บทที่ 84 – ระดับ S ยอน ฮวาวู (1)
ฉันได้ขอให้ไพก้าทำลายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดภายในนี้ด้วยพลังสายฟ้า เพราะว่าเธอมีพลังที่เกี่ยวข้องกับสายฟ้าดังนั้นนี้จึงเป็นสิ่งหนึ่งที่เธอทำได้
โทรศัพท์ กล้อง กล้องวงจรปิด จอภาพและอื่นๆมากมาย แม้ว่ามันจะต้องใช้มานาจำนวนมาก แต่ว่ามันก็สามารถจะแก้ได้ง่ายๆด้วยโพชั่นสองขวด โลคไม่ดีที่แม้กระทั่งโทรศัพท์ของเยอึนและของฉันก็ถูกทำลายไปเช่นกัน
ถึงแม้ว่ามันจะต้องใช้ความพยายามในการลบหลักฐานเกี่ยวกับซัคคิวยัสโลหิต แต่ว่าฉันก็ต้องการจะทำให้มันแน่ใจ ไพก้าเป็นคนที่เหมาะกับงานนี้มากที่สุดแล้วด้วยฐานะที่เป็นภูติธาตุ กล้องไม่สามารถจะเห็นเธอ และด้วยพลังสายฟ้าเธอมีความสามารถในการทำลายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ไฟฟ้าได้อย่างง่ายดาย
สิ่งที่ฉันกังวลที่สุดเลยก็คือความทรงจำของนักเรียนที่ถูกควบคุมโดยซัคคิวบัส มันจะต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ฉันอาจจะจำเป็นที่จะต้องปรับเปลื่ยนแผนการของฉันให้มันสมบูรณ์ โชคดีที่ฉันสามารถปลุกนักเรียนขึ้นมาถามได้ซึ่งพวกเขาจำอะไรไม่ได้เลย จริงๆนักเรียนก็จำได้เพิ่งแค่สั้นๆว่าเพิ่งมาแคมป์
ฉันดีใจมาก ฉันไม่จำเป็นจะต้องปิดปากพยานทั้งหมด อาฉันทำอะไรกับนักเรียนที่ตื่นขึ้นมาหรอ? ฉันให้เขาดื่มเขาไปจนเวลาผ่านไป….ฉันต้องการที่จะให้เขาเมาหลับไปและจำคำถามที่ฉันถามไม่ได้
ต่อไปพวกเราก็จะต้องาร้างข้อแก้ตัว อย่างแรกในขณะที่นักเรียนกำลังหลับอยู่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ฉันได้ให้ริยูทำความสะอาดพวกเราด้วยพลังธาตุน้ำแข็ง เธอสามารถจะทำความสะอาดมันได้
[อี้ แช่แข็ง!]
เธอได้แช่แข็งทุกๆอย่าง (เลือด ฝุ่น ฯลฯ) ในร่างกายของพวกเรายกเว้นเสื้อผ้า จากนั้นเราก็ได้โยนทุกสิ่งไว้ในห้องน้ำ ด้วยเหตุนี้เราก็ไม่จำเป็นจะต้องไปอาบน้ำหรือทำความสะอาดเสื้อ หลังจากได้จากได้พบกับพลังแห่งธาตุแล้วเยอึนก็ได้สัมผัสร่างของเธออย่างมึนงงแล้วจากนั้นก็เริ่มตื่นเต้น
“น่าทึ่ง! ฉันต้องการมันซักอย่างจัง!”
[ฉันเกลียดเธอ! น่ากลัว!]
หลังจากโต้แย้งเยอึน ริยูก็ได้บินมาหาฉันและซ่อนตัวอยู่หลังหัวของฉัน อย่างไรก็ตามเยอึนไม่สามารถจะได้ยินและเห็นริยูได้
“ดื่มนี้ เราจะต้องจัดการกับอาการบาดเจ็บของเธอด้วย”
ในขณะที่ฉันลูบริยู ฉันก็ได้ส่งโพชั่นไปให้เยอึน มันเป็นโพชั่นที่ฉันได้เลือกมาจากชั้นบอสในตอนที่ไม่มีอิลิกเซอร์ดรอปออกมา
เนื่องจากว่าฉันไม่สามารถจะมอบโพชั่นจากชั้นขายของให้กับใครได้ ดังนั้นฉันต้องให้โพชั่นนี้กับเธอไปแทนซึ่งฉันมีมันเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
“นี่คืออะไร?”
“โพชั่น เธอจะรู้เองเมื่อดื่มมัน”
ตามที่คาดไว้เยอึนได้เกิดความวุ่นวายในไม่ช้าหลังจากนั้น ฉันไม่สนใจเธอและรักษาบาดแผลของตัวเองไป ด้วยเหตุนี้ทุกสิ่งก็สมบูรณ์แบบ
อะไร? มันจะที่สภาพโดยล้อมมันเป็นแบบนี้งั้นหรอแล้วพวกเราจะจัดการทั้งหมดทำไม? แน่นอนสิมันมีเหตุผลที่พวกเราทำอย่างนี้ เราจะต้องแสร้งทำเป็นว่าไม่เคยอยู่ที่นี่ในคืนนี้ เมื่อคนได้เริ่มสำรวจและสอบปากคำคนที่เกิดเหตุก่อน เราจะพยายามหลีกเลี่ยงจากสถานการณ์นี้
“คนปกติจะนอนในห้องอื่นๆ พวกเราก็ควรจะทำแบบนั้นเช่นกัน”
“นะ ในห้องอื่น…ด้วยกันสองคนหรอ!? อูวว ฉันกลัว”
“ไม่ มันเห็นได้ชัดว่าเราจะไปอยู่กับคนอื่น….”
“….”
เฮ้ๆ ทำไมเธอถึงทำหน้าตาผิดหวังแบบนั้นเล่า แม้ว่าฉันจะหมดคำพูดไปกับท่าทางของเธอ ฉันก็ยังทำความสะอาดห้องให้กลายเป็นระเบียบจากไฟ น้ำแข็ง และสายฟ้า
แม้อย่างนั้นก็จะไม่มีใครรู้ว่าฉันทำมัน แต่ว่ามันจะเป็นการดีที่สุดที่จะกำจัดหลักฐานไปให้มากที่สุด ฉันยังตามไปจัดการลากนักเรียนที่ฉันโยนออกไปข้างนอกกลับเข้ามาอีกด้วย
“เอาล่ะ ตอนนี้เราต้องไปที่ห้องอื่นแล้ว แล้วก็ทำเป็นตกใจเมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้า”
“ชิน นายมันชั่วมาก…”
“เพื่อชีวิตที่สงบสุขของเรา”
มันจะต้องเป็นไปตามแผนของฉัน ในวันพรุ่งนี้ทุกคนจะต้องตกใจมากเมื่อเห็นว่าคนตายและโคลอี้ แบรนซ์ได้หายตัวไป หน่วยงานนิวมูนจะต้องนำผู้พิทักษ์มาตรวจสอบโดยที่ไม่ได้ข้อมูลอะไรมากนัก อย่างน้อยฉันก็หวังว่าแบบนั้นน่ะนะ ฉันได้ใช้ภูติธาตุทั้งสองในการกำจัดหลักฐาน หากพบอะไรอีกพวกเขาก็จะประเมินความสามารถของฉันในฐานะผู้ใช้ธาตุ
อย่างไรก็ตามฉันก็จะปรากฏตัวในอีกไม่กี่วันต่อมาในฐานะยอน ฮวาวู ฉันจะไปบอกกับสำนักงานนิวมูนว่าฉันบังเอิญพบกับซัคคิวบัสที่อ้างว่าเป็นเจ้าของดันเจี้ยนที่อยู่ไกลออกไปและจัดการกับเธอ ถึงแม้ว่าแผนนี้จะเต็มไปด้วยช่องโหว่ แต่ว่าความสามารถในการปลอมแปลงของซัคคิวบัสเป็นของจริง ดังนั้นฉันก็แค่ตามน้ำไป
ทั่วทั้งโลกจะต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ พวกเขาจำเป็นจะต้องเข้าใจว่าบอสประจำดันเจี้ยนได้กระจายตัวออกไปทั่วโลก เพื่อที่พวกเขาจะได้เตรียมตัวป้องกัน
สิ่งที่ฉันจะต้องกังวลก็คือจะอธิบายว่าฉันไปเจอกับซัคคิวบัสยังไงหรือว่าการที่คนในผู้พิทักษ์จะพยายามเอาศพของซัคคิวบัสไปจากฉัน แน่นอนว่าฉันได้ยืนยันไปว่าฉันได้พบกับซัคคิวบัสโดยบังเอิฐและมันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะให้ศพกับพวกเขา เนื่องจากว่าตาของซัคคิวบัสก็ถูกเยอึนเอาไปแล้ว ฉันจะไม่มีทางปล่อยแม้แต่ผมเส้นเดียวของซัคคิวบัสให้ไปอยู่ในมือของรัฐบาล ทุกคนที่กล้าจะมาแย้งของที่มันเป็นของฉันจะต้องข้ามศพฉันไปก่อน ฉันจะไม่เมตตาใครทั้งสิ้น
จากนั้นฉันก็ได้แลกเปลื่ยนตัวตาจากเยอึนด้วยการพาเธอไปกินเฟรนฟราย 5 ครั้ง แม้ว่าฉันจะคิดว่ามันเป็นการเอาเปรียบเธอ แต่ว่านี้ก็เป็นสิ่งที่เธอเสนอ ดังนั้นดวงตาสีทองของซัคคิวบัสก็ได้มาจบลงในมือของฉัน ฉันได้ตัดสินใจที่จะให้บางอย่างกับเยอึนเป็นการชดเชยในภายหลังเพื่อชดเชยสิ่งนี้ ในความเป็นจริงฉันก็รู้อยู่แล้วว่าจะให้สิ่งใดกับธอ
และแล้วมันก็ถึงเวลาที่จะต้องทำตามแผน เยอึนและฉันได้พบห้องและเข้าไปในนั้น เมื่อพลังเสน่ห์ของซัคคิวบัสเข้ามาถึงที่นี่ ทุกๆคนก็ได้ล้มนอนสลบลงไป พวกเราก็ได้พบกับที่นั่งและนั่งพึ่งกันไป เมื่อฉันได้นั่งลงความตรึงเครียดที่มีอยู่ในร่างกายก็ได้จางหายไปทำให้ฉันถอนหายใจออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ฟู่…ฉันต้องการจะนอนและหลับ”
“พักซะ”
“แน่นอน”
ใครกันจะหาสถานที่ๆดีและนอนหลับลงไปในความยุ่งเหยิงนี้? ฉันได้ตัดสินใจที่จะมีความสุขที่อย่างน้อยฉันก็ยังสามารถพิงเยอึนได้ ด้วยแบบนี้พวกเราได้เงียบกันไปขณะหนึ่ง เยอึนเป็นคนแรกที่ทำลายความเงียบนี้
“….นายจะไม่ถามหน่อยหรอ?”
“เธอจะพูดมันออกมาเองเมื่อเธอพร้อม”
“….”
เธได้เงียบไปอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นราวกับวาเธอจะพูดทุกอย่างที่เธอเก็บเอาไว้ เธอได้เปิดปากขึ้นมาอีกครั้ง
“นายรู้มั๊ย…ฉันได้ต่อสู้กับมอนสเตอร์ต่อหน้าครอบครัวของฉัน”
“ครอบครัวเหรอ?”
“ใช่แล้ว ด้วนเหตุผลบางอย่างเมื่อใดก็ตามที่ฉันเห็นมอนสเตอร์ ฉันจะได้รับการกระตุ้นบางอย่างให้ต่อสู้กับพวกมัน ในเวลานั่น…ก่อนที่ฉันจะรู้ตัว ฉันก็ได้ดึงหัวใจของมอนสเตอร์ออกมาด้วยมือเปล่าแล้ว”
“…”
ฉันจินตนาการได้เลยถึงภาพสาวสวยที่กำลังหัวเราะในขณะที่ดึงหัวใจของมอนสเตอร์ มันไม่ได้เป็นภาพที่น่ารื่นรมณ์อย่างแน่นอน ไม่ว่ายังไงเธอก็ได้ของขวัญตามธรรมชาติ ของขวัญตามธรรมชาติสำหรับการต่อสู้ แม้ในขณะที่เธอปกติสมบูรณ์แต่ว่าเมื่อใดก็ตามที่เธอเห็นมอนสเตอร์ เธอจะต้องการที่จะฉีกกระฉากพวกมันเป็นชิ้นๆ
โรคกลัวมอนสเตอร์หรอ? บ้าไปแล้ว เธอเป็นผู้ล่ามอนสเตอร์มากกว่าซะอีก
“ฉันไม่เคยลืมวิธีการที่พวกเขามองมาที่ฉันเลย…มันราวกับว่าพวกเขาไม่ได้มองมาที่มนุษย์ ซึ่งมันไม่เหมือนกับมองสมาชิกในครอบครัวเลย แม้ว่าฉันจะช่วยชีวิตของพวกเขา แม้ว่าฉันจะเป็นลูกสาว เป็นพี่สาว….แต่ในท้ายที่สุดฉันก็ไม่มีจุดยืนและออกมาจากบ้านด้วยตนเอง”
เห็นได้ชัดว่านับตั้งแต่วันนั้นเธอจะตัวแข็งไปเมื่อเธอได้เห็นมอนสเตอร์เพราะว่าเธอจำได้ถึงวิธีที่ครอบครัวมองมาที่เธอ ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับเยอึน
“แต่ว่าวันนั้นที่ฉันได้พบกับชิน เห็นนายต่อสู้…ฉันคิดว่ามัน “ว้าว นี้นายสามารถจะต่อสู้ได้เท่และสวยงาม”….”
“อะไรนะ? ฉันไม่ได้ยินเสียงในตอนท้าย”
นอกจากนี้ฉันไม่คิดว่านั่นมันจะเท่เลย ถ้าฉันจำได้ถูกต้อง ฉันเพียงแค่แทงท่อเหล็กใส่นกพิราบยักษ์เองนะ
“ยะ ยังไงก็ตามเถอะ! ฉันคิดว่ามันจะมีสิ่งที่ดีเกิดขึ้นถ้าฉันอยู่กับนาย”
“เธอควรจะพูดมันในก่อนหน้านี้และขอความช่วยเหลือ”
“ฉะ ฉันจะทำได้ยังไง..? มันยากสำหรับฉันที่จะพูดมันแม้แต่กับในตอนนี้”
“โทดที ฉันคิดน้อยเกินไปนะ”
เยอึนได้หยุดพูดไปครู่หนึ่ง ฉันได้รอเธออย่างเงียบๆ ครู่นึงเธอก็พูดต่อออกมา
“แต่ว่าในวันนี้เพราะนาย….ดูเหมือนจะถูกฆ่า…”
“ฉันจะตายถ้าไม่ได้เธอช่วย”
“ฉันต้องการที่จะทำเป็นโรคกลัวมอนสเตอร์ต่อ ฉันไม่ต้องการที่จะให้นายเห็นด้านที่น่าเกลียดของฉัน”
“เหมือนอย่างที่ฉันพูด เธอเจ๋งมาก”
ด้วยรอยยิ้มบางๆ เยอึนได้พูดต่อไป
“…เมื่อความคิดที่นายกำลังจะตายได้เข้ามาในหัวฉัน ฉันได้ลืมใบหน้าของพ่อแม่ในทันที ก่อนที่ฉันจะได้รู้ตัวมือของฉัน…มือของฉันได้เจาะเขาไปในตาของผู้หญิงคนนั้นแล้ว”
“ดังนั้นเธอรู้ว่าจะโจมตีไปที่ไหนด้วยสัญชาตญาณสินะ ฉันไม่อย่างจะเชื่อเลยว่าฉันไม่ได้รู้ถึงพรสวรรค์นี้ของเธอมาก่อน ในฐานะผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ฉันอายมาก”
“และเป็นเพราะชินยังได้บอกว่าฉันเจ็ง…ฉันได้ลืมหน้าพ่อแม่ของฉันไปตลอดกาล”
“ตลอดกาล!?”
‘เธอมั่นใจกว่าเธอจะไม่จดจำพวกเอาอีกในชั่วชีวิตงั้นหรอ?’ ในคำถามนี้ เยอึนได้หยักหน้ารับอย่างแรง
“จากนี้ไปฉันคิดว่ามันจะไม่เป็นไรถ้าอยู่ด้วยกันกับนาย ใช่แล้วฉันมั่นใจ”
“…ยินดีที่ได้ช่วยเหลือเธอนะ”
ฉันรู้สึกมีความสุขที่ในที่สุดแล้วเธอก็สามารถใช้ศักยภาพของเธอได้อย่างเต็มที่ ฉันมีความสุขมากกว่านี้อีกเพราะเธอเป็นเพื่อนของฉันและฉันรู้สึกดีใจที่เธอก้าวขึ้นมาเพื่อปกป้องฉัน
“ดังนั้นดูแลฉันด้วย…ตลอดไป”
“เหมือนอย่างที่ฉันพูด ตลอดไปมันดูเกินจริงมากเกินไป แต่ไม่ว่ายังไงก็ช่วยดูแลฉันด้วยเหมือนกัน ในฐานะสหายผู้ใช้พลัง”
“เฮะๆ…ฉันชอบนายจริงๆ”
“ใช่ ฉันก็เหมือนกัน”
จากนั้นเยอึนก็ได้ลุกขึ้นและกอดไห่ฉันไว้ สายตาของเธอซึ่งเปลื่ยนไปเป็นดำหลังจากการต่อสู้จบลงมันได้ขยายไปจนน่ากลัว ไหล่ที่เธอคว้าไว้มันได้เจ็บปวด จากนั้นเธอก็พูดสิ่งที่ไร้สาระที่ฉันไม่เคยจะลืมเลยในช่วงชีวิตที่เหลืออยู่
“ถ้างั้นวันนี้เป็นของเรา!?”
“ไม่นะ…ฉันไม่ได้มีแผนที่จะที่จะเดทสำหรับตอนนี้ ฉันจะต้องไปดันเจี้ยน”
“….”
เยอึนได้พึมพัมและยืนนิ่งกับที่ ในความเป็ฯจริงฉันก็นิ่งไปเหมือนกัน เกิดอะไรขึ้น? ถึงแม้ว่าฉันปฏิเสธเธอในการสารภาพรักกับฉัน!? แต่ว่าคำสารภาพนั่นคืออะไร? นั่นเป็นคำสารภาพครั้งที่สองตั้งแต่ที่ฉันได้จากตอนที่เรียน ม.6! นี่มันเป็นมุขหรือป่าวน่ะ? ฉันควรจะพังกล้อมทั้งหมดไปแล้วสินะ! ฉันได้ตกอยู่ในสภาพตื่นตกใจ
เยอึนได้ล้มลงไปกับพื้น
“ฉันคิดว่านายชอบฉัน…”
“นั่นมันเรียกว่ามั่นใจมากเกินไปนะ”
“แต่ว่านายซื้อเฟรนฟรายให้ฉัน….”
“ฉันคิดว่ามาตราฐานในการตัดสินใจของเธอนั่นได้เกินระดับของคนธรรมดาไปไกลแล้ว”
ถึงแม้ว่าฉันจะชอบเธอ แต่ฉันก็ไม่เคยคิดกับเธอแบบหนุ่มสาว
“นะ นะ นายบางทีอาจจะมีคนที่ชอบแล้วหรอ?”
“ไม่”
“เยี่ยม…ถ้างั้นฉันจะรอ! ฉันรอได้!”
“ไม่ นั่นมันกดดันนะ…”
เยอึนไม่สนใจในสิ่งที่ฉันพูดและมองฉันมาอย่างโล่งใจ เมื่อฉันได้มองไปที่เธอฉันก็รู้สึกเริ่มคันที่คอของฉัน ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้หญิงสวยงามคนนี้จะชอบฉัน
แน่นอนว่าเมื่อเทียบกับวันเวลาที่ฉันมีร่างกายเป็นกอลิล่า ฉันดูดีขึ้นมากในตอนนี้ แต่ว่าฉันก็เคยได้ยอมแพ้มันไปแล้วครั้งหนึ่งด้วยความคิดที่ว่า ‘ในโลกนี้มันอาจจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเดทโดยที่ไม่ต้องพิจารณารูปลักษณ์ภายนอก’ เพียงเพราะใครบางคนพูดว่าเธอชอบฉัน ฉันก็เลยไม่สามารถจะพูดเพียงแค่ ‘โอ้ จริงหรอ? ฉันก็คิดแบบนั้น’ ได้
ฉันรู้สึกเหมือนกับกำลังฝันอยู่ เหมือนฉันลอยอยู่ในหมู่เมฆ แม้ว่าฉันจะรู้สึกเสียใจเล็กน้อย แต่ฉันก็ไม่สามารถจะยอมรับคำสารภาพของเธอได้
ดังนั้นฉันก็เลยให้ข้อเสนอกับเธอ
“ฉันไม่สามารถจะพูดอะไรที่เป็นประโยชประโยชน์ได้ แต่ว่านะเยอึน…”
“นะ นายต้องการจะให้เราเริ่มต้นในฐานะเพื่อนหรอ? แต่ว่าพวกเราเป็นเพื่อนกันแล้ว….”
“ไม่ใช่ มันไม่ใช่สิ่งแบบนั้นหรอก”
“แล้วแบบไหนหล่ะ!?”
“มันมีบางอย่างที่ฉันต้องการจะเสนอให้กับผู้ใช้พลังที่มีพรสวรรค์และมีความปรารถนาที่จะเอาชนะมอนสเตอร์”
“…?”
ฉันได้มองไปที่เยอึนที่ยืนนิ่งไม่เข้าใจในสิ่งที่ฉันพูด จากนั้นก็พูดออกไปด้วยรอยยิ้
“เธอต้องการที่จะเป็นนักสำรวจดันเจี้ยนที่หนึ่งหรือป่าว?”