Infinite Competitive Dungeon Society – บทที่ 65 – ชนเผ่ามังกร หลิน (3)

Infinite Competitive Dungeon Society - บทที่ 65 – ชนเผ่ามังกร หลิน (3)

บทที่ 65 – ชนเผ่ามังกร หลิน (3)

ประมาณ 5 ชม.หลังจากนั้นฉันก็ได้เทน้ำศักดิ์สิทธิ์ลงไปบนหอกเงินและหอกดินดำอย่างมีความสุขที่หน้าชั้นขายของในชั้นที่ 27 เมื่อหอกของฉันได้ถูกปกคลุมไปถึงที่ด้านจับด้วยน้ำศักดิ์สิทธิ์จำนวน 5 ขวดต่อหอกแล้วอย่างไรก็ตามหอกนี้จะสามารถสร้างความเสียหายให้กับมอนสเตอร์อันเดตเป็นเวลา 1 วัน

นอกจากนี้ฉันรู้สึกเหมือนว่าฉันจะไม่ดรอปอุปกรณ์อะไรออกมาแม้ว่าฉันจะตายอีกด้วย แม้ว่าการตายในดันเจี้ยนจะไม่ได้ดรอปไอเทมออกมาอยู่แล้วก็ตาม

หลินได้มองมาที่ฉันด้วยท่าทางอ่อนล้าฃ

“นายมันไอชั่ว…!”
“ฉันกำลังมีความสุข ฉันสามารถจะทำได้เร็วยิ่งกว่าในตอนที่ผ่านชั้นที่ 26 ซะอีก การเดิมพันมันได้กระตุ้นให้ทุกๆคนพยายามให้หนักขึ้น”

“ถ้างั้นมาเถอะเลิกกันสิ”

“คำพูดของผู้ชายมีค่าเป็นพันทอง”

“อึก…ถ้างั้นมาทำให้เวลามันสั้นลงกัน! ครึ่งปี!”

“เยี่ยม แต่นายจะต้องให้ผลตอบแทนที่ดีกว่านะ”

“ผะ ผ้าคลุม ฉันจะทำผ้าคลุมให้จากหนังของบรรพบุรุษของฉัน! แต่ถ้านายต้องการที่จะได้รับมัน นายจะต้องทำมันสำเร็จภายใน 3 เดือน เข้าใจมั๊ย?”

“รับทราบ”

[เควสของคุณได้รับการเปลื่ยนแปลงแล้ว]

ผ้าคลุมที่ทำจากหนังมังกรหรอ? ดวงตาของฉันได้เป็นประกายเมื่อฉันได้ยอมรับข้อเสนอใหม่ของเขาา เพราะว่าฉันได้ว่าแผนที่จะผ่านชั้นที่ 40 ภายใน 6 เดือนฉันก็จะไม่เสียอะไรเลย แต่ถ้าฉันทำมันสำเร็จภายใน 3 เดือนฉันก็จะได้รับสมบัติที่ยิ่งใหญ่กว่าซะอีก ตอนนี้ฉันจะต้องพยายามให้หนักยิ่งขึ้น!

“ถ้างั้นฉันจะทำให้มันเร็วขึ้นหน่อย!”

“อะไรนะ แล้วนายทำอะไรจนถึงตอนนี้!?”

“แต่ฉันสงสัยนะ ทำไมฉันถึงไม่ได้รับฉายาเมื่อเคลียร์ชั้นที่ 26 อย่างรวดเร็ว? …เป็นเพราะฉันมีเฮอร์มีสอยู่แล้วหรอ…?”

“ฮะ เฮอร์มีส!? ไอชั่ว แกมีแม้แต่ชื่อของเทพที่แท้จริง! อึก ฉันกลับทำมัน!”

แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องน่าขำ แต่ว่าคลาสของโครงกระดูกในชั้นที่ 28 ได้ต่างออกไปเล็กน้อย มันเป็นโครงกระดูกนักรบที่โจมตีด้วยดาบหรือกระบองดหล็ก โครงกระดูกนักธนูที่โจมตีด้วยการยิงธนูที่ทำจากกระดูก และโครงกระดูกจอมเวทย์ที่โจมตีด้วยการยิ่งเวทย์ที่น่ารำคาญ หากไม่มีไพก้ามันก็คงจะเป็นไปไม่ได้เลย

“เกลๆ ทำให้แน่ใจว่าจะไม่ทำกระดูกบาดเจ็บนะ!”
“ฉันจะยิงธนู!”

ฉันได้แทงหอกของฉันผ่านของมือของกระดูกที่เข้ามาโจมตีฉันด้วยกระบองเหล็ก จากนั้นกระบองเหล็กของมันก็ล่วงลงมาพร้อมกับข้อมือ ฉันได้คว้ามมันเอาไว้และโยนมันเข้าไปใส่โครงกระดูกนักธนู เมื่อพวกมันชนกันพวกมันทั้งคู่ก็แตกออก โครงกระดูกตัวอื่นๆได้สั่นขึ้นมาเมื่อเห็นมันและเริ่มที่จะถอยห่างออกไป

“นะ นักทำลายกระโหลก!”
“มันเป็นนักทำลายกระโหลก!”

“พวกแกรู้เรื่องนี้ได้ยังไงกัน!? เท็มเพรส!”

“ก๊าซซซซ! นักทำลายกระโหลก!”

หลังจากที่มันได้ถูกพัดไปโดยเท็มเพรส โครงกระดูกทั้งหมดก็ได้ถูกบดขยี้พร้อมๆกับสร้างเสียงแตกหักออกมา ด้วยพลังโจมตีที่เพิ่มขึ้นจากการโต้กลับความตายเพีนวแค่เท็มเพรสก็เพียงพอที่จะทำลายโครงกระดูกแล้ว

[ฉันได้ทำลายโครงกระดูกทั้งหมดที่พยายามจะใช้เวทย์แล้ว]

“ทำได้ดีมากไพก้า ถ้างั้นไปต่อกัน!”

[โอเค!]

ในขณะที่ไพก้าทะยานผ่านอาการเธอก็จะจัดการพวกโครงกระดูกที่ใช้เวทย์ไปด้วยระเบิดสายฟ้าและหอกสายฟ้าไปด้วย ฉันจะจัดการกับนักรบโครงกระดูกในด้านหน้าขณะที่ฉันวิ่งออกไป

ตอนแรกฉันได้ใช้สปิริตออร่า แต่แล้วฉันก็ได้ตระหนักว่ามันความจำเป็นขนาดนั้น มันเป็นการดีกว่าที่จะปล่อยให้ไพก้ามาช่วยในด้านอื่นๆแทน

“ไพก้า 11 นาฬิกามีโครงกระดูกจอมเวทย์!”
[ระเบิดสายฟ้า!]

ฉันได้โคจรวงกรเพรูต้าไปในขณะที่วิ่งไปด้วยแะลมีมานาโพชั่นอยู่ในปากเสมอเพื่อที่จะชดเชยการสูญเสียมานาไป ในมือของฉันก็มีหอกสองอันที่เหวี่ยงไปทั่วเหมือนกับไม้เบสบอล ฉันอาจจะไม่น่าดูนัก แต่ว่าฉันก็ไม่ได้สนใจมัน

แม้ว่าฉันจะคิดว่าการดื่มมานาโพชั่นเป็นการสิ้นเปลืองเงิน แต่เมื่อคิดเกี่ยวกับมันดีๆมันก็เหมือนกับการลงทุนเงินเพื่อยกระดับของฉัน หลังจากที่ฉันคิดได้แบบนั้นฉันก็ไม่ได้ลังเลเลยที่จะใช้มัน

ความจริงๆแล้วฉันก็มีทองอย่างเหลือเฟืออีกด้วย ฉันไม่จำเป็นจะต้องใช้ทองอะไรเลยนอกเหนือไปจากบัตรผ่านตีบอส และหุ่นไล่กาสมาชิกปาตี้ ฉันไม่ต้องการโพชั่นฟื้นฟูพลังชีวิต ในขณะที่ผ่านไปในชั้นปกติเลย ฉันไม่เคยที่จะได้รับบาดเจ็บสาหัสในระหว่างนั้น

เมื่อฉันได้ผ่านชั้นที่ 28 มา ข้อความที่ทำให้ฉันมีความสุขเสมอก็ได้ดังออกมา

[ความเชี่ยวชาญสปิริตระดับกลางได้กลายเป็นเลเวล 2! สายของคุณสำหรับดวงวิญญาณได้แข็งแกร่งขึ้นและคุณจะได้รับความชื่นชอบจากสปิริตโดยง่ายยิ่งขึ้น]

[สปิริตออร่าระดับต่ำได้กลายเป็นเลเวล 9! คุณสามารถที่จะใช้พลังธาตุได้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น]

[การควบคุมธาตุระดับต่ำได้กลายเป็นเลเวล 9! ธาตุจะกระตือรือร้นฟังคำขอของคุณและให้ความช่วยเหลือ]

[พันธะสัญญาธาตุระดับต่ำได้กลายเป็นเลเวล 9! คุณสามารถรู้สึกได้ว่าที่กักเก็บวิญญาณของคุณได้กว้างใหญ่ยิ่งขึ้น และพันธะสัญญาของคุณกับธาตุจะแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น]

“โอ้ โอ้วววว!”
[ฉันแข็งแกร่งขึ้นนิดนึงอีกแล้ว!]

ไพก้าและฉันได้ตะโกนออกมาอย่างมีความสุข เร็วๆนี้ทักษะผู้ใช้ธาตุของฉันก็จะได้กลายมาถึงระดับกลาง! ฉันเริ่มที่จะรู้สึกกังวลเพราะความสามารถผู้ใช้ธาตุมันระดับต่้ำกว่าทักษะเทคนิคหอกและศิลปะการต่อสู้ แต่ว่ามันดูเหมือนว่าฉันจะไม่ต้องกังวลอีกแล้ว เมื่อทักษะได้กลายมาเป็นระดับกลาง ฉันก็จะเติบโตได้มากยิ่งขึ้น เมื่อฉันได้รับทักษะพันธะสัญญาระดับกวางแล้วความแข็งแกร่งของไพก้าก็จะมากยิ่งขึ้น และฉันก็สามารถที่จะทำพันธะสัญญากับธาตุได้อีกหนึ่งตน

หลินกำลังเฝ้ามองดูฉันด้วยสายตาที่อับเฉา

“สามชั่วโมงครึ่ง…บ้าเอ้ย”

“ไว้เจอกันนะ!”

เหมือนกับที่แล้วๆมาฉันได้ใช้ 2 แต้มไปที่ความแข็งแกร่งและความคล่องแคล่ว และ 1 แต้มไปที่ความทนทาน จากนั้นฉันก็ไปที่ชั้นที่ 29 อัปเดตหรอ? มันจะเป็นการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ถ้ารอให้ร่างกายของฉันอัปเดต นั่นมันจะเกิดขึ้นเองตามอัตโนมัติในขณะที่ฉันต่อสู้!

“นักทำลายกระโหลก”
“นักทำลายกระโหลกบดขยี้กระดูกของพวกเขา”
“เราจะขยี้กระดูกสันหลังขจองแกและทำให้แกขยับไม่ได้”
“หยุดเข้ามานะ”

โครงกระดูกบนชั้นที่ 29 บางตัวมันได้สวมใส่ชุดเกราะอยู่ โดยไม่ต้องคำนึงสิ่งในเมื่อฉันมาถึงชั้นที่ 29 ชั้นก็เริ่มตะโกนคำว่าเริ่มสำรวจในทันที

ฉันรู้ได้โดนสัญชาตญาณว่าฉันไม่สามารถจะฆ่าพวกมันด้วยเท็มเพรสได้ มันดูเหมือนว่าพวกโครงกระดูกที่ชั้นที่ 29 จะเป็นระดับสูง พวกมันสวมเกราะที่เหมาะสมและถือดาบและโล่

พวกมันได้ค่อยๆล้อมวงกระชับเข้ามาหาฉันเรื่อยๆและฉันก็ได้นึกขึ้นในขณะก้าวถอยหลัง มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง? เจ้าพวกนี้มันฉลาดกว่าซอมบี้จริงๆ นอกจากนี้ฉันยังรู้สึกว่ามีบางอย่างที่แข็งแกร่งอยู่เบื้องหลังพวกมัน มันดูเหมือนกับว่ามอนสเตอร์มีชื่อจะควบคุมพวกมันอยู่

จากนั้นฉันก็ได้ใส่มานาโพชั่นลงไปในปากและ ตะโกนออกไปพร้อมกับดันหอกไปข้างหน้า

“พายุธาตุ!”
[คนแรกๆ]
[เร็ว ๆ]
[หมุนๆ]
[คุก๊าๆๆๆ! มาทำลายโครงกระดูกกันเถอะ!]

ในด้านหน้าโครงกระดูกที่หุ้มตัวไปด้วยเพราะได้เข้ามาหาฉัน ได้ถูกพายุธาตุระเบิดใส่เข้าจังๆ

“ก๊าซซซซ!”
“กระดูกของฉัน!”
“แข็งแกร่งเกินไป!”

“ฟู่ ทักษะเพื่อที่จะชนะนี้คือสิ่งที่ดีที่สุด”

แม้แต่โครงกระดูกที่ใส่เกราะก็ไม่สามารถที่จะทนต่อพายุธาตุที่ใช้มานา 50% ได้เลย และมันก็ได้แตกเป็นเสี่ยงๆออกไป จากนั้นในที่สุดมุมมองของฉันก็ได้ชัดเจนขึเน พวกโครงกระดูกนักรบที่ยืนอยู่ด้านหลังของกองกำลังแนวหน้าก็ได้ร้องกันขึ้นด้วยเสียงที่วุ่นวาย

“นายพล!”
“นายพลตายแล้ว!”

“พวกเขาเป็นนายพลหรอ? เท็มเพรส!”

ตั้งแต่ที่ฉันได้จัดการโครงกระดูกที่ใส่เกราะไปหมดแล้ว ฉันก็สามารถที่จะใช้เท็มเพรสจัดการพวกที่เหลือรอดอยู่ได้ พวกมันคิดจะสร้างแนวรบโจมตีฉันหรอ? ฝันไปเถอะ ฉันรู้สึกพอใจมากที่พวกมันได้กระจายตัวออกไป

“ไพก้า!”
[เข้าใจแล้ว! โซ่สายฟ้า]

แม้ว่าร่างกายของพวกมันจะทนทานต่อสายฟ้า แต่พวกมันก็ไม่ได้แข็งแกร่งพอที่จะทนต่อสายฟ้าของไพก้าได้ พวกมันได้ล้มลงไปที่ละตัวจากสายฟ้าที่ออกจากนิ้วของไพก้า

อย่างไรก็ตามโซ่สายฟ้าที่ได้กระจายออกไปเหมือนกับไฟลามป่าก็ได้หายไปในทันที แม้ว่าโครงกระดูกส่วนมากจะตายไปแล้วก็ตาม แต่ว่าก่อนที่จะจบลงมันก็ได้ถูกหยุดเอาไว้

[ก๊าซซซ…!]

ผู้ที่แกว่งดายขัดขวางโซ่สายฟ้าได้มองมาที่ฉันอย่างแน่วแน่ มันสูงอย่างน้อยก็ 2.3 เมตรและมีขนาดตัวที่ใหญ่กว่าฉันสองเท่า

[ทำลาย…นักทำลายกระโหลก]

เป็นเสียงที่ลึกมาก มันเป็นผู้ที่รวบรวมโครงกระดูกเข้ามาต่อสู้ในชั้นที่ 29 สิน่ะ? ประกายตาของมันได้ส่องสว่างออกมา มันไม่ได้อ่อนแอเหมือนกับโครงกระดูกตัวอีกๆ มันอยู่ในชุดเกราะพร้อมรบ บนมือข้างหนึ่งของมันมีโล่และอีกข้างมีดาบใหญ่ที่ทำมาจากกระดูก ฉันได้กลืนน้ำลายลงไปและถามออกมา

“นายเป็นอัศวินโครงกระดูกงั้นหรอ? เป็นผู้ที่บอกว่าแข็งแกร่งที่สุดในหมู่โครงกระดูกสิน่ะ?”

[ฉันเป็นโครงกระดูกแชมเปี่ยน]

“อา ไม่ได้ยินมาก่อนเลย”

ที่ฉันกังวลมันไม่มีค่าอะไรเลย! พวกมันนั้นอ่อนแอทั้งหมด

[นักทำลายกระโหลก ฉันจะฆ่าแก!]

“ฮะ นาย?”

[โอ้วววววววววววว!]

เช่นเคยฉันประสบความสำเร็จในการยั่งยุโครงกระโหลกแชมเปี่ยนโดยที่ไม่จำเป็นจะต้องใช้ทักษะยั่วยุ ดวงตาของมันได้แสดงถึงความโกรธออกมาและในเวลาเดียวกันนั้นเองมันก็พุ่งตรงเข้ามาหาฉัน

มันได้กระโดดขึ้นจากบืนเล็กน้อยและเหวี่ยงดาบกระดูกลงมาที่ฉัน

ฉันได้หลบการโจมตีของมันและทำให้มันสะดุดไปข้างหลังโดยการกระแทกเข้าไปในส่วนของร่างกายมันที่ไม่มีการป้องกัน ในฐานะที่ฉันได้ใช้อิลิกเซอร์เสริมแกร่งต่างๆ พลังชีวิตของฉันไม่ได้ลดลงไปเลยจากการกระแทกกับมอนสเตอร์มีชื่อ แม้แต่ฉันก็ต้องยอมรับในประสิทธิภาพในร่างกายของฉันฃ

[กึก!]

“ร่างกายส่วนร่างของแกมันอ่อนแอ! นั่นเป็นเหตุผมที่ว่าทำไมฉันถึงแค่กระแทกนายถึงล้มลงไป!”

ขณะที่ฉันได้ให้คำแนะนำออกไปฉันก็ได้แทงหอกออกไปที่หัวของมันอย่างรวดเร็วต่อในทันที หลังจากที่โดนโจมทีที่หัวไปสร้างครั้งติดจากฉันมันก็ลุกขึ้นมา โดยที่หมวกในหัวของมันได้ร้าวออกมา

[ตามที่คาดไว้จากนักทำลายกระโหลกเลย! ยังไงก็ตามข้าอีโทสจะไม่แพ้!]

“อย่าเรียกฉันว่านักทำลายกระโหลกนะ!”

นอกจากนี้อันเดตปกติจะไม่เรียกชื่อของตนเอง แน่นอนแล้วว่ามันเป็นมอนสเตอร์มีชื่อ

[ถ้าเจ้าเอาชนะข้า ข้าจะยอมรับว่าเจ้าเป็นนักทำลายกระโหลกที่แท้จริง!]

“ฉันไม่ได้ต้องการให้แกยอมรับมันซะหน่อย!”

น่ารำคาญจริงๆ ฉันได้แทงมันออกไปสองครั้งติดๆกัน น่าเสียดายที่เหมือนมันจะคาดการณ์เอาไว้แล้ว เมื่อฉันได้แทงไปข้างหน้ามันก็ได้กระโดดกลับหลังและหลบการโจมตีของฉันไป จากนั้นมันก็ได้เตะขึ้นจากพื้นเข้าใส่ฉัน หินนั้นได้ถูกขยี้ทิ้งไปโดยไพก้าแต่ว่ารูปแบบการต่อสู้ของมันก็ยังทำให้ฉันตัวเอียงหัวงง

“มันเรียนรู้วีธีการหลบการโจมตีของฉันหลังจากที่ถูกโจมตีก่อนหน้านี้งั้นหรอ? ชายคนนี้อาจจะมีประโยชน์ก็ได้!”

[มีประโยชน์?]

“แย่มากที่มันเป็นคนตาย…. ขอโทษนะอีโทส ถ้านายกลับชาติมาเกิดใหม่ก็มาเยี่ยมโรงฝึกของฉันด้วยล่ะ ฉันจะให้ส่วนลดซัก 20% นะ”

[หยุดพูดสิ่งที่ข้าไม่เข้าใจได้แล้วนักทำลายกระโหลก]

อีโทสได้ตะโกนอย่างโกรธเคืองและพุ่งเข้ามาใส่ฉันอีกึ้วหรึ่ว ดาบกระดูกของเขาได้ตัดผ่านอากาศส่งเสียงที่น่ากลัวออกมา มันเห็นได้ชัดว่าเขาเล็งมาที่คอของฉัน อืมม ฉันคิดว่ามันเป็นการโจมตีที่ชัดเจนที่สุดจากมอนสเตอร์ทั้งหมดที่ฉันเจอ ยังไงก็ตามการป้องกันของมันก็ยังขาดไปอยู่!

‘โล่นะใช้เพื่อหยุดฝ่ายตรงข้ามนะ! แต่โล่ของนายมีเพียงแค่โชว์!?’

ฉันได้มุดหลบเข้าไปและใช้ช่องว่างที่เขาเปิดกว้างอยู่ในการแทงหอกออกไป

“ความเร็วศักดิ์สิทธิ์ ฮีโรอิค สไตรค์”
[ก๊าซซซซ]

แน่นอนว่าฮีโรอิค สไตรค์ที่ได้รับการเสริมพลังจากความเร็วศักดิ์สิทธิ์ได้ทำลายหมวกของมันให้แตกออกไปพร้อมๆกับหัวกระโหลกของมันได้อย่างง่ายดาย มันได้ตายไปโดยที่ไม่ได้ทิ้งคำอะไรไว้อีก

[คุณได้เอาชนะมอนสเตอร์มีชื่อ ‘อีโทส’ คุณได้รับตั๋วเข้าสู่พื้นที่พักอาศัยเป็นรางวัล]

[คุณได้รับฉายา ‘นักทำลายกระโหลก’ เมือต่อสู้กับมอนสเตอร์อันเดตประเภทโครงกระดูก คุณมีโอกาสที่จะสร้างความเสียหายแบบคริติคอลเป็ฯสองเท่าและคุณสามารถข่มขู่ศัตรูได้อย่างรวดเร็ว ดาเมจคริติคอลของคุณได้เพิ่มขึ้น 50% เมื่อต่อสู้กับมอนสเตอร์ประเภทกระดูก]

“ฉันได้กลายเป็นนักทำลายกระโหลกจริงๆซะแล้วสิ …ถึงแม้ว่ามันจะใช้คำว่ากระโหลก แต่จริงๆมันคือความเชี่ยวชาญในการทำลายกระดูก…”

จากนั้นฉันก็ได้มองไปที่โครงกระดูกรอบๆ พวกมันที่ได้ล้อมฉันเอาไว้ตั้งแต่การต่อสู้ได้สั่นออกมาและเริ่มถอยหลังกลับไป

“นะ นักทำลายกระโหลก”
“กระโหลกของฉันจะต้องพังแน่ๆ”
“วิ่ง!”
“แต่เราไม่สามารถที่จะหนีไปจากนักทำลายกระโหลกได้นะ!”

นี่มันเป็นการข่มขู่งั้นหรอ? เพียงแค่การมีอนู่ของฉันก็สามารถจะข่มขู่มอนสเตอร์ได้ มันค่อนข้างสนุกเลยนะเนี่ย เดี๋ยวก่อนนะ ด้วยสิ่งนี้การเจาะผ่านดันเจี้ยนก็จะเหมือนกันการหั่นเค้กงั้นสิใช่มั๊ย? ด้วยรอยยิ้มที่แจ่มใสฉันได้จับหอกแน่นอย่างมั่นคง

ในความเป็นจริง ฉันอยากจะไปเยี่ยมเยือนพื้นที่พักอาศัย แต่เนื่องจากว่าฉันมีภาระในช่วง 3 เดือนฉันเลยหยุดมันเอาไว้ ฉันไม่สามารถจะปล่อยตัวในช่วง 3 เดือนนี้ได้ ฉันได้ตัดสินใจที่จะคิดเกี่ยวกับมันหลังจากที่เคลียร์ชั้นที่ 30

สิ่งที่ฉันจะต้องกังวลในตอนนี้ก็คือผ้าคลุมมังกรแดง…ฉันหมายถึงการเคลียร์ผ่านดันเจี้ยนอย่างรวดเร็วน่ะ!

 

Infinite Competitive Dungeon Society

Infinite Competitive Dungeon Society

ICDS, 무한경쟁던전사회
Score 7.8
Status: Ongoing Type: Author: , , Artist: Released: 2015 Native Language: Korean
อ่านนิยาย Infinite Competitive Dungeon Society เรื่องย่อ : เหตุการณ์ดวงจันทร์แฝดคือจุดเริ่มต้นชองการเปลื่ยนแปลงทุกอย่าง เพราะการปรากฏตัวของมอนสเตอร์และดันเจี้ยนในสังคมยุคใหม่ และผู้ที่ใช้ความสามารถของเขาต่อสู้กับมัน โลกได้กำลังเผชิญหน้ากับประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ นี่คือกำเนิดขึ้นของแหล่งพลังงานชนิดใหม่ๆ และอาชีพดั้งเดิมมากมายได้หดหายไป สามัญสำนึกปกติได้ถูกเปลื่ยนแปลงไปและจินตนาการได้กลายมาเป็นความจริง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset