บทที่ 62 – เหตุการณ์การจู่โจม (5)
“อ่า มัสติฟอร์ด”
แม้ว่าฉันจะใช้ความพยายามไปทั้งหมดแต่เมืองก็ยังคงพังทลายไปครึ่งหนึ่ง ฉันไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือเสียใจดี อย่างไรก็ตามการที่ไม่ได้มีขาดการบาดเจ็บของพลเรือนออกมาก็ทำให้ฉันโล่งใจ ถ้าพ่อกับฉันไม่ได้ฆ่าบอสมันก็คงจะพุ่งผ่านกวางโจวและไปเมืองอื่นๆอีก ถ้าหากมันเกิดขึ้นคนนับล้านก็จะต้องตายอย่างแน่นอน
[นายนั้นแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนมาก อย่างน้อยก็ในระดับ S อ่า แน่นอนว่าฉันก็ยังแข็งแกร่งกว่านายมาก! โอ้ ถ้านายอยู่ด้วยกันกับคุณลุงยงอูช่วยบอกด้วยนะว่าวันนี้เขาเจ๋งมาก!]
“เราได้แยกทางกันทันทีหลังจากจบการจู่โจม เธอควรจะบอกเขาด้วยตัวเองนะ ฉันแน่ใจว่าเขาจะต้องดีใจมากๆแน่”
[อ่า โอเคเลย อา อืมม…ขอบใจนะ ฉันรู้สึกประทับใจจริงๆ ฉันคิดว่านายเป็นคนเห็นแก่ตัวซะอีก แต่ว่าจริงๆแล้วนายก็เป็นคนดีคนหนึ่งเลย ฉันฮวาหยา มัสติฟอร์ดสามารถจะรับประกันได้เลย]
“ฉันไม่ได้ไปแค่เพื่อช่วยคน ที่ฉันไปก็เพราะว่าฉันรู้ว่าฉันจะชนะ”
[ถึงอย่างนั้นก็เถอะ]
อารมณ์ยินดีของมัสติฟอร์ดได้แสดงออกมาอย่างยินดีจากน้ำเสียงของเธอ จากนั้นทันใดนั้นเธอก็เงียบไป
[ขอโทษด้วยนะสำหรับการที่ทำให้นายต้องตกอยู่ในอันตราย…ฉันหวังว่าบางอย่างแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก แต่ถ้ามันเกิดอีกฉันก็จะไปกับนายด้วย]
“ฉันไม่ได้ตัวคงเดียวซักหน่อย คุณลุงยงอูก็อยู่ที่นั่น”
[อะ อ่า ชะ ใช่แล้ว]
เสียงของมัสติฟอร์ดได้สั่นเล็กน้อย ฉันได้สายหัวเล็กน้อยเมื่อพ่อถามฉันว่าเกิดอะไรขึ้น จากนั้นฉันก็กลับไปคุยกับมัสติฟอร์ด
“แต่ว่าพวกเราก็ควรที่จะมาวางแผนจัดการกับเรื่องแบบนี้ เราไม่สามารถจะปล่อยให้เกิดเหตุการการจู่โจมดันเจี้ยนแดกออกมาได้อีก พวกเราควรจะใช้ประโยชน์จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกวางโจวสร้าวแนวทางสำหรับความช่วยเหลือจากต่างประเทศให้ช่วยกันจัดการกับมอนสเตอร์ยักษ์ที่ปรากฏขึ้นมา”
[ไม่ต้องกังวลฉันจะจัดการมันเอง ในคราวนี้ฉันจะโชว์ให้นายเห็นถึงน้ำหนักคำพูดของผู้ใช้พลังระดับ SS! ฉันอยากจะฉีกพวกนั้นจริงๆในตอนที่ได้เห็นคนอื่นๆตาย]
เสียงของมัสติฟอร์ดได้เต็มไปด้วยความโกรธและความเชื่อมั่น เมื่อคิดว่าเธอโกรธเหมือนกับเปลวเพลิงเลย ฉันก็หัวเราะออกมา
“แล้วเกิดอะไรขึ้นบ้างล่ะที่ปักกิ่งกับเซี่ยงไฮ้”
[มอนสเตอร์ได้ถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว และเพราะว่ามีผู้ใช้พลังระดับสูงๆอยู่ทั้งสองที่นั้นทำให้พลเรือนและความเสียหายทางด้านสิ่งก่อสร้างน้อยกว่ากวางโจวมาก แต่ว่าในระหว่างนั้นก็มีผู้ใช้พลังระดับ S ถึงสองคนตายไป]
“ตาย? ระดับ S?”
[ใช่ มันมาจากพิษของคราเคนจิ๋ว บางทีอาจจะเป็นเพราะจอมเวทย์คำสาปอยู่ที่นั่น ทำให้พวกเขาได้ไม่ส่งฮีลเลอร์ใดๆมาเลย โง่เง่าจริงๆ เพราะว่าคราเคนจิ๋วมันเป็นประเภทกลืนกินมานา มันได้พัฒนาไปเป็นระดับ B+ ทำให้พิษของมันนั้นร้ายแรงถึงตายได้ นักเวทย์สองคนที่ไม่ได้มีภูมิต้านทานมันได้ตายลง ฉันคิดว่าแม้แต่ผู้ใช้พลังในจีนก็คงจะตกใจอย่างมา]
“ชิ”
ฉันได้ปิดตาลงและคิดเกี่ยวกับมัน พวกเราได้เสียชีวิตอย่างไร้ค่าจริงๆ ยิ่งกว่านั้นผู้ใช้พลังระดับ S ก็มีน้อยกว่า 0.1% ซะอีก ทำให้พวกเขาเป็นระดับสูงในหมู่ระดับสูง อย่างไรก็ตามพวกเขาได้เสียชีวิตในการต่อสู้กับบอสระดับ C มันเป็นผลลัพธ์มาจากความประมาทของเขาที่โจมตีศัตรูโดยที่ไม่รู้ความสามารตถพิเศษของมัน
เมื่อได้คิดว่าพวกเขาตายอย่างโง่เขลาในขณะที่มัวเมาไปกับชีวิตที่หรูหรา ความรู้สึกของความว่างเปล่าก็กวาดเข้ามาถึงฉัน ความเป็นจริงนี้ไม่อาจจะคาดการณ์และทำใจเย็นได้ ทุกๆคนจะต้องตระหนักถึงการเปลื่ยนแปลที่มาพร้อมกับดวงจันทร์แผดว่ามันไม่ใจพรจากพระเจ้า
เมื่อฉันได้คิดเกี่ยวกับพวกคนที่ตายไป มัสติฟอร์ดก็ได้เรียกฉัน
[อืมม…ยวน ฮวาวู]
“ว่าไง?”
[เมื่อไหร่นายจะหยุดเรียกฉันว่ามัสติฟอร์ดล่ะ? มันรู้สึกแข็งๆนะ นายไทม่ต้องคุยแบบเป็นทางการนักหรอกนะ]
“…หืม?”
[เมื่อตอนที่เราคุยกันแค่สองคนนายก็เรียกฉันว่าฮวาหยา นั่นมันจะง่ายและสะดวกขึ้น ใช่มั๊ย? โอเคนั่นแหล่ะ! ขอบคุณสำหรับวันนี้!]
ด้วยกันนั้นเธอก็หายไป ฉันได้คิดเกี่ยวกับมันอย่างจริงจัง เอ๊ะ? อา…
“เธอพูดว่าพวกเราควรจะเป็นเพื่อนกันหรอ?”
“แกกำลังหมายถึงอะไรหรอ ไอลูกชาย?”
“อา… ไม่มีอะไร”
มันรู้สึกแปลกๆที่จะบอกพ่อเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉันไม่รู้ว่าทำไม แต่ฉันก็พบว่าใจของฉันมันเต้นรัวเล็กน้อย…ทำไมมันถึงเต้นรัวนะ? มีอะไรที่ผิดปกติเกิดขึ้นกับฉันหรอ?
“อ่า มันจะต้องเป็นเพราะว่าฉันได้มีเพื่อนใหม่”
ฉันได้พอใจกับคำตอบที่ฉันสร้างขึ้นมา เธอนั้นไม่ได้ขอให้ฉันเข้าร่วมกับเธออีกต่อไป เธอเพียงแค่ขอบคุณฉัน และเธอก็อาจจะได้เข้ามาร่วมทีมกับฉันก็ได้ในอนาคต นั่นมันหมายความว่าจะไม่มีใครยืนอยู่ภายใต้คำสั่งของใคร แต่จะยืนอยู่ในตำแหน่งที่เท่าๆกัน ในฐานะเพื่อน ฉันคิดว่าที่หัวใจของฉันกำลังเต้นแรงคงจะเป็นเพราะการที่ได้รับการยอมรับเป็นเพื่อนจากผู้ใช้พลังระดับ SS นั่นเอง
นั่นมันเป็นไปได้ ใช่แล้ว อาจจะนะ
วันนี้สิ่งที่เกิดขึ้นที่กวางโจวได้แพร่กระจายภาพไปทั่วทั้งโลก อัศวินในชุดเกราะสีดำและอัศวินในชุดเกราะสีเงินก็ได้ปรากฏตัวออกมาจากที่ไหนสักแห่งและหายตัวไปพร้อมกลับหมูป่ายักษ์หลังจากที่เอาชนะมัน
รัฐบาลจีนจึงได้ประกาศว่าพวกเขาเป็นอาชญากรระดับชาติและแจ้งว่าถ้าหากจับพวกเขาได้ก็จะให้รางวัลอย่างงาม ในทางกลับกันทุกๆประเทศได้ลุมประนามประเทศจีนบอกว่าพวกเขานั้นแหละที่เป็นอาชญากร พวกผู้ใช้พลังชาวจีนได้ละเลยการคุ้มครองพลเรือนและนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเนื่องมาจากความโลภของพวกเขาเอง
การฟ้องร้องในคดีต่างประเทศนับไม่ถ้วนได้ทำให้รัฐบาลจีนถึงกับเหงื่อตกและออกไปจัดการเคลียร์ทั้งหมด
ในตอนท้ายเขาได้เข้าเจรจาต่อรองแบบสาธารณะระหว่างกลุ่มกาเดี้ยนและปีกแห่งเสรี ด้วยกฏหมายที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้กลุ่มผู้พิทักษ์ ปีกแห่งเสรีและกลุ่มผู้ใช้พลังอิสระสามารถจะเข้าร่วมได้เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ แม้ว่ามันจะมีข้อกฏหมายที่คล้ายคลึงกันอยู่ แต่ในวันนี้สิ่งที่เกิดขึ้นที่จีนได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของบางอย่างและทำให้เกิดการนำกฏหมายใหม่ที่เข้มงวดเข้ามา
กฏหมายนี้ได้อนุญาตให้หน่วยรบของผู้พิทักษ์และปีกแห่งเสรีของในแต่ละประเทศสามารถทำงานได้อย่างอิสระมากขึ้น เมื่อมีเหตุการการจู่โจมขึ้นที่ประเทศใกล้เคียง สามารถจะแทรกแทรงเข้าไปช่วยเหลือได้ในทันที
แน่นอนว่ากฏหมายนี้ทำได้ได้ดีสำหรับนักสำรวจดันเจี้ยน พวกเขาสามารถที่จะเทเลพอตไปยังเป้าหมายได้ในทันทีที่เกิดเหตุ
[ข่าวนี้มันค่อนข้างน่าสนใจเลยมากเลยนะ สองคนในเกราะเต็มสูทที่ปรากฏตัวในทันทีด้วยการเทเลพอต ผู้ใช้พลังที่สามารถจะเทเลพอตผู้ใช้พลังระยะประชิดที่แข็งแกร่งสองคนเข้าไปในสนามรบ และอื่นๆอีกด้วย มันดูเหมือนว่าตัวละครในข่าวลือนั่นจะเป็นพวกเรานะ]
[นี้มันเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจนะ แต่ว่ายังไงข่าวลือก็ยังคงเป็นข่าวลือ]
[เธอพูดไม่ผิดหรอก แต่ว่ามันชัดเจนเลยว่านี่ไม่ใช่เพียงแค่ข่าวลือเท่านั้น เพราะว่าฉันก็ได้เห็นในสิ่งที่เกิดขึ้นในกวางโจว มัสติฟอร์ดไม่ได้ไปที่นั่นแน่นอนเพราะว่ามีคนรู้ในความสามารถของเธออยู่แล้ว นั่นก็หมายความว่าผู้ที่กระทำผิดเป็นหนึ่งในสามคนระหว่างพวกนาย]
[ฉันก็พูดได้เหมือนกันนะคุณวอร์คเกอร์ ไม่ใช่ว่าฉันก็อาจจะคิดว่าคุณจะเป็นคนประเภทที่น่าชื่นชมอย่างมากก็ได้]
[นายพูดถูก ฉันไม่อยากจะทำอะไรแบบนั้น…ฉันจะปล่อยให้การสนทนามันหยุดลงที่นี่ละกัน]
จากการที่อัศวินทั้งสองคนได้ปรากฏขึ้นในกวางโจว ทำให้สื่อต่างๆเริ่มเรียกหนึ่งในนั้นที่อยู่ในชุดอัศวินสีดำว่า ‘อัศวินดำ’ ในขณะที่อีกคนหนึ่งที่สามารถจะควบคุมสายฟ้าได้อย่างอิสระก็เรียกว่า ‘อัศวินอสนีบาต’ ชื่อเล่นเหล่านี้ได้กระจายออกไปยังสื่อต่างๆและกลายเป็นชื่อสากล ทุกครั้งที่ฉันได้ยินว่าสื่อเรียกว่าอัศวินดำและอัศวินอสนีบาต มันทำให้ฉันรู้สึกว่ากำลังถูกชม
“อัศวินอสนีบาตของฉันช่วยหยิบเอาน้ำมาให้พ่อของนายหน่อยสิ”
“คุณอัศวินดำทำไมถึงไม่ไปหยิบด้วยตัวเองล่ะ”
“ฮุฮุ นายคงคันไม้คันมืออยากจะต่อสู้สินะอัศวินอสนีบาต”
“คุณก็คงจะเบื่อชีวิตตัวเองแล้วสินะ ท่านอัศวินดำ!”
….หลังจากการต่อสู้ของพวกเรา พวกเราก็ได้เจรจากันด้วยการยินยอมที่จะไม่เรียกหากันด้วยชื่อเล่นเช่นนี้อีก
*****
[รองเท้าการพุ่งที่เร่าร้อน(ยูนิค)
ความทนทาน – 170/170
ป้องกัน – 240
ข้อจำกัดการสวมใส่ – เลเวล 35+ ความคล่องแคล่ว 100+ ความทนทานร่างกาย 80+
ผลลัพธ์ – ความแข็งแรง +5 ความคล่องแคล่ว +10
เพิ่มประสิทธิภาพของทักษะประเภทพุ่งทุกชนิดขึ้น 50%]
ร้องเท้าที่ฉันได้รับมาจากหมูป่าเหล็กยักษ์มันแข็งแกร่งยิ่งกว่าเซ็ตอัศวินลิซาร์ดแมนที่ฉันใส่อยู่ซะอีก ไม่ต้องพูดถึงการที่มันดูจะเป็นรองเท้าแฟนซีเพราะมันมีวามดำเงางามมากก็ตาม โชคไม่ดีที่เลเวลและสเตตัสของฉันยังไม่สูงพอที่จะสวมใส่มันในตอนนี้ นอกจากนี้การใส่อุปกรณ์อีกก็จะทำลายผลของเซ็ตไอเทมอีกด้วย แม้ว่ามันจะมีผลที่เพิ่มผลของทักษะประเภทพุ่งหรือวิ่งมากขึ้นก็ตาม แต่ฉันก็ยังไม่ได้ต้องการผลลัพธ์นั้นมากนัก ดังนั้นตอนนี้มันจึงถูกเก็บเอาไว้ในช่องเก็บของ
แน่นอนว่า แม้ว่าในวันนี้ฉันจะพึ่งล่าบอสมาก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะหยุดล่ากูลยักษ์ แม้ว่าวันนี้ฉันก็ยังคงล่ากูลยักษ์อย่างง่ายดายและได้กินอิลิกเซอร์ลงไปอีกขวดหนึ่ง
[ผิวหนังของคุณได้กลายเป็นแข็งแกร่งจนถึงขีดสุด ผิวของคุณกลายเป็นทนทานจนพอที่จะทนทานต่อหอกและดาบได้โดยที่ไม่จำเป็นจะต้องสวมเกราะใดๆ รอยทั้งหมดบนผิวของคุณได้หายไปทำให้มันดูเรียบเนียนและกระจ่างใส ความทนทานและเสน่ห์ของคุณเพิ่มขึ้น 3 มันดูเหมือนว่าการกินมันมากกว่านี้จะไม่ส่งผลอะไรอีกด้วย]
เยี่ยม นี้มันเป็ครั้งสุดท้ายแล้ว! ตามที่ฉันได้คาดเอาไว้อิลิกเซอร์เสริมความแข็งแกร่งผิวหนังได้เพิ่มความทนทานและเสน่ห์ของฉันขึ้นอย่างละ 12 เมื่อฉันมองไปที่ตัวเองในกระจกฉันก็จะสังเกตุเห็นว่าผิวลของฉันนั้นเรียบเนียนและกระจ่างใสยิ่งกว่าแต่ก่อนมาก แม้แต่ฉันก็ยังรู้สึกว่ามันดีมาก ฉันรู้สึกแล้วว่าการมีผิวที่ดีมันสำคัญแค่ไหน
“นายใกล้จะสำเร็จความต้องการของชั้นที่ 25 แล้วใช่มั๊ย?”
“ใช่แล้ว มันเหลือเพียงแค่ของสวมใส่อันเดียวเท่านั้นที่ฉันยังไม่ได้ ฉันหวังว่ามันจะปรากฏออกมาในครั้งหน้า และไม่ใช่อิลิกเซอร์อีกแล้ว”
ฉันได้ใช้หุ่นไล่กาสมาชิกปาตี้อันอื่นในขณะที่ตอบโรเล็ตต้าไป เธอได้หยักหน้ารับและถามกลับมาอย่างใจเย็น
“ในกณีนี้ชิน ฉันจะเจอกันนายหลังจากการจู่โจมถัดไป อย่าลืมไปเยี่ยมฉันหลังจากนั้นล่ะ”
“เข้าใจแล้ว”
หลังจากที่ตอบกลับโรเล็ตต้าไปอย่างปกติ ฉันก็ได้หันหลังให้กับเธอและจากไป ฉันสามารถจะได้ยินถอนหายใจออกมาจากด้านหลังได้ แต่ฉันไม่ได้หันกลับไป ใครกันจะไปรู้ได้ว่าเธออาจจะขายของอะไรให้ฉันอีกก็ได้
“ก๊าซซซซซ”
“พวกแกทุกตัว เข้ามาหาฉันได้เลย!”
[คุณได้ใช้ทักษะยั่วยุ! คุณได้ดึงดูดศัตรูที่อยู่ใกล้ๆให้เข้ามาหาคุณ]
การโซโล่การจู่โจมกูลยักษ์มันทำได้ง่ายอย่างมาก ก่อนอื่นฉันจะใช้ทักษะยั่วยุเพื่อรวบรวมซอมบี้ให้เข้ามาหาฉัน จากนั้นฉันก็ได้ใช้เท็มเพรสกวาดซอมบี้ทั้งหมดไปเพื่อเปิดเส้นทางไปสู่กูลยักษ์
“เท็มเพรส! เท็มเพรส!”
“มนุษยยยยย…”
“กลับ…ไป…ความมืดด….”
ในขณะที่ซอมบี้ยังคงขึ้นมาจากพื้นดิน ฉันก็ได้ไม่สนใจพวกมันหลังจากที่ฉันได้เปิดทางแล้ว ฉันได้วิ่งเข้าไปหากูลยักษ์ ในเวลาเดียวกันกูลยักษ์มันก็วิ่งเข้ามาหาฉันด้วยความโกรธแค้นที่ฉันฆ่าซอมบี้ไปเป็นจำนวนมาก
“ก๊าซซซซซ”
“ฟู่ ฮึบบบ!”
การจู่โจมในชีวิตสิ่งก็ดี แต่ว่าการจู่โจมในดันเจี้ยนก็ยังมีเสน่ห์ของมัน เริ่มจากการที่ต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งและรู้สึกว่าตัวเองได้แข็งแกร่งมากขึ้นผ่านการต่อสู้นี้ มันไม่มีอะไรมากไปกว่าความรู้สึกนี้อีกแล้ว
“ฮ่าห์!”
ฉันได้กระโดดขึ้นไปตามแนวทะแยงมุมและขยายหอกดินดำออกด้วยมานาของฉันและตัดผ่านด้านหลังมือของกูลยักษ์ ฉันได้ลงมาที่พื้นเบาๆหลังจากที่ฟันมันไป ด้วยความโชคดีกูลยักษ์มันได้ติดพิษในทันที เลือดได้ไหลออกมาจากปากของมัน ฉันชอบพิษของหอกดินดำมาก มันไม่เพียงแต่จะสร้างความเสียหายอย่างต่อเนื่องตลอดเวลเท่านั้น แต่มันยังทำให้การเคลื่อนไหวของศัตรูลดลงอีกด้วยและยังทำให้การโจมตีมีโอกาสถึงตายได้เลย
“ก๊าซซซซ มนุษย์”
“ฉันสาบานได้เลยว่าฉันจะเปลื่ยนเผ่าของฉันในสักวัน จากนั้นฉันก็จะไม่ต้องฟังคำแบบเดิมๆนี้อีกแล้ว…ย่าห์!”
ฉันได้หลบกรงเล็บของมัน และแทงหอกของฉันไปที่ใบหน้าของมันและยิงระเบิดสายฟ้าออกไป หลังจากที่ทักษะความเชี่ยวชาญวิญญาณของฉันได้กลายมาเป็นระดับกลาง มันก็เป็นเรื่องง่ายมากขึ้นที่จะใช้เวทย์ของไพก้าในขณะที่รักษาสถานะสปิริตออร่าเอาไว้ด้วย
“ก๊าซซซซ”
“ความแข็งแรงทนทานนั้นเป็นจุดแข็งของแกนี่นา เข้ามาสิ จงก้าวร้ายขึ้นอีก!”
การต่อสู้กับบอสประจำชั้นนั้นเป็นเรื่องยากมากเนื่องจากทักษะที่เหมือนกับการโกงของมัน การโจมตีที่แข็งแกร่งและพลังชีวิตที่เหมือนจะไร้ที่สิ้นสุดพร้อมทั้งพลังป้องกันอีกด้วย หรือก็คือคุณจะต้องหลบการโจมตีและสามารถจะทะลุผ่านพลังป้องกันของมันพร้อมทั้งทำความเสียหายแกมันได้เท่านั้น คุณถึงจะสามารถฆ่าบอสประจำชั้นได้เพียงตัวคนเดียว
แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่จะไม่ได้มีโอกาสทำแบบนี้น พวกเขาจะถูกเตะออกไปทันทีหลังจากที่เข้ามา การโจมตีของบอสประจำชั้นนั้นมีระยะที่กว้างและทำความเสียหายที่ร้ายแรงแก่ทุกคน และเพื่อที่จะจัดการกับพลังชีวิตที่เหมือนจะไร้ที่สิ้นสุดของมันด้วยตัวคนเดียว คนที่ต่อสู้อยู่ด้วยนะจะต้องอยู่ในความตรึงเครียดและตื่นตัวตลอดเวลาที่เข้าต่อสู้