บทที่ 89 – เสียงคำรามสีชาด (1)
[คุคุค มันเป็นเขา]
[คนใหม่มาแล้ว]
ในวินาทีที่ฉันเริ่มการสำรวจชั้นที่ 36 ฉันก็ได้ใจเย็นลงไปจากเสียงกระซิบที่ได้ยิน ทางเดินมันกว้างมากกว่าปกติและผนังต่างๆก็มีแม้แต่หน้าต่างให้ฉันได้มองเห็นด้านนอกดันเจี้ยน
นี่มันเป็นครั้งแรกที่มีหน้าต่างอยู่ในดันเจี้ยน นอกจากนี้นอกหน้าต่างออกไปเป็นท้องฟ้าสีม่วงดำและดวงจันทร์สีม่วง ฉันได้ไปสัมผัสดูที่น่าต่างด้วยความสงสัยอยากรู้เกี่ยวกับภายนอกดันเจี้ยน แต่แล้วฉันก็ตระหนักได้ว่าฉันไม่สามารถจะทำลายหน้าต่างได้ด้วยพลังในตอนนี้ ไม่ว่าฉันจะทำยังไงก็ตาม
สิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือเสียงที่ฉันได้ยิน ฉันได้มองไปรอบๆอีกครั้งหนึ่ง ฉันเห็นบางสิ่งบางอย่างที่จางๆสะท้อนอยู่ในหน้าต่าง ฉันได้ปิดตาลงและพยายามตรวจหาตำแหน่งในบริเวณใกล้เคียงนี้ แต่แล้วฉันกลับไม่รู้สึกถึงอะไรเลย มันเกือบจะเหมือนกับในเวลาที่ฉันขึ้นไปที่ชั้นที่ 6 ข้อแตกต่างกันก็คือในตอนนี้ฉันไม่เห็นอะไรเลย
อย่างไรก็ตามฉันได้เตรียมพร้อมสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นแบบนี้แล้ว
“ไพก้า”
[คลื่นสายฟ้า!]
ไพก้าได้ปล่อยคลื่นออกมาจากพัดของเธอและคลื่นรัศมีสีทองนั้นก็ได้กระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง ในฐานะที่ฉันพัฒนาขึ้นมาในฐานะผู้ใช้ธาตุ พลังของไพก้าก็ยังพัฒนาขึ้นมาเช่นกัน เมื่อไพก้าใช่ทักษะของเธอ สภาพแวดล้อมก็จะต้องเปลื่ยนแปลงไป
[กึก ภูติธาตุ!]
[มันเป็นภูติธาตุที่แข็งแกร่งกว่าที่เราคิด!]
ฉันได้เปิดตาขึ้นและถือหน้าไม้กระดูกเงินเอาไว้ ด้วยการโจมตีวงกว้างของไพก้ามันทำให้มอนสเตอร์ที่ซ่อนตัวอยู่ปรากฏออกมา พวกมันมีสีซีดขาว ฉันค่อนข้างจะพอรู้ว่าพวกมันคืออะไร มันเป็นสิ่งที่อยู่เหลือกว่ามอนสเตอร์ที่อยู่ในชั้นที่ 6 ถึง 10 แต่ว่ามันเป็นวิญญาณร้ายเหมือนกัน พวกมันเหล่านี้เป็นผี! พวกมัก็ยังเป็นมอนสเตอร์ประเภทอันเดตอีกด้วย
“ริยูเข้ามาในหน้าไม้ของฉัน”
[โอเค]
โดยไม่ลังเลริยูได้เข้ามาในหน้าไม้ของฉัน และครู่หนึ่งหน้าไม้ของฉันก็ได้เปล่งแสงสีน้ำเง้นเข็มออกมา ฉันได้เริ่มที่จะยิงมันออกไป แม้ว่าทักษะเชี่ยวชาญหน้าไม้ของฉันจะเป็นเพียงแค่ระดับต่ำ แต่ด้วยการเสริมจากสปิริตออร่าระดับกวาง ลูกศรเหล่านี้จึงมีพลังที่น่ากลัวเกรง
[อี้! เขากำลังยิงพวกเขา!]
[โจมตี โจมตีเขา!]
[อย่าปล่อยให้เขายิงได้!]
เหล่าผีได้สร้างลูกบอลสีขาวจางขึ้นในมือและโยนมันออกมา ฉันได้สันนิษฐานว่าพวกมันเป็นเวอร์ชั่นที่แข็งแกร่งขึ้นจากลูกศรพลังของวิญญาณร้ายในชั้นที่ 9 แน่นอน แต่ยังไงก็ตามไพก้าไม่ได้ปล่อยให้มันโจมตีได้อย่างอิสระ
พัดในมือของเธอได้สั่นขึ้นและปล่อยคลื่นสายฟ้าออกมาอีกครั้งหนึ่ง ด้วยการยิงศรสายฟ้าออกมาด้วย เพียงแค่โดนศรนั่นเหล่าผีก็ได้รับความเสียหายและหยุดไป โดยไม่ยอมเสียโอกาศนี้ฉันได้ยิงลูกศรออกไปตามลำดับและจัดการล้มผีที่ได้รับผลกระทบจากสายฟ้าของไพก้า
อย่างที่ฉันรู้สึกเสมอ ไพก้าและริยูมีพลังที่เข้ากับคนอื่นๆได้ดี เมื่อฉันใช้การโจมตีจำนวนความเสียหายที่ฉันสร้างขึ้นก็จะเพิ่มขึ้นไป เหล่าผัได้รีบวิ่งหนีหลบกันไปรอบๆจากศร แต่มันก็ได้กลายเป็นอัมพาตไปหลังจากที่โดนคลื่นสายฟ้าของไพก้าที่ปล่อยออกมาเป็นระยะๆ เมื่อพวกมันเป็นอัมพาตฉันก็ได้ยิงเจาะทะลุหน้าผากของพวกมันไปด้วยพลังที่เสริมจากริยู
หนึ่งการโจมตีก็เพียงพอแล้วที่จะจัดการกับพวกมันโดยส่วนใหญ่ และการโจมตีที่สองก็จะทำให้มันตายไปอย่างแน่นอน เมื่อฉันฆ่าพวกมันได้อย่างง่ายๆ (แม้ว่าในปากจะกินมานาโพชั่นอยู่ตลอดก็เถอะ) เหล่าวิญญาณก็ดูเหมือนจะรู้ถึงความร้ายแรงของสถานการณ์
[ถ้าเราวิ่งนั่นจะเป็นกาณเปิดโอกาสให้ชายคนนั้นฆ่าเรา]
[โจมตีเขาพร้อมกัน]
[หนึ่งคนเสียสละเพื่อส่วนที่เหลือ]
ผีได้เริ่มที่จะพุ่งเข้ามาหาฉันจากทุกทิศทางโดยที่ฉันไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะยั่วยุเลย พวกมันได้รวมตัวกันเข้ามาด้วยจำนวนที่มากอย่างไม่น่าเชื่อ ฉันได้สั่งให้ไพก้าปล่อยคลื่นสายฟ้าออกมาและสิ่งไปข้างหน้า ฉันเล็งไปที่หน้าผากของผีด้านหน้าและตะโกนขึ้น
*****
“พี่ค่ะทำไมถึงนอนอยู่บนโซฟาล่ะ?”
ในขณะที่ฉันกำลังหลับอยู่บ่นโวฟา ฉันก็ได้ตืนขึ้นมาโดยธรรมชาติจากเสียงของนางฟ้า ยุยได้อยู่ในชุดนักเรียนของเธอและแบกกระเป๋าอยู่ มันดูเหมือนว่าเธอจะพึ่งกลับมาจากโรงเรียน วันนี้มันเป็นวันที่ 23 ธันวาแล้ว แม้อย่างนั้นมหาลัยของฉันก็ได้ถึงช่วงพักหน้าหนาวแล้วหลังจากที่สอบไฟนอล ยุยยังคงอยู่ในชั้นมัธยมและต้องไปโรงเรียนจนกว่าจะถึงสิ้นเดือนนี้
“อืม พี่อยู่ในดันเจี้ยนจนกระทั่งไม่นานมานี้น่ะ พี่มีปัญหานิดหน่อย”
ฉันต้องการที่จะก้าวไปที่ชั้นที่ 40 แต่ว่าแม้จะผ่านไป 10 ชม.แล้วฉันก็ได้อยู่ที่ชั้นที่ 37 เท่านั้น จำนวนของมันก็เรื่องหนึ่ง แต่ความยากจริงๆก็คือการโจมตีปกติไม่สามารถจะทำร้ายพวกมันได้ แม้ว่าทักษะเชี่ยวชาญหน้าไม้ของฉันจะเพิ่มขึ้นมากก็เถอะ….
ที่สำคัญที่สุดเมื่อเทียบกับอดีต ทางเดินที่เดินที่ยาวมันเป็นจุดที่ทำให้ฉันก็กัดฟันแน เมื่อใช้ทักษะวิ่งโดยที่ไม่พักในขณะที่ใช้พลังเวทย์ธาตุและหน้าไม้ของฉันไปด้วย แต่ว่ามันก็ใช้เวลากว่า 10 ชม.ในการที่ผ่านชั้นที่ 36 ถ้าฉันช้าแบบนี้ ฉันจะตามนักสำรวจคนอื่นๆได้ยังไง? ฉันได้แต่กัดฟันแน่นเท่านั้น
“แต่พี่คะ ถ้าพี่จะหลับ พี่ก็ควรจะไปนอนบนเตียงนะ ไม่เช่นนั้นพี่จะหนาวเอานะ”
ด้วยคำถามของยุยมันทำให้ฉันต้องตรวจสอบเวลา มันเป็นเวลาบ่าย 4 โมงเย็นแล้ว มันถึงเวลาที่ฉันจะต้องไปแล้ว
“จำในสิ่งที่พี่บอกพ่อ แม่ และยุยได้มั๊ย? ที่ว่าพี่จะไปนอกประเทศเกาหลีซักสองสามวันเพื่อช่วยเพื่อนนะ มันเกือบจะถึงเวลาที่จะต้องไปแล้ง ดังนั้นพี่แค่จะงีบหลับสักเดี๋ยวเท่านั้นเอง”
“อ่า ใช่แล้ว…มันไม่ได้อันตรายจริงๆนะ?”
“แน่นอนมันไม่เลย พี่จะกลับมาในทันที่ถ้าได้รับอันตรายดังนั้นไม่ต้องกังวล”
เมื่อเห็นยุยขมวดคิ้ว ฉันก็ได้ลูบหัวของเธอแล้วลุกขึ้น หลังจากที่ให้สัญญากับยุยแล้วฉันก็ได้สวมใส่ชุดกันหนาวเพื่อป้องกันความเย็ฯและเก็บหน้ากากเอาไว้ในช่องเก็บของ ด้วยแบบนี้ฉันจึงพร้อมแล้ว
“หืม การซ่อนตัวตนของฉันมันค่อนข้างจะเจ็บปวดนะ”
ในคราวนี้่ฉันจะไปอังกฤษไม่ใช่ในฐานะยอน ฮวาวู แต่เป็นในฐานะอัศวินสายฟ้า ดังนั้นฉันจะต้องทำให้รูปลักษณ์ของตัวเองแตกต่างไปจากยอนฮวาวู โดยการใช้เลนส์แห่งความลับ ในตอนที่ฉันเป็นยอน ฮวาวูผมของฉันมันจะเป็นสีเทาๆ แต่ในความนี้ฉันได้ทำให้ผมของฉันเป็นสีบลอนด์เงินเพื่อที่จะทำให้แน่ใจว่าฉันจะไม่ถูกนำไปเปรียบเทียบกับยอน ฮวาวู ฉันก็ยังทำให้ร่างกายของฉันดูเหมือนกับตัวจริงของฉัน ตาของฉันซึ่งสามารถมองเห็นได้ผ่านหน้ากาเป็นสีแดง เมื่อฉันได้มองในกระจก ตัวตนที่สามนี้ไม่ใช่ทั้งคังชินหรือยอน ฮวาวูในกระจกนี้เป็นคนที่สวมใส่หน้ากากดูน่าสงสัย
สมบูรณ์แบบ
…ฉันอาจจะต้องใช้โอกาสนี้ในการบอกชื่อจริงของฉันกับฮวาหยา เธอคิดว่าฉันเป็นเพื่อนจริงๆของเธอ และเธอก็จะต้องรู้ว่าฉันได้โกหกเธอในระดับหนึ่งอยู่แล้วเมื่อเห็นรูปลักษณ์ของฉัน เพราะว่าเธอเป็นคนฉลาด เธออาจจะรู้ด้วยซ้ำว่ารูปลักษณ์ที่เจอกันในครั้งแรกของฉันก็ไม่ใช่ความจริง
“แล้วพ่อล่ะ? พ่อไม่ไปด้วยกันกับพี่หรอ?”
“พ่อบอกว่าพ่อจะเลิกเป็นอัศวินดำน่ะ”
นอกจากนี้แม้พ่อยังบอกกับฉันว่าพ่อจะต้องผ่านชั้นที่ 45 ให้ได้ภายในสิ้นปีนี้ ฉันแน่ใจ 100% เลยว่าพ่อจะไม่สามารถทำได้ แต่ฉันก็ทำได้เพียงแค่อวยพรให้พ่อโชคดีและยอมทำอย่างอื่นเท่านั้น
“ฉันกังวลว่าถ้าพี่…”
“พี่น่ะแข็งแกร่ง ยุยก็เห็นในทีวีแล้วนี่”
“แล้วถ้างั้นใครเป็นเพื่อนของพี่กันค่ะ?”
“หะ หืม?”
“..พี่?”
ดวงตาของยุยได้แหลมคมขึ้น ดูเหมือนว่ายุยจะวางแผนที่จะถามเรื่องนี้มาแต่แรกงั้นหรอ? ฉันได้พยายามยิ้มและตอบกับไป
“เพื่อนของพี่เป็นชาวอังกฤษ พี่กำลังจะไปอังกฤษ”
“ว้าว พี่ได้พบกับเพื่อนชาวอังกฤษได้ยังไง?”
“หะ หือ? อ่า น้องรู้มั๊ย คนๆนั้นเป็นลูกครึ่งเกาหลีด้วยน่ะ! พวกเราได้พบกันในเกาหลีและคนๆนั้นก็เป็นผู้ใช้พลัง”
“พี่คะ..คนๆนั้นเป็นผู้หญิงหรอ?”
เธอรู้ได้ยังไงกัน? มันไม่น่าจะมีคำใบ้นี่?
“พี่ไม่จำเป็นจะต้องซ่อนมันเลยนี่ ข้อแตกต่างกันก็คือเพื่อนของพี่เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“ฮ่าๆ น้องพูดถูกแล้ว เธอเป็นผู้หญิง”
“เฮะๆ…หนูรู้อยู่แล้ว”
แปลก…ฉันไม่เคยรู้สึกหนาวเลยตั้งแต่ที่ทำสัญญากับริยู แต่ทำไมร่างกายของฉันถึงสั่นกัน มีมอนสเตอร์ที่ควบคุมความเย็นอยู่ใกล้ๆงั้นหรอ? เมื่อฉันยืดตัวและเพิ่มระดับการป้องกันไปถึงขีดสุด ยุยก็ส่งการโจมตีที่น่าแปลกใจออกมา
“พี่คะที่ๆพี่จะไปก็คือทะเลสายวินเดอแมร์ที่อังกฤษใช่มั๊ย?”
เธอรู้!
“นะ น้องรู้ได้ยังไง?”
“ฮุฮุ ทั้งหมดนี้ได้มีการพูดถึงในข่าวตอนเช้า ดันเจี้ยนที่ปรากฏขึ้นในสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติที่งดงามและระดับ SS ฮวาหยา มัสติฟอร์ดผู้ที่ถูกเรียกกลับไปที่ประเทศในระหว่างอยู่เกาหลี”
“อา อ่า! พี่เข้าใจแล้ว”
“เธอเป็นเพื่อนของพี่สินะ?”
“…”
น้องสาวของฉันฉลาดกว่าฉันมากแม้ว่าค่าสติปัญญาของฉันจะมีมากกว่า 40 แล้วในตอนนี้…!
“…เมื่อไหร่กันที่พี่กลายเป็นคนเฟรนลี่? กับคนที่แข็งแกร่งมากๆ”
“ยุย พี่จะไปช้านะ พี่จะอธิบายมันในภายหลัง ยุยเป็นเด็กดี ดังนั้นพี่จะไว้ใจว่าน้องจะอยู่บ้านโดยที่ไม่ก่อปัญหานะ”
“อ่า พี่อะ”
“โอเค พี่จะต้องซื้อของขวัญกลับมาให้น้องแน่ๆ ถ้าหากว่ามีอะไรเกิดขึ้นอย่าลืมโทรไปหาพี่นะ โอเคมั๊ย?”
“พี่ นี่มันไม่ยุติธรรมเลยนะ…หนูต้องการจะได้ยินคำตอบจากพี่”
“พวกเราพบกันผ่านการทำงานและเป็นเพื่อนกัน พี่จะอธิบายให้มันดีกว่านี้ก็คือหลังจากเรียนอย่างหนัก โอเคนะยุย?”
“โอเค…”
ยุยได้ทำแก้มป่องกับคำตอบของฉัน มันเป็นเวลานานแล้วที่น้องสาวที่น่ารักของฉันได้แสดงท่าทางไม่พอใจออกมาและฉันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ในตอนนี้เมื่อฉันได้คิดดู เธอจะแสดงการตอบสนองแบบนี้ออกมาเมื่อฉันได้เจอกับผู้หญิงคนอื่นๆ เหมือนกับในตอนเยอึน เธออิจฉาที่อาจจะมีผู้หญิงขโมยพี่ชายไปจากเธองั้นหรอ? ไม่สิ ฉันรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่ว่านั่นเป็นสิ่งที่ฉันอยากจะคิด!
ฉันได้ลูบผมของเธออยู่พักหนึ่งและออกจากบ้านมุ่งหน้าไปสู่สถานที่นัดพบ ผมสีเงินนัยตาสีแดงและหน้ากาก เมื่อฉันได้มาถึงสถานที่นัดพบด้วยรูปลักษณ์แบบนี้มันก็มีรถลีมูซีนจอดรอฉันอยู่
“คุณมัสติฟอร์ดส่งผมมาที่นี่”
“ขอโทษที่รบกวนนะ”
ฮวาหยาเป็นหนึ่งในเจ็ดคนที่มีความสำคัญมากกับโลกนี้
เพียงแค่พูดออกมาทุกๆประเทศพร้อมที่จะประเคนในสิ่งที่เธอต้องการไม่ว่าจะเป็นรถ เรือ เครื่องบิน เธออาจจะพูดได้เลยว่าเป็นคนที่มีอำนาจมากคนหนึ่ง แน่นอนว่าความรับผิดชอบของเธอก็ต้องมากพอๆกัน
นอกจากนี้อังกฤษยังพยายามที่จะตอบสนองในคำขอของเธอเพื่อที่จะตัดสัมพันธ์กับเกาหลีให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่ว่าความต้องการของเธอจะไร้เหตุผลมากแค่ไหน แต่พวกเขาก็จะตอบสนองต่อความต้องการนั้นของเธอโดยไม่เอ่ยขัดใดๆ นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมฉันถึงได้ไปถึงสนามบินด้วยรถลีมูซีน คนขับไม่ได้พูดอะไรเลยและฉันก็เช่นกัน มันเป็นเหมือนกับว่าฉันจะต้องนั่งรอเครื่องบินสวนตัว หลังจากที่ฉันได้ขึ้นไปฉันก็ได้ถอนหายใจออกมา
“นี่มันเป็นเครื่องบินที่กำลังเดินทางตรงไปสู่สนามบินของอังกฤษ พวกเราจะออกเดินทางในเวลา 5.10 นาฬิกา หลังจากนั้นสิบนาทีเครื่องบินก็จะสู่น่านฟ้า”
หลังจากเกิดเหตุการดวงจันทร์แผดผู้คนต่างก็หมดหวังที่จะจัดการกับมอนสเตอร์จากพื้นดิน มหาสมุทรและท้องฟ้าเพื่อที่จะรักษาเส้นทางสำหรับเครื่องบิน รถ เรือเอาไว้ ในมหาสมุทรนั้นเต็มไปด้วยมอนสเตอร์ขนาดมหีมาจำนวนมาก ทั้งทรงพลังจึงทำให้การเดินทางด้านนี้ต้องยอมแพ้ไป แต่ว่ามนุษย์กลับสามารถบินขึ้นไปสู่ท้องฟ้าได้ค่อนข้างง่าย พวกเราได้ค้นพบกลิ่นที่กันมอนสเตอร์ประเภทบิน และได้คิดค้นพัฒนาเทคโนโลยีกระจายสารไปในอากาศและป้องกันไม่ให้มันสลายตัวไปในช่วงเวลาที่ดำหนด มันจึงทำให้การเดินทางโดยเครื่องบินยังคงปลอดภัยอยู่
แน่นอนว่ากลิ่นนี้ก็ไม่ได้ส่งผลกับมอนสเตอร์ประเภทบินทั้งหมด แต่อย่างใดก็ตามมันก็ยังคงเป็นผลงานที่น่าทึ่ง มันเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของภูมิปัญญามนุษย์ที่เอาชนะมอนสเตอร์
“เราจะถึงสนามบินในเวลา 1.20 น. ตามเวลาลอนดอน หลังจากนั้นจะมีรสลีมูซีนจอดรออยู่ที่สนามบินส่งคุณไปถึงทะเลสาบวินเดอแมร์ในอีก 4 ชม.”
การบินในอดีตจะต้องใช้เวลาถึง 12 ชม. แต่ว่าในตอนนี้มันใช้เวลาเพียง 5 ชม.เท่านั้น มันเป็นการพัฒนาที่ยอดเยี่ยม แน่นอนว่านี่ก็เป็นผลงานจากพลังงานที่ได้รับมาจากหินบลูสโตน ซากศพของมอนสเตอร์ก็ยังถูกนำมาใช้ในการสร้างชิ้นส่วนเครื่องบิน เรือ รถไฟ อีกด้วย ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายใน 1 ปีหลังจากเหตุการดวงจันทร์แฝด ความสามารถในการปรับตัวนี้ของมนุษย์มันยอดจริงๆ…ทุกๆครั้งที่ฉันคิดแบบนี้มันทำให้ฉันอดคิดถึงมนุษย์ในโลกอื่นๆไม่ได้ แม้ว่าพวกเขาจะมีอารยธรรมที่แตกต่างออกไป แต่พวกเขาก็ยังเป็นมนุษย์
อะไรกันที่ทำให้พวกเขาต้องสูญพันธุ์? อะไรที่ผลักดันให้พวกเขาจนมุม? ไม่ว่าฉันจะคิดยังไงฉันก็ไม่สามารถจะหาคำตอบได้
“พวกเราจะเริ่มออกตัวในเร็วๆนี้”
กัปตันเรือได้ประกาศออกมา ฉันได้พิงตัวไปกับที่นั่งโดยสาร แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วฉันจะไม่ง่วงนอน แต่เพราะการต่อสูญกับดูลาฮานและไปเคลียร์ชั้นที่ 36 ต่อโดยไม่หยุดพักมันได้สร้างภาระให้กับร่างกายของฉัน
แม้ว่าการจะนั่งอยู่ที่นี่และไม่ได้ทำอะไรเลยมันได้ทำให้ฉันรู้สึกคัน แต่ว่ามันก็ไม่มีทางเลือกอื่นใด เพราะแบบนี้มันจึงมีเวลาให้ฉันได้พักผ่อนมากขึ้น ลองจินตนาการว่าฉันกำลังฉันไปถึงลอนดอนเมื่อฉันตื่นขึ้นดูสิ ฉันได้ปิดตาลงไป พื้นที่ดันเจี้ยนระดับ A+…ฉันกำลังจะไปหาแล้ว