18 การคัดตัว
“ ไม่มีทาง!” ถังเอี๋ยนตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ฟ่านหยูคนนี้หยิ่งยโสเกินไป เขาล้ำเส้นมาพอแล้ว
ใบหน้าของฟ่านหยูเริ่มเกรี้ยวกราดขึ้น เขาแสดงความโกรธออกมาอย่างชัดเจน
“ดูเหมือนเด็กใหม่ต้องการได้รับบทเรียน” ซุนจี้กล่าวขณะที่เขาก้าวไปข้างหน้า ครั้งนี้ฟ่านหยูไม่ได้ห้ามเขา ซุนจี้และคนอื่น ๆ อีกสองคนก้าวไปข้างหน้าพร้อมกันราวกับเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้
“ดูเหมือนฉันต้องเตือนความจำให้แกเรื่องเคารพผู้อาวุโสฉันไม่ได้ต่อสู้มาระยะหนึ่งแล้วมันจะเป็นการดีที่ได้ฝึกซ้อมทักษะของฉันไปด้วย” ซุนจี้กล่าวด้วยความกระตือรือร้นในขณะที่เดินไปข้างหน้า
ถังเอี๋ยนถือคันธนูไว้ในมือของเขาขณะที่เขาเห็นซุนจี้เดินเข้ามา เขาไม่ลังเลที่จะเล็งธนูไปที่ร่างของซุนจี้
การเคลื่อนไหวนี้ทำให้ทุกคนตกใจรวมทั้งฟ่านหยู
“ แก … แกกำลังทำอะไรอยู่?” ซุนจีถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ในระยะนี้ความรุนแรงของลูกศรไม่น้อยไปกว่ากระสุน ไอ้เด็กนี่คิดจะทำอะไรเนี่ย? ความผิดพลาดครั้งเดียวอาจถึงแก่ชีวิต ถังเอี๋ยนหัวเราะเยาะในใจเขาตายไปแล้วครั้งหนึ่งไม่มีอะไรต้องกังวล
เขาแกว่งคันธนูสองครั้งและพูดว่า: “ไสหัวไปให้พ้นตอนนี้มือของฉันไม่ค่อยมั่นคงเพราะฉันยังเป็น ‘มือใหม่’ ถ้าเกิดมันลื่นโดยที่ไม่ตั้งใจมันก็ช่วยไม่ได้แล้วนะ .”
ใบหน้าของซุนจี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ผิวของเขากลายเป็นสีขาวราวกับแผ่นกระดาษ เขาถอยหลังไปสองสามก้าวโดยไม่รู้ตัว
ฟ่านหยูครุ่นคิดและพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม
“ ฉันไม่เชื่อว่าแกจะกล้าปล่อยมือ”
“ เฮ้ … เดี๋ยว … !”
ฟื้ว!
“ อื้อ!”
เสียงกรีดร้องของซุนจี้ดังก้อง
ถังเอี๋ยนปล่อยมือจริงๆ
ตูม!
พื้นห้องโถงฝึกซ้อมทำด้วยไม้ หลังจากปล่อยมือลูกธนูก็พุ่งตรงไปปักที่พื้นไม้ตรงหน้าเท้าของซุนจี
ลูกธนูส่วนใหญ่เจาะลงไปในพื้นมีเพียงหางเท่านั้นที่สั่นไหว ใบหน้าของซุนจี้ซีดเผือดไร้สีเลือด เขาเกือบจะล้มลงด้วยความหวาดกลัว แน่นอนมันเป็นไปไม่ได้ที่ถังเอี๋ยนจะยิงใครสักคน เขาปรับมุมของลูกศรให้ปักลงในช่วงสุดท้าย หลี่กวงมีพลังในการยิงทะลุหิน แม้ว่าเขาจะมีความสามารถเพียง 60% แต่ก็เป็นเรื่องง่ายที่จะยิงธนูไปปักที่พื้น ผลกระทบจากการป้องปรามนี้ค่อนข้างชัดเจน ซุนจีไม่กล้าที่จะขยับตัวฟ่านหยูก็ตัวสั่นเล็กน้อยด้วยความกลัว
“พวกแกอยากได้ความเคารพแต่สิ่งที่ทำได้ก็เพียงแค่กันแกล้งมือใหม่เท่านั้น ความสำเร็จอะไรที่พวกแกเคยนำมาสู่ทีม พวกแกก็แค่ขยะเท่านั้น” หลังจากถังเอี๋ยนพูดจบเขาก็เก็บธนูไว้ที่ชั้นวาง ก่อนจะเดินออกไป
ซุนจีและคนที่เหลือเฝ้าดูถังเอี๋ยนจากไปอย่างตกตะลึง แม้ว่าในมือเขาจะไม่มีธนูอีกต่อไป แต่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะขยับตามไปเอาเรื่อง
นอกห้องโถง แม้ว่าคืนนี้เขาจะกลัวจนกลับไปแล้ว แต่ถังเอี๋ยนรู้ว่าพวกเขาจะกลับมาอีกในวันพรุ่งนี้
ช่างเสียเวลาเปล่า … เขาไม่ได้ฝึกซ้อมอย่างเต็มที่แต่กลับสร้างศัตรูขึ้นมาแทน
เมื่อกลับไปที่หอพักเขาพบว่าหลี่ซุ่นเต๋อยังคงไม่กลับมา
เขางงเล็กน้อยกับเรื่องนี้ แต่เขาเหนื่อยมากหลังจากฝึกมาทั้งวันเมื่อล้มตัวลงบนที่นอนเขาก็เผลอหลับไปทันที
เนื้อหาการฝึกซ้อมในช่วงสองสามวันถัดไปคล้ายกับวันแรก ยังคงเป็นนักธนูรุ่นพี่เป็นผู้นำการฝึกฝนแม้ว่าซ่งเฟิงจะมาสังเกตการณ์การซ้อมอยู่ 2 3 ครั้งแต่ก็เท่านั้น
สิ่งที่ถังเอี๋ยนไม่คาดคิดคือต่งจี้ย้ายเขาไปที่ส่วนฝึกซ้อม 70 เมตรในวันที่สาม
สำหรับกลุ่มของฟ่านหยูเขาไม่รู้ว่าพวกเขายังคงตกตะลึงจากเหตุการณ์ในคืนนั้นหรือแค่งานยุ่ง แต่พวกเขาไม่ได้มารบกวนถังเอี๋ยนในช่วงเวลานี้
เนื่องจากถังเอี๋ยนมีผลงานที่โดดเด่นในการฝึกซ้อมและบุคลิกที่สงบนิ่งเป็นผู้ใหญ่ทำให้ทัศนคติของซ่งเฟิงที่มีต่อเขาดีขึ้นมาก ในตอนท้ายของวันที่สามของการฝึกซ่งเฟิงขอให้ถังเอี๋ยนเป็นคนดูแลเพื่อนที่มาใหม่ด้วยกันของเขา
หลังจากซ่งเฟิงประกาศการตัดสินใจนี้ใบหน้าของฟ่านหยูค่อนข้างผิดปกติ
การควบคุมดูแลเหล่ามือใหม่ แต่เดิมเป็นสิทธิ์ขอฟ่านหยูคนเดียว ตอนนี้ตำแหน่งของเขาถูกริดรอนดังนั้นความไม่พอใจของเขาที่มีต่อถังเอี๋ยนจึงเริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าจะไม่ได้แสดงให้เห็นภายนอกแต่มันก็สะสมทีละนิดอยู่ภายใน
ในวันที่ห้าเมื่อพวกเขามาถึงห้องฝึกซ้อมทุกคนก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ในตอนท้ายของการฝึกซ่งเฟิงเรียกให้ทุกคนมารวมตัวกัน ใบหน้าของเขามืดมนและทุกคนสามารถสัมผัสได้ถึงความหงุดหงิดและความโกรธของเขา
เมื่อทุกคนมารวมตัวกันแล้วเขาก็เข้ามาและพูดว่า:
“วันนี้มีคนมาหาผมหลายคนเพื่อขอลาออกจากทีมผมอยากจะย้ำเรื่องนี้กับพวกคุณทุกคนอีกครั้งทีมยิงธนูนี้เป็นสถานที่แห่งการอุทิศตน ถ้าคุณไม่สามารถยืนหยัดกับการฝึกฝนที่เข้มงวดก็เท่ากับว่าคุณเสียเวลาอยู่ที่นี่โดยใช่เหตุ ถ้าสิ่งนี้เพียงพอที่จะทำลายความตั้งใจของคุณแล้วก็ออกไปตอนนี้ผมจะไม่พูดมันเป็นครั้งที่ 2 “
หลังจากพูดสิ่งนี้ซ่งเฟิงก็มองไปที่ผู้มาใหม่ทั้งหมด
ถังเอี๋ยนหันไปมองรอบๆ และในไม่ช้าก็รู้ว่าหลี่ซุ่นเต๋อไม่อยู่ที่นี่ เขาไม่กลับมาหอพัก 2-3 คืนแล้วตอนแรกเขาก็สงสัยอยู่บ้างตอนนี้ทุกอย่างกระจ่างแล้วว่าเขาลาออกจากทีมไปจริงๆ
“ดีมาก.”
เมื่อไม่เห็นมีใครลุกขึ้นซ่งเฟิงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจและกล่าวต่อไปว่า: “การแข่งขันยิงธนูระดับชาติจะเริ่มขึ้นเร็วๆนี้ เราจะมีการจัดแข่งขันเพื่อคัดตัวสำหรับผู้เล่นเก่าและผู้เล่นใหม่จงทำตัวให้พร้อมไว้ ทำตามแผนงานของทีมและฝึกฝนให้หนัก “
หลังจากซ่งเฟิงพูดจบผู้คนก็พากันถกเถียงกันโดยเฉพาะนักธนูหน้าใหม่ ในตอนแรกพวกเขาคิดว่าพวกเขาไม่มีความหวัง ด้วยเหตุนี้การได้ยินเรื่องนี้จึงเป็นความสุขที่ไม่คาดคิดและพวกเขาแทบรอไม่ไหวที่จะพิสูจน์ตัวเอง
ถังเอี๋ยนก็รู้สึกตื่นเต้นเช่นกัน การแข่งขันระดับชาตินี้เป็นโอกาสในการคัดตัวนักกีฬาเข้าสู่โอลิมปิกเยาวชน หากทำผลงานได้ยอดเยี่ยมจะมีโอกาสถูกเรียกตัวมากกว่าการแข่งขันระดับจังหวัดนับสิบเท่า
นี่เป็นโอกาสอันดีที่เขาจะได้พิสูจน์ตัวเองในระดับชาติ
“ทุกคนมีโอกาส แต่จะทำได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับคุณแล้ว” ซ่งเฟิงให้กำลังใจ
หลังจากนั้นเขาก็หันหลังกลับออกไป
เพื่อคัดเลือกผู้เล่นตัวจริงจะต้องมีการแข่งขันอย่างเข้มงวดโดยใช้การยิงระยะ 70 เมตรลูกศร 72 ดอก โอกาสของมือใหม่นับว่าริบหรี่เหลือเกิน
หลังจากที่ได้เห็นความสามารถของถังเอี๋ยนในห้องซ้อมต่งเย่ได้ช่วยเขาลงทะเบียนสำหรับการแข่งขันระยะ 70 เมตร
ผ่านไปอีก 2 3 วันฝีมือการยิงของถังเอี๋ยนนับว่าดีขึ้นเรื่อยๆ