King of Sport – ตอนที่ 12 ความหยิ่งผยองของคนหนุ่ม

ผมแปลชื่อพระเอกผิดไปในตอนแรก ต้องขออภัยด้วยครับ จริงๆต้องอ่านว่าตามสำเนียงจีนว่า ถังเอี๋ยนหรือถังเหยี่ยน ในที่นี้ผมจะใช้คำว่าถังเอี๋ยนนะครับ

 

เซียวเอี๋ยนเริ่มหน้าแดงทันทีความอับอายปรากฏบนใบหน้าของเขา หลังจากรอบชิงชนะเลิศ 50 ม. จบลงเขาได้ฟังมาจากคนของเขาว่าถังเอี๋ยนเพิ่งฝึกยิงธนูมาได้เพียงครึ่งปี เมื่อได้ยินเช่นนี้ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในใจของเขาก็คือถังเอี๋ยนต้องโกงอย่างแน่นอนหลังจากการตรวจสอบเพิ่มเติมเขาพบว่าคันธนูที่ถังเอี๋ยนใช้เป็นคันธนูส่วนตัวของเขาไม่ใช่ธนูที่ได้รับจากการแข่งขัน หลังจากเชื่อมโยงทั้งสองสิ่งนี้เขาได้นำผู้อาวุโสหลี่และกรรมการ 2-3 คนมาตรวจสอบถังเอี๋ยนอย่างมั่นใจแต่เขาไม่ได้พบเห็นอะไรที่น่าสงสัย

ประโยคของถังเอี๋ยนเท่ากับเป็นการตบลงบนหน้าเขา

เมื่อเห็นเช่นนี้เฉาปิงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกภาคภูมิใจ เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกเหนือกว่าเซียวเอี๋ยน ผู้อาวุโสหลี่ที่เฝ้าดูสถานการณ์อยูในที่สุดเขาก็เตรียมที่จะพูด

“ผู้อาวุโสหลี่เทคนิคบางอย่างไม่สามารถแยกออกด้วยตาเปล่าได้ ปัจจุบันเทคโนโลยีได้พัฒนาไปไกลมากในช่วงไม่กี่ปีมานี้ … ” เซียวเอี๋ยนชิงกล่าวตัดหน้า

“ เหล่าเซียวนายยังไม่ยอมแพ้อีกหรือ?”

เฉาปิงไม่พอใจอย่างยิ่งที่เซียวเอี๋ยวกัดไม่ปล่อย

“เขาควรเปลี่ยนคันธนูและยิงซ้ำต่อหน้าพวกเราทุกคน” เซียวเอี๋ยวกล่าวโดยไม่สนใจเฉาปิง

“ยิงซ้ำทำไมเขาต้องทำอย่างนั้นเพียงเพราะเธอกล่าวหาเขางั้นเหรอ”! ผู้อาวุโสหลี่กล่าวอย่างไม่พอใจ

“ในเมื่อมันไม่มีปัญหาอะไรมันก็ควรจะจบๆไป นายก็ได้ตรวจสอบคันธนูนี้ไปแล้วหรือจะบอกว่านายรู้ดีไปกว่าผู้อาวุโสหลี่ ในตอนนั้นเมื่อเรากำลังตั้งกฎ นายไม่ใช่หรือที่ผลักดันให้นักธนูนำคันธนูและลูกธนูมาเอง? และตอนนี้นายกำลังกล่าวหาคนว่าโกง เป็นเพราะคนของนายพ่ายแพ้ใช่หรือไม่ “เฉาปิงปฏิเสธไม่ให้มีการยิงใหม่โดยไม่แสดงความอ่อนแอ

ถังเอี๋ยนชื่นชมโค้ชของเขาอย่างเงียบ ๆ ในใจ “เฉาปิงนายกล้าดียังไง! อย่าอวดดีเพียงเพราะชัยชนะเพียงครั้งเดียว รอถึงปีหน้าเราจะ … ”

“พอแล้ว!” ผู้อาวุโสหลี่กล่าวเมื่อเห็นทั้งสองกำลังจะทะเลาะกัน ผู้อาวุโสหลี่เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงมากในวงการยิงธนูของจังหวัด แม้ว่าทั้งสองคนจะโกรธ แต่ก็ต้องไว้หน้าเขาสักหน่อย

“ถังเอี๋ยนเธอสามารถเปลี่ยนคันธนูใหม่และยิงอีกรอบให้เราดูได้ไหม” ผู้อาวุโสหลี่สอบถามความเห็นของถังเอี๋ยน

 

“ไม่มีปัญหาครับ.” ถังเอี๋ยนไม่ได้คิดอะไรมากเมื่อมาถึงระดับนี้การเปลี่ยนคันธนูไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเขา เขายังคงยิงได้ 10 แต้มสบายๆ

 

ด้วยความยินยอมของถังเอี๋ยนพวกเขาจึงเดินตรงไปที่สนามแข่ง

ด้วยความกระตือรือร้น แต่ในไม่ช้าก็พบปัญหา

 

เนื่องจากการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ 70 เมตรกำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้านี้ระยะห่างของเป้าในสนามแข่งจึงได้รับการปรับเปลี่ยน ในตอนนี้มีเวลาไม่มากนักกว่าจะเริ่มรอบชิงชนะเลิศและจะใช้เวลานานเกินไปในการเคลื่อนย้ายสิ่งของไปมา

 

เมื่อเห็นเช่นนี้โค้ชเฉาปิงก็ถอนหายใจและพูดว่า “ฉันเดาว่าเราจะต้องรอจนถึงพรุ่งนี้”

 

“ ไม่!”

 

การคัดค้านของเฉาปิงเกิดจากข้อเท็จจริงที่ว่าเขากังวลเกี่ยวกับสภาพจิตใจของถังเอี๋ยน จากความกดดันทั้งหมดนี้

ในขณะที่การคัดค้านของเซียวเอี๋ยวนั้นแตกต่างไปจากเฉาปิงอย่างสิ้นเชิงเขากังวลว่าถ้าเขารอจนถึงพรุ่งนี้ถังเอี๋ยน และคนที่เหลือจะเปลี่ยนใจ

 

เมื่อเห็นโค้ชทั้งสองฝ่ายไม่เห็นด้วยสถานการณ์ก็ตกอยู่ในทางตันทันที

 

ทันใดนั้นถังหยานก็พูดว่า: “อันที่จริงมันไม่สำคัญหรอก ต่อให้ 70 เมตรผมก็ยิงได้”

 

“อะไร?” เมื่อฟังคำพูดของเขาโค้ชคนอื่น ๆ ก็แสดงสีหน้าเหลือเชื่อ

 

“ถังเอี๋ยนอย่าพูดเรื่องไร้สาระ!” เฉาปิงตำหนิทันที

 

ความแตกต่างระหว่าง 70 เมตรและ 50 เมตรไม่ใช่แค่ 20 เมตร สำหรับนักยิงธนูมันเป็นจุดที่แยกระหว่างมือใหม่กับมืออาชีพอย่างแท้จริง

“งั้นก็เริ่มเถอะ” เซียวเอี๋ยวกล่าวกับเจ้าหน้าที่ทันที เขายิ้มกว้างบนใบหน้าของเขา เขาไม่ได้คาดคิดว่าถังเอี๋ยน จะหยิ่งยโสขนาดนี้จากข้อมูลที่เขารวบรวมมาถังเอี๋ยนไม่เคยได้รับการฝึกฝนในระยะ 70 เมตร นี่เป็นเพียงการผลักตัวเองลงไปในหลุมไฟ

 

“ผู้อาวุโสหลี่ …นี่ออกจะ?. ” เฉาปิงเมื่อเห็นถังเอี๋ยนเริ่มอุ่นเครื่องขึ้นมาก็อดไม่ได้ที่จะหันหน้าไปหาผู้อาวุโสหลี่

 

“ถ้าเขามีความมั่นใจที่จะทำ ก็ให้เขาลอง” ผู้อาวุโสหลี่พูดขัดจังหวะถังเอี๋ยน เขาไม่เชื่อว่าคนที่ฝึกเพียงครึ่งปีก็สามารถยิงได้ 70 เมตรเช่นกัน แต่เขาต้องการทดสอบความสามารถของถังหยานและดูว่าเขาได้รับความมั่นใจจากที่ใด

 

ไม่นานเจ้าหน้าที่ก็กลับมาพร้อมกับคันธนูและลูกศรในมือ

 

โดยปกติแล้วคันธนูและลูกศรมาจากสมาคมยิงธนูประจำจังหวัดดังนั้นจึงไม่มีโอกาส ‘โกง’ เกิดขึ้นได้

 

ถังเอี๋ยนหยิบอุปกรณ์และเริ่มตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจว่าเซียวเอี๋ยนไม่ได้เล่นตุกติกใด ๆ หลังจากเห็นว่าทุกอย่างดูเหมือนจะดีเขาก็ไม่รอช้าและเข้าสู่ตำแหน่งพร้อมยิง

 

ผู้ชมในสนามกำลังรอให้การแข่งขัน 70 เมตรรอบสุดท้ายเริ่มต้นขึ้น ทันใดนั้นเองก็เห็นใครบางคนกำลังถือธนูอยู่ในสนามแข่ง ทุกคนเต็มไปด้วยความสับสนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขารู้ว่าคนคนนั้นคือถังเอี๋ยน ที่เพิ่งชนะการแข่งขัน 50m

 

เกิดอะไรขึ้นที่นั่น?

 

ด้วยความงงงวยฝูงชนจึงเริ่มพูดคุยกัน

 

เมื่อมองไปที่ถังเอี๋ยนที่กำลังเตรียมตัว เฉาปิงก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ความหยิ่งผยองของคนหนุ่ม!

 

หลังจากที่ถังเอี๋ยนปรับตัวเข้ากับคันธนูแล้ว เขาก็ยกคันธนูขึ้นและใช้มือขวาดึงลูกศรกลับ

 

แรงดึงสายธนูจะกำหนดระยะของลูกศร

 

น้ำหนักวาดคือจำนวนแรงที่ต้องใช้ในการดึงคันธนูและมีหน่วยวัดเป็นปอนด์ ธนูโค้งมากก็จะมีน้ำหนักมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อดึงออกไปไกลขึ้น

 

ที่ระยะ 30 เมตร แรงที่เหมาะสมสำหรับคันธนูคือ 30 ปอนด์ 50 เมตรคือ 40 ปอนด์และ 70 เมตรต้องใช้ 50 ปอนด์

 

ในเวลานี้การกระทำของถังเอี๋ยนดึงดูดความสนใจของโค้ชที่อยู่ด้านหลังเขา

 

สำหรับนักเรียนมัธยมปลายที่ไม่ได้รับการฝึกฝนอย่างเป็นระบบมาก่อนการดึงคันธนูขนาด 50 ปอนด์นั้นไม่น่าจะง่ายนัก

 

แต่สิ่งที่พวกเขาเห็นคือถังเอี๋ยน ดึงสายธนูกลับอย่างต่อเนื่องและแขนของเขามั่นคงมากไม่มีการสั่นจากอาการกระวนกระวายใจเลย

 

พวกเขาทั้งหมดจ้องมองด้วยความตกตะลึง

 

หลังจากถังเอี๋ยน ดึงสายธนูกลับมาแล้วเขาก็เริ่มเล็งไปที่เป้าหมายในระยะ 70 เมตร

 

เส้นผ่านศูนย์กลางของเป้าหมายที่ใช้ในการแข่งขัน 70 ม. คือ 122 ซม. สำหรับคนที่อยู่ห่างออกไป 70 เมตรจะเหมือนกับการยืนอยู่ที่ครึ่งทางของสนามฟุตบอลและพยายามที่จะยิงลูกแอปเปิ้ล

 

นี่คือสาเหตุที่ 70 เมตรแตกต่างจากเหตุการณ์ 50 เมตรมาก

 

ถังเอี๋ยนหายใจเข้าลึก ๆ หลังจากปลดล็อกความสามารถ 60% ของหลี่กวงแล้วเขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า 70 เมตรไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่เหมือนเมื่อก่อน

 

ไม่เพียงแต่ดึงสายธนูได้ง่ายขึ้น แต่การมองเห็นของเขาก็ชัดเจนขึ้น เขาสามารถมองเห็นเป้าหมายระยะไกลได้ชัดเจนขึ้นเช่นกัน

 

เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกและค่อยๆเล็งเป้าหมายอย่างถี่ถ้วน

 

ฟิ้วว!

 

ลูกธนูพุ่งออกจากคันธนูและบินผ่านท้องฟ้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset