บทที่ 57 – ความหมายของการปีนขึ้นไปในดันเจี้ยนที่หนึ่ง (4)
“อึก เขาสามารถจะใช้ได้แม้แต่ทักษะนั้น!”
“เพียงแต่ฮีโร่หรอ?”
“ดูกูลสิ!”
ระเบิดสายฟ้าทมิฬได้โจมตีเป้าหมายทั้งหมดในพื้นที่แสดงผล แม้ว่ากูลมันจะมีขนาดตัวที่ใหญ๋ แต่ว่าร่างกายของมันก็ยังอยู่ในระยะแสดงผลของระเบิดสายฟ้าทมิฬ มันได้รับความเสียหายทั้งหมดของการโจมตีที่ปกติจะกระจายออกไปใส่ศัตรูนับสิบ นอกจากนี้ใน่เวลาเดียวกับที่ฉันใช้สกิล ฉันก็ได้ต่อยไปที่หัวของมันอีกด้วย
“ตาย! ตาย! ตาย!”
“ก๊าซซซซ!”
เมื่อระยะเวลาของระเบิดสายฟ้าทมิฬหมดลง กูลยักษ์ก็ได้ดูไม่แตกต่างไปจากตอนก่อนที่มันจะใช้ไม่ยอมตายเลย ฉันยังไม่หยุดแค่นั้น ฉันได้เรียกไพก้าต่อในทันที
“ไพก้าเข้ามาในถุงมือของฉัน”
[อู นายท่าจะใช้มันอีกแล้วหรอ?]
“นะไพก้า”
[ก็ได้…แต่ว่านายท่านจะต้องฟังคำขอของฉันอย่างนึง!]
ด้วยข้อเรียกร้องเล็กน้อย ไพก้าก็ได้เข้าไปในถุงมือของฉัน ฉันคิดว่าเธอคงจะต้องการให้ฉันได้เล่นด้วยกันกับเธอในภายหลังแน่ๆ หลังจากนั้นฉันก็ตะโกนออกมา
“สายฟ้าคลั่ง”
เมื่อเห็นสายฟ้าออกมาจากร่างกายของฉัน เอลลอสก็ได้พูดออกมาอย่างเหนื่อยๆ
“ฉันเหนื่อยเกินกว่าที่จะแปลกใจแล้ว”
แน่นอนว่าฉันไม่ได้สนใจเขา ฉันเพียงแค่ปล่อยหมัดลงไปที่หัวใหญ่ของกูลยักษ์อย่างไร้ปราณี
ไม่นานหลังจากนั้นมันก็ทรุดตัวล้มลงไป มันถูกเผาจนไหม้เกรียม แต่ว่ามันก็ยังปล่อยกลิ่นที่น่ารังเกียจที่จะทำให้คนวิ่งหนีออกไปอยู่
[คุณได้กลายเป็นเลเวล 26 และได้รับสิทธิที่จะปีนขึ้นไปที่ชั้นที่ 26]
[คุณได้รับโบนัสสเตตัส 5]
[30000 ทองจะถูกแบ่งอย่างเท่าเทียมแก่สมาชิกในปาตี้ คุณได้รับ 4286 ทอง]
[รางวัลจะถูกแจกตาบลำดับของผลงาน]
[คังชินเป็นผู้ที่มีผลงานสูงที่สุด]
[เลือกรางวัลของคุณ]
[1.กางเกงของกูลยักษ์
2.ดับเบิลโพชั่น
3.10000 ทอง
4.อิลิกเซอร์เสริมความแข็งแกร่งผิวหนัง
5.รองเท้าของกูลยักษ์
6.คทาดำแห่งความเสื่อมโทรม
7.ไหล่ใบมีดของกูลยักษ์]
ฉันหวังว่าไหล่ใบมีดของกูลยักษ์มันจะไม่ใช่ชิ้นส่วนของเซ็ตอุปกรณ์นะ ฉันได้เลือกอิลิกเซอร์เสริมความแข็งแกร่งผิวหนังมา ฉันดีใจมากที่มันไม่ได้เป็นแบบอิลิกเซอร์เสริมความแข็งแกร่งกล้ามเนื้อซึ่งมันจะปรากฏออกมาเฉพาะกับ 2 คนเท่านั้น เนื่องจากว่าอิลิกเซอร์เสริมความแข็งแกร่งผิวหนังมันออกมาในคราวนี้ ฉันก็คาดว่าหนึ่งในบอสเร็ซๆนี้มันจะมีอิลิกเซอร์เสริมความแข็งแกร่งกระดูก
ในขณะที่ฉันกำลังเอารางวัลของฉัน สมากชิกในปาตี้ก็ได้กลายเป็นบ้าคลั่งไป
“พวกเราทำได้!”
“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเราจะสามารถเคลียร์มันได้ในครั้งแรก นี้มันคือปาฏิหารน์”
“เจ้าชายรัชทายาท คุณน่าทึ่งจริงๆ…คุณเพียงคนเดียวสามารถจะนำชัยชนะมาให้พวกเราได้”
“ฉันไม่สามารถจะหยุดอิจฉาได้เลย เมื่อ 4 ปีก่อนเขาเพิงจะไม่สามารถจะขึ้นมาที่ชั้น 6 ได้เพราะขาดมานานะ…”
“เขาคือฮีโร่ นี้มันคือโชคชะตา”
“…”
ฉันเริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเพราะว่ารู้สึกเหมือนกับพวกเขากำลังพูดว่าที่ฉันแข็งแกร่งขึ้นเพียงเพราะว่าฉันเป็นฮีโร่ ฉันไม่รู้ว่าฮีโร่มันคืออะไร! เมื่อฉันได้เดินมา พวกเขาก็ทั้งหมดก็มองออกไปและไม่ได้ทำท่าจะพูดอะไร
ฉันได้ยิ้มและกลืนกินอิลิเซอร์ลงไป ฉันไม่ได้มีแผนที่จะไปต่อด้วนกันกับพวกเขาตลอดทาง และฉันก็รู้จักกับพวกเขาผ่านเอลลอสและเพลรูเดียเท่านั้น ฉันไม่ได้มีแรงกระตุ้นที่จะไปยุ่งกับพวกเขาซักนิด
[โดยการกลืนกินอิลิกเซอร์เสริมความแข็งแกร่งผิวหนัง ผิวของคุณจะแข็งแกร่งและยืดหยุ่นมากขึ้น ความทนทานและเสนห์ได้เพิ่มขึ้นอย่างละ 1]
เพรราะว่าความการป้องกันของฉันสูงขึ้น มันก็ได้ทำให้ฉันรู้สึกว่าสมควรแล้วที่ความทนทานก็สู้ขึ้นไปด้วย แต่ว่าทำเสนห์ถึงเพิ่มขึ้นไปด้วยล่ะ? อิลิกเซอร์มันเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อเสริมความงามด้วยงั้นหรอ? แม่อาจจะคลั่งได้เลยนะถ้าแม่รู้ เอาล่ะ ฉันจะบอกเรื่องดีนี้กับพ่อ ภรรยาของพ่อจะสวยงามมากขึ้นดังนั้นฉันแน่ใจว่าพ่อจะทำมันด้วยตัวเอง แล้วยุยล่ะ? ผิวของยุยของฉันสมบูรณ์แบบอยู่แล้วยังไงล่ะ
และเมื่อฉันได้หันกลับไป บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้แต่ว่าสมาชิกในปาตี้ทุกคนก็จ้องมองมาที่ฉัน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะรับรางวัลมาเรียบร้อบแล้ว
“เจ้าชายรัชทายาท ขอบคุณมากนะ ฉันจะไปแล้วล่ะ”
ด้วยเหตุนี้สมาชิกที่รอดอยู่ของทวีปไพรอสก็ได้จากไป ฉันหมดคำพูดไปเล็กน้อยจากการออกไปอย่างรวดเร็วของพวกเขา แต่ว่าฉันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขาอยู่แล้ว
เอลลอสได้เข้ามาหาฉัน มือของเขาถือหอกดินดำเอาไว้อยู่ เขาคงจะไปหยิบมันมาในตอนที่ฉันยุ่งอยู่
“พวกเราชนะก็เพราะนายนะเพื่อน เหมือนกับเมื่อ 4 ปีก่อน”
“ไม่หรอก พวกนายสามารถจะเอาชนะได้โดยที่ไม่มีฉัน แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะถูกเตะออกไปจากดันเจี้ยนจากขั้นตอนนั้นก็ตาม”
“…ฉันจะไปสู้กับมันอีกครั้ง ฉันจะต้องช่วยให้พอลผ่านไปได้”
“ฉันจะไม่ช่วยนายในเรื่องนี้ ฉันได้เข้าปาตี้มาเพื่อจู่โจมไปกับนาย ไม่ได้เพื่อช่วยให้เพื่อนายผ่าน…ที่ฉันช่วยในวันนี้ก็เพราะฉันไม่อยากเห็นใครตายเบื้องหน้าไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม”
“แน่นอน”
เอลลอสได้ยิ้มอย่างขมขื่น เขาได้คำนวนผิดไปแค่อย่างเดียวและนี่มันก็คือจุดแข็งของฉัน เขาจะต้องคิดเกี่ยวกับความแตกต่างในทักษะของพวกเราที่ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่น่าขำแบบนี้
อย่างไรก็ตามฉันคิดต่างออกไป ฉันไม่ได้ชอบความคิดของพวกเขาที่แสดงออกมาในตอนเริ่มต้น ในทัศนคติระหว่างต่อสู้หรืออะไรก็ตามพวกเขาไม่สามารถจะมาเทียบกับเร็นได้เลย ไม่แม้แต่กับเอลลอส
“ทำไมพวกนายทุกคนจะต้องกลัว? มันไม่ใช่ว่าพวกนายจะตายจริงๆซักหน่อย ทำไมพวกนายถึงไม่กล้าได้กล้าเสียล่ะ? ฉันได้ตระหนักได้ถึงเรื่องนี้ในขณะที่ดูนักสำรวจดันเจี้ยนที่ต่างกัน แต่ว่าวันนี้พวกนายเป็นยังไงกันล่ะ เหมือนกับว่าพวกนายไม่ต้องการที่จะไปสู่ชั้นที่สูงขึ้นเลย”
ด้วยคำพูดนี้ของฉัน ทุกๆคนได้สะดุ้งขึ้นมา อะไรมันคือความ? แน่นอนว่าเอลลอสเป็นเพียงคนเดียวที่ตอบข้อสงสัยของฉัน
“ความจริงแล้ว…นายอาจจะพูดถูกก็ได้ หลังจากที่กลายเป็นนักสำรวจดันเจี้ยน พวกเขาก็จะได้รับปฏิบัตอย่างชนชั้นสูงในลำดับชั้นของประเทศ แม้ว่ามันจะเป็นเครื่องมือสำหรับการต่อต้านผู้บุกรุกก็ตาม มันก็จะได้รับการปฏิบัติอย่างดีก่อนที่จะถึงตอนนั้น หลังจากที่ได้มาถึงระดับหนึ่ง…นั่นคือหลังจากที่ได้กลายมาเป็นระดับเงินพวกเขาก็จะได้รับการปฏิบัติเหมือนกับเชื้อพระวงศ์ นั่นก็คือก่อนที่พวกเขาจะถูกส่งไปยังสนามรบ”
“ดังนั้น?”
“เมื่อระดับของพวกเขาสูงจึ้น ประเทศก็จะปฏิบัติกับพวกเขาดียิ่งขึ้นเท่านั้น แต่ว่าพวกเขาก็ยังจะถูกส่งไปในที่ๆอันตรายมากขึ้นอีกด้วย…นักสำรวจดันเจี้ยนทั้งหมดจึงต้องการที่จะหลีกเลี่ยงปัญหาดังกล่าวในระดับหนึ่งและความรู้สึกนี้มันอาจจะได้รับการสะท้อนให้เห็นว่าในการต่อสู้กับบอสประจำชั้น ถ้าพวกเขาตายในขั้นตอนนี้พวกเขาก็จะปลอดภัยและพวกเขาก็สามารถจะใช้ข้ออ้างที่ว่าพวกเราได้ทำอย่างดีที่สุดได้ พร้อมมีความสุขอย่างเต็มทีกับผลประโยชน์ของการเป็นนักสำรวจดันเจี้ยน มันก็อาจจะเหมือนกันกับในโลกอื่นๆ สำหรับนักสำรวจดันเจี้ยนความทะเยอทะยานแรกเริ่มของพวกเขาในการปกป้องโลกของพวกเขาได้จางหายไปในขณะที่พวกเขาปีนขึ้นไป….”
หลังจากที่ฉันได้ยินสิ่งนี้ ฉันก็นึกไปถึงในชั้นที่ 5 และชั้นที่ 10 พวกนักสำรวจจะดีใจและตื่นเต้นกับโอกาสที่ได้ก้าวไปข้างหน้า
แต่เริ่มจากชั้นที่ 15 พวกเขาจะรู้สึกตกใจและประหลาดใจมากกว่ามีความสุข บางทีผู้นำปาตี้จากการจู่โจมมนุษย์หนูทมิฬในครั้งแรกของฉันก็อาจจะต้องการนำคนในปาตี้ไปตายเลยก็ได้
ในการปาตี้การจู่โจมครั้งหนึ่งที่ชั้นที่ 20 สมาชิกในปาตี้ก็เลือกที่จะโกรธเร็นที่ทำให้เพื่อนของเขาตาย ทั้งที่พวกเราควรจะได้รับความสุขเป็นอย่างเลยหรือไม่ก็มาขอบคุณการทำงานของฉัน
หรือก็คือพวกเขานั้นไม่ค่อยจะมีความสุขที่ได้ก้าวผ่านชั้นที่ 20 แน่นอนว่านั่มันไม่ได้บอกว่าพวกเขาไม่ค่อยมีความสุขเท่านั้น แต่พวกเขาก็อาจจะรู้สึกว่ากดดันที่จะกล่าวไปข้างหน้าด้วยตัวเอง มันเป็นเรื่องที่ไร้สาระ
“โง่เง่า! ความอ่อนแอนั่นมันจะนำไปสู่ความตายในซักวันหนึ่ง! ที่มันยังง่ายอย่างนี้ก็แค่ในปัจจุบันเท่านั้น”
“…ฉันรู้ ฉันรู้ดีเลยล่ะ”
ทำไมนักสำรวจดันเจี้ยนถึงไม่ผจญภัย ในที่สุดฉันก็ได้เข้าใจเล็กน้อยว่าโรเล็ตต้าพูดอะไรกับฉันในตอนนี้ พวกเหล่านี้ที่เรียกว่าดันเจี้ยนที่หนึ่ง! แม้ว่าพวกเขาจะถูกเลือกมาโดยนักสำรวจคนอื่นๆและไม่ได้ถูกเลือกโดยดันเจี้ยนเอง แต่พวกเราทำตัวน่าอดสูแบบนี้ได้ยังไง!?
“แต่ว่ามันก็ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นแบบนี้หรอกนะชิน! ฉันหวังว่านายจะไม่ไปแยแสนักสำรวจดันเจี้ยนมากเกินไปนะ”
“ฉันรู้ ถ้าดันเจี้ยนมีแต่คนแบบพวกเรา โลกของพวกเขาก็คงจะถูกทำลายไปแล้ว!…และฉันก็ไม่คิดว่านายเป็นคนแบบนั้นด้วย”
“ขอบคุณ แต่ในความจริง ฉันก็ไม่ได้แตกต่างกัน ทั้งในด้านทักษะและความกล้าหาญ ฉันไม่สามารถจะเทียบกับนายได้เลย ฉันได้เรียนรู้อะไรจากนายมามากมายเลยในวันนี้ 4 ปีก่อนที่ฉันชื่นชมนายและอยากจะเป็นเหมือนนาย ฉันได้จำความรู้สึกนั่นได้แล้วในวันนี้”
ฉันลังเลใจเล็กน้อย ดวงตาของเอลลอสมีความจริงใจอยู่ อย่างน้อยในสายตาของฉันเขาก็ยังมีพลังใจอยู่
“ออร์ค…คังชิน! ฉันก็เหมือนกัน อย่าได้เข้าใจผิดไป! ฉันเพียงแค่พยายามที่จะแข็งแกร่งขึ้นเพื่อที่ฉันจะสามารถต่อสู้กับเผ่าพันธ์ปีศาจได้!”
“ใช่แล้วเพลรูเดีย ฉันรู้ เธอแตกต่างจากเมื่อ 4 ปีก่อนมาก การแสดงของเธอทำได้ดีมากในวันนี้”
“ฮิ้!”
ฉันตั้งใจที่จะชมเธอจริงๆ แต่ว่าเพลรูเดียก็ได้เปล่งเสียงทีแปลกๆที่เหมือนกับนกหวีดออกมาและหดตัวกลับไปด้วยใบหน้าที่เป็นสีแดง เธอนี่แปลกจริงๆเลย ชูน่าก็ได้ยืนอยู่ข้างๆเธอแอบมองมาที่ฉันจากด้านหลังของโล่ ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงปล่อยให้เธอเป็นแบบนั้น แต่ว่าฉันก็ได้มองไปที่เอลลอส
“เอลลอสนายช่วยมาด้วยกันกับฉันเดี๋ยวนึงได้มั๊ย? นายจะปีนดันเจี้ยนไปด้วยกันกับฉัน”
แน่นอนว่าฉันไม่ได้หมายถึงว่าจะไปกับเขาตลอดไป มันเป็นเพียงแค่ชั่วคราวจนกว่าเขาจะได้เรียนรู้อะไรจากฉัน อย่างไรก็ตามฉันก็รู้อยู่แล้วว่าเขาจะตอบกลับยังไง
และมันก็เป็นไปตามที่ฉันคาด เอลลอสได้ส่ายหัวของเขา
“ขอโทษนะชิน แต่ว่าฉันจะต้องนำสมาชิกในปาตี้ของฉันไปนะ”
“ฉันเข้าใจแล้ว เอาล่ะ นายเป็นผู้นำก่อนที่จะเป็นนักรบ”
นั่นมันก็เพียงพอแล้ว เอลลอสไม่ได้จำเป็นจะต้องเปลื่ยนแปลงตัวเองไปมากนัก กลับกันสมาชิกในปาตี้ของเขาต่างหากที่จะต้องเปลื่ยนแปลงไป ทั้งพอลและบาเรียล่าเลยทักษะของพวกเขาทั้งคู่นั้นขาดหายไป แต่พวกเขาก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้มากนัก พวกเขาเพียงจะต้องทำงานให้หนักยิ่งขึ้นต่อไปเท่านั้น ถ้านั่นมันยังไม่พอ แม้ว่ามันจะโหดร้ายแต่นั่นก็คือขอบเขตความสามารถของพวกเขา
“นายจะไม่มีทางเปลื่ยนปาตี้ใช่มั๊ย?”
“ใช่แล้ว ฉันจะไปด้วยกันกับพวกเขาจนกว่าจะจบลง ฉันเชื่อว่าฉันสามารถจะทำได้”
“ถ้างั้นมันก็ดีแล้ว โชคดีนะ นายจำเป็นจะต้องเปลื่ยนแปลงอย่างมากเลยล่ะ ฉันไปนะ”
“ใช่แล้ว ขอบคุณมาก ฉันจะติดต่อนายไปอีกนะ วันนี้เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมมาก”
“คัง ชิน เดี๋ยวก่อน!”
หลังจากที่บอกลาเอลลอสแล้วฉันก็กำลังจะกลับไปที่ดันเจี้ยนที่ฉันจากมา แต่ว่าเพลรูเดียได้มาคว้าฉันไว้ เมื่อฉันมองไปที่เธอ เธอก็ดูเหมือนจะไม่มีคำพูดในขณะที่ปากสั่นอย่างไม่มีเสียง
เมื่อฉันได้กระตุ้นเธอด้วยสายตา ในที่สุดเธอก็พูดออกมา
“พะ พื้นที่…พื้นที่พักอาศัย นายเคยไปที่นั่นหรือยัง?”
“ยังเลย”
“ถะ ถ้านายมา…ติดต่อหาฉัน”
“หืม? ทำไมล่ะ?”
“แค่ทำมันก็พอ!”
ด้วยเหตุผลบางอย่างดูเหมือนว่าเพลรูเดียกำลังจะร้องไห้ ใบหน้าของเธอได้กลายเป็นสีแดงสดใสเหมือนกับมันจะระเบิดออกมา เธอนั้นดูหดหู่แต่ก็ยังมีความสุข ฉันไม่รู้ว่าใบหน้าของเธอพยายามจะบอกอะไรเลย ข้างๆเธอชูน่าได้เหลือบมองไปมาระหว่างใบหน้าของฉันกับใบหน้าของเพลรูเดียราวกับว่าเธอรู้สิ่งที่เพลรูเดียหมายถึง
“รูเดีย! เธอ…ทำไม…?”
“ชูน่าเงียบ! ฉันไม่มีทางเลือกอื่น!”
“แต่นั่นมันไม่ใช่สิ่งที่เธอพูดในก่อนหน้านี้นิ! โกหก! เพียงแค่ยอมรับว่าเธอตกอยู่ใน…อุปส์ อื้ออ!”
เพลรูเดียได้ปิดปากของชูน่าเอาไว้ด้วยมือของเธอ และเริ่มที่จะตีเข่าไปที่เอวของเธอ ด้วยพลังป้องกันที่สูงของชูน่า เธอดูเหมือนจะไม่เจ็บปวดอะไรเลย แต่เมื่อฉันเห็นท่าทางที่กระตือรือร้นของหญิงสาวสองคนมันทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดใจ
“ฉันจะติดต่อเธอกลับไป ตอนนี้ฉันไปได้ยัง?”
“ระ เร็วๆเลยรีบไปได้แล้ว”
“เจ้าชายยยย!!!”
ฉันได้สายตาของฉันไปจากชูน่า ผู่ที่พยายามจะบอกบางสิ่งบางอย่างกับฉันแม้แต่ในขณะที่เพลรูเดียพยายามที่จะหยุดเธอ สายตาของฉันก็ยังพบกับเอลฟ์นักธนูที่มีสายตาที่ให้เกียรติฉัน ฉันไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงทำอย่างนั้นเหมือนกัน แต่จากนั้นฉันก็ออกจากปาตี้ไป
แม้ว่ามันจะเกิดเหตุการณ์ที่น่าสับสนขึ้นมามาก แต่ว่าการจู่โจมมันก็ประสบความสำเร็จ