บทที่ 42 – เหตุการณ์ดันเจี้ยน (5)
ประมาณ 1 ชม.หลังจากที่พวกเราได้เข้ามาในดันเจี้ยน ฉันก็ได้หยุดทุกคนไว้ ฉันสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่แข็งแกร่งและมันมีมากกว่าตัวเดียวอีกด้วย
“ฉันรู้สึกถึงบางอย่าง มันอาจจะเป็นบอส”
“อืมม…อ่า มันมีจริงๆด้วย หนึ่ง สอง…มันมีสามตัว”
“เดี๋ยวก่อนนะฉันจะใช้เวทมนตร์ตรวจจับ…กรี๊ดดด!?”
เพราะว่าฉันลืมบอกพวกเธอไปว่าพวกมันซ่อนตัวอยู่ใต้ดิน ฉันเลยได้ยินเสียงกรีดร้องออกมา เหมือนที่บอกพูดมีแมงมุมสามตัวปรากฏตัวขึ้นมาจากพื้นดิน ฉันเลยดึงคนในปาตี้ถอยกลับมาอย่างรวดเร็ว แมงมุมแต่ละตัวมันสูงประมาณ 3 เมตร มันตัวใหญ่มาก เหมือนฉันจะเคยเห็นมันมาก่อนนะ? อา ใช่แล้วแฮรี่ พอตเตอร์
“กรี๊ดดดดดดด!”
มัสติฟอร์ดดูเหมือนจะได้รับความตกใจอย่างมากจากแมงมุตัวนี้ จากนั้นราวกับว่ามันได้รับความเดือดร้อนจากเสียงร้องนี้ แมงมุมยักษ์ตัวหนึ่งได้ปล่อยใยสีขาดที่เหมือนกับกระสุนไปทางมัสติฟอร์ด มินามิเลยก้าวไปข้างหน้าและปกป้องเธอเอาไว้
“ฮึบบบบ”
ตูมม! เสียงกระสุนใยได้ปะทะกับโล่โลหะได้ดังขึ้น พลังทำลายนี้มันเป็นแค่ของแมงมุมเพียงตัวเดียว! จากนั้นซังจินก็มองย้อนกลับไปที่มินามิ แต่โชคดี แม้ว่าน่าเธอจะดูซีดเล็กน้อย เธอก็ยังคงสบายดี มันเหมือนกับที่เธอพูดไว้เลยว่าเธอเชื่อมั่นในการป้องกันของเธอ
“ฉะ ฉันไม่เป็นไร ดังนั้นขัดการแมงมุมเลย!”
“เข้าใจแล้ว!”
ฉันได้กำหมดและพุ่งเข้าไปหาหนึ่งในแมงมุมยักษ์ที่อยู่ด้านหน้า พ่อของฉันก็ยังยิงคลื่นกระแทกใส่แมงมุมอีกตัวหนึ่ง พวกเราได้ดึงมันไว้สองตัวในเวลาเดียวกัน เพราะฉันไม่สามารถจะโจมตีระยะไกลได้ด้วยสปิริตออร่า ฉันเลยทำได้เพียงแค่ต่อสู้กับแมงมุมยักษ์ที่ละตัว
“กินนี่ซะ!”
ฉันได้ถีบพื้นและพุ่งเข้าไปหาแมงมุมยักษฺ แต่ก่อนที่จะถึงมันมันได้เอียงตัวและหลบฉันไป หมัดขอก็ได้ได้เเจาะลงไปในแมงมุมนี้ เมื่อฉันปล่อยกระแสไฟฟ้าแมงมุมยักษ์มันก็ได้ตัวสั่นและกรีดร้อง
“กรี๊ดดดด
“เอาไปอีก!”
คราวนี้เป็นมือซ้าย! มือขวาอีกครั้ง! เมื่อฉันต่อยมันด้วยหมัด มันก็พยายามที่จะใช้สองขาหน้าในการตีฉัน แม้ว่ามันจะเร็วมาก แต่ฉันก็สามารถจะหลบมันได้อย่างง่ายดาย สองขาของมันจึงทำได้เพียงตีลงบนอากาศที่ว่างเปล่าและขุดลึกลงไปบนพื้นด้วยเสียงดัง
ทันทีหลังจากนั้นฉันก็ได้จับหนึ่งในขาหน้าของมันเอาไว้ เคร๊ง! เสียงของมันเหมือนกับว่าฉันโดนโจมตีด้วยเหล็ก ฉันได้ก้มหน้ากันฟันเอาไว้ แต่ว่าฉันก็ได้ผลลัพธ์ที่ฉันต้องการ
“กรี๊ดดดด!”
“เปิดออก!”
เมื่อมันได้กรีดร้องและร่างกายขึ้นหนึ่งของมันก็ได้เปิดขึ้น ฉันได้มุดและกระโดดขึ้นใต้มันในทันที จากนั้นฉันก็ได้ผลักหมัดสายฟ้าของฉันเข้าไป
“ว้าว น่าทึ่งมาก!”
มินามิที่อยู่ข้างหลังได้ตะโกนออกมาอย่างตกใจ ฉันได้กระโดดขึ้นและลงไปที่หลังของมัน แม้ว่ามันจะพยายามดิ้นรนเท่าไหร่มันก็เป็นแค่เรื่องไร้สาระ ฮันได้จับกระดองมันไว้ด้วยมือข้างหนึ่งและใช้มืออีกข้างทุบลงมาเหมือนกับค้อน
“ตาย! ซะ! ไอ้! แมง! มุม! หยุด! ยิง! ใย! ซะ! ที!”
ทุกๆครั้งที่ฉันต่อยหมัดที่เสริมด้วยมานาและสายฟ้าใส่มัน แมงมุมมันก็จะกระตุกและกรีดร้องออกมาพร้อมกับเลือกในทุกๆครั้งที่ถูกตี แต่แล้วปฏิกิริยาของมันก็ลดลงเมื่อเวลาผ่านไป
ในที่สุดหมัดของฉันก็ประสบความสำเร็จในการเจาะท้องของมัน จากนั้นฉันก็ปล่อยสายฟ้าออกไปให้มาที่สุดเท่าที่จะทำได้
ซีสสสสสสสสสสสสสส!
“กี้——!”
แมงมุมยักษ์มันได้่กรีดร้องออกมาสั้นๆ จากนั้นก็ดงียบลงไปในขณะที่ขาก็ตกลงไปด้วย หลังจากที่ได้ยืนยันว่ามันตายไปแล้ว ฉันก็ได้ถอยกลับลงมา ตอนนั้นเองที่ฉันได้ยินเสียงข้อความในหัว
[คุณได้เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ระดับกลาง! การโจมตีที่ใช้ประโยชน์จากร่างกายจะเร็วและแข็งแกร่งขึ้น มันสามารถที่จะข่มขวัญศัตรูที่มีระดับทักษะต่ำกว่าคุณ]
นี่ฉันได้รับพิจารณาใหม่เกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้? ฉันทำเพียงแค่เจาะมันเองนะ! เมื่อฉันกำลังจะตำหนิในข้อความที่ฉันได้รับในใจ ฉันก็ได้รับข้อความที่น่าตกใจหลั่งไหลเข้ามาอีก
[คุณได้ทำตามเงื่อนไขและได้เรียนรู้ทักษะศิลปะการต่อสู้ระดับสูง ร่างกายของคุณจะยิ่งทนทานยิ่งขึ้น การใช้ทักษะที่ซับซ้อนจะกลายไปง่ายยิ่งขึ้น และการโจมตีของคุณจะมีผลกับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าคุณ]
[คุณได้ทำตามเงื่อนไขและได้เรียนรู้ทักษะ ‘สายฟ้าคลั่ง’ สายฟ้าคลั่งคือทักษะใช้งานแบบพิเศษประเภทต่อสู้ซึ่งจะได้มาจากการครอบศิลปะการต่อสู้ระดับสูงและพลังสายฟ้า]
[สายฟ้าคลั่งเป็นเทคทิคที่อันตรายที่โจมตีศัตรูด้วยการระเบิดพลังทางกายภาพและพลังสายฟ้าของผู้ใช้ มันเป็นเทคนิคที่จะสร้างภาระให้กับผู้ใช้ ดังนั้นการใช้มันโดยที่ไม่มีค่าความทนทานที่สูงพอจะทำให้ผู้ใช้บาดเจ็บได้ และมีการใช้มานาที่มหาศาลเช่นกัน ดังนั้นพลังเวทย์ของคุณจะต้องสูงไปด้วย มันจะใช้ 1% ของมานาสูงสุดต่อ 1 วินาทีที่ใช้งาน และการใช้มันนานเข้าจะส่งผลลบความทนทานของผู้ใช้ มันจะใช้ 1 % ของ พลังชีวิต และ 1 % ของมานาต่อ 1 วินาทีที่ใช้เมื่ออยู่ในดันเจี้ยน]
ตาของฉันได้กลายเป็นเบิกกว้างขึ้น การได้รับศิลปะการต่อสูงระดับสูงนั้นฉันพอจะคาดเดาได้ แต่ทักษะสายฟ้าคลั่งมันเป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยคิดมาก่อน มันเป็นเหมือนของขวัญที่น่าตกใจ ฉันรู้ว่ามันเป็นทักษะที่เรียกว่าอะไร
ทักษะแบบผสม มันเป็นทักษะที่จะถูกสร้างขึ้นเมื่อมีสองทักษะมารวมกันเพื่อสร้างทักษะที่แข็งแกร่ง เมื่อบรรลุไปถึงระดับหนึ่งและสร้างทักษะใหม่ขึ้นมาโดยการเอามันไปรวมกัน ในกรณีของฉันทักษะสายฟ้าคลั่งมันเป็นผลมาจากทักษะศิลปะการต่อสู้ระดับสูงและพลังสายฟ้าหรือก็คือพลังธาตุสายฟ้าของไพก๊ามารวมกัน แม้ว่าฉันจะเคยได้ยินมาก่อน แต่ฉันก็ไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเกิดขึ้นกับฉัน ฉันจำได้ว่าเอลลอสได้บ่นว่าเขาก็ตเองการทักษะแบบผสม…
แอต่ว่าตัวสกิลมันก็มีข้อเสียใหญ่ๆอยู่อย่างนึงก็คือมันจะใช้มานา 1% ในทุกๆวินาทีนั่นหมายความว่าฉันจะสามารถใช้มันได้แค่ 100 วินาทีเท่านั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ามันจะยังเป็นภาระกับร่างกายอีกด้วย ฉันสามารถเห็นได้อย่างง่ายดายว่ามันเป็นภาระกับร่างกายแค่ไหนโดยการดูกว่าใช้พลังชีวิตของมันในดันเจี้ยน ถึงแม้ว่ามันจะทรงพลังโดยไม่ต้องสงสัยเลย แต่ว่าฉันก็รู้สึกได้เลยว่ามันอันตรายแค่ไหน
มันมีเหตุผลสำหรับความแตกต่างในการใช้พลังชีวิตด้านในและนอกดันเจี้ยน
ด้านนอกดันเจี้ยน มันเป็นไปไม่ได้ที่จะตรวจสอบพลังชีวิตและมานา ทั้งสองอย่างเป็นค่าที่มีเฉพาะในดันเจี้ยนเท่านั้น และดันเจี้ยนนี้ก็บังมีกลไกที่จะป้องกันความปลอดภัยของนักสำรวจดันเจี้ยนเมื่อพลังชีวิตเหลือ 0 อีกด้วยโดยการที่จะเตะนักสำรวจออกไปแทน
ไม่มีใครได้อธิบายถึงความแตกต่างนี้กับฉัน แต่ขณะที่ฉันได้เป็นนักสำรวจดันเจี้ยน ฉันก็ได้เรียนรู้มันด้วยตัวเอง
ความจริงแล้วความสามารถของฉันไม่ว่าจะในหรือนอกดันเจี้ยนก็ไม่ได้ต่างกันนัก จะมีเพียงแค่ฉันไม่สามารถจะตรวจสอบพลังชีวิตและมานาได้ที่นอกดันเจี้ยนเท่านั้นเอง นี่ก็คือสิ่งที่เป็น
แม้ว่าทักษะสายฟ้าคลั่งมันจะดูอันตราย แต่ว่าจริงที่ว่าฉันสามารถจะใช้มันเป็นทักษะที่ทรงพลังโดยไม่มีหอกมันก็ทำให้ฉันรู้สึกยินดี ด้วยสิ่งนี้ฉันก็ไม่จำเป็นจะใช้หอกที่นอกดันเจี้ยนเลยก็ได้
เมื่อฉันได้อ่านข้อมูลทั้งหมดนี้เสร็จสิ้น ในที่สุดมัสติฟอร์ดก็โผล่ออกมา
เมื่อฉันกำลังจะพูดอะไรบางอย่างกับเธอ ฉันก็สังเกตุเห็นคลื่นกระแทกของพ่อเข้าใส่แมงมุมและกระแทกมันลงพื้น จากนั้นฉันก็ตระหนักได้ว่าพ่อกำลังต่อสู้กับแมงมุมสองตัวด้วยคนเดียว อุก พ่อจะโกรธฉันในภายหลังแน่ๆ+
“ยวน ฮวาวู ฉันต้องการความช่วยเหลือ!”
“ฉันกำลังไป”
“อะ อา! ขอโทษคุณลุง!”
แม้แต่เพลิงของมัสติฟอร์ดก็ไม่สามารถจะเผาแมงมุมได้ในทันที นอกจากนี้ยังมีแมงมุมอยู่อีกถึงสองตัวร่วมมือกัน ตัวหนึ่งโจมตีด้วยขาและอีกตัวยิงใยจากด้านหลัง
ในตอนท้ายมินามิเลยไปยืนอยู่ด้านหน้าและป้องกันกระสุนใยแมงมุมในขณะที่พ่อก็จะจัดการต่อสู้แมงมุมที่ใช้ขาโจมตี จากนั้นมัสติฟอร์ดก็จะสามารถเผาพวกมันได้ด้วยไฟสีเหลืองที่เธอสร้างขึ้นในเวลาไม่กี่นาทีด้วยการนำพลังมารวมกัน ฉันคิดว่านี่คือการสู้เป็นทีมที่ดี
“เนื่องจากว่าพวกเราเผามันไป พวกเราเลยไม่รู้ว่ามันมีบลูสโตนมั๊ย”
“ฉะ ฉันไม่ต้องการที่จะมองเห็นศพของแมงมุม! แค่ตัวเดียวก็มากเกินไปแล้ว”
“มัสติฟอร์ด ตัวนั้นมันเป็นของฉัน อย่าได้เผามันนะ”
ฉันได้ยกศพแมงมุมยักษ์ขึ้นและพบกับบลูสโตนขนาดเท่ากำปั้นที่อยู่ใกล้ๆกับหัวของมัน นี่มันเป็นครั้งแรกที่ฉันได้พบกับบลูสโตน ฉันสงสัยเกี่ยวกับมันมาก
‘อะไรคือเหตุผลที่ทำให้ผู้ใช้พลังหลายคนถึงกัดฟันเพื่อที่ต่อสู้กับมอนสเตอร์เพื่อมันกันนะ?’
“ว้าวมันใหญ่มาก! ด้วยขนาดแบบนี้มันควรจะมีค่าถึง 40 ล้าน”
“40 ล้านวอน? สิ่งนี้อะนะ?”
หรือก็คือมันมีค่าเท่ากับ 20000 ทอง เจ้าแมงมุมยักษ์ตัวนี้แน่นอนว่ามันแข็งแกร่ง แต่ว่าจำนวนเท่านี้มันเท่ากับจำนวนที่ฉันได้รับมาจากการเอาชนะบอสประจำชั้นถึงสองครั้ง ทันใดนั้นฉันก็รู้สึกท้อแท้อย่างมากในงานที่เรียกว่านักสำรวจดันเจี้ยน แต่ว่ามินามิก็ยังพูดขึ้นมาอีก
“ไใใช่ มันเป็นเงิน 40 ล้านเยน”
“อะไรนะ!?”
เดี๋ยวนะ ถ้า 100 เยนเป็น 900 วอ ถ้าอย่างนั้น…360 ล้านวอน!?
“ทำไมนายถึงแปลกใจมากนักล่ะ? มันเป็นมอนสเตอร์ระดับสูงแม้แต่ในหมู่พวกมอนสเตอร์ระดับ A แต่ว่าไม่เพียงจะมีขนาดที่เล็ก บลูสโตนมันก็ยังไม่เคยดรอปออกมา ตั้งแต่ที่พวกเราเอาชีวิตมาเสี่ยง นี่มันก็เป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้ว ในความจริงมันไม่น้อยเกินไปหรอ?”
“นายก็ควรที่จะเอาศพแมงมุมตัวนี้ด้วยเช่นกัน ฉันไม่เคยเห็นแมงมุมที่ตัวใหญ่ขนาดนี้และท้องมันก็ถูกทำลายเพียงแค่นั้น มันอาจจะขายได้มากยิ่งกว่าบลูสโตนซะอีก”
“7720 ล้านวอน…”
‘…บางทีฉันควรจะมาทำงานเป็นผู้ใช้พลังในอีกทางหนึ่ง’
เมื่อถึงตระหนักได้ถึงความสามารถในการหาเงินของผู้ใช้พลังฉันก็แทบอยากจะทำมัน ฉันได้หมุนบลูสโตนในมือของฉันไปรอบๆ อย่างไรก็ตามในขณะที่พ่อของฉันก็ยังมองมาที่บลูสโตนด้วยตาที่เป็นประกาย ฉันเลยได้เก็บมันลงไปไว้ตรวจสอบในภายหลัง สำหรับในตอนี้ฉันได้เก็บบลูสโตนลงไปในช่องเก็บของและตามด้วยศพของแมงมุม
“นี่มันเป็นของฉันหรอ? หรือว่าพวกเราควรจะแบ่งกันยังไง?”
“ตั้งแต่ที่ยวน ฮวาวูเป็นคนที่ฆ่ามันเพียงลำพัง มันก็คือของนาย พวกเราไม่ได้ช่วยอะไรนายเลย”
“…อืมมม”
มันยังรู้สึกแปลกๆที่จะเอามันทั้งหมดไปเป็นของตัวเอง ฉันสามารถจะจัดการกับมันได้ด้วยตัวคนเดียวเพราะว่าคนอื่นๆนั้นช่วยดึงความสนใจของทั้งสองตัวที่เหลือเอาไว้
“ฉันจะแบ่งให้คนละ 10% นะ”
“โอเค”
“ด้วยแบบนี้ มันยังไม่ได้เป็นบอสสำหรับตอนนี้ใช่มั๊ย?”
“ใช่แล้ว เหตุการณ์ดันเจี้ยนจะพังลงไปเมื่อบอสตาย อู ด้วยมอนสเตอร์ระดับสูงแบบพวกมัน บอสตัวจริงจะต้องเป็น…อู–“
มัสติฟอร์ดได้พึมพัมกับด้วยเองด้วคิ้วที่ขมวดแน่นอย่างน่ารัก แต่ว่าฉันก็ไม่สนใจมันและเดินไปข้างหน้า แน่นอนว่าพ่อของฉันก็ยังคงจ้องม้องมาที่ฉัน ฉันจะไม่มอบให้พ่อหรอกนะไม่ว่าพ่อจะจ้องมองมาที่ฉันมากแค่ไหน พ่อน่ะจงมีความสุขกับ 10% ไปซะเถอะ