวน ฮวาวู ยินดีที่ได้รู้จักคุณมัสติฟอร์ด”
“ฮึ่ม ฉันไม่สนใจคนที่ชอบปกปิดใบหน้าแบบนายอย่างน่าสงสัยแน่นอน แต่ว่าในตอนนี้ฉันจะยอมจับมือกับนายไปก่อน
มัสติฟอร์โได้ยื่นมืออกมาและจับมือกับฉัน สำหรับคนที่ถูกเรียกว่าแม่มดเพลิงมือของเธอนั้นเย็นอย่างไม่น่าเชื่อ จากนั้นฉันก็เห็นมินามิที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอ
ฉันเคยได้ยินมาว่าเธอเป็นลูกครึ่งมาก่อน เธอมีผมหางม้าสีดำเทาและมีดวงตาสีมรกต แม้ว่าจะเทียบไม่ได้กับมัสติฟอร์ด แต่เธอก็ยังคงเป็นหญิงสาวที่สวยงาม แถมนอกจากนี้แม้ว่าเธอจะเตี้ยกว่ายุย แต่ว่าส่วนๆอื่นๆของเธอเติบโตมากว่ายุยซะอีก อาฉันจะต้องทำยังไงกับยุยดี?
ด้วยหัวใจที่สับสน ฉันได้จบมือทักทายกับเธอด้วยเช่นกัน
“ยินดีที่ได้พบนะมินามิ ฉันยวน ฮวาวู”
“ยะ ยินดีที่ได้พบ อูวว ขอโทษ ตะ แต่หนูไม่ค่อยคุ้นกับผู้ชาย…”
“อา ขอโทษ”
ฉันสงสัยว่าทำไม่เธอถึงไม่กล้าจับมือแม้อย่างนั้นฉันก็หดมือกลับไปแต่โดยดี ทันใดนั้นพ่อก็ได้ลุมขึ้นและพูดออกมาด้วยเสียงทุ้มลึก
“ฉันคัง ยังอู ยินดีที่ได้พบ”
“อืมม ยินดีที่ได้พบคะคุณลง คุณอายุเยอะจัง”
“ฮ่าๆๆ เธอสวยมากเลยนะแม่หนู! แม่ของหนูก็ต้องสวยเหมือนกันแน่ๆเลย”
นี้เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินเสียงการเข้าสังคมของพ่อ ฉันได้เกาหัวของฉันออกไปและถามมัสติฟอร์ด
“แล้วด้วยมานาที่อยู่รอบๆนี้มันคือเวทมนตร์แยกตัวตัวหรอ? ไม่มีใครมองเห็นสินะ”
มัสติฟอร์ดเธอเป็นคนเกาหลีเพียงคนเดียวที่มีระดับ SS ถ้าเธอปรากฏตัวขึ้นมาที่ร้านกาแฟในเขตชุมชน ผู้คนรอบๆก็จะแตกตื่นแน่นนอน อย่างไรก็ตามมันเงียบเกินไป มันเงียบมากจนเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่สังเหตุเห็น
มัสติฟอร์ดได้ยิ้มและหยักหน้าออกมา
“ใช่แล้ว ฉันได้ใช้เวทมนตร์ปิดกั้นการรับรู้เพื่อป้องกันไม่ให้ใครสังเกตุเห็นพวกเราและก็เวทมนตร์ลบร่องรอยอีกด้วย ฉันเคยเป็นนักเวทย์จากอังกฤษมาก่อน”
“ก่อนที่เธอจะกลายมาเป็นนักสำรวจหรอ?”
“ถูกแล้ว! ที่ฉันได้รับเลือกเป็นนักสำรวจดันเจี้ยนที่ 2 ก็ต้องขอบคุณในความสามารถเวทมนตร์ที่พิเศษของฉัน”
ฉันประหลาใจปาก อยากแรกเลยคือความจริงที่ว่ามีเวทมนตร์อยู่ก่อนที่จะเกิดเรื่องราวดวงจันทร์ดวงที่สอง อย่างที่สองก็คือเธอได้รับการเลือกจากดันเจี้ยนที่ 2 แบบตรงๆ และอย่างสุดถ้ายก็คือคำว่า ‘ถูกต้อง’ นั้นไม่ได้ถูกดันเจี้ยนแปลเป็นภาษาเกาหลีอย่างที่ฉันคิด
ไม่ในแบบไหนมันก็ดูเหมือนว่ามัสติฟอร์ดจะรู้สึกภูมิใจกับฉายา ‘ดันเจี้ยนที่ 2’ มาก ฉันได้บอกกับตัวเองว่าจะไม่บอกเธอว่าฉันมาดันเจี้ยนไหนก่อนที่จะก้าวข้ามเธอไป
“ฉะ ฉันมาจากศาลเจ้า พ่อของฉันเป็นเจ้าอาวาศ…”
ในคราวนี้เป็นมินามิแนะนำตัวเอง อา ศาลเจ้าของญี่ปุ่น ฉันเคยไปที่นั้นครั้งหนึ่งกับพ่อในระหว่างที่กำลังฝึกซ้อม เมื่อพวกเราเสี่ยงทายดวงชะตา พ่อได้รับคำสาปที่ยิ่งใหญ่และฉันได้รับพรที่ยิ่งใหญ๋ จากนั้นพ่อก็อจะแย่งโชคลาภของฉันไปและเริ่มการต่อสู้ระหว่างเรา สำหรับในตอนนั้นฉันได้ปกป้องมันเอาไว้ได้และเก็บยังเก็บมันเอาไว้ในห้องอีกด้วย
ถ้าอย่างนั้นพ่อของมินามิเป็นเจ้าอาวาส ถ้างั้นมินามิก็เป็น…!
“มิโกะ!”
“งานพาทไทน์ของฉันคือการเป็นมิโกะ ฉันรู้สึกได้ถึงมานาในวันหนึ่งตอนที่กำลังทำงานพาทไทน์อยู่”
“….”
ฉันไม่เคยเห็นมิโกะตัวจริงๆมาก่อน…แต่ว่ามันยุติธรรมแล้วหรอ? ศาลเจ้าในญี่ปุ่นเต็มไปด้วยมานาให้คนที่ทำงานพาทไทน์รู้สึกได้งั้นหรอ? โอเ ฉันต้องทนทรมานแค่ไหนกันกว่าจะได้รับมานามา
“พ่อของฉันเคยเป็นนักสำรวจดันเจี้ยนที่ 2 มาก่อนและพ่อได้ทำให้ฉันเป็นนักสำรวจดันเจี้ยนหลังจากที่รู้ว่าฉันได้รับมานา แต่ว่าพ่อก็ได้จากไปไม่นานหลังจากนั้น…”
เข้าใจแล้ว ตั้งแต่เมื่อสองปีก่อน พ่อของเธอคือนักสำรวจดันเจี้ยนคนที่ 5 แต่ว่าเขาก็ได้จากไปหลังจากที่ทำให้ลูกของเขาเป็นนักสำรวจดันเจี้ยน ฉันและมัสติฟอร์ดได้เงียบไปทันทีเมื่อได้ยินว่าพ่อของเธอจากไป แต่ว่าครู่หนึ่งมัสติฟอร์ดก็ได้ตะโกนออกมาอย่างร่าเริง
“เอาล่ะ รีบเข้าไปในดันเจี้ยนก่อนที่เวทมนตร์ของฉันจะหมดเวลากัน!”
“ฉันเห็นด้วย ไปกันเถอะ”
พวกเราได้ออกไปจากร้านกาแฟและมุ่งหน้าไปที่เกต ในระหว่างทางฉันได้จับตามองเสื้อผ้าของมินามิ มันโปร่งแสดง และเป็นผ้ากึ่งไฟเบอร์ที่เกือบจะเผยให้เห็นผิวหนังของเธอ
“มินามิ เธอไม่ได้บอกว่าเธอเป็นแท้งหรอ? มันจะไม่เป็นอะไรนะด้วยเสื้อผ้าแบบนั้นน่ะ?”
“อา ขอบคุณคะที่เป็นห่วง แต่ว่านี่มันคือชุดที่ดรอปจากมอนสเตอร์มีชื่อ ดังนั้นมันจึงแข็งแกร่งและทนทาน”
“โอ้ เข้าใจแล้ว…”
ฉันกำลังสวมใส่เซ็ตของบอสอยู่ ฉันไม่ได้อิจฉาเลยซักนิด! ฉันได้เดินไปข้างหน้าอย่างอายๆและเห็นพ่อหัวเราะ เหมือนที่ฉันพูดฉันไม่ได้อิจฉา
ครู่หนึ่งพวกเราก็ได้มาถึงด้านหน้าเกตซึ่งมันเป็นน้ำวนของเมฆสีเทาา ที่ด้านบนของมันมีตัว A เขียนเอาไว้อย่างชัดเจน มัสติฟอร์ดเป็นคนแรกที่สังเกตุเห็นกลุ่มพวกผู้พิทักษ์และยืนยันว่าพวกเขาไม่สังเกตุเห็นพวกเรา
“เอาล่ะเข้าไปกัน”
“เดี๋ยวก่อนมัสติฟอร์ด”
“มีอะไร?”
“เรายังไม่ได้สร้างปาตี้เลย”
“อา!”
มันง่ายมากที่จะสร้างปาตี้ หลังจากที่ได้แสดงความต้องการสร้างปาตี้แล้วคุณก็ต้องทำเพียงแค่จับมือกับคนที่จะเชิญเข้าปาตี้เท่านั้น และหลังจากนั้นแล้วพวกเราทั้งสื่อคนก็ได้เข้าร่วมปาตี้ เธอได้หยักหน้าและเอามือไปสัมผัสที่เกต ในเวลาเดียวกันพวกเราก็ได้รับข้อความ
[คุณต้องการจะเข้าสู่เหตุการณ์ดันเจี้ยนระดับ A ‘ถ้าแมงมุม’ หรือไม่?]
“…อยู่ดีๆฉันก็รู้สึกไม่อย่างจะเข้าไปแล้ว”
ทันใดนั้นหน้าของมัสติฟอร์ดก็ซีดไป ฉันก็รู้ถึงเหตุผลเช่นกัน แต่ว่าฉันก็ยังเร่งเธอ
“เร็วเข้า”
“ดะ เดี๋ยวก่อน ฉะ ฉันกลัวแมงมุม”
“มันสายเกินไปแล้ว!”
ฉันได้ผลักเธอเข้าไปเบาๆ
“อว๊ากก”
เธอได้กรีดร้องออกมาในตอนที่เข้าไปในเกต เพราะว่าหัวหน้าปาตี้เข้าไปแล้ว พวกเราก็ได้ถูกดูดตามเข้าไปด้วย
‘ฉันรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังขึ่รถไฟเหาะที่ละกาเลย’
ด้วยความคิดเช่นนี้ ฉันก็ได้สูยเสียสติไป
“ยวน ฮวาวู!”
นั่นเป็นสิ่งแรกที่ฉันได้ยินเมื่อฉันตื่นขึ้นมา ฉันได้มองไปรอบๆ ที่ๆฉันอยู่คือป่าที่มืดสนิท มันเต็มไปด้วยต้นไม้ที่ฉันไม่เคยเห็นมา ท้องฟ้ามันไม่ใช่สีน้ำเงินแต่เป็นสีดำ ในเวลาเดียวกันก็มีดวงจันทร์สองดวง หนึ่งเหลืองหนึ่งแดง พวกมันกำลังส่องว่างทีวโลก
พวกเราทั้งหมดอยู่ด้วยกัน แม้ว่ามัสติฟอร์ดจะกำลังจ้องมองฉันด้วยใบหน้าที่เหมือนกับปีศาจก็ตาม ฉันได้ตอบกลับไปเบาๆ
“ฉันรู้อยู่แล้วว่าฉันชื่อะไร แม้ว่าเธอจะไม่ตะโกนก็ตาม”
“นายผลักฉัน! จิตใจของฉันยังไม่พร้อมสำหรับมัน!”
“มัสติฟอร์ดลองคิดดูนะใครเป็นที่ทำให้พวกเรามาที่นี่?”
“ฉัน”
“ใครเป็นหัวหน้าปาตี้ที่จะต้องเข้าไปก่อน?”
“….ฉัน แต่!”
“ใครคือคนที่เข้าใจถึงสถานการณ์และวางแผน?”
“…ฉัน ฮิ้ สุมิเระ!!!!”
“ค่ะ พี่สาวอย่าร้องสิ นี่ๆ”
มันเป็นการดีที่เห็นสาวสวยสองคนกอดกัน แต่ว่าฉันก็สงสัยว่ามัสติฟอร์ดเข้าใจในสิ่งที่ฉันพูดมั๊ย พ่อของฉันกำลังตื่นเต้นกับสภาพแวดล้อมใหม่และกำลังมองหาสถานที่ซ้อมหอก พ่อดูดีกว่าทั้งสองคนนั้นมาก
“ถ้าเธอร้องไห้เสร็จ ก็ไปกันได้แล้ว”
“นาย ฉันจะเผาผมของนายทั้งหมดในสักวัน”
“ถ้างั้นก็บอกฉันก่อนด้วยนะ ฉันจะได้ไปทำประกันไว้”
“เหมือนฉันจะบอกล่ะ!”
แปลก ทำไมเรื่องตลกถึงได้ออกมาอย่างราบรื่นเมื่อฉันอยู่กับมัสติฟอร์ด?
“ฉันรู้สึกได้ถึงบางอย่างรอบๆตัวเรา”
“มันแตกต่างไปจากดันเจี้ยนอย่างแน่นอน”
“เหตุการณ์ดันเจี้ยนมันเป็นปกติที่จะมีสภาพแวดล้อมแปลกๆ อย่างไรก็ตามมันก็มีเพียงเงื่อนไขเดียวที่ชัดเจน”
“ฆ่าบอส”
“ใช่แล้ว”
มัสติฟอร์ดได้ตอบกลับในขณะที่ลูกไฟลุกขี้นบนมือของเธอ ทันทีหลังจากนั้นบางสิ่งก็ได้ลอยเข้ามาหาพวกเราจากทุกๆทาง
[ใยแมงมุม! นายท่านเผามัน!]
ตามคำแนะนำของไพก้า ฉันได้ให้เเธอเข้าไปสิงในถุงมือของฉันดังนั้นเธอจึงสามารถจะปล่อยสายฟ้าออกมาได้ตามที่เธอต้องการ จากนั้นสายฟ้าของเธอก็ปะทะเข้ากับใยที่ลอยเข้ามาทางเราและเผามันจนกรอบ มินามิผู้ที่เฝ้ามองจากดันหลังได้สะดุ้งและถอยกลับไป
“ฉันจะไปข้างหน้า”
พ่อของฉันดูเหมือนจะพบตำแหน่งของศัตรูขณะที่เข้าพุ่งออกไปด้วยหอกของเขา ฉันก็ยังได้คิดจำนวนของแมงมุมที่บินเข้ามาทางพวกเขาและที่ยังอยู่กับที่
“มันเป็นแมงมุมขนาดใหญ่ พวกมันเกือบจะใหญ่เท่ากับมัสติฟอร์ดเลย”
“อย่าพูดแบบนั้น”
มัสติฟอร์ดได้กรีดร้องออกมาในขณะที่ยิงลูกไฟออกไปทุกๆที่ มันสมบูรณ์แบบมากยกเว้นว่าเปลวเพลิงของเธอรุนรงมากเกินไป มันได้เผาต้นไม้ไปพร้อมกับแมงมุม พวกมันไม่เหลือแม้แต่ขี้เถ้าเลย ฉันรู้สึกเสียใจเล็กน้อยกับมอนสเตอร์ที่มีราคา แต่ว่าพวกมันก็ยังมีกันอยู่เต็มท้องฟ้า
“มัสติฟอร์ดเธอสามารถจะดับไฟได้อย่างอิสระใช่มั๊ย?”
“ใช่แล้ว ฉันก็ต้องทำเพียงแค่ดึงมานากลับมา”
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะเผาต้นไม้ทั้งหมดในขณะที่เราไป ด้วยวิธีนี้พวกเราจะได้ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องการจู่โจมอีก ฮึบบ!”
ขณะที่ฉันพูดออกไป ฉันก็ได้แทงมือเข้าไปในหัวของแมงมุมที่พุ่งเข้ามาหาฉันรอบๆ จากนั้นฉันก็ปล่อยสายฟ้าออกไปและระเบิดหัวของพวกมัน
มันมีร่างกายที่น่าขยะแขยงและเข้ามาจากทุกๆทิศทาง มันไม่ได้ดรอปบลูสโตนด้วย แต่ว่าไม่นานหลังจากนั้นฉันก็จะได้รู้ว่าบลูสโตนนั้นจะพบในมอนสเตร์ปกติแบบยากมาก
ขณะที่ฉันำกลังคิดแบบนั้น ทั้งสองสาวผู้ที่เห็นแมงมุมระเบิดต่อหน้าก็กรีดร้องออกมา
“กรี๊ดดดด”
“กรี๊ดดด”
“หูฉัน!”
“ฉะ ฉันเกลียดแมงมุม”
มัสติฟอร์ดได้เหยียดแขนออกไปและปล่อยลูกไฟออกไปหลายสิบลูก พวกแมงมุและต้นไม้ได้ถูกเผาไปในทันทีที่โดน ด้วยการทำลายป่าไม้แบบนี้แม้แต่พวกลักลอบวางเพลิงก็จะต้องยอมเธอ พ่อของฉันผู้มองดูหลังจากที่ฆ่าแมงมุมด้วยการโจมตีหอกคลื่นกกระแทกได้ตกใจมาก
“แช็แกร่งอะไรแบบนี้ อะแฮ่ม ถ้าเพียงแค่ฉันตื่นขึ้นมาและมีความสามารถแบบนี้นะ!”
“เพียงแค่ทำหน้าที่ของนายก็พอ”
มัสติฟอร์ดนั้นทรงพลังอย่างแท้จริง เธอสมควรแล้วที่เป็นผู้ใช้พลังระดับ SS ไม่ว่าแมงมุมจะมาจากทางไหน เมื่่อเธอเหยียดแขนออกไปและปล่อยบอลไฟไปนั่นก็หมายถึงจุดจบของพวกมัน มีพวกที่เหลืออยู่ไม่มากนักสำหรับหน้าที่ของพวกเรา
พวกแมงมุมมันมีหลังที่แข็งแกร่งที่ยากจะเจาะได้ด้วยแรงเพียวๆ อย่างไรก็ตามหมัดของฉันได้เสริมด้วยสปิริตออร่าและมานา และพ่อก็มีเทคนิคหอกคลื่นกระแทกอยู่ พวกเราทั้งคู่ไม่มีปัญหาเลยในการที่จะจัดการกับพวกมันในทีเดียว แม้ว่าฉันจะเตรียมพร้อมรับความเสี่ยงจำนวนมาก มันก็ดูเหมือนว่าฉันจะกังวลมากเกินไป
สำหรับครั้งนี้ พวกเราไม่ได้พบบลูสโตนแม้แต่ก้อนเดียว มันเป็นเพราะว่ามัสติฟอร์ดได้เผาแมงมุมส่วนใหญ่ที่เราเจอจนกรอบ และเนื่องจากว่าพวกเรามาที่นี้เพื่อเคลียร์ดันเจี้ยนไม่ได้มาที่นี่เพื่อหาเงินฉันจึงไม่พูดอะไร
ฉันค่อนข้างที่ยอมรับในพลังของมัสติฟอร์ด แต่มันดูเหมือนว่ามินามิจะคิดแตกต่างออกไป ด้วยการที่เห็นพ่อและฉันฆ่าแมงมุมอย่างง่ายดายเธอก็พูดขึ้นมาด้วยความกลัว
“คุณทั้งสองคนแข็งแกร่งจริงๆ ฉันได้ยินมาว่ามอนสเตอร์แมงมุมเป็นอย่างน้อยก็ระดับ B และมีหลังที่แข็งแกร่งมากจึงเป็นเรื่องยากที่จะสร้างรอยขีดข่วนขึ้นได้”
“ฮ่าๆ อย่างได้ดูถูกคัง ยังอูนะ!”
“เข้าใจแล้ว ดังนั้นฉันจะรอดูต่อไปในภายภาคหน้านะ”
กการสำรวจดันเจี้ยนด้วยกันกับพ่อมันเป็นเรื่องที่น่าอายมากกว่าทีฉันคิด หมัดของฉันได้เหวี่ยงออกไปและกวาดพวกแมงมุมออกไปด้วยขาของฉัน ฉันได้จัดการพวกมันอย่างเงียบๆจนกระทั่งหนึ่งชั่วโมงต่อมาเมื่อฉันรู้สึกถึงบางอย่างและหยุดทุกๆคน