บทที่ 8 – โลกที่กลายมาเป็นดันเจี้ยน (1)
ประมาณสองปีหลังจากที่ฉันได้พ่ายแพ้ออร์คลอร์ดครั้งแรก ปาตี้ของฉันไม่ตอนนี้ไม่เคยพ่ายแพ้ออร์คลอร์ดอีกเลย
ไม่ว่ามันมีสมาชิกในปาตี้ที่ไม่เป็นระบบ คนในปาตี้ไร้ความสามารถ แต่มันก็ไม่มีปัญหาอะไรเลยในการที่จะเอาชนะออร์คลอร์ด
ฉันนั้นได้เอาชนะออร์คลอร์ดทุกๆวันโดยไม่มีวันไหนหยุดและเก็บสะสมทองไปที่ละ 100 อย่างช้าๆ
ด้วยจำนวนที่ฉันเอาชนะออร์ดลอร์ดได้สำเร็จ ฉันได้รับโอกาสที่จะได้รับอิลิกเซอร์บีบอัดกล้ามเนื้อและอิลิกเซอร์บีบอัดกระดูกมายิ่งขึ้น ตอนนี้การกินมันลงไปเพียง 1-2 ครั้งมันไม่ได้ช่วยเพิ่มสเตตัสของฉันอีกแล้ว ฉันจะต้องกินมันลงไปอย่างน้อยเป็นสิบ
จำนวนสเตตัสที่ฉันได้รับมาผ่านจากการกินอิลิกเซอร์ทั้งสองมันเป็น 28 มันเป็นจำนวนที่เล็กน้อยที่จะเท่ากับการอัพเลเวล 6 เลเวล ฉันรู้ว่าในตอนนี้ฉันนั้นเลเลว 6 แต่มันไม่ใช่เลเวล 6 จริงๆ
ในวันหนึ่งเนื่องจากว่ามันไม่มีอิลิกเซอร์เลยฉันจึงได้เลือกง้าวของออร์คลอร์ดมา มันแตกต่างอย่างหอกไม้อันเก่าของฉันอย่างสิ้นเชิง ในความเป็นจริงแล้วมันก็น่าแปลกใจมากที่ฉันได้ใช้หอกไม้มาเป็นเวลานาน เมื่อฉันได้เปลื่ยนมาเป็นถือง้าวนี้ ท่าทางที่คนอื่นๆมองฉันก็เปลื่ยนไป การค้นหาคนเข้าปาตี้ของฉันมันกลายไปเป็นง่ายขึ้น นี่มันเป็นครั้งแรกเลยที่ฉันตระหนักถึงความสำคัญของอาวุธ
เมื่อฉันมีง้าวของออร์คลอร์ดพลังโจมตีของฉันเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล หลังจากนั้นไม่นานฉันก็ได้พบว่าฉันสวมใส่หมวกหนัง ถุงมือหนัง และเกราะหนัง พวกมันเป็นไอเทมทั้งหมดที่ดรอปออกมาโดยออร์คลอร์ด
“มงกุฏราชกุมาร..”
“นั่นมันมงกุฏราชกุมาร….”
“ใช่แล้วหลังจาก 5 ปี ในที่สุดฉันก็สามารถจะหนีไปจากชั้นที่ 5 ได้”
ชื่อของฉันมันได้กลายไปเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น เมื่อฉันได้เริ่มสรรหาสมาชิกในปาตี้ช่องว่างทั้งหมดมันจะถูกเติมเต็มไปในทันที นักสำรวจดันเจี้ยนคนอื่นๆต่างก็เรียกฉันว่า “ผู้นำทางให้ผ่านจากชั้นที่ 5” และ “ผู้ช่วยเหลือ” แม้ว่าฉันจะพยายามที่จะหยุดยั้งชื่อเล่นที่น่าระอายเหล่านี้ แต่มันก็ไม่เป็นประโยชน์
เพราะว่าฉันไม่ต้องการที่จะสร้างรายได้ด้วยการล่าออร์คเหมือนกับพ่อของฉันจัดการออร์คลอร์ดได้ฉันก็จะออกไปจากดันเจี้ยนและไปเรียน ฉันได้ใช้ประโยชน์จากสเตตัสสติปัญญาของฉันมันได้ทำให้เกรดของฉันได้โรงเรียนดียิ่งขึ้น แม่ของฉันกลายมาเป็นมีความสุขและจำนวนมหาลัยที่ฉันสามารถจะไปเข้าร่วมได้ก็มีมากยิ่งขึ้น
ไม่ว่าฉันจะทำเงินที่ได้มาจากดันเจี้ยนได้มากเท่าไหร่ก็ตามแต่ความคิดเห็นของแม่ของฉันก็คือการที่ฉันได้เข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยเมื่อเรียนจบชั้นมัธยมปลาย ฉันไม่สามารถจะต่อต้านแม่ของฉันได้ และก็ในความเป็นจริงการที่จะเข้ามหาวิทยาลัยมันก็ได้ทำให้ฉันรู้สึกตื่นเต้น มันเป็นสิ่งที่ฉันไม่สามารถจะฝันใฝ่ได้เลยเมื่อตอนที่ฉันมีสติปัญญาที่ต่ำ
ใช่แล้วนอกเหนือไปจากข้อเท็จจริงที่ว่าฉันไม่สามารถจะได้รับมานาได้ ทุกสิ่งนั้นมันสมบูรณ์แบบ
ฉันได้มุ่งความสนใจไปที่การสังหารออร์คลอร์ดและไม่ค่อยให้ความสนใจกับการรักษาชีวิตทางสังคมที่โรงเรียน อยู่มาวันหนึ่งฉันก็ได้รับจดหมายเรียกไปพบจากใครซักคนให้ไปที่โรงเรียนที่ไม่ค่อยมีคนไปนัก
ฉันรู้สึกกระวนกระวายใจสงสัยว่าอาจจะมีผู้ที่กระทำความผิดพยายามที่จะต่อสู้กับฉันหรือไม่ แต่แล้วก็มีผู้หญิงคนหนึ่งที่คุ้นเคยได้ปรากฏตัวขึ้นมา เธอมาจากโรงเรียนของฉัน ตรงกันข้ามจากนิสัยปกติของเธอที่ร่าเริงและกระตือรือร้นในวันนี้เธอแตกต่างจากปกติ เธอได้ก้มหัวของเธอหลบหน้าของฉัน
“ฉะ ฉันชอบคุณ”
“…ฮะ?”
ใคร? สาวน้อยน่ารักนี้? ฉันหรอ? เธอชอบฉันงั้นหรอ?
ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องจลก ถึงแม้ว่าฉันจะใช้อิลิเซอร์บีบอัดกล้ามเนื้อและกระดูก แต่ฉันก็ยังคงเป็นคนที่เคยถูกเรียกว่าออร์คอยู่ เมื่อฉันได้ถามเธอออกไปว่าเธอล้อเล่นหรือป่าว เธอก็เริ่มร้องไห้และวิ่งหนีไป
“ทำไมเธอถึงร้องไห้หละ?”
“ฉะ ฉันไม่ได้ล้อเล่น ฮืออออ!”
มันมีข่าวลือแพร่กระจายออกไปทั่วทั้งโรงเรียนว่าฉันปฏิเสธสาวๆ เมื่อฉันได้กลับมาที่บ้านและบอกกับแม่และน้องสาวของฉันเกี่ยวกับเรื่องนี้พวกเขาก็จ้องมองมาที่ฉันราวกับพึ่งได้ยินเรื่องราวที่ไร้สาระมากที่สุด
“อะ อะไรหรอ?”
“ลูกไม่ได้สังเกตุเห็นอะไรหรอ?”
“พี่ชาย…โงาเง่า..”
“ฮะ? โง่? พี่ไม่ได้โง่อีกต่อไปแล้ว…”
“โง่”
“กึ๊ก”
ความลึกลับที่ไม่สามารถจะคลี่คลายได้ ได้ถูกสร้างขึ้นในวันนั้น
ครึ่งปีหลังจากนั้นฉันเริ่มคิดว่าฉันไม่จำเป็นจะต้องใช้สมาชิกทั้งหมด 10 คนเพื่อเอาชนะออร์คลอร์ด มันเป็นเพียงแค่การทดสอบฉันได้เข้าไปต่อสู้กับมันพร้อมกับคนอื่นๆเพียงแค่ 8 คน แต่แล้วมันก็ยังเป็นเรื่องง่ายอย่างมาก คนที่ได้มากับฉันได้แสดงท่าทางออกมาอย่างไม่เชื่อ
“มันเป็นไปได้…”
“แต่มันยังไงกัน?”
“มัน…เป็นบัค”
บัคมันหมายถึงความผิดพลาดของพวกมอนสเตอร์ที่มีอะไรที่แปลกๆไปจากปกติ แต่ดูเหมือนว่าในคราวนี้ฉันต่างห่างที่ถูกมองว่าเป็นบัค
“ฮ่าๆๆๆๆ”
“นี่มันไม่ใช่เรื่องน่าหัวเราะมงกุฎราชกุมาร”
“เขาพูดถูกแล้วมงกุฎราชกุมาร คุณควรที่จะรีบๆขึ้นไปที่ชั้นบน”
“หยุดเรียกฉันว่ามงกุฎราชกุมารได้แล้ว”
ฉันได้โต้แย้งพวกเขาออกไปอย่างโผงผางและจรวจสอบรายการของรางวัล ตอนนั้นเองฉันก็รู้สึกเหมือนกับโดนฟ้าผ่า
[1.ง้าวของออร์คลอร์ด
2.โพชั่นพลัง
3.โพชั่นระดับกลาง
4.อิลิกเซอร์บีบอัดผิวหนัง
5.รองเท้าบูทของออร์คลอร์ด
6.อิลิกเซอร์บีบอัดกล้ามเนื้อ
7.มานาโพชั่น
8.230 ทอง]
‘ไม่มีทางน่า! ที่ฉันเห็นมันถูกต้องใช่มั้ย?’
ฉันได้ขยี้ตาและมองไปที่รายชื่อไอเทมอีกครั้งอิลิกเซอร์ผิวหนังมันเป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน ฉันกำลังคิดเกี่ยวกับวิธีการจัดการกับผิวหนังของฉันที่ไม่ได้ลดลงตามกล้ามเนื้และกระดูกอยู่เลย
โดยไม่ต้องลังเลใดๆฉันได้เลือกไปที่อิลิกเซอร์บีบอัดผิวหนังอย่างรวดเร็ว
[อิลิกเซอร์บีบอัดผิวหนัง (แรร์)
คำเตือน เมื่อคนที่ไม่ได้ใช้อิลิกเซอร์บีบอัดกล้ามเนื้อและอิลิกเซอร์บีบอัดกระดูกใช้อิลิกเซอร์อันนี้อาจจะพบกับอาการเจ็บปวดที่รุนแรงและความเสียหายที่เกิดขึ้นกับร่างกายอย่างถาวร สำหรับผู้ที่กินอิลิเซอร์บีบออัดกล้ามเนื้อและอิลิกเซอร์บีบอัดกระดูก อิลิกเซอร์จะทำให้ผิดหนังหดตัวลงแล้วแข็งแกร่งยิ่งขึ้น มันจะช่วยเสริมการป้องกันและทำให้ผิวหนังสะอาด แล้วแข็งแกร่ง]
ฉันได้กินมันลงไป และค่าร่างกายของฉันก็ได้เพิ่มขึ้น มันเป็นการเริ่มต้นของการพัฒนาร่างกายใหม่
เมื่อจำนวนคนที่ลดลงไอเทมใหม่ๆก็จะปรากฏออกมาเป็นของร่างวัล เมื่อฉันได้คิดเกี่ยวกับมัน มันก็ทำให้ฉันรู้สึกได้โดยสัญชาตญาณว่าปริมาณที่ลดลงมันจะทำให้มีของที่คุณภาพมากยิ่งขึ้น
ฉันได้เริ่มล่าจากปาตี้ 8 คนอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เปลื่ยนมาเป็น 7 คน จากนั้นก็ 6 คน จามมาด้วย 5 คน แม้กระทั่งทำอย่างนี้แล้วทุกสิ่งมันก็ยังคงราบรื่นอยู่เช่นเดม อิลิกเซอร์บีบอัดผิวหนังมันได้ปรากฏขึ้นมาบ่อยครั้งมากยิ่งชึ้นและอิลิกเซอร์บีบอัดกล้ามเนื้อและอิลิกเซอร์บีบอัดกระดูกก็ปรากฏขึ้นมาเสมอๆ
ฉันได้บีบอัดร่างกายของฉันไปอย่างไม่รู้จบ ยิ่งฉันทำแบบนี้ซ้ำไปมากขึ้นเท่าไหร่ร่างกายของฉันก็จะกลายเป็นเล็กลงและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เมื่อฉันตระหนักถึงว่าความสูงของฉันที่มีถึง 210 เซนติเมตรได้ลดลงไปจนถึง 190 เซนติเมตร พักฤดูหนาวของชั้นมัธยมปลายปีที่ 3 มันก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
“ไม่มีทางน่า…”
ฉันได้ยืนอยู่เบื้องหน้ากระจก ทั้งหมดที่ฉันสามารถจะทำได้ตอนนี้คือพิมพึมออกมา กระจกในตอนนี้สามารถจะสะท้อนร่างกายของฉันทั้งหมดออกมาได้อย่างไม่มีปัญหา ฉันนั้นได้กลายไปเป็นคนตาบอดเมื่อมุ่งเน้นไปที่สิ่งๆหนึ่ง? แม้ว่าฉันจะอาบน้ำล้างตัวทุกวันฉันก็ไม่ได้สังเกตุเลย แต่ว่าตอนนี้ฉันได้เห็นการเปลื่ยนแปลงของร่างกายของฉันแล้ว
ฉันที่ยืนอยู่เบื้องหน้ากระจกเป็นเพียงเด็กหนุ่มธรรมดา ไม่สิ ฉันนั้นไม่เหมือนปกติ คนที่ทำงานเกี่ยวกับด้านนี้สามารถมองออกได้อย่างง่ายดาย เขาสามารถจะมองเห็นความแข็งแกร่งที่ซ่อนอยู่ในกล้ามเนื้อของฉันได้
มองจากด้านนอกฉันจะมีน้ำหนักที่พอจะสามารถอธิบายได้ว่าบางเฉียบที่สำคัญกล้ามเนื้่อของฉันไม่ได้ไม่น่ามองอีกต่อไป ในความเป็นจริงแล้วมันตรงกันข้ามกับแต่ก่อนอย่างสิ้นเชิง ในที่สุดร่างกายของฉันมันก็ได้เข้ากับหน้าของฉันอย่าสมบูรณ์แบบ หลังจากนั้นแม่ของฉันก็มองฉันดีขึ้น แม้ว่าฉันจะรู้สึกเหมือนว่าฉันสูงเกิยไปสักหน่อย แต่ก็ไม่สามารถจะบ่นอะไรออกมาได้
“ฟู่…”
ฉันรู้สึกถึงความสมหวัง ฉันได้ถอนหายใจออกมาเงียบๆ มันเป็นการเดินทางที่ยาวนานแต่ในที่สุดฉันก็ทำมันได้สำเร็๗ ไใาจ้องคำนึงถึงอิลิกเซอร์บีบอัดอีกต่อไป สเตตัสของฉันมันไม่ได้เพิ่มขึ้นอีกต่อไปแล้วดังนั้นฉันจึงล้มเลิกมัน
หลังจากที่ฉันได้กินอิลิเซอร์มาเกือบจะ 3 ปีฉันก็ได้สเตตัสสะสมทั้งหมด 40 แต้ม ความแข็งแกร่ง 10 ความคล่องแคล่ว 10 และร่างกาย 20 แต้ม เพียงแค่สเตตัสของฉันเพียงอย่างเดียวมันก็สามารถจะเทียบได้กับนักสำรวจเลเวล 14 แล้ว
“ในตอนนี้เอลลอสและเพลรูเดินต้องผ่านชั้นที่ 15 ไปแล้ว…”
ฉันได้แต่พูดด้วยความขมขื่นและถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ความจริงที่ว่าฉันไม่สามารถจะใช้มานาได้มันได้ผูกมัดชั้นเอาไว้ที่ชั้นที่ 5 มันเป็นเวลาถึง 3 ปีแล้ว ฉันได้แต่รู้สึกเสียใจกับตัวเอง ฉันรู้แล้วว่าพ่อของฉันนั้นรู้สึกยังไง
มันจะต้องเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงชอบพูดถึงชิเมื่ออายุมากขึ้น
[ชื่อ: คัง ชิน เผ่าพันธุ์: มนุษย์ เพศ: ชาย
คลาส: ไม่มี ฉายา: ไม่มี ระดับ: ทองแดง 7
เลเวล: 6
Hp – 1940/1940 Mp – 0
ความแข็งแกร่ง – 34(+2) ความคล่องแคล่ว – 30 ร่างกาย – 39
สติปัญญา – 20 พลังเวทย์ – 0 เสน่ห์ – 16 โชค – 10
ทักษะ – ศิลปะการต่อสู้ระดับต่ำ(เชี่ยวชาญ) เทคนิคหอกระดับต่ำ(เชี่ยวชาญ) เทคนิคหอกระดับกลาง(เชี่ยวชาญ)]
นี่มันเป็นสเตตัสของนักสำรวจดันเจี้ยนเลเวลหกใช่หรือไม่? คำตอบก็คือใช่ ฉันไม่เชื่ออย่างนั้น แต่ว่ามันก็เป็นความจริง
สิ่งที่แปลกก็คือค่าเสน่ห์ของฉันมันเริ่มต้นด้วย 7 แต่ว่ามันก็เพิ่มขึ้นเองจนไปถึง 16 เนื่องจากเพราะว่าค่าเสน่ห์และโชคมันเป็นสเตตัสที่พิเศษและฉันไม่สามารถจะจัดการอัพแต้มให้กับค่าพวกนี้ได้
สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยก็คือค่าพลังเวทย์ของฉันมันก็ยังคงเป็น 0 เมื่อนำไปเทียบกับพลัง Hp ที่ฉันมีมันต่างกันมาก
อุปกรณ์ทั้งหมดที่ฉันส่วมใส่นั้นมันมาจากออร์คลอร์ด หมวก เกราะอก เกราะขา รองเท้า ถุงมือและง้าว ฉันมีแม้กระทั่งต่างหูของออร์คลอร์ด ซึ่งมันได้ทำให้สเตตัสความแข็งแกร่งของฉันเพิ่มขึ้น 2
ถ้าหากว่าฉันเดินไปรอบๆเมียงดงทั้งอย่างนี้พวกเขาก็คงจะคิดว่าฉันกำลังคอสเพลย์ใช่ไหม? ฉันได้รีบลบความคิดนี้ออกไปจากใจ ด้วยโลกที่เป็นอย่างทุกวันนี้มันไม่มีความจำเป็นที่ฉันจะต้องใส่ชุดเกราะและของพวกนี้ออกไป
“มันดูเหมือนว่าฉันจะพร้อมแล้ว”
ถ้าหากคุณจะถามว่าฉันพร้อมสำหรับอะไร? มันก็เห็นได้ชัดว่าพร้อมที่จะไปจัดการฆ่าออร์คลอร์ดแบบโซโล่ยังไงหละ
ฉันได้เก็บความคิดนี้ในจิตใจไว้เสมอ รางวัลที่มันได้เพิ่มขึ้นจากจำนวนนักสำรวจในปาตี้ที่ลดลง ถ้าหากว่าฉันประสบความสำเร็จในการเอาชนะมันด้วยตัวคนเดียวฉันจะได้รับรางวัลเป็นอะไรกันนะ? เท่าที่ฉันได้รู้มามันไม่เคยมีใครเอาชนะออร์คลอร์ดได้ด้วยตัวคนเดียวมาก่อนเลย เหตุผลนั่นก็ง่ายมาก เมื่อเอาชนะชั้นบอสชั้นถัดไป มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะกลับมาและล่าชั้นบอสในก่อนหน้านี้
กล่าวอีกความหมายนึงก็คือนักสำรวจที่อยู่ชั้นที่ 11 ไม่สามารถที่จะกลับมาที่ชั้นที่ 5 เพื่้้อที่จะฆ่าออร์คลอร์ดได้ ดังนั้นจึงไม่เคยมีใครคิดที่จะล่าชั้นบอสเพียงลำพัง ถ้าหากว่ามันมีคนเช่นนั้นก็คงจะเป็นคนที่ได้ใช้อิลิเซอร์มาตลอดทั้งปีเหมือนกับฉัน ฉันได้ถามพ่อของฉันเกี่ยวกับอิลิเซอร์ แต่เขาก็บอกว่าเขาจำเป็นจะต้องเป็นเสาหลักของบ้าน ดังนั้นเขาจึงเลิกที่จะตามล่าออร์คลอร์ดและมุ่งเน้นไปที่การล่าออร์คให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้มากกว่า มันอาจจะเป็นเหมือนกับคนอื่นๆที่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับพ่อของฉัน ส่วนคนที่ผ่านชั้นที่ 6 ไปได้แล้วก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะกลับมาล่าออร์คลอร์ด
ดังนั้นฉันจึงเป็นคนแรก ฉันควรจะเป็น ฉันต้องการที่จะเป็น
ฉันไม่ต้องการเพียงแค่ลองทำเท่านั้น ถ้าฉันจะทำมัน ฉันต้องการที่จะประสบผลสำเร็จ ฉันได้กดหมวกลงและไปยืนอยู่เบื้องหน้าประตูหิน
“ฟู่…ที่นี่แหละที่ฉันจะไป”
จากนั้นมันก็เหมือนกับเมื่อ 3 ปีที่แล้วที่ฉันเปิดประตูหินออกไปและตะโกนว่า
“ออร์คลอร์ดมาต่อสู้กับฉัน”