Infinite Competitive Dungeon Society – บทที่ 91 – เสียงคำรามเสียงคำรามสีชาด (3)

Infinite Competitive Dungeon Society - บทที่ 91 – เสียงคำรามเสียงคำรามสีชาด (3)

บทที่ 91 – เสียงคำรามเสียงคำรามสีชาด (3)

เมื่อเทียบกับชาวเกาหลีแล้ว ชาวอังกฤษชิวกว่ามาก ไม่สิบางทีอาจจะไม่ใช่ทั้งหมดก็ได้ มันอาจจะเป็นไปได้ว่าที่นี่มีแต่ผู้ใช้พลัง

เป็นเพราะว่าพวกเขาได้ทำการล่าพวกมันเป็นประจำในหลายๆสัปดาห์หรอ? พวกเขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับการเคลียดันเจี้ยนเท่าไรเลย พวกเขาได้นั่งกินอาหารเย็นและจิบชาในขณะเดียวกันก็นั่งเฝ้ามองดูปลาทูน่ากระโดดไปมาบนผิวน้ำ

“อ่า ฝนตกแล้ว”

“มันควรจะหยุดในเร็วๆนี้นะ ถึงแม้ว่ามันจะกลับมาอีกก็ตาม”

“หิมะก็ตกที่นี่ด้วยหรอ?”

“เมื่ออากษสมันเย็นพอนะ มันก็เหมือนๆกับที่เกาหลีแหละ”

ฮวาหยาได้เช่าที่พักอาศัยทั้งหมดในวินเดอแมร์เอาไว้ในตอนนี้พวกเราสองคนได้อยู่ในห้องเล็กๆบนชั้นสองของห้องพัก ฮวาหยาดื่มชาแดงในขณะที่กระพริบตามองดูฝนจากนอกหน้าตา ตาสีแดงเพลิง และผมสีแสงเงางามมันทำให้เธอเป็นดั่งจุดสว่างของห้องนี้แม้จะไม่ได้ตกแต่งอะไร

และการถือแก้วชา ฉันคิดว่าเธอดูสวยงามมากจริงๆเหมือนกับมาจากภาพวาดเลย จากนั้นก่อนที่ฉันจะสังเกตุเห็นเธอก็หันกลับมาทางฉันและหรี่ตามอง

“ทำไมนายต้องจ้องฉันแบบนั้น?”

“…โทษที เธอสวยเกินไปจนฉันลืมตัวไปนะ”

“…ฮู ปกติแล้วฉันยินดีกับคำชมนี้ แต่เนื่องจากว่าฉันพึ่งจะได้ยินมันมาจากคนที่ฉันเกลียดเมื่อเร็วๆนี้ ฉันจึงเกลียดมัน โทษที”

“เธอนี่มันซื่อสัตย์จริงๆ…ฉันควรจะต้องขอโทษเธอที่ต้องให้เธอเตือนสติฉัน แต่ว่านั่นก็ไม่ใช่ว่าฉันจะประจบเธอนะ”

“ฉันรู้และฉันก็รู้ว่านายไม่ใช่คนแบบนั้น นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันรู้สึกรำคาญตัวเองที่ไม่สามารถจะชอบคำชมของนายได้”

ฮวาหยาได้วางแก้วชาลงไปในขณะที่พูดอย่าข่มขื่น บริทแมนคงถูกเกลียดสุดๆ…นี่เป็นส่วนหนึ่งของแผนเขาไหมนะ? ไม่ว่าจะในทางบวกหรือลบเขาได้ทำให้เธอคิดเกี่ยวกับเขามากๆ…

ฉันได้เก็บความคิดที่ไร้ประโยชน์นี้ไปและกลับไปที่เรื่องหลัก

“ถ้างั้นเราก็ควรจะเริ่มกันได้แล้ว วิธีในการตรวจสอบมานาที่เธอมีและ….”

“รอเด๊่ยวก่อน พวกเราจะเป็นจะต้องพูดเรื่องอื่นอีก”

“อา”

เธอพูดถูก มันมีเรื่องบางอย่างที่ฉันจะต้องอธิบายให้เธอฟังก่อน ฉันได้เกาหัวด้วยรอยยิ้มขมพร้อมกับหลับตาลงไปและตรวจสอบพื้นที่ๆใกล้เคียงว่ามีใครมั๊ย? ฉันไม่คิดว่าจะมีใครซ่อนหรอกแต่ว่ามันเป็นการระวังตัว

“ฮวาหยามีคนอื่นที่อยู่กับเธออีกมั๊ย?”

“อะไรนะ? ไม่”

“จริงหรอ? น่าแปลกนะที่ฉันรู้สึกถึงร่องรอยของใครบางคนที่ไม่ใช่เธอ…บางทีอาจจะเป็นเจ้าของห้องที่เธอเช่าก็ได้?”

“บางที? มันเป็นเวลานานแล้วนะตั้งแต่ที่ฉันเช่ามัน ฉันจะตรวจสอบเรื่องนี้ในภายหลัง”

แม้ว่าไม่ได้พอใจมากนัก แต่มันก็เป็นความจริงที่ว่าในตอนนี้มีแค่เราที่อยู่ในบ้านนี้ สำหรับตอนนี้ฉันได้สูดหายใจเข้า…และถอดหน้ากากออก

“อา”

ฮวาหยาได้จ้องมาที่หน้าของฉันเงียบๆ เพราะว่ามันจะอายเล็กน้อยถ้าฉันมองไปที่หน้าเธอต่อไปดังนั้นฉันจึงได้หันไปด้านข้าง ครู่หนึ่งเธอก็หยักหน้า

“นายหล่อกว่าที่ฉันคิดอีกนะเนี่ย”

“ขอบคุณสำหรับคำชมเชย”

“อย่างที่ฉันคิด นายมีผมและตาสีดำ”

“ฉันเป็นคนเกาหลีนี่”

“อืม ฉันเคยคิดว่านายไม่ใช่คนเกาหลีด้วยล่ะ”

“แน่นอนฉันเป็น…แล้วก็ชื่อจริงของฉันก็คือคังชิน”

“ถ้างั้นนามสกุลของนายคือคัง…เอ๊ะ?”

เธอได้เอียงหัวและฉันก็บอกความจริงกับเธอ

“คัง ยงอูเป็นพ่อของฉัน”

“นายมันไอตอแหลจริงๆ”

“ฮ่าๆๆๆ”

“อูวว นายโกหกฉันได้ง่ายๆเลย ฉันไม่สามารถจะเชื่อนายได้!”

“โทษทีๆ ในตอนนีฉันได้บอกเธอแล้วนะ มันไม่ได้ง่ายเลยนะเธอรู้มั๊ย?”

“อะไรล่ะ? นายอยากให้ฉันมีความสุขกับมัน? เหมือนกับที่นายยอมรับฉัน?”

“ไม่…ขอโทษ”

ฮวาหยาได้บ่นอยู่อีกสักครู่หนึ่งก่อนที่จะสงบลง อา เดี๋ยวนะ ไม่ต้องคิดว่า เธอได้วางแก้วชาลงไปบนจากอย่างโกรธแค้นจนฉันคิดว่ามันจะแตกออกมา

“ฉันเห็นจำนวนของนักสำรวจดันเจี้ยนบนโลกเพิ่มขึ้นเป็นหกคน นายทำมันด้วยใช่มั๊ย?”

“ใช่เพื่อนของฉันเป็นผู้ใชพลัง ไม่ต้องห่วงคนๆนี้เป็นคนที่น่าเชื่อถือและมีพรสวรรค์ที่สมควรจะเป็นนักสำรวจ”

“อูว ถ้างั้น 3 ใน 6 ก็…ไม่สิ แต่พิจารณาจากบุคลิกของนาย…”

ฉันรู้ว่าเธอต้องการจะพูดอะไร

“ฉันไม่ได้วางแผนที่จะสร้างองค์กรแบบเธอ นั่นเป็นแค่เพื่อนและพ่อของฉัน ไม่ต้องพูดอีกว่าเธอก็ยังสามารถจะทำให้คนกลายมาเป็นนักสำรวจได้อีกด้วยถ้าเธอต้องการ”

“มันเป็นเรื่องจริง แต่ว่า…ฉันสามารถจะไว้วางใจนายได้หรอ?”

“ทำไมล่ะ ฉันจะหลอกเธอหรอ?”

“ฮ่า ฉันรู้สึกว่าได้เรียนรู้สิ่งต่างๆมากมายในตอนนี้ หัวของฉันมันรู้สึกเหมือนกับว่าจะระเบิดเลย”

“อย่าได้เครียดเกินไปสิ พ่อของฉันทำให้ฉันเป็นนักสำรวจ ฉันได้ซ่อนตัวตนในช่องทางการสื่อสารนักสำรวจ และฉันก็ได้รู้จักเพื่อนที่ฉันไว้วางใจเลยให้เขาเป็นนักสำวจไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น แถมฉันยังเปิดเผยตัวตนของฉันกับคนที่ฉันไว้ใจได้อีกด้วย”

“มันยากเกินไปที่จะยอมรับมันง่ายๆ”

ฮวาหยาได้กุมหัวของเธอและดูเหมือนว่าเธอจะทรมานกับบางสิ่งบางอย่าง จากนั้นเธอก็พูดออกมาด้วยเสียงที่เหนื่อยล้า

“ยังไงก็ตาม ฉันไว้ใจนาย”

“ขอบคุณ”

“เงียบ! นายทำให้ฉันสงสัยเกี่ยวกับนายที่ยอมรับว่าเพื่อนเมื่อตะกี้ นั่นมันเป็นเรื่องน่ารำคาญและน่าเศร้าสำหรับฉัน นายจะต้องทำมันให้ถูกต้อง”

“ยังไง?”

“นายบอกว่าจะสอนฉัน! จนกว่าฉันจะเชี่ยวชาญมัน นายจะต้องมาสอนฉันทุกๆคืน เข้าใจนะ? นี้คือบทลงโทษของนาย…แต่อย่างน้อยฉันจะให้ชานมกับนายเมื่อนายมา”

ฉันไม่เคยได้รับบทลงโทษที่แสนน่ารักแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต ฉันได้แต่ยิ้มและหยักหน้ารับออกไป

“โอเค เข้าใจแล้ว”

“…ทำไมนายถึงยิ้มกัน? มันทำให้นายดูเจ้าเล่ห์”

“ไม่มีอะไร ฉันแค่มีความสุขที่ได้รู้ด้านที่น่าทึ่งของเพื่อน”

“อุค…!”

ฮวาหยาดูเหมือนจะอับอาบกับคำพูดนี้ในขณะที่เธอโยนของมาใส่ฉัน มันดูเหมือนว่าจะต้องใช้เวลาอีกซักพักกว่าฉันจะได้เริ่มสอนเธอ

*****

จากชั้นที่ 38 ขึ้นไปมันมีผีอัศวินปรากฏตัวขึ้น ถ้าผีเป็นสิ่งที่เหมือนกับคนธรรมดา ผีอัศวินก็คงจะเป็นอัศวินที่อยู่บนหลังม้า มองดูพวกเขาพุ่งเข้ามาหาฉันด้วยม้าผีมันน่าทึ่งเลยทีเดียว

[ฆ่ามนุษย์นั่น!]
[สิ่งมีชีวิตจงลิ้มรสความโกรธของคนตายไปซะ!]

“เหมือนฉันแคร์ หลบ!”

ที่สำคัญกว่านั้น การที่จะผ่านชั้นนี้มันง่ายกว่าชั้นก่อนๆ

“ริยู วิ่ง!”

[บรูววววววววว]

เมื่อริยูวิ่งออกไปอย่างบ้าคลั่งกำแพงแห่งผีที่อยู่ด้านซ้ายและขวาของฉันก็วิ่งเข้ามาด้วยความเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ในขณะเดียวกันฉันก็ทำเพียงแค่มองไปด้านหน้าในขณะที่เหวี่ยงหอกของฉัน แม้ว่าจะยังมีผีอยู่แต่ก็เพราะจำนวนที่นอนฉันก็เลยสามารถจะป้องกันตัวได้อย่างสมบูรณ์ในขณะที่วิ่งไปด้าน ผีอัศวินไม่ใช่ศัตรูของฉันเลย ฉันมีความสุขที่การเคลียร์ชั้นดันเจี้ยนมันได้กลายเป็นเรื่องง่ายอีกครั้ง ในขณะที่ริยูให้ฉันขี่ ไพก้าก็ได้ปล่อยศรใส่เหล่าผีรอบๆ เมื่อเทียบกับชั้นที่ 36 และ 37 ในชั้นๆนี้มันตรงกับสไตล์ของฉันมากขึ้น

[ก๊าซซซซ! ฆ่าเจ้าหนูนั่น! แทงดาบไปที่คอของมัน!]
[ในฐานะของอัศวินเกียรติของเราได้ถูกทำลาย]

“เข้ามา! เข้ามาเลยเป็นแถว!”

ฉันได้ตัดผ่านผีอัศวินในขณะที่พุ่งไปข้างหน้าโดยไม่คิดอะไรมาก ฉันตั้งใจจะผ่านชั้นที่ 38 ใน 5 ชม. ครึ่งหนึ่งของเวลาในชั้นที่ 36

[คุณได้กลายเป็นเลเวล 39]

[คุณได้รับโบนัสสเตตัส 5 แต้ม]

“สมบูรณ์แบบ”

ด้วยการหอบหายใจหลินได้โยนอะไรบางอย่างมาที่ฉันอย่างไม่แยแส ฉันได้จับมันเอาไว้และตรวจสอบว่ามันคืออะไร มันเป็นต่างหูที่มีอัญมณีรูปไข่อยู่สองชิ้นมันแผ่กระจายประกายสีทองคำออกมา มันเป็นชิ้นส่วนงานฝีมือที่สวยงามดังนั้นมันจึงเหมาะสำหรับผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ฉันได้จ้องมองมันด้วยความว่างเปล่าอยู่ครู่หนึ่งและจากนั้นก็ถามหลิน

“หลินนี่คือ?”

“ดูมันเองสิ”

[หยดน้ำตาทองคำ (ยูนีค)
ความทนทาน – 90/90
ข้อจำกัดอุปกรณ์ – ผู้ที่เอาชนะซัคคิวบัสโลหิต
ผลลัพธ์ – สติปัญญา +5 พลังเวทย์ +5 เสน่ห์ +15
ทักษะ – ม่านตาซัคคิวบัส (ทักษะติดตัว): การสวมใส่จะเพิ่มเสน่ห์ให้กับคุณ คุณสามารถจะต้านทานผลกระทบทางจิตใจได้ง่ายขึ้นและมีโอกาสน้อยที่จะได้ผลสะท้อนจะผลสถานะของศัตรู]

“ว้าว…มันเป็นไอเทมที่น่าทึ่งจริงๆ!”

“ใช่ไหมล่ะ?”

ด้วยเหตุนี้หลินได้ยื่นมือออกมา ตามที่ได้สัญญาเอาไว้ฉันได้มอบทองให้กับเขา 100,000 เหรียญ มันถึงตาของฉันเอาคืนมั้งแล้ว

“ถ้างั้นหลินนายไม่ควรจะเริ่มทำอุปกรณ์อื่นๆให้ฉันได้แล้วงั้นหรอ? อาวุธของฉันและอะไรแบบนั้นนะ”

“เมื่อนายผ่านชั้นที่ 40 ฉันจะทำมันโดยที่นายไม่ต้องมาถากถางฉันหรอกน่า! อย่าทำให้ฉันระลึกถึงความจริงอันเจ็บปวดแบบนี้เมื่อฉันเก็บเงิน!”

“หลินนายควรจะซื่อสัตย์ให้มากขึ้นนะ นายรู้อยู่แล้วนี่ว่ายังไงฉันก็จะผ่านชั้นที่ 40”

“แก…!”

หลินได้รู้สึกโกรธแค้นในขณะที่กำถุงทองเอาไว้ มันเพียงแค่นั้นก็ทำให้ความรู้สึกว่างเปล่าของฉันถูกเติมเต็ม มันทำให้ฉันอดที่จะยิ้มออกไปอย่างสดชื่นไม่ได้ จากนั้นฉันก็สวมใส่ต่างหูนี้ลงไปแทนต่างหูแห่งพลังที่เพิ่มความแข็งแรงให้ฉันเพียงแค่ 2

“อึก น่าขยะแขยง”

“นายก็รู้ฉันยอมรับ”

ฉันไม่ค่อยสนใจว่าต่างหูมันต่างกันยังไง ในขณะมันดูเหมือนจะเข้ากับซัคคิวบัสโลหิตในทีเดียว แต่ปัญหาคือฉันเป็นผู้ชาย แต่ว่ามันก็ไม่มีตัวเลือกอื่นนัก ฉันได้ต่างหูลงไปในทันที

เมื่อฉันมาถึงชั้นที่ 39 ผีก็หายไปและถูกแทนที่ด้วยภูติผี แน่นอนว่ามอนสเตอร์ส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นผีอัศวิน โดยไม่สนใจมันฉันได้ยกหอกขึ้นมา ภูติผีพวกนี้มันมีความสามารถในการควบคุมคนนั้นนั้นพวกมันจึงเข้ามาหาฉันในทันทีเมื่อมองเห็นฉัน

[คิคิ นั่นมันมนุษย์]
[ควบคุมเขา]
[การแทงตัวเองด้วยหอกมันคงจะพิเศษน่าดูเลยน้า!]

ฉันได้ยกเลิกการคงรูปธรรมของริยูและเปลื่ยนลงมาในเกราะของฉัน ตอนนี้ไพก้าก็อยู่ในหอกของฉันและริยูอยู่ในเกราะ มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากมีคนพยายามที่จะมาสัมผัสหอกและเพราะของฉันกันล่ะ?

[อ้ากกกกก!]
[กึกๆ หนาว! มันหนาวไปแล้ว ฉันไม่สามารถจะขยับได้เลย]

พวกมันได้ถูกแช่แข็งหรือไม่ก็ถูกช็อตด้วยสายฟ้า

[อ้ากกก ผู้ใช้ธาตุ!]
[ผู้ใช้ธาตุ]
[วิ่ง!]

เมื่อภูติผีได้ถูกจัดการไล่ไป

*****

[คุณได้เลเวล 40! คุณได้รับสิทธิในการท้าทายบอสประจำชั้น!]

[คุณได้รับโบนัสสเตตัส 5 แต้ม]

“นายนี้เร็วจริงๆเลยนะ นายดูเหมือนจะพึ่งมีปัญหามาเมื่อวานนี่”

“เมื่อเทียบกับชั้นที่ 36 และ 37 สองชั้นที่เหลือมันเหมือนกับการปอกกล้วยอะ ฉันไม่ได้รู้สึกกังวลกับมันเลย”

“ฉันรู้สึกโง่จริงๆที่มาคุยกับนายในตอนนี้ รีบๆขึ้นไปที่ชั้นที่ 40และจากนั้นก็ตายไปซะ”

“นายนี้ทึ่มจริงๆเลยในตอนนี้…”

แม้อย่างนั้นฉันก็ทำให้มันแน่ใจด้วยการซื้อน้ำศักดิ์สิทธิ์จากหลิน ฉันไม่รู้ถึงตัวตนของบอสในชั้นที่ 40 แต่ว่ามันจะต้องเป็นประเภทวิญญาณแน่ๆ ด้วยน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้ฉันจะมีโอกาสที่มากขึ้น

“ขอให้ฉันโชคดี หลินเพื่อที่ฉันจะสามารถได้รับผ้าคลุมหนังมังกร”

“ออกไป!”

ใช่แล้ว หลินโกรธถึงขีดสุด! เขาได้ยกนิ้วให้ฉันและไล่ให้ฉันขึ้นไปที่ชั้น 40 ชั้นที่ 40 นี้ไม่มีโครงสร้างหรือมอนสเตอร์ปรากฏอยู่เลย ฉันได้เดินไปจนสุดทางโดยที่ไม่เจอกับปัญหา เมื่อฉันไปอยู่ที่หน้าประตูสีดำที่เป็นเอกลักษณ์ของห้องบอสมันก็เป็นเวลาตี 4 แล้ว ฉันสามารถจะนอนหลับได้ประมาณ 2 ชม. หลังจากที่เอาชนะบอสสักครั้งหนึ่ง

“เยี่ยม…”

ยังไม่เคยมีใครได้รับรางวัล ‘ครั้งแรก’ จากชั้นที่ 40 มันจะต้องมีเหตุผลแน่นอนที่ไม่มีใครสามารถจะทำมันได้สำเร็จแม้ว่าจะทำชั้นที่ 25 และ 35 สำเร็จมากแล้ว อย่างแรกเลยฉันได้อาบอาวุธด้วยน้ำศักดิ์สิทธิ์

“ฟู่…ฉันทำได้!”

ฉันได้จ่ายเงินให้กับโรเล็ตต้าถึง 50,000 ทองสำหรับข้อมูลนี้ ฉันไม่สามารถจะแพ้ได้หลังจากที่ทำได้ดีมาจนถึงตอนนี้! หลังจากฉันได้สูดหายใจลึกๆ ฉันก็ได้เปิดประตูออกไป

“มาสู้…เอ๊ะ”

สิ่งที่อยู่ในนั้นนอกเหนือจากประตูมันเป็นพื้นดินที่ดูเหมือนว่าออกมาจากนรก มีทั้งผีจำนวนนับไม่ถ้วยและภูติผีแล้วก็ยังมีผีอัศวินที่พร้อมจะพุ่งเข้ามาอีกด้วย

สิ่งที่ลอยอยู่เหนือพวกมันก็อะไรซักอย่างที่สวมใส่เสื้อคลุมและชี้เคียวสีดำมาทางฉัน

[คิคิคิ…มันดูเหมือนว่าข้าจะได้นำวิญญาณคนตายมาอีกดวงแล้ว]

 

Infinite Competitive Dungeon Society

Infinite Competitive Dungeon Society

ICDS, 무한경쟁던전사회
Score 7.8
Status: Ongoing Type: Author: , , Artist: Released: 2015 Native Language: Korean
อ่านนิยาย Infinite Competitive Dungeon Society เรื่องย่อ : เหตุการณ์ดวงจันทร์แฝดคือจุดเริ่มต้นชองการเปลื่ยนแปลงทุกอย่าง เพราะการปรากฏตัวของมอนสเตอร์และดันเจี้ยนในสังคมยุคใหม่ และผู้ที่ใช้ความสามารถของเขาต่อสู้กับมัน โลกได้กำลังเผชิญหน้ากับประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ นี่คือกำเนิดขึ้นของแหล่งพลังงานชนิดใหม่ๆ และอาชีพดั้งเดิมมากมายได้หดหายไป สามัญสำนึกปกติได้ถูกเปลื่ยนแปลงไปและจินตนาการได้กลายมาเป็นความจริง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset