บทที่ 69 – สวนแฟรี่ (2)
หลังจากการที่เหตุการณ์ดันเจี้ยนได้กลายมาเป็นพื้นที่ดันเจี้ยน ประเทศเล็กๆที่ไม่มีผู้ใช้พลังที่เพียงพอซึ่งทำให้ผู้ใช้พลังคนต่างๆได้ใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ พวกเขาสามารถจะที่จะล่ามอนสเตอร์ในพื้นที่ดันเจี้ยนได้อย่างปลอดภัยกว่าพื้นที่ข้างนอกและพวกเขาก็จะได้รับเงินจากประเทศเล็กๆนั้นอีกด้วย มันเป็นวิธีการสร้างเงินอย่างชาญฉลาด ในหลายๆประเทศพวกปีกแห่งเสรีก็ได้ใช้ข้ออ้างนี้ในการปราบปรามพื้นที่ดันเจี้ยนเช่นเดียวกัน
ปัญหาก็คือดันเจี้ยนที่มีระดับที่สูงๆ ระดับ B+ ที่ญี่ปุ่น ‘เกียรติยศของแม่ทัพ’ และ ระดับ A+ ที่อยู่ในประเทศอังกฤษ ‘สุสานเหลือทะเลสาบ’ มันเป็นที่ที่น่าเป็นห่วงมากเพราะว่ามันมีขนาดพื้นที่ๆใหญ่ จำนวนมอนสเตอร์มีชื่อที่สูง และสติปัญญาที่ไม่ธรรมดาของพวกมัน
และอย่างสุดท้ายที่รัฐแอริโซนาซึ่งที่เคยเต็มไปด้วยทัศนียภาพที่สวยงามได้กลายเป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวหลังจากที่กลายมาเป็นพื้นที่ดันเจี้ยนระดับ S รังไวเวิร์น สามดันเจี้ยนเหล่านี้มันเป็นที่ๆมีปัญหาในการปราบปราม
[ฉันรำคาญมันมาก ชายคนนั้นมากวนฉันอย่างน้อยทุกๆชั่วโมงเลย!]
“ก็แค่เผาเขาซะสิ”
[โอ้ ฉันพยายามแล้ว เมื่อฉันบอกกับเขาก่อนที่ฉันจะเผาผมเขาทั้งหมดไป เขาก็ทำเพียงแค่หัวเราะและพูดออกมาว่า ‘เป็นลูกแมวน้อยที่น่ารักอะไรแบบนี้ ฉันจะกลับมาใหม่นะเมื่อเธอรู้สึกดีขึ้น’]
“เธอแน่ใจเลยสิน่ะว่ามันลำบากที่จะต้องเคลียร์ดันเจี้ยนพร้อมกันกับเขา…”
ที่สุสานเหนือทะเลสาบซึ่งมีสองผู้ใช้พลังระดับ SS ฮวาหยาและโจชัว บริทส์แมน พร้อมทั้งผู้ใช้พลังระดับ S อีก 4 คน พวกเขาเหล่านี้กำลังทำการสำรวจดันเจี้ยนที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งมีพื้นที่กว่า 16 ตารางกิโลเมตร เนื่องจากว่ามันเป็นระดับ A มันจึงดูเหมือนจะต้องใช้เวลาในการสำรวจในพื้นที่นี้เป็นเวลานานกว่าจะสำเร็จ ตามที่ฮวาหยาได้บอกมา พวกเธอได้ล่องเรือที่ปรับแต่งมาในการสำรวจนี้
“ฟังดูน่าสนุกนี่ ฉันก็อยากจะไปนั่งรับลมบนเรือสำราญเหมือนกันนะ”
[หลังจากที่มันได้กลายเป็นดันเจี้ยนแล้ว ที่นี่มันไม่ได้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีเลย…นายไม่รรู้หรอว่ามีกี่คนกันที่เศร้ากับเรื่องนี้ นอกจากนี้เพราะว่ามันระดับสูง ผู้ใช้พลังธรรมดาๆเลยไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าพื้นที่ดันเจี้ยนมันจะไม่หายไปไม่ว่าจะถูกเคลีลร์ไปแล้วก็ตามอีกด้วย ฉันกังวลว่ามันจะกลับมาหลังจากที่ฉันเคลียร์มันไปแล้วครั้งหนึ่ง]
“มันไม่มีคนที่โทษเธอหรอ?เพราะว่าทั้งหมดนั้นเธอมีอิทธิพลอย่างมากในการตัดสินใจให้ประเทศปล่อยเหตุการณ์ดันเจี้ยนเอาไว้”
[มันเป็นเพราะว่าเหตุการณ์ที่เกิดกับประเทศจีนก็เลยไม่มีใครที่จะมาตำหนิฉัน]
“อา…นั่นมันดีแล้วล่ะ”
แม้ว่าฮวาหยาอาจจะรู้สึกขอบคุณที่ประเทศจีนได้จัดการความกังวลของเธอไป แต่ฉันก็ไม่อยากจะยอมรับในเหตุการนั้นที่ส่งผลต่อชีวิตของใครหลายๆคนอยู่ดี
“ไม่ใช่ว่าวันนี้เธอส่งข้อความมาหาฉันบ่อยไปหรอ?”
[มันเป็นเพราะว่าฉันเครียด….ถ้านายได้เจอแบบฉันละก็นายก็จะไม่พ้นสภาพแบบฉันหรอก]
“มองไปที่ทะเลสายที่สวยงามและเพิ่มกำลังใขเธอซะนะ”
[อ่า เจ้าทูน่านั่นมาอีกแล้ว]
“….โชคดี”
ฉันเริ่มมีความสุขอย่างแม้จริงที่มันไม่ได้มีดันเจี้ยนอื่นใดในเกาหลีอีก เมื่อฉันได้จบการสนทนากับเธอ ที่ด้านหน้าของฉันก็คือหลินที่กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่อย่างเสมอ
“นายกำลังจู่โจมบอสและพูดคุยกับเพื่อนเป็นสิ่งที่นายแค่นั้นเองหรอ? นายไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับหัวใจที่อับเชาของฉันหลังจากที่ถูกหลอกให้พนันกับนายเลยหรอ?”
“หลิน ตั๋วเข้าสู่พื้นที่พักอาศัยมันจะหายไปไหมเมื่อใช้มันครั้งหนึ่ง?”
“ถ้าเผ่ามังกรบอกอะไรนาย ก็ต้องฟังเขา!”
หลินได้ขยี้บุหรี่และโยนเข้ามาหาฉันอย่างหงุดหงิด ฉันได้เหวี้ยงหอกและเหวี้ยงขี้เถ้ากลับไปหาเขา
“ฉันถามนายก็เพื่อที่จะให้ฉันมีสิ่งอื่นที่จะทำ”
“อย่าพึ่งนอกเรื่องนะ!…เอาเถอะ อะไรนะ? พื้นที่พักอาศัยหรอ? นายได้ตั๋วมาแล้วฦ”
“ใช่สิ”
หลินได้พ่นควันออกมาหลังจากคิดอยู่ครู่งหนึ่ง จากนั้นเขาก็อธิบายออกมาอย่างประหลาดใจ
“แน่นอนสิตั๋วมันจะหายไปเมื่อใช้งาน แต่ว่าถ้านายได้จัดการซื้อที่พักอาศัยในพื้นที่นั้น นายก็จะสามารถไปกลับได้ตามที่นายต้องการ นายเพียงแค่จะต้องติดตั้งหินมานาและรับสิทธิ์”
“เดี๋ยวก่อนนะ นายช่วยพูดในส่วนของหินมานาอีกทีสิ?”
“นายไม่รู้หรอว่าหินมานาคืออะไร? นายรู้มั๊ยว่ามันเป็นสิ่งที่จะออกมาจากหัวของมอนสเตอร์? มันเป็นเหตุผลสำหรับความแข็งแกร่งและแปลกประประหลาดของมอนสเตอร์ทางชีวภาพ เหตุผลที่มันแตกต่างจากมนุษย์ ความแตกต่างนี้ก็คือความสามารถในการควบคุมมานาหรือถูกควบคุมโดยมานา”
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ฉันก็นึกได้ถึงบางอย่าง เรื่องราวเมื่อนานมาแล้วที่ฉันได้ยินเกี่ยวกับนักสำรวจดันเจี้ยนเป็นครั้งแรกจากพ่อ
[ในดันเจี้ยนมันมีสิ่งล้ำค่ามากมาย หินมานา อาวุธวิเศษ …เยอะแยะ แถมออร์คที่มีผิวที่เป็นวัสดุใหม่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนบนโลก…]
นั่นไง หินมานา! ตอนนี้ฉันจำได้แล้ว! แต่ว่าในตอนที่ฉันคิดเกี่ยวกับมัน ฉันก็ไม่เคยเห็นหินมานามาก่อนเลยแม้ว่าฉันจะมาถึงชั้นที่ 30 แล้วก็ตาม สำหรับอาวุธเวทย์ หน้าไม้เงินอัตโนมัติที่อยู่ในกระเป๋าฉันก็สามารถจะนับเป็นหนึ่งในนั้นได้เช่นกัน ฉันมีเพียงแค่อันเดียวเท่านั้นเมื่อมาถึงชั้นที่ 30! ไม่วต้องพูดถึงผิวของออร์คที่เป็นแค่วัสดุขยะแทนที่จะเป็นสิ่งแปลกใหม่เลย! ถ้าฉันไปหลายมันทีไหนก็ตาม ฉันจะต้องได้ไปเจอกับคุณตำรวจแน่นอน
ฉันไม่สามารถที่จะหยุดอากาศสั่นได้ในขณะที่คิดถึงสิ่งที่ผ่านมาในอดีต ฉันได้กลายมาเป็นนักสำรวจดันเจี้ยนหลังจากถูกหลอกโดยพ่อ! แน่นอนว่าฉันไม่ได้เสียใจกับเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย แต่ว่าฉันก็ไม่พอใจที่พ่อได้หลอกลวงฉันเกี่ยวกับเรื่องหินมานาที่พ่อไม่เคยจะได้รับมาเลยหรือแม้แต่ไอเทมเวทย์ด้วย ฉันได้สาบานเลยว่าจะแก้แค้นเขา
“ฉันไม่เคยเห็นหินมานามาก่อน”
“ฮะ? เอาล่ะ นั่นก็ถูกแล้วมอนสเตอร์ที่อยู่ต่ำกว่าชั้นที่ 20 ของดันเจี้ยนที่หนึ่งจะอ่อนแอทำให้ไม่มีหินมานา และจากชั้นที่ 20 ไปจนถึงชั้นที่ 40 มอนสเตอร์ทั้งหมดนั้นเป็นอันเดต พวกมันก็เลยไม่มีหินมานา นายจะได้รับมันจากชั้นที่ 41”
“กึ๊ก…”
“ไม่ต้องกังวล ถ้าหากว่านายไปที่ตลาดในพื้นที่พักอาศัย นายก็จะพบกับนักสำรวจคนอื่นๆขายมันได้บ้าง เพียงแค่สุ่มซื้อมันมาซักอันและซื้อบ้านแบบสุ่มๆเหมือนกัน เมื่อนายสามารถจะติดตั้งหินมานาไว้ที่บ้านและผ่านกระบวนการรับสิทธิ์ นายก็สามารถที่จะไปกลับระหว่างบ้านและดันเจี้ยนได้อย่างอิสระ เช่นเดียวกันกับที่นายสามารถจะไปกลับระหว่างดันเจี้ยนกับโลกได้”
“นั่น…ดูเหมือนว่าฉันจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ในดันเจี้ยนได้โดยไม่ต้องกลับไปโลกได้”
เมื่อฉันได้พูดสิ่งที่คิดออกไป หลินก็ได้หัวเราะเยาะอยู่พักหนึ่ง เมื่อฉันสังเกตุมัน เขาได้เปลื่ยนท่าทางออกมาเป็นยิ้มกว้าง สำหรับผู้ชาย เขามีเสน่ห์ของผู้หญิงมากๆซึ่งนั่นมันได้ทำให้ฉันต้องถอยกลับไปก้าวหนึ่ง มันมีเสน่ห์อย่างไม่ต้องสงสัยเลย แต่ว่ามันก็เป็นเสน่ห์ที่ทำให้รู้สึกหนาวสั่น
“แน่นอน นั่นมันเป็นไปได้นะฮีโร่จากโลก”
“…”
“นายจะพบเองเมื่อนายไปที่นั่น แต่ฉันจะบอกนายล่วงหน้าว่าคำว่า ‘หลบหนี’ เป็นสิ่งสิ่งที่ต้องห้าม ถ้านายไม่ต้องการจะเป็นศัตรูกับคนที่อยู่ในพื้นพักอาศัย นายก็อย่าได้พูดคำแนวนั้นออกมา
“หลบหนีหรอ…?”
“ฉันบอกว่ามันเป็นสิ่งต้องห้าม เข้าใจนะ?”
“อะ อื้อ”
“ฟู่…”
เขาได้หยิบบุหรี่อีกอันออกมาและยกขึ้นสูบในขณะที่เรืองแสงขึ้น เมื่อฉันมองไปที่เขาอย่างระมัดระวัง เขาก็ยิ้มและให้คำแนะนำฉัน
“แต่ยังไงก็ตามเพราะว่าพื้นที่พักอาศัยมันมีราคาที่แพงเกินไปที่จะซื้อสำหรับนักสำรวจเพียงคนเดียว นายไม่สามารถจะทำอะไรได้แม้ว่านายจะไปที่นั้น นายจะจบลงด้วยการสูญเสียตั๋วที่พยายามหามาอย่างยากลำบากไปโดยที่ไม่ได้อะไรเลย”
เพราะเขาได้ให้คำแนะนำแก่ฉันตามตรง ฉันเลยได้ตัดสินใจที่จะบอกความจริงกับเขา
“เพราะว่าความสำเร็จบางอย่างที่ฉันได้ทำมันได้ทำให้ฉันได้รับบัตรซื้อคฤหาสน์พิเศษแบบฟรีน่ะ”
“นาย….ทำให้ฉันโกรธ..!”
ขณะที่ฉันคิดว่าการแสดงท่าทางโกรธนั้นแหละที่เหมาะกับเขามากที่สุด! ตั้งแต่ที่ฉันรู้ว่าฉันสามารถเดินไปกลับระหว่างสองสถานที่ได้ในทันทีที่ฉันติดตั้งหินมานา ฉนก็จะต้องไปที่นั่นและซื้อมันซะ! ฉันได้ตื่นเต้นในขณะที่ใช้ตั๋วเข้าสู่พื้นที่พักอาศัย
“อา เดี๋ยวก่อน! ถ้ามันเป็นคฤหาสน์แบบพิเศษ นายก็จะต้องใช้หินมานาที่ตรงกับลักษณะของมัน…!”
เพราะว่าฉันได้ใช้ตั๋วไปแล้ว ฉันก็เลยไม่ได้ยินเสียงของหลินได้อีก เหมือนกับในตอนที่ฉันได้เข้ามาสู่เหตุการณ์ดันเจี้ยน สภาพแวดล้อมรอบๆได้เริ่มละลายไป มันเหมือนกับสนิมที่กำลังไหลออกไปอย่างจากๆ
จากนั้นโลกใบใหม่ก็ได้ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าฉัน
[คุณได้เข้าสู่พื้นที่พักอาศัย]
“อ๊ากกก ฉันตายอีกแล้วที่ชั้นที่ 55”
“คุคุคุ ชั้นที่ 55 มันยากที่จะผ่าน ฉันรู้เรื่องนี้ดีเลยล่ะ มาดื่มกันดีกว่าน่า”
“เว้ยเอ้ย ราชาจะต้องพูดอะไรบางอย่างอีกแน่”
ในขณะที่ฉันกำลังทึ่งกับการเปลื่ยนแปลงอย่างฉับพลัน ชายวัยกลางคนสองคนก็ได้เดินกระแทกฉันไป อย่างแรกฉันได้ถอยห่างออกมาจากพวกเขาและพยายามเอามือไปจับหอกที่อยู่ด้านหลัง
“ฉันจะไม่พูดอะไรมาก ดังนั้นไปดื่มกันซะ”
“กึก ฉันคิดว่านายเป็นเด็กใหม่นะ แต่ว่านายค่อนข้างจะมีทักษะทีเดียว เอาล่ะพวกเราจะไปแล้ว ถือว่ามันเป็นการต้อนรับละกันนะ”
สำหรับการเล็งอาวุธมา เขาโชคดีจริงๆที่ฉันไม่ได้ตัดข้อมือของพวกเขา
เนื่องจากฉันรู้ว่าการจะต่อสู้กันระหว่างนักสำรวจเป็นสิ่งต้องห้าม ฉันได้พูดออกไปหลังจากที่ได้ยินอะไรที่เกี่ยวกับชั้นที่ 55 แม้ว่าจะเป็นนักสำรวจชั้นที่ 55 แต่พวกเขาก็ดูจะอ่อนแอเกินไป
พวกเขาดูเหมือนกับพวกขี้โกหก เพราะว่าฉันยืนอยู่ท่ามกลางความงุนงงในครั้งแรกที่มาพื้นที่พักอาศัย พวกเขาก็ได้พยายามจะเหยียบย่ำจิตวิญญาณของฉันด้วยการพูดถึงชั้นที่ 55 และขโมยอาวุธของฉันไป ถึงแม้ว่าฉันจะอยู่ในความงุนงงก็ตาม แต่การฝึกของฉันมันไม่ได้หละหลวมไปจนที่ฉันจะไม่สามารถจะเกตุเห็นคนที่จะเอาอาวุธไปจากร่างกายฉันได้
หลังจากที่ยืนยันว่านักสำรวจทั้งสองคนออกไปแล้ว ฉันก็ได้มองไปรอบๆ ฉันรู้ได้ทันทีเลยว่าจะอธิบายฉากนี้ยังไง มันเป็นเหมือนกับถนนที่เต็มไปด้วยสีสันของยุคกลางในยุโรป อาคารที่สร้างขึ้นด้วยอิฐที่มีสีสันสวยงามอย่างไม่น่าเชื่อในขณะที่หินที่ปูพื้นก็สวยงามสะอาดปราศจากช่องว่าง
มีสิ่งหนึ่งที่ฉันไม่ค่อยจะเข้าใจนัก มันก็คือสถานที่แห่งนี้ซึ่งมันควรจะอยู่ในดันเจี้ยนด้วยหรอ? มันมีท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเมฆ
นอกเหนือจากความลึกลับแล้ว สถานที่แห่งนี้ก็ยังยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน ได้มีนักสำรวจดันเจี้ยนจำนวนมากเดินไปรอบๆด้วยอาวุธของพวกเขานี่มันเหมือนกับความฝันที่มันเข้ากันอย่างดีกับสถานที่เลย
“เฮ้ นายรูปหล่อคนนั้นน่ะ! นายต้องการ ‘โดราโกนู’ ซึ่งเป็นผลที่อร่อยที่สุดในทวีปไซรอนมั๊ย? ตั้งแต่ที่ทวีปไซรอนถูกทำลายไปแล้ว นายไม่สามารถจะหาโดรากานูได้อีกแล้วนะ!”
สถานที่นี้มีคนที่ขายผลไม้ที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน…
“หอกนั่นมันดูไม่ดีเท่าไหร่นะ นายต้องการที่จะไปรอบๆโลกด้วยอาวุธระดับสูงของเปเซียมั๊ย?”
มีร้านอาวุธมามายที่ขายอาวุธจากโลกที่ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน
“มันพึ่งจะเที่ยงเองนะและนายก็กำลังดื่มอยู่ นายเป็นผู้แพ้! ถ้านายถูกเตะออกจากดันเจี้ยน ก็กลับไปที่โลกของนายอย่างเงียบๆซะสิ!”
“โลกนั่นมันได้ถูกทำลายไปแล้ว!”
แม้กระทั่งหญิงงามที่ปากจัดก็ได้วุ่นวายไปกับการเซิร์ฟเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสาปส่งลูกค้าของเธอ
“อืม มันไม่ได้ใหญ่นัก มันอาจจะมีขนาดพอๆกับเมืองเล็กๆ”
ที่เมืองนี้มันไม่มีที่พักของนักสำรวจ มันเป็นพื้นที่สาธารณะที่สร้างขึ้นมาให้สำหรับนักสำรวจดันเจี้นได้พบปะกัน บางทีการที่ฉันพูดว่ามันเล็กมันอาจจะเป็นการหยาบคายก็ได้ อย่างไรก็ตามสำหรับฉันที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวงของเกาหลีมาตลอดสถานที่นี้มันเล็กจริงๆเมื่อเทียบกัน
แต่ถึงฉันจะพูดแบบนั้น มันก็ไม่ได้หมายความว่าฉันไม่ได้ไม่ชอบสถานที่ที่เต็มไปด้วยนักสำรวจที่มีชีวิตชีวานี้ มันเป็นความสนุกที่กำลังมองหาที่ร้านค้าแต่ละแห่งที่นักสำรวจกำลังวิ่งอยู่ และพลาซ่าน้ำพุที่ฉันได้เดินไปดูมันสวยงามอย่างไม่น่าเชื่อ
เอาล่ะ จากนั้นต่อไปก็สถานที่ๆฉันจะสามารถซื้อคฤหาสน์พิเศษก็คือ… ไม่สิ เดี๋ยวก่อน มีคนที่บอกให้ฉันติดต่อไปเมื่อฉันมาถึงพื้นที่พักอาศัยอยู่
“เพลรูเดีย เธออยู่ในดันเจี้ยนมั๊ย?”
[…คังชินหรอ?]
“ใช่แล้วฉันเอง เธอบอกให้ฉันติดต่อเธอเมื่อฉันมาถึงพื้นที่พักอาศัยนี่ จำได้มั๊ย?”
[..ดะ…เดี๋ยวก่อน ระ รอแปปนึงนะ]
จากนั้นในเวลาสามชั่วโมงฉันก็ได้เดินไปรอบๆพื้นที่พักอาศัย ฉันไม่ได้รับข้อความใดๆจากเพลรูเดียอีกเลย คำพูดของผู้หญิงนี่จริงๆแล้วไม่ใช่สิ่งที่คุณจะสามารถไว้วางใจได้