บทที่ 78 – ภายใต้ดวงจันทร์ทั้งสอง (1)
มันไม่ได้มีความรู้สึกว่าเวลาผ่านไปนานตั้งแต่กลางภาคเลย แต่ว่าปลายภาคมันได้สิ้นสุดแล้วในวันนี้ ซึ่งคะแนนที่ตัดสินของฉันมันค่อนข้างเป็น B+ เป็นอย่างน้อย สติปัญญาโดยพื้นฐานของฉันคือ 20 ซึ่งได้กลายมาเป็น 32 หลังจากได้รับโบนัสเพิ่มขึ้นจากสิ่งต่างๆ! แม้ว่าฉันจะสงสัยว่ามันได้อัพเดตหรือไม่ก็ตาม ฉันก็สามาถจะท่องจำและมีความเข้าใจที่สูงมาก มันไม่ยากเลยที่จะตอบคำถามในบททดสอบของฉัน
“ฟู่ ฉันรู้สึกเหมือนฉันไม่ได้เป็นนักศึกษาจริงๆ มันเหมือนเป็นเพียงแค่การแกล้งทำ”
“นักศึกษาส่วนมากก็รู้สึกแบบนั้น”
เมื่อฉันพึมพัมออกไปในขณะที่เฝ้าดูครูคุมสอบที่ออกไปหลังจากเก็บข้อสอบไป ซู เยอึนก็ได้ตอบกลับมาในขณะที่เหยียดยาวอยู่บนโต๊ะ เธอมีใบหน้าที่แสดงให้เห็นว่าในที่สุดเธอก็มีอิสระ แม้ว่าเธอจะทำงานน้อยกว่าฉัน แต่เกรดของเธอก็ไม่ค่อยดีเท่ากับของฉัน มันอาจจะเป็นผลมากจากการยกระดับสติปัญญาของฉัน
ด้วยการสอบในวันนี้ปลายภาคเรียกก็ได้จบลง มันดูเหมือนว่าจะไม่มีการสอบอีกแล้วในห้องบรรยาย สำหรับกลุ่มนักเรียนที่พักอยู่หลังจากที่อาจารณ์ออกไปและพูดคุยกัน
“ชิน”
“ว่าไง?”
ฉันได้ตอบซู เยอึนกลับไปในขณะที่มองตามนักเรียนที่อยู่หน้าห้องบรรยาย
“มันก็ถึงฤดูหนาวแล้วนะ แผนของนายคืออะไรหรอ?”
“ฉันจะอยู่ในดันเจี้ยน”
“….หือ?”
“ในห้องของฉัน เล่นเกมน่ะ”
“ฉันคิดว่าของฉันดีกว่านายนะ”
ไม่ว่ายังไงฉันก็ได้ทำข้อสอบของฉันเสร็จแล้ว ฉันได้ยืดตัวขึ้นและเก็บของลงกระเป๋าไป ซู เยอึนได้พยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เธอก็ลังเล มีเพียงสถานการณ์เดียวที่เธอไม่สามารถจะพูดคำนั้นออกมาได้ ฉันได้หันไปรอบๆ มีคนอยู่สามคนสองคนเป็นผู้หญิงและอีกหนึ่งเป็นผู้ชาย พวกเขาทั้งหมดต่างก็สวยและหล่อ
“เฮ้ นายคือคังชินใช่มั๊ย?”
“ใช่แล้ว”
“อา พวกเราเป็นนักศึกษาใหม่เหมือนกันดังนั้นนายไม่ต้องสุภาพหรอ อืม นายมาจากโรงเรียนม.ปลายใช่มั๊ย?”
“นายอยากจะโดนฉันต่อยใช่มั๊ย?”
พวกเขาได้ถามออกมาด้วยท่าทางที่ผ่อนคลายมากขึ้น
“มันมีแคมป์กัน นักศึกษาทุกคนก็กำลังจะมากัน”
“ทั้งหมดหรอ? แผนกธุระกิจทั้งหมดด้วย? พวกเรามีมากกว่า 400 ตนนะ”
“ใช่แล้ว มันเป็นเการเฉลิมฉลองการสิ้นสุดปลายภาคของการศึกษาแรก เราทุกคนจะไปกันตั้งแต่วันศุกร์จนถึงวันเสาร์”
“นั่นมันพรุ่งนี้สินะ! ขอผ่านล่ะ”
ฉันได้สะบายกระเป๋าขึ้น จากนั้นชายคนนั้นก็ได้ก้าวมาขวางฉัน
“พวกนายไม่ค่อยได้ไปเที่ยวกับคนอื่นๆเลยนะ จากสิ่งที่ฉันได้ยินมาพวกนายก็ไม่ได้ไปงานปาตี้เปิดภาคเรียนเลยนี่นา ไม่มีใครที่รู้จักหมายเลขโทรศัพท์ของพวกนายเลย
“ก็เพราะว่าฉันไม่ได้บอกใคร ฉันไม่รู้จริงๆว่าทำไมนายถึงต้องการให้คนโดดเดี่ยวแบบฉันไปแคมป์…”
ฉันสงสัยจริงๆเลย นี้มันเป็นแวดวงสังคนของฉันหรอ? ฉันพอใจกับคนที่ฉันรู้จักในดันเจี้ยนมากกว่า ในฐานะสำหรับมหาลัยแค่ฉันมีซู เยอึนก็พอแล้ว เพราะว่าฉันไม่ต้องการที่จะมีส่วนร่วมกันคนอื่นๆ ฉันก็เลยไม่ได้คุยกับใครและเพียงแค่ตอบกลับไปอย่างสุภาพกับคนที่มาคุยกับฉันก่อน ในสำหรับงานโปรเจค ฉันเพียงแค่ข้ามมันไป ใครจะไปมีเวลาสำหรับมันกัน? ฉันจะต้องไปดันเจี้ยนนะ!
คราวนี้เป็นผู้หญิงอีกคนก้าวมาข้างหน้า
“มีคนจำนวนมากที่ต้องการจะเข้าใกล้พวกนาย นายทั้งสองคนเป็ฯคนที่มีชื่อเสียง”
“ซู เยอึน เธอคนนั้นบอกว่าเธอมีชื่อเสียงน่ะ มันดีสำหรับเธอเลยนะ”
“เธอบอกเกี่ยวกับนายมากกว่า!”
“ยังไงก็ตาม! พวกนายจะต้องมางานแคมป์นี้! พวกเราจะออกจากโรงเรียนในเวลาบ่ายสามโมง ดังนั้นจงมารอที่นั่น”
หญิงสาวอีกคนก็มองมาที่ฉันและย้ำออีกครั้ง จากนั้นเธอก็แม้แต่บังคังเอาเบอร์โทรศัพท์ของฉันไป ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอจะต้องโทรมาจิกฉันแน่ๆถ้าฉันไม่ได้ ฉันได้เฝ้ามองทั้งสามคนจากไปเหมือนกับในตอนที่เข้ามา จากนั้นฉันก็ถามกับซู เยอึน
“ไม่ใช่ว่าคนปกติจะไม่ออกไปข้างนอกคนเดียวหรอ? พวกเขาไม่ได้ไปไกลมากใช่มั๊ย?”
“ไปกันเถอะ”
ซู เยอึนได้เมินเสียงของฉันโดยสมบูรณ์และเดินต่อไป ดวงตาของเธอได้เป็นประกาย
“มันฟังดูสนุกนะ!”
“ดูมีความสุขนี่”
“ไปด้วยกันเถอะ ได้มั๊ย? ไปกันนะ!”
“ฟู่”
ฉันได้กลายเป็ฯจมอยู่ในความคิด ถ้าฉันสามารถจะขึ้นไปจนถึงชั้นที่ 35 ได้ในช่วงท้ายของวันนี้ถ้างั้น…ใช่แล้ว ถ้าฉันทำสำเร็จในการต่อสู้กับประจำชั้นสามครั้งในวันพรุ่งนี้ ถ้างั้นฉันก็สามารถจะไปแคมป์ได้โดยที่ไม่ต้องเสียอะไรมาก นอกจากนี้การไปแคมป์มันก็ดูไม่เลวเลยนะ เพราะว่าพวกเขาได้เดินผ่านปัญหามาชวนฉัน ฉันจะรู้สึกไม่ดีถ้าฉันไม่ได้ไป
“เอาล่ะ ฉันจะไป”
“โว้ว! แค่พวกเราสองคน…ฉันหมายความว่าแคมป์มันน่าสนุกกับพวกเราทั้งคู่น่ะ!”
“เธอกำลังจะบอกว่ามันสนุกดีเพราะมันไม่ใช่แค่เราสองคนหรอ?”
“อูววว ไม่!”
ฉันได้ลงโทษซู เยอึนด้วยการดีดหน้าผากของเธอ แค่คิดเกี่ยวกับทุกครั้งที่เธอทำให้ฉันต้องไปกินเฟรนฟรายกับเธอฉันก็เครียดขึ้นมา!
“ฉันจะไม่ไปกินเฟรนฟรานกับเธอในวันนี้”
“ทำไม!?”
“เธอต้องการที่จะให้ฉันไปแคมป์ ฉันจะต้องไปจัดการกับดันเจี้ยนก่อนถ้าฉันต้องการจะไปแคมป์”
“หืออ นายมักจะพูดเกี่ยวกับดันเจี้ยนนูนดันเจี้ยนนี้…มันมีอะไรที่นห้าสนุกกับการต่อสู้กับมอนสเตอร์ที่น่ากลัวกัน? ไม่ใช่ว่าการไปเที่ยวกับฉันมันน่าสนุกกว่าหรอ?”
ฉันได้แหย่ให้แก้มของซู เยอึนพ่องขึ้นและให้คำแนะนำกับเธอ
“ถ้าเธอไม่แก้ทัศนคติของเธอ เธอจะต้องตกอยู่ในอันตรายซักวันหนึ่ง”
“…แต่ว่า”
“ถ้าเธอต้องการที่จะแก้ไขมันให้บอกกันฉัน ฉันจะช่วยเธอเอง”
ซู เยอึนเป็นโรคกลัวมอนสเตอร์แต่ว่าโรคนี้มันสามารถจะแก้ไขได้ เธอจะต้องขับไล่ความกลัวออกไปจากใจ มันจะไม่สามารถจะแก้ไขได้ถ้าเธอไม่ต้องการจะทำมัน ซู เยอึนจะต้องเสียใจในซักวันหนึ่ง ฉันเลยได้คำแนะนำกับเธออย่างจริงจัง ซู เยอึนได้หยัดหน้าอย่างนุ่มนวล
“ใช่…ซักวันหนึ่ง”
“เอาล่ะ ฉันไปล่ะ”
ฉันได้บอกลาซู เยอึนและหันหลังจากไป สำหรับเหตุผลบางอย่างฉันรู้สึกถึงการจ้องมองของนักเรียนคนอื่นๆได้มองมาที่หลังของฉันในตอนที่ฉันออกไป ฉันพยายามจะเมินมันอย่างดีที่สุดรวมไปถึงเสียงกระซิบด้วย
“พวกเขาจริงๆแล้วจะไปหรอ?”
“พวกเขาบอกว่าพวกเขาจะไปแคมป์”
“อ๊า ฉันจะต้องทำให้เขาเป็นของฉัน!”
“ใช่แล้ว เก็บไปฝันแน่เลยล่ะ”
*****
ชั้นที่ 31 มันเงียบบมาก แม้ว่าเมื่อฉันตะโกนไปว่าเริ่มการสำรวจมันก็ไม่มีมอนสเตอร์ปรากฏออกมา เมื่อนั้นฉันก็คิดว่ามันจะต้องมีอะไรแปลกๆเกินขึ้นเมื่อฉันเดินไปข้างหน้า ทางเดินมันเป็ฯเหมือนอย่างเคย
สิ่งเดียวที่แตกต่างออกไปก็คือมีชุดเกราะของยุคกลางอยู่ที่นี่ พวกหุ่นแต่ละตัวต่างก็ถืออาวุธในแบบของตัวเองเช่นดาบ หอก เรเปีย เอาไว้ แม้ว่าพวกมันจะไม่เคลื่อนไหวใดๆ แต่การปรากฏตัวของพวกมันก็สร้างความเคร่งขรึมและน่าสงสัย
“ต้องเป็นพวกนี้ใช่มั๊ย?”
พวกมันไม่ได้มาอยู่ในที่แห่งนี้จนมาถึงตอนนี้ พวกนายคิดว่าฉันจะไม่สังเกตุเห็นเพียงเพราะพวกนายยืนนิ่งงั้นหรอ? ฉันได้พุ่งเข้าไปใส่เกราะที่ใกล้ที่สุดทันที เมื่อฉันได้เข้าใกล้มันเกราะก็เริ่มส่งเสียงและขยับตัว แม้ว่าดาบในมือของมันจะดูเหมือนหนักและแหลมคม แต่นั่นมันก็ไม่สำคัญหรอกตราบใดที่ฉันไม่โดนมัน
“ริยู!”
[บรูววววว!!]
ด้วยการขี่เธอ ริยูได้ร้องออกมาอย่างมีชีวิตชีวาและชนกับเพราะนั่นด้วยร่างกายของเธอ ส่วนหนึ่งที่แข็งตัวได้ตกลงไปพ้นพื้น จากนั้นฉันก็ใช้หอกที่มีสายฟ้าสีทองจากไพก้าแทงเข้าไปในส่วนที่ถูกแช่แข็งของเพราะ ในขณะนั้นก็ได้มีแสงวาบขึ้น
[ติดริติคอล]
เกราะมันได้แตกออก และดาบที่ไร้เจ้าของก็ได้หล่นกระแทกลงบนพื้นด้วยเสียงดังและครู่หนึ่งก็กลายเป็นละอองหายไป ฉันได้รู้สึกประหลายใจมากที่ไพก้าและริยูร่วมมือกันได้ดีเลยทีเดียว
เกราะอันนี้มันไม่มีกระดูกซึ่งนั่นมันหมายความว่าฉายานักสำรวจมันใช้ไม่ได้กับสิ่งนี้ แม้อย่างนั้นเกราะก็ยังแตกภายในการโจมตีคริติคอลเพียงครั้งเดียว ไม่สิ พวกนี้มันเพียงแค่อ่อนแอเพราะพึ่งเริ่มหรอ? สำหรับการทดสิอนนี้ ฉันได้ลงมาจากริยูที่เตรียมพร้อมสำหรับเกราะตัวต่อไปและใช้เพียงหอกที่เสริมด้วยสปิริตออร่า ฉันได้แทงมันไปสี่ครั้งและเกราะก็พังลง
“โอ้ น่าทึ่งมากริยู”
[ฉันทำได้ดีใช่มั๊ย? ฉันทำได้ดีสินะ?]
“ใช่แล้ว เธอทำได้ดีมาก”
มันดูเหมือนรริยูจะทำอะไรได้มากกว่าเพียงแค่ให้ฉันขี่ ในขณะเดียวกันภูติธาตุอีกตนก็เอ่ยขึ้นมา
[นายท่านไม่ชมฉัน…]
“ไม่ แน่นอนเลยไพก้าก็ทำได้ดีเหมือนกัน พวกเราจะทำได้ไม่ดีเท่านี้ถ้าไม่มีเธอ”
[จริงหรอ?]
“แน่นอนเลย”
[เอะเฮะๆ ขอบคุณนายท่าน]
ถึงแม้ว่าจริงๆแล้วฉันจะไม่ได้รู้สึกถึงมันในตอนมีธาตุเพียงตนเดียว แต่ตอนนี้ฉันในตอนที่ฉันมีธาตุสองตรฉันได้รู้สึกเหมือนกับว่าฉันกำลังเดินทางกับเด็กสองคน ไม่ว่ายังไงฉันก็จะต้องเอาใจใส่ในความน่ารักของพวกเขา
สำหรับผู้ใช้ธาตุการติดต่อกับภูติธาตุเป็นสิ่งที่พิเศษมากๆและมีความสุขที่จะทำมัน เมื่อเทียบกับเมื่อตอนที่ฉันเป็นนักสำรวจดันเจี้ยนปกติแล้ว ฉันรู้ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆและทำอะไรมากขึ้นหลังจากที่ได้กลายมาเป็นผู้ใช้ธาตุ อย่างไรก็ตามฉันไม่เคยเสียใจเลยกับการได้กลายมาเป็นผู้ใช้ธาตุและเริ่มสามารถจะพบกับธาตุของฉันได้
หลังจากที่ฉันชมเชยธาตุของฉันเสร็จฉันก็มองขึ้นไป มีเกราะที่เรียงรายกันไปตามทางเดินเหมือนกับของตกแต่งตามรายทาง พวกมันได้เข้ามาหาฉันพร้อมกับอาวุฑในมือ พวกมันเหล่านี้ฉันควรจะใช้พายุธาตุพัดปลิวไปดีมั๊ย? ฉันต้องต้องรีบไปต่อ แต่ว่าพวกมันไม่ยอมขยับตัวเลย อย่างที่ฉันคิดพวกมันหนักเกินไป
ฉันได้แก้ไขท่านั่งบนหลังของิยู และเองตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยพร้อมกลับเล็งหอกไปด้านหน้า ฉันได้ลดจำนวนมานาที่ใส่ลงไปในสปิริตออกร่าและเน้นไปที่ริยูแทนมันเป็นผลให้ปริมาณพลังเยือกแข็งออกมาจากร่างของริยูอย่างมหาศาล
ฉันได้ลูบหัวริยูและพูดออกมา
“ริยูไปกันเถอะ”
[โอเค!]
“ไปเลย!”
[บรูววววววว!]
ริยูได้หอนออกมาแล้วพุ่งออกไปข้างหน้า ในช่วงเวลาที่เธอเริ่มต้นวิ่ง ความเร็วของเธอก็รวดเร็วมามันเหมือนกับฉากแฟรชในฟิมหนัง ชุดเกราะแต่ละตัวต่างก็เหวี่ยงอาวุธมาที่ริยูและฉันเพื่อที่จะกันทางข้างหน้า อย่างไรก็ตามริยูไม่ใช่หมาป่าปกติ ก่อนที่อาวุธจะสัมผัสพวกเรา พวกเราก็ได้ทำให้เกราะมีชีวิตกลายเป็นน้ำแข็งไปแล้ว
จากนั้นฉันก็ได้ทำลายให้ร่างกายมันแตกออกเป็นเสี่ยงๆด้วยหอกสายฟ้าของฉัน
[คุณได้รับทอง 400!]
[คุณได้รับทอง 420!]
[คุณได้รับ ชิ้นส่วนของเกราะมีชีวิต!]
[คุณได้รับทอง 430!]
[คุณได้รับ ชิ้นส่วนของเกราะมีชีวิต!]
“คุฮ่าห์ นี้มันสนุกมาก! ริยูไปให้เร็วขึ้นอีกกันเถอะ!”
[บรูววววว!]
เธอได้เร่งสปีดขึ้นจริงๆ! หากไม่มีทักษะการขับขี่ฉันก็จะต้องถูกกระแทกตกไปจากหลังของเธอนานแล้ว ในตอนนี้พวกเรารวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ เกราะจำนวนมากมายได้ตื่นขึ้นมาและเข้ามาลุบรวมเรา อย่างที่คาดพวกมันเหล่านี้ก็มีเพียงแค่จำนวนที่แข็งแกร่งเท่านั้น
หวือ! หวือ!
“ฮึบ!”
มีอาวุธมากกว่าห้าอันโจมตีมาที่ฉันจากด้านหน้า ฉันได้เพิ่มแรงที่แขนมาขึ้นและทำให้อาวุธของพวกมันพังลงไป จากนั้นพลังเยือกแข็งของริยูก็ได้ทำให้พวกมันหยุดนิ่งกับที่ มีเพียงแค่เสียงของเกราะมีชีวิตเท่านั้นที่ดังขึ้น แต่ว่าในตอนนี้พวกมันได้ถูกแช่แข็งจนเงียบสนิทไปแล้ว จริงๆตอนนี้พวกมันดูไม่ต่างไปจากเกราะธรรมดาเลย
แม้ว่าในขณะที่ฉันไปข้างหน้าบนหลังของริยู ฉันก็ได้จับเกราะมีชีวิตที่ถูกแช่แข็งและส่งพวกมันไปกระแทกกับกำแพง
“พวกชุดเกราะคอสเพลโง่เง่า!”
[คุณได้รับ 410 ทอง!]
[คุณได้รับ 440 ทอง!]
ด้วยอัตราอย่างนี้ฉันสามารถจะจบชั้นที่ 31 ได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง! ด้วยร้อมยิ้มที่รุนแรงบนใบหน้าของฉัน ฉันได้ยิ้มให้ริยู
“ริยู วิ่ง! เร็วขึ้นอีก!”
[บรูววววววววววววว!]
“เข้ามาหาฉันทั้งหมดในทีเดียวเลยเจ้าพวกอาหารกกระป๋อง!”
พวกมันมีความคล้ายกันยังไงงั้นหรอ? พวกมันต่างก็มีอะไรที่ว่างเปล่าอยู่ภายในไง!
ด้วยแบบนี้ฉันและริยูได้กวาดผ่านชั้นที่ 31
ในก่อนหน้านี้ฉันจะใช้ทักษะพุ่งของฉันเพิ่มวิ่งผ่านชั้นต่างๆ แต่ในระหว่างนั้นฉันก็จะต้องคอยดูแรงของฉันและการโจมตีของศัตรูไปด้วย แต่ในตอนนี้ฉันมีริยูแล้วผู้ที่วิ่งได้เร็วกว่าฉันและแม้แต่ป้องกันการโจมตีที่เข้ามาได้อีกด้วย การเคลียร์มันก็ได้ใช้เวลาที่สั้นลงอย่างมาก ด้วยแบบนี้ฉันก็สามารถจะเห็นท่าทางบูดบึ้งของหลินได้ในเวลาอีกเพียงแค่ 3 ชั่วโมง
นี่มันคือความลับก็คือฉันรู้สึกสนุกไปกับการแสดงออกของเขามากๆ