บทที่ 79 – ภายใต้ดวงจันทร์ทั้งสอง (2)
จากชั้นที่ 1 จนถึงชั้นที่ 5 นั้นจะมีมอนสเตอร์ที่แตกต่างกันไปในแต่ละชั้น อย่างไรก็ตามจากชั้นที่ 6 ขึ้นไปมอนสเตอร์จะปรากฏตัวในรูปแบบที่กำหนดเอาไว้ ชั้นต่างๆมันจะใช้บอสประจำของชั้นนั้นๆเป็ฯตัวตั้งประเภทของมอนสเตอร์
ชุดเกราะบนชั้นที่ 32 ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากชุดเกราะมีชีวิตในชั้นที่ 31 มากนัก นอกจากว่าพลังโจมตีของมันแข็แกร่งขึ้นและมีจำนวนมากขึ้นก็เท่านั้นเอง อย่างไรก็ตามเพราะว่าทางเดินมันได้ยาวขึ้นฉันก็เลยต้องใช้เวลาถึง 5 ชม.ในการผ่านชั้นที่ 32 ถึงแม้ว่าฉันจะคุ้นเคยกับพวกมันแล้วก็ตาม
ตอนนี้มันถึงเวลาเที่ยงคืนแล้ว แต่ว่าหลังจากที่ค่าความทนทานของฉันได้ทะลุไปถึงจุดหนึ่ง ฉันก็ต้องการนอนเพียงแค่ 3 ชม.เท่านั้นเพื่อที่จะฟื้นคืนความเมื่อยล้าในระหว่างวัน บวกกับฉันสามารถไปต่อได้ประมาณสี่วันโดยที่ไม่ต้องนอนได้อีกด้วยและมันจะสมบูรณ์แบบ แม้ว่าแม่จะบอกว่าฉันจะไม่สูงถ้าฉันไม่ได้นอน แต่ว่าฉันจะต้องเป็นทุกข์แน่ๆถ้าฉันสูงขึ้นอีก
ฉันจะต้องไปถึงโรงเรียนตอนบ่ายสามและเวลาเดินทางไปที่นั่นคือ หนึ่งชั่วโมง เพราะว่าแม่เชื่อว่าฉันจะล้มลงจากความหิวแม่ก็เลยได้ทำอาหารเช้าให้ฉัน ฉันได้กินข้าวตอน 9 โมงเช้า หลังจากนั้นฉันก็วางแผนที่จะอาบน้ำ นอนสามชั่วโมง และตื่นขึ้นมาล่าบอสประจำชั้นก่อนที่จะออกไปโรงเรียนในบ่าย 2 ปัญหาเพียงอย่างเดียวก็คือฉันจะต้องเคลียร์ชั้นที่ 34 34 และ 35 พร้อมทั้งต่อสู้กับบอสอย่างน้อยหนึ่งครั้งภายใน 9 ชั่วโมง
“ริยูเราต้องเร็วขึ้นอีกหน่อย”
“โอเค! ฉันรู้สึกเยี่ยมมาก!”
แน่นอนว่าในระหว่างนี้ฉันก็จำเป็นต้องดื่มมานาโพชั่นมูลค่า 10 ล้านวอนต่อขวด
หลังจากที่ขวดมานาระดับกลางได้หมดไปซึ่งมันมีคูลดาวน์ 10 นาทีและเพิ่มมานา 3000 ฉันได้ปรับท่าบนหลังของริยูและชี้หอกไปด่านหน้า เหมือนกับที่ชั้นเคยทำในตอนที่ผ่านชั้น 32 เมื่อริยูสังเกตุเห็นว่าฉันพร้อมแล้วเธอก็เริ่มวิ่งออกไป ชุดเกราะมีชีวิตในชั้นที่ 33 มันไม่ได้พยายามที่จะซ่อนตัวและเริ่มโจมตีฉันจากทุกทิศทาง ฉันได้หมุนหอกในมือและฟาดพวกมันไปอย่างต่อเนื่อง
“ฮ่าาาาห์!”
แม้ว่าเป้าหมายของฉันจะคือไม่ให้พวกมันเข้ามาใกล้ฉันมากกว่าที่จะฆ่าพวกมัน ฉันก็ได้ฟาดหอกและทำลายพวกมันในทันทีที่ฉันเห็นช่องว่าง เพียงแค่อยู่บนริยู ฉันก็อยู่เหนือเหล่าเกราะมีชีวิต พลังแห่งการทำลายล้างจากการโจมตีด้วยหอกที่ปกคลุมด้วยสปิริตออร่าไม่ใช่อะไรที่จะมาเยาะเย้ยได้เลย เกราะมีชีวิตมันจะไมม่ตามจนกว่าที่เกราะจะแตกไปอย่างสมบูรณ์ นั่นหมายความว่าการโจมจุดตายมันไม่ได้ผล นี่เลยเป็นเหตุผลที่ทำไมฉันถึงสนุกกับการทุบตีพวกมันจากเบื้องบน
อย่างไรก็ตามหลังจากฉันทำลายเกราะตัวที่ห้าและกำลังไปต่อ ก็ได้มีอะไรมากอย่างเข้ามาปะทะฉัน
“แค่ก”
[บรูวววววว!]
“เคร๊ง เคร๊ง”
หลังจากที่รู้ตัวว่าถูกโจมตีริยูก็ได้รีบสร้างกำแพงน้ำแข็งขึ้นรอบตัวเราเพื่อป้องกันการโจมตีที่จะตามมาและให้โอกาสฉันตั้งตัว หลังจากที่ฉันได้มองออกไปที่ริยูเธอไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและฉันได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก หลังจากนั้นฉันก็ตรวจสอบพลังชีวิตของฉันเอง ด้วยการโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียวพลังชีวิตของฉันได้ลดลงไป 10%
มันคืออะไร? ฉันได้เห็นกระบองเล็กครั้งที่สอง แต่ว่าฉันได้ทำลายเกราะที่ใช้กระบอกเหล็กไปแล้วนะ ฉันเห็นชิ้นส่วนมันหายไปเอง ดังนั้นฉันจึงเข้าใจผิดบางอย่างไป ในกรณีแบบนนี้คำตอบดังกล่าวมันเห็นได้ชัดว่า
“วูบ วูบ”
“กระบองเหล็กมันขยับเองและโจมตีฉัน”
เมื่อฉันเห็นกระบองเหล็กลอยขึ้นเหนือกำแพงและโจมตีมาที่ฉัน ฉันก็ได้ตีมันด้วยหอก ตามที่คาดเอาไว้มันไม่มีใครถือกระบองเหล็กอยู่ สปิริตออร่าของฉันมันได้ระเบิดใส่กระบองเหล็กและทำให้มันแตกออกในทันที
แน่นอนว่าในตอนนี้ฉันได้รู้ตัวตนของมันแล้ว มันเป็นอาวุธบินได้! เหมือนกับเกราะมีชีวิตที่เคลื่อนไหวด้วยตัวเอง อาวุธบินได้ก็เคลื่อนไหวด้วยตัวเองเช่นกันราววกับว่าพวกมันได้ถูกควบคุมด้วยวิญญาณ ฉันควรจะคิดถึงมันตั้งแต่ที่ฉันเห็นเกราะมีชีวิตแล้ว แต่ว่าฉันไม่คิดว่าชุดเกราะมีชีวิตจะโจมตีด้วยอาวุธบินได้ พวกมันได้หลอกฉันได้อย่างดี
[เจ็บไหม? ขอโทษนะ ฉันไม่คิดว่ามันจะขยับได้]
[นายท่านบาดเจ็บ! เจ้าโง่!]
“ฉันไม่เป็นไร ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน มันเป็นความผิดของทุกคนแหละ เพียงแต่ว่าเราจะไม่ทำมันพลาดอีกครั้ง”
หลังจากที่ฉันปลอบริยูที่รู้สึกผิดและไพก้าที่กำลังหงุดหงิดกับริยู ฉันก็ได้ตั้งท่าทางกลับมา แม้ว่าไหลของฉันจะยังคงสั่นอยู่จากผลกระทบของกระบองเหล็ก แต่ Hp ของฉันก็ลดไปเพียง 10% เท่านั้น ฉันเป็นนักสำรวจดันเจี้ยนมาเป็นเวลา 5 ปีแล้ว ฉันเติบโตขึ้นมาโดยไม่สนใจต่อความเจ็บปวดแค่นี้มานานแล้ว
“จากนี้ไปเรามาทำลายอาวุธพวกนั้นกันเถอะ”
[ในคราวนี้ฉันจะทำให้ดียิ่งขึ้น]
ฉันได้หยิบหอกขึ้นมาอีกครั้ง ตอนที่กำแพงน้ำแข็งพังลงจากการโจมตีอย่างต่อเนื่องจากชุดเกราะ ฉันได้แตะไปที่ริยูเล็กน้อยแล้วจากนั้นด้วยเสียงหอนริยูก็เริ่มวิ่งออกไปข้างหนา
[บรูวววววว!]
“หยุดซ่อนตัวและมาสู้กับฉันซะ เจ้าพวกเค้กข้าว!”
[คุณได้ใช้ทักษะยั่วยุ ศัตรูทั้งหมดที่อยู่ใกล้ๆได้ถูกดึงความสนใจ]
ชุดเกราะทั้งหมดที่กระจายตัวกันอยู่ได้เริ่มวิ่งมาหาฉันด้วยเสียงดัง ฉันได้ไปรอบๆบนหลังของริยูและรวบรวมมันไว้ด้วยกัน ในขณะที่วิ่งอยู่นั้นก็มีอาวุธจำนวนมากมมาขวางทางของริยู เธอก็ได้กระโดดความมันไปอย่างชาญฉลาดและเปลื่ยนทิศทางไปรวบรวมพวกมันทั้งหมดเข้าด้วยกัน
แม้ว่าฉันจะต้องเผชิญหน้ากับชุดเกราะจำนวนมาก ฉันก็ยังคงทำมันต่อ ฉัยได้หบุดลงหลังจากที่วิ่งได้ครบรอบหนึ่งไปในพื้นที่กว้างๆของทางเดิน ที่นั่นเกราะมีชีวิตได้อยู่ในความสับสนและโจมตีกันเอง จากนั้นฉันก็ได้ล็งหอกของฉันไปที่ชุดเกราะมีชีวิตที่รวบกันอยู่และตะโกนออกไป
“พายุธาตุ!”
[พวกเรากำลังรออยู่เล้ว!]
[โว้ว มันจะหมุนๆ!]
[เฮ้! ฉันเป็นคนแรก!]
…ด้วยเหตุผลบางอย่างมันดูเหมือนชื่อของฉันจะได้เริ่มแพร่กระจายออกไปในหมู่ภูติธาตุ มันเป็นความรู้สึกแปลกๆ แต่ไม่ว่ายังไงก็ต้องขอบคุณพวกธาตุต่างๆที่มีแรงบันดาลใจที่มากล้น ฉันสามารถจะใช้งานนพายุธาตุได้ในเวลาที่สั้นมากกว่าพปกติ ในขณะเดียวกันฉันก็ได้ใช้มานาไปเพียงครึ่งหนึ่ง ผลของมันชัดเจนมาก พายุธาตุที่ฉันสร้างขึ้นจากการรวมตัวกันของธาตุทุกประเภท ฉันไม่เคยเสียใจที่ใช้ทักษะนี้เลย
พายุธาตุได้กวาดเข้าใส่เกราะมีชีวิตทั้งหมดและทำให้พวกมันแตกเป็นเสี่ยงๆ เสียงการแตกกระจายได้ดังเป็นซิมโฟนีย์
[คุณได้รับ 500 ทอง]
[คุณได้รับ 450 ทอง]
[คุณได้รับชิ้นส่วนของอาวุธลอยได้]
[คุณได้รับชิ้นส่วนของชุดเกราะมีชีวิตได้]
….
ฉันได้โบกมือเพื่อกำจัดข้อความที่วุนวายนี้ ด้วยมอนสเตอร์จำนวนมากมายได้หายไปภายในครั้งเดียว ทางเดินในตอนนี้ได้เปิดกว้างของทำให้มันดูน่ายินดีนัก
ฉันเปิดเปิดมานาโพชั่น 10 ล้านวอนไปอีกขวดแล้ว แม้ว่าฉันจะสามารถล่ามันโดยไม่ใช้มานาได้ แต่ว่ามันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำต่อไปเรื่อยๆโดยไม่ใช้พวกมัน หลังจากที่เขาพบว่าเงินที่เข้ามามันมากกว่าฆ่าใช้จ่ายมันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องเก็บมันไว้
เพราะแบบนี้ฉันก็เลยได้กลายเป็นชายที่ใช้ 10 ล้านวอนในทุกๆ 10 นาที อย่างไรก็ตามทุกๆสองหรือสามเกราะมีชีวิตจะดรอปเงินมาประมาณ 500 ทองซึ่งมันหมายความว่าพวกมันแค่ 20 ตัวก็สามารถจะชดเชยได้แล้ว นักสำรวจดันเจี้ยนจงเจริญ!
“ฟู่ นี้มันรู้สึกยอดมา ริยูไปกันต่อเถอะ”
[บรูวววววววว!]
ชั้นที่ 33 ได้ถูกเคลียร์ด้วยความพยายามรวมกันของฉันและธาตุต่างๆภายในเวลา 3 ชม.เท่านั้น
อย่างไรก็ตามเริ่มต้นจากชั้นที่ 24 มันมีมัมมี่ผสมอยู่ในเกราะมีชีวิตและอาวุธลอยได้ มัมมี่มันเป็นมอนสเตอร์ที่ห่อตัวด้วยผ้ามันแผลและมันจะยิงผ้าพันแผลออกมาเพื่อมัดศัตรูของพวกมัน เกราะมีชีวิตและอาวุธลอยได้ก็จะสามารถกำจัดศัตรูที่ถูกมัดได้อย่างง่ายดาย มันเข้าใจได้ง่ายเลยว่าทำไมผู้คนจำนวนมากถึงต้องทุกข์ใจจากการโจมตีผสานกันของพวกมัน ฉันสามารถจะเข้าใจรอยยิ้มที่หลินมองมาที่ฉันในตอนที่ฉันก้าวมาที่ชั้นที่ 34 โดยที่ไม่ซื้ออะไรไปเลยจากร้านค้า
แต่แน่นอนว่ามัมมี่มันไม่ได้เป็นอันตรายต่อฉัน
[มนุษย์! มนุษย์ที่มีชีวิต!]
[ข้าต้องการร่างกายของเขา!]
[เอามันมา!]
เมื่อฉันวิ่งไปเจอมัมมี่สามตัวในขณะที่วิ่งผ่านชั้นที่ 34 พวกมันแต่ละตัวต่างก็ยิงผ้าพันแผลมาทางฉัน ถึงแม้ว่าผ้าพันแผลมันจะดูคล้ายเศษผ้าบางๆแต่มันกลับทนทานเป็นอย่างมาก ดังนั้นฉันเลยไม่สามารถจะตัดมันได้ด้วยหอกของฉันในการฟันเพียงครั้งเดียว ครู่หนึ่งผ้าพันแผลทั้งเก้าก็ได้มาถึงฉัน ฉันได้ถือหอกไว้ในเส้นทางของพวกมัน ในตอนที้ผ้ามันมามัดหอกของฉัน ฉันก็ได้ถือหอกแน่นและเริ่มหมุน
[เอ๊ะ ข้าไม่สามารถจะดึงมันมาได้!]
[เขาแข็งแกร่งเกินไป!]
[ผ้าพันแผลที่ล้ำค่าของข้า!]
พวกนายไม่ควรจะยิงมันออกมาทั้งหมดในทางเดียวกันนะ! ฉันไดึงหอกที่พันไว้ด้วยผ้าทั้งเก้า และมัมมี่ที่อยู่ใกล้ๆก็ไม่สามารถจะยืดผ้าได้อีกต่อไป ด้วยการเฝ้าดูนี้ฉันได้ตระหนักว่าฉันได้รับความแข็งแกร่งมามากแค่ไหน ฉันสามารถจะสู้กับมอนสเตอร์ในเลเวลเดียวกันกับฉันด้วยแรงเพียวๆเลย แม้ว่าฉันจะไม่ใช่เผ่ามนุษย์สัตว์ก็ตาม
“ไพก้า!”
[โซ่สายฟ้า!]
เมื่อฉันปล่อยมานาลงไปในหอกและตะโกนชื่อของไพก้า เธอก็ได้ใช้เวทย์ที่ฉันคิด พลังงานสายฟ้าได้เริ่มไหลออกจากหอกของฉันไปตามผ้าและปรุงมัมมี่ทั้งสามจนสุก
[สวรรค์..กำลังพิโรธ!]
[ข้าจะกลับไปที่สวรรค์…!]
[และข้าควรจะบอกว่ามันเป็ฯสิ่งที่สวยงาม…!]
[คุณได้กลายเป็นเลเวล 35 คุณมีคุณสมบัติในการท้าทายบอสประจำชั้นที่ 35]
[คุณได้รับโบนัสสเตตัส 5 แต้ม]
“บ้าจริงๆ นายนี้มันเป็นไอบ้าจริงๆ นายทำได้ยังไงในเวลาไม่กี่ชั่วโมงที่คนอื่นๆในแบบเต็มปาตี้จะต้องใช้เวลาสองถึงสามเดือน นายทำได้ยังไง?”
“หลิน ฉันก็เคยมีความคิดคล้ายๆกันเมื่อเร็วๆนี้ แม้ว่าในตอนแรกฉันจะคิดว่านักสำรวจคนอื่นๆต่างก็ช้าและแม้แต่ตายในชั้นที่ง่ายๆแม้นี้”
เมื่อฉันได้ตรวจสอบเวลาหลังจากที่มาถึงร้านขายของในชั้นที่ 34 มันก็เป็นเวลา 6 โมงเช้าแล้ว ฉันได้ใช้เวลา 6 ชั่วโมงในการปีนขึ้นมาสองชั้นจากชั้นที่ 32 อย่างไรก็ตามฉันไม่เข้าใจว่าทำไมคนอื่นๆถึงได้ใช้เวลาถึงสองหรือสามเดือนในการทำสิ่งแบบเดียวกัน แม้ว่าฉันจะเอาบัพทั้งหมดของอิลิกเซอร์ออกไป เอาฉายาต่างๆที่เหนือกว่าคนอื่นออกไป…ฉันก็ยังไม่คิดว่ามันจะใช้เวลานานขนาดนั้น
แล้วก็ไม่ว่ายังไงคนที่มีทักษะพอที่จะปีนมาที่ชั้นที่ 30 ด้วยตัวเองได้ก็น่าจะรวบรวมฉายาและทักษะเฉพาะตัวมาในด้วยนะ อย่างนี้สมมติฐานของฉันมันไม่มีประโยชน์อะไรเลย
“หลินนายบอกว่านายจะทำอะไรนะถ้าหากว่าฉันผ่านชั้นที่ 35 ใน 1 ปี?”
“นายยังไม่ได้ผ่านชั้นที่ 35 มาเลยและนายยังไม่ได้เอาชนะบอสประจำชั้นอีกด้วย นายอาจจะแพ้บอสประจำชั้นก็ได้ นายไม่คิดแบบนั้นหรอ?”
หลินได้สูบบุหรี่ของเขาในขณะที่โต้ันมาด้วยท่าทางไม่พอใจ ฉันได้ยิ้มกว้างยืดเส้นหลังจากที่ฉันได้จัดการสเตตัสของฉันหลังจากที่เลเวลอัพเพราะว่าฉันได้ขี่ริยูมาเป็นเวลา 6 ชั่วโมงโดยไม่ได้หยุดพักเลยและประชันแรงกับมัมมี่ทำให้ร่างกายของฉันมีความเมื่อยล้าเกิดขึ้น ฉันได้ซื้อน้ำผลไม้ฟื้นฟูความเมื่อยล้ามาและพูดกับหลิน
“ฉันจะเห็นนายในอีก 3 ชม.”
“ฉันคิดว่านายหมายถึง 1 สัปดาห์”
“บู๋ว พวกเราจะได้รู้กัน”
[บู๋ว!]
[บู๋ว! บู๋ว!]
ฉันได้ทำเสียงล้อเลียนหลินและหันหลังกลับไป ไพก้าและริยูก็ทำเสียงล้อเลียนหลินเชช่นกัน แต่ว่าน่าเสียดายที่ไพก้าไม่ได้อยู่ในรูปแบบรูปธรรม หลินเลยไม่สามารถเห็นรูปลักษณ์ที่น่ารักของเธอได้
“เฮ้ เจ้าหมานี้…ฉันหมายถึงภูติธาตุนะ มันยังมาทำเสียงล้อเลียนฉันอีกหรอ?”
ฉันไม่ได้ตอบเขาไป ตอนนี้ในหัวของฉันได้เต็มไปด้วยความคิดเกี่ยวกับบอสประจำชั้นที่ 35 ผู้ซึ่งกำลังรอคอยฉันอยู่ในชั้นถัดไป
“เฮ้ ฉันถามนายว่ามันกำลังล้อเลียนฉันนะ! เฮ้ เฮ้!”
ฉันไม่ได้ยินเสีงของหลินเลย ไม่เลยแม้แต่นิด ฉันได้ยกมือขึ้นและโบกมือลาเขาไปในขณะหันหลัง หัวใจของฉันได้เต้นในขณะที่คิดเกี่ยวกับการต่อสู้กับบอสประจำชั้นที่ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย
“เฮ้ เฮ้! ภูติธาตุไม่ควรจะเมินชนเผ่ามังกรนะ!”