เมื่อผมจ้องมองเศษซากตะกอนที่ติดอยู่เบื้องหลังของภาพลวงตาอันแสนหวานของไอดอล ผมก็ตาแทบบอดเพราะความโสมมของมัน
ไอดอลมันห่วยแตกสิ้นดี
เมื่อที่นั่งคนขับของรถจี๊ป Wrangler สีดำสุดที่รักของผมมันทรุดตัวลงไป
ผมก็จ้องมองไปที่ประตูทางเข้าของคลับสุดพิเศษเฉพาะตัวแห่งหนึ่ง
ผมอยู่แบบนี้โดยที่ยังเอากล้องไว้ตรงบริเวณท้องของผมมาได้สักพักหนึ่งแล้ว
ตอนนี้ผมยังเจ็บหลังอยู่ แต่ก็เจ็บจนชินแล้วล่ะ
“โอ๊ะ…..”
หลังจากจ้องมองประตูทางเข้าเป็นเวลานานหลายชั่วโมง ในที่สุดคนที่ผมเฝ้ารอคอยก็ปรากฏตัวขึ้น
ผมรีบคว้ากล้อง SLR ที่อยู่ตรงบริเวณหน้าท้องของผมแล้วมองผ่านช่องมองภาพและปิดเสียงของชัตเตอร์ถ่าย
ชายระดับผู้บริหารตัวเล็กๆอ้วนๆที่มาจากบริษัทค่ายเพลงหรืออะไรสักอย่างกับไอดอลคนที่พอทำเงินได้แต่ก็ไม่ใช่ดาวเด่นตัวเต็งอะไร
ผมถือกล้องอย่างแนบแน่นขณะที่พวกเขาเดินออกมาจากคลับโดยเอาแขนมาโอบกันและกัน
“ไอดอลเฮงซวย………..”
ผมบ่นพึมพัมจนติดเป็นนิสัยแล้วก็ตรวจสอบสิ่งที่อยู่ในกล้องซึ่งมันเป็นช็อตที่ถ่ายออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว
ไอดอลบางคนใช้เสน่ห์และรูปลักษณ์ภายนอกที่พ่อแม่ให้มาใช้เป็นเครื่องมือในการดึงดูดความรักจากพวกผู้ชายและก็ได้รับเงินมาโดยแค่พูดถึงเรื่องความฝันและแรงบรรดาใจอะไรนั่นของพวกเธอ
เบื้องหลังพวกไอดอลน่ะก็ต่างพากันอุทิศตนเพื่อธุรกิจโง่ๆแบบนี้ล่ะนะ
ผิวเผินของสิ่งที่พูดมาก็ถูกต้องทั้งหมดและการกระเสือกกระสนหาเงินให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ความสำเร็จหรือความล้มเหลวมันกลับขึ้นอยู่กับพวกเธอสนองพวกคนรวยได้มากแค่ไหน
น่ารังเกียจซะจริง ผมรู้สึกขยะแขยงกับไอดอลพวกนี้ ไอ้งานสกปรกๆของพวกหล่อนนั่นน่ะ……และผมก็ยิ่งเกลียดตัวเองเข้าไส้ที่ผมเองก็ดันทำเงินได้จากข่าวของพวกหล่อนด้วยเหมือนกัน
“แล้วนี่พวกแกจะไปไหนกันต่อล่ะทีนี้?”
ผมต้องการหลักฐานที่มันเป็นรูปธรรมมากกว่านี้
ผมเอากล้องมาคล้องคอแล้วเปิดประตูลงจากรถ
ผมเดินช้าๆพยายามไม่เข้าใกล้เป้าหมายมากเกินไปแต่ก็เข้าไปใกล้พอที่อยู่ในระยะสายตาของผมเอง
“ชั้นคงต้องระวังตัวสักหน่อยล่ะ….”
ไอดอลและตาแก่อ้วนเดินผ่านย่านใจกลางเมืองหลังจากออกมาจากคลับ
เธอปลอมตัวโดยการสวมหน้ากาก,หมวกแล้วก็แว่นกันแดดแต่เธอก็ไม่ได้สนใจมองเช็คดูรอบๆเลยสักครั้งตอนที่เธอเดินออกมาจากคลับแล้ว
เป็นเรื่องที่งี่เง่าดีกับการที่เธอไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับการปลอมตัวแบบนี้เลย
ผมแค่อยากที่จะถ่ายรูปที่อยากได้แล้วก็เผ่นออกมาจากตรงนั้น
พอใกล้จะปิดจ็อบได้แล้ว อาการปวดหลังก็กำเริบอีกครั้ง
“นี่มันงานโง่ๆชัดๆเลย….”
ผมเดาะลิ้นแล้วก็เดินผ่านเขาไปในเมืองที่มืดมิด
—————————————————————————————————–
“อืม……น่าเบื่อเกินไป หล่อนเป็นสมาชิกของ FairPro แต่ก็ไม่เคยได้เป็นเซ็นเตอร์ของเพลงไหนเลยใช่ไหมล่ะ?”
หัวหน้า บ.ก. มองผมและผมก็อดไม่ได้ที่จะตะคอกกลับใส่เขา
“มันหมายความว่าไงที่ว่าน่าเบื่อครับ?!! ไม่ว่าจะเป็นใครก็หน้าไหนตาม แต่เรื่องสำคัญมันอยู่ตรงที่ไอดอลแอบไปกุ๊กกิ๊กกับตาแก่อ้วนจากบริษัทค่ายเพลงนะครับ!!”
ผมรับไม่ได้กับการที่รูปที่ผมถ่ายมาถูกปฏิเสธแบบทันทีทันใด แต่หัวหน้า บ.ก. ก็ยังคงดูลังเลอยู่
“ก็ใช่อยู่ บางที………ถ้าเป็นพวกผู้หญิงที่อยู่ในสามอันดับตัวเต็งในการเลือกตั้งล่ะก็ แบบนั้นก็ไม่ว่าอะไร แต่ไม่ใช่กับผู้หญิงคนนี้”
“ก็อย่างที่ผมบอกไปไงครับ ประเด็นคือมันไม่เกี่ยวว่าจะเป็นใคร…..”
“คาสึไก มานี่สักเดี๋ยวสิ”
เขาพูดลดโทนเสียงลงเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ทำท่ากวักมือเบาๆแล้วเดินไปตรงทางเดิน
ผมเดาะลิ้นแล้วเดินตามเขาไป
เขาพาผมออกจากสำนักงานกองบรรณาธิการไปยังโถงทางเดินที่ไม่มีใคร
“ฟังนะ ชั้นจะบอกบางอย่างกับแกแล้วก็อย่าได้ปากโป้งเชียวล่ะ”
ผมจ้องหัวหน้า บ.ก. ด้วยคิ้วที่เลิกขึ้นในขณะที่เขายังพูดเบาๆอยู่ทั้งๆที่ไม่มีใครอยู่แถวนี้
“เรื่องไอดอลของค่าย FairPro ที่ลงเอยด้วยการคัดตัวแบบถวายตัวให้น่ะ ต่อให้แกจะหาหลักฐานมามัดตัวแน่นแค่ไหน แกก็เขียนเรื่องนี้ไม่ได้”
“อะไรนะ……….”
ผมสะดุ้งเมื่อได้ยินเขาพูดอย่างนั้น
ไอดอลที่คัดตัวโดยการที่ถวายร่างกายให้เพราะด้วยเหตุผลนี้นี่ล่ะผมถึงได้ยื่นเสนอเรื่องนี้ให้กับเขา
ภายใต้อาชีพนักเขียนข่าวนิตยสารแนวซุบซิบนินทา ถ้าหากกองบรรณาธิการของเราไม่สามารถที่จะรายงานการกระทำนี้ออกไปได้ มันก็ถือว่าเป็นการทรยศครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมวงการไอดอลเลยนะ
แล้วใครกันล่ะที่จะเป็นคนมาตัดสินเรื่องนี้?
“ขอเหตุผลทีครับว่าทำไมถึงได้…….”
ผมพูดอย่างประชดประชันออกไปแล้วหัวหน้า บ.ก. ก็ขมวดคิ้วและทำท่าทางโบกไม้โบกมือราวกับว่ากำลังโบกไล่ควันออกไป
“ตัวชั้นเองก็โดนกดดันอย่างหนักจากหัวหน้าของชั้นเองเหมือนกัน ส่วนพวกเบื้องบนผู้บริหารระดับสูงของเราเองก็…….เห็นว่าได้รับเงินมาด้วยน่ะ”
“อะ-อะไรนะครับ!? นี่คุณไม่มีความภาคภูมิใจกับการเป็นคนของสื่อบ้างเลยเหรอครับ?!”
“ชั้นก็ต้องมีอยู่แล้วน่ะสิ!!……เออ ช่างเถอะ ยังไงซะถ้าแกยังไม่อยากโดนเด้งล่ะก็ ก็อย่ายกเรื่องนี้มาคุยกับชั้นอีก”
“นี่มันน่าขำซะไม่มี……”
“ชั้นมั่นใจว่ามันมีเรื่องอื่นที่แกจะเอามาเล่นได้ ก็อย่างเช่น ยัยผุ้หญิงคนนั้นน่ะ เซย์ไซ อากิระ….ตอนนี้เธอก็ดังเป็นพลุแตกเป็นไอดอลอันดับต้นๆของโลกแล้วไม่ใช่รึยังไง?
ชั้นมั่นใจว่าถ้าเป็นแกล่ะก็คงจะสาวไส้หาเรื่องอื้อฉาวของแม่หนูนี่จนเจอได้ เอาล่ะ! ถ้างั้นก็ไว้เจอกันใหม่”
“ดะ -เดี๋ยวก่อนสิครับ!!..”
หลังจากพยายามพูดให้มากที่สุดทำเท่าจะพูดได้แล้ว หัวหน้า บ.ก. ก็โบกมือและเดินกลับเข้าสำนักงานกองบรรณาธิการ ส่วนตัวผมก็ถูกทิ้งให้เคว้งทำอะไรไม่ถูก
“…..แม่งเอ้ย!!!”
ผมกระทืบเท้าลงพื้นอยู่ลำพังในโถงทางเดิน
ฝ่าเท้าของผมก็เริ่มกระตุกและออกอาการปวดเมื่อย
ผมเกือบจะเอื้อมมือไปหยิบบุหรี่ที่อยู่ตรงกระเป๋าเสื้อแต่พอเห็นผ้ายที่เขียนด้วยลายมือว่า ‘ห้ามสูบบุหรี่’ ผมก็เดาะลิ้น
ทุกวันนี้ไม่ว่าจะที่ไหนก็ถูกบังคับให้เลิกสูบบุหรี่หรือไม่ก็ให้ไปสูบในพื้นที่ที่กำหนดไว้เท่านั้นซึ่งมันน่ารำคาญชะมัด
แล้วจะมีสำนักงานปลอดบุหรี่ไปทำซากอะไร
ก็ในเมื่อทั้งกอง บ.ก. แม่มพากันสูบบุหรี่กันเกือบหมดทุกคนเลยน่ะ?
“อืม………แล้วนี่ชั้นจะจัดการเรื่องนี้ไหวไหมนะ?”
ผมพูดพึมพัมแล้วก็เอานิ้วไปเคาะที่กล้องที่ห้อยอยู่ตรงคอของผมแล้วก็เดินต่อไป
เท้าของผมมันพาผมเดินไปยังลานจอดรถชั้นใต้ดิน
เซย์ไซ อากิระ
อย่างที่ทุกคนรู้กัน เธอคือไอดอลที่มาแรงที่สุดในตอนนี้
เธอเดบิวต์ในฐานะดูโอ้ไอดอล แต่ผู้หญิงอีกคนหนึ่งกลับจบการศึกษาอย่างกระทันหันไป
เพราะงั้นตอนนี้เธอก็เลยกลายเป็นไอดอลศิลปินเดี่ยวแทน
ผมเบื่อและเหนื่อยหน่ายกับพวกไอดอลก็จริง ถึงจะรู้สึกแบบนั้น แต่ก็ปฏิเสธใม่ได้ว่าการแสดงของเธอมันน่าทึ่งขนาดไหน
เธอเป็นไอดอลที่มีเสน่ห์บางอย่างที่ทำให้เธอแตกต่างจากคนอื่นๆ
ผมเข้าไปใน รถจี๊บ Wrangler แล้วก็ปิดประตู
จากนั้นก็สูดหายใจเข้าลึกๆ
“เซย์ไซ……อากิระ”
เมื่อผมบิดกุญแจรถสตาร์ทเครื่องยนต์ ตัวรถก็สั่นสะเทือนด้วยเสียงเบสที่หนักแน่นและการสั่นสะเทือนก็เข้ามาตรงที่ท้องของผมพอดี จากนั้นผมก็สลับโหมดไปเป็นโหมดทำงาน
“ถ้าเกิดว่าเปิดโปงเรื่องอื้อฉาวของเธอได้ล่ะก็ มันก็คงจะเป็นจุดจบของไอดอลแล้วสินะ”
ผมโยชิฮารุ คาสึไก ได้บ่นพึมพัมแล้วก็ขับรถออกไป
—————————————————————————————————–
ชั้นคิดว่าการเป็นไอดอลนั้นมันเป็นเพียงแค่เป็นหนทางที่จะนำพาตัวเราไปถึงจุดสิ้นสุด
ในตอนแรกชั้นก็แค่อยากให้ผู้ชายเพียงคนเดียวมองมาที่ชั้น
เขาเป้นคนที่ใจดี รอบคอบ แล้วก็อ่อนโยน
ชั้นอยากจะเป็นดาวเพียงแค่ดวงเดียวที่เขามอง
ชั้นไม่เคยคิดเลยว่าอาชีพไอดอลที่จู่ๆชั้นได้เริ่มตัดสินใจว่าจะเป็นอย่างกระทันหันจะกลายเป็นชีวิตของชั้น
คุณไม่อาจเข้าถึงผู้คนได้เพียงแค่การร้องเพลงเพียงอย่างเดียว
การเต้นที่ปราศจากความหลงไหลเองก็ไร้ความหมาย
ไม่มีใครที่จะหลงเสน่ห์กับรอยยิ้มที่ฉาบไปด้วยปูน
ทันทีที่ตัวชั้นได้ขึ้นไปยืนหยัดอยู่บนเวทีในฐานะไอดอลด้วยการเตรียมตัวเพียงน้อยนิด
ชั้นก็ตระหนักได้ว่าตนเองนั้นไร้ซึ่งกำลังมากเพียงใด
จากคู่ดูโอ้ไร้ชื่อที่ไม่สามารถเติมเต็มที่นั่งคนดูให้ได้ถึงหนึ่งร้อยที่นั่ง
สู่คู่ดูโอ้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่ขายตั๋วที่นั่งได้หมดทั้งห้องโถงด้วยจำนวนคนหลายพันคน
เมื่อใดก็ตามหวนนึกได้ถึงช่องโหว่งขนาดใหญ่ระหว่างตอนนั้นกับตอนนี้ หัวใจของชั้นก็เต้นรัวไปหมด
เพราะชั้นรู้ดีว่าดวงดาวที่เด็กหนุ่มสุดที่รักของชั้นกำลังจ้องมองอยู่นั้นส่องสว่างและเปล่งประกายเจิดจ้ามากเพียงใด
ตัวชั้นอยากจะเป็นดวงดาวที่ส่องแสงเจิดจ้าเหนือสิ่งอื่นใด ให้ผู้คนมากมองได้จ้องมองและหวังว่าเขาคนนั้นจะอยู่ท่ามกลางพวกเขาเหล่านั้น
ขณะที่ชั้นกำลังพยายามดิ้นรนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น ชั้นก็ได้เห็นเหวลึกที่อยู่ภายใต้เท้าของชั้นเอง
ภายใต้ความฝันของไอดอล ก็มีกระแสน้ำวนแห่งความชั่วร้ายที่กำลังรอคอยอยู่พร้อมกับรูใหญ่ๆที่เปิดกว้าง
คู่หูของชั้นถูกความชั่วร้ายนั่นกลืนกินแล้วก็หายตัวไป
“ไว้พวกเราไปร้องเพลงที่บูโดคังด้วยกันนะ!!”
คำพูดที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอันแสนบริสุทธิ์กลายเป้นฝุ่นผงไปในพริบตา
ยกโทษให้ไม่ได้
ความโกรธแค้นกำลังนำพาตัวชั้นไป
ชั้นร้องเพลงได้อย่างร่าเริง
ชั้นเต้นได้อย่างสง่างาม
ชั้นยิ้มได้อย่างมีความสุข
โดยที่ไม่มีใครรับรู้ถึงความโกรธแค้นอันเป็นรากเหง้าของทุกสิ่งทุกอย่าง
ชั้นหวังว่าชั้นจะเผาผลาญความมืดมิดที่อยู่รอบๆได้ด้วยความเปล่งประกายของชั้นเอง
และด้วยความปรารถนาเช่นนั้น……
และด้วยความโกรธแค้นที่มีอยู่ภายในหัวใจของชั้น…..
ทุกวันนี้ตัวชั้นก็เลยยังคงยืนหยัดอยู่ในฐานะของไอดอล