KISS ME ตอนที่ 1

1.1

Chapter 1.1

 

 

 

“น้ำตาล เกวลิน สุดปัง ลงมือปลูกผักที่สวนหลังบ้านไว้ทานเอง”

“เมนี่ มชณต เปลี่ยนชื่อเสริมดวงครั้งที่ 13”

“ยิหวา ญาริสา ต้อนรับน้องหมาตัวที่ 5 ด้วยเค้กคาเวียร์”

 

สารินยืนกำมือตัวเองแน่นพร้อมหัวใจที่ลุ้นระทึก ขณะลอบสังเกตท่าทางของหัวหน้าโต๊ะข่าวสุดเนี้ยบ ที่กำลังกวาดสายตาอ่านข่าวงานเขียนฝีมือเขาอยู่

 

 

~ ปัง! ~

 

 

และปฏิกิริยาที่เจอเป็นประจำก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อหัวหน้าหุ่นหมีที่กำลังหน้าเขียวคล้ำคล้ายคนไม่สบอารมณ์ ทุบมือลงกับโต๊ะเสียงดังจนเขาและพนักงานแถวนั้นสะดุ้งไปตามๆ กัน ก่อนพี่ท่านจะหันมามองเขาตาขวางแล้วตวาดใส่ทันที

 

“ไอ้โซ่! นี่มึงหาข่าวที่ดีกว่านี้มาเขียนไม่ได้แล้วเหรอวะ! แต่ละข่าวของมึงโคตรธรรมดาโลกไม่จำเลย แล้วมึงจะเขียนมาทำมะเขือเผาอะไร!”

 

“เออคือ… ช่วงนี้ดาราไม่ค่อยมีข่าวอะไรพีกๆ เลยน่ะพี่ ผมเลยเขียนเท่าที่มีไปก่อน”

 

“ไม่มี! ไม่มีมึงก็หาให้มันมีสิวะ ไม่ใช่หาข่าวแค่ตามไอจีดารามันจะไปมีอะไรเด็ดๆ ได้ยังไง” เสียงของพิเชษฐ์ดังขึ้นเรื่อยๆ ตามอารมณ์ที่คุกรุ่น พลางจ้องหน้าพนักงานคนล่าสุดของทีมที่ทำงานด้วยกันมาพักใหญ่เขม็ง

 

“มึงทำงานมากี่ปีแล้ว ป่านนี้มึงยังแยกไม่ออกระหว่างข่าวที่ขายได้กับข่าวที่ขายไม่ได้อีกเหรอวะ ข่าวที่มึงเขียนมามันเป็นเรื่องทั่วไปที่หาได้ตามอินสตาแกรมดารามึงจะเขียนมาให้คนอ่านทำไม เขาไถเขาส่องดูเขาก็เห็นกันหมดแล้ว เผลอๆ เขารู้ก่อนที่เราจะลงข่าวด้วยซ้ำ”

 

พิเชษฐ์ระบายลมหายใจออกมาหนึ่งครั้งแล้วพูดต่อ “มึงเป็นนักข่าวก็หัดหาข่าวที่มันขายได้ที่มันเรียกแขกหน่อยสิวะ ให้มันสมกับเป็นข่าวบันเทิงเด็ดดวงจากเดอะซันหน่อย ไม่ใช่แค่เรื่องทั่วๆ ไปในชีวิตดาราที่ทำอะไรบ้างในแต่ละวันแบบนี้ มึงต้องเข้าใจนะว่าคนไทยส่วนใหญ่ชอบเสพความคาวๆ ข่าวรักๆ เลิกๆ มือที่สาม ข่าวกอสซิปอักษรย่อต่างๆ ที่ลงปุ๊บคอมเมนต์ทะลัก ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์ให้ไปขุดไปคุ้ยกันต่อ ข่าวแบบนี้ถึงมันไม่สร้างสรรค์แต่มันขายได้ ยอดคลิกอ่านยอดกดไลก์กดแชร์มันมีผลต่องานมีผลต่อบริษัท มึงจะสักแค่เขียนข่าวง่ายๆ แบบนี้มาไม่ได้!”

 

สารินหน้าหดเหลือสองนิ้วเมื่อถูกดุเรื่องเดิมซ้ำๆ ถึงเขาจะใช้ความพยายามแค่ไหนในการได้มาแต่ละข่าวก็ยังไม่ถูกใจหัวหน้าอยู่ดี เพราะที่นี่ต้องการแค่ข่าวลับ ข่าวร้อน ข่าวที่จะเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ได้เท่านั้น ก่อนประโยคต่อมาของพิเชษฐ์จะทำให้เขาอ้าปากค้างทันทีที่ได้ฟัง

 

“ถ้าเดือนนี้มึงยังเขียนข่าวแจ่มๆ ที่ตรงกับคอนเซปต์ล้วงลึกทุกอณูของบริษัทไม่ได้ มึงก็เตรียมตัวเก็บกระเป๋าไปหางานใหม่ได้เลย”

 

“โหพี่เชษฐ์ อย่าใจร้ายกับผมสิ!”

 

“กูพูดจริง ผลงานมึงไม่ดี ผู้ใหญ่เขาเพ่งเล็งมานานแล้ว ถ้ามึงยังอยากทำงานที่นี่ต่อ มึงต้องมีข่าวเด็ดๆ มาแลก”

 

สารินเดินห่อเหี่ยวหน้าเหลือสองนิ้วออกมาจากฝ่ายข่าว พลางคิดถึงอนาคตตัวเองด้วยความท้อใจ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เข้าใจเนื้องานไม่เข้าใจบริบทของคนเสพข่าวบันเทิงว่าต้องการอะไร แต่เพราะพื้นฐานเขาไม่ใช่คนอินสายนักร้องดารามาตั้งแต่แรก ไม่ใช่คนชอบเสือกเรื่องลับๆ เรื่องในมุ้งของใคร ทำให้งานแต่ละชิ้นที่ออกมามันไม่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใหญ่ในบริษัท และถ้าถามว่าไม่ถนัดสายนี้แล้วมาทำทำไม ก็ต้องย้อนไปเมื่อสองปีก่อนที่เขาเริ่มสมัครงานนั่นแหละ

 

ตอนนั้นสารินยังเป็นเด็กจบใหม่ไฟแรงที่มีความฝันอยากเป็นนักข่าวสายอาชญากรรมเพราะชื่นชอบเรื่องการสืบสวนคดีเป็นพิเศษ โดยเฉพาะโต๊ะข่าวอาชญากรรมของเดอะซันที่เลื่องชื่อว่านักข่าวแต่ละคนจะเกาะติดคดีสำคัญแบบกัดไม่ปล่อยจนกว่าความจริงจะปรากฏ เขาถึงอยากทำงานกับที่นี่มากๆ ไม่ว่าจะต้องยื่นผลงานส่งใบสมัครเข้ามากี่สิบครั้งเขาก็ไม่เคยละความพยายาม จนในที่สุดเขาก็ถูกเรียกตัวเข้าสัมภาษณ์งานสักที

 

ครั้งนั้นบัณฑิตป้ายแดงอย่างเขาแสดงความสามารถของตัวเองออกมาอย่างเต็มที่จนผ่านการสัมภาษณ์มาได้ แต่ความฝันของเขาก็ถูกเบรกเอาไว้เมื่อนักข่าวประจำโต๊ะอาชญากรรมมีสมาชิกครบทีมแล้ว ทำให้เขาที่เป็นพนักงานใหม่ถูกส่งมาทำงานในโต๊ะข่าวบันเทิงที่ไม่ถนัดแทน และถ้าสงสัยว่าเพราะอะไรเขาถึงยอมทำงานในสายที่ไม่ใช่ทางอยู่เป็นปีๆ ขนาดนี้ ก็เพราะเงื่อนไขของหัวหน้าฝ่ายอาชญากรรมที่เป็นคนสัมภาษณ์งานเขานั่นแหละ

 

 

 

 

 

‘เราดูมีแววนะ เขียนข่าวใช้ได้เลย จับประเด็นได้ดี ภาษาก็เข้าใจง่ายไม่ต้องแปลไทยเป็นไทยให้เสียเวลา แถมยังดูกระตือรือร้นมากๆ พี่ชอบไฟในการทำงานของเรานะ แต่ติดที่ตอนนี้ทีมพี่มีคนครบแล้วและไม่สามารถรับคนเพิ่มได้อีกน่ะสิ’

 

‘โถพี่ครับ รับผมไว้เถอะครับ ไม่ต้องเป็นนักข่าวก็ได้ เป็นผู้ช่วยช่างภาพ เป็นคนเดินเอกสาร เป็นเบ๊ เป็นคนแบกของอะไรผมทำได้หมด ผมอยากทำงานที่นี่จริงๆ พี่รับผมเถอะนะ’

 

‘เฮ้ย! ไม่ได้หรอกเสียดายความสามารถแย่เลย ใจพี่น่ะอยากรับน้องเข้ามาเหมือนกัน แต่ฝ่ายของพี่คนมันเต็มแล้ว เพิ่งรับนักข่าวคนใหม่ไปก่อนหน้าน้องไม่กี่วันนี้เอง แต่ถ้าน้องอยากทำงานที่นี่จริงๆ โต๊ะข่าวบันเทิงยังมีตำแหน่งว่างอยู่นะ สนใจไหมล่ะ’

 

‘แต่ผมไม่ถนัดสายบันเทิงเลยพี่ ดาราที่รู้จักแบบเห็นหน้าแล้วเรียกชื่อถูกมีน้อยแทบนับนิ้วได้ แถมข่าวในวงการผมก็ไม่ค่อยอ่านไม่ค่อยเสพ มันไม่ใช่ทางน่ะพี่ ผมกลัวจะทำออกมาได้ไม่ดี’

 

‘ถ้าน้องอยากทำงานที่นี่จริงๆ มันก็เหลือแค่โต๊ะเดียวที่ต้องการนักข่าวนะ ลองทำเก็บประสบการณ์ไปก่อนไหมล่ะ ถ้าในอนาคตโต๊ะพี่มีตำแหน่งว่างจะรีบโยกตัวน้องมาทำเลย’

 

 

 

 

 

นั่นเป็นคำพูดเมื่อสองปีก่อนที่เป็นแรงผลักดันให้สารินยังทำงานในเดอะซันต่อ และก็เป็นสองปีเต็มๆ ที่เขาได้แต่เฝ้ารอโอกาสเข้าทำงานในโต๊ะข่าวอาชญากรรมอย่างที่ฝัน แต่มันก็เป็นสองปีที่ไม่เคยมีตำแหน่งว่างให้เขาเลยเหมือนกัน…

 

ส่วนการทำงานในโต๊ะข่าวบันเทิงที่วันๆ ต้องคอย ‘เสือก’ เรื่องดาราทุกคนในวงการก็กินพลังชีวิตเขามาก มันทำให้คนที่ไม่ค่อยรู้จักดาราอย่างเขาต้องเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ตัวเองใหม่ทั้งหมด เริ่มตั้งแต่เสพข่าวบันเทิงเป็นประจำทุกวัน ทำการบ้านอ่านประวัติดาราทั่วฟ้าเมืองไทยทั้งเบอร์เล็กเบอร์ใหญ่จนหมด จนตอนนี้ฐานข้อมูลดาราคนดังในหัวเขามีเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มแล้ว แต่ถึงจะรู้จักคนดังเพิ่มมากขึ้นมันก็ไม่ช่วยให้ผลงานของเขาเข้าตาผู้ใหญ่อยู่ดี เมื่อทุกครั้งที่เขียนข่าวส่งไปเขายังถูกหัวหน้าเรียกไปด่าอยู่เสมอ แถมตอนนี้ยังมีแววว่าจะตกงานเพิ่มอีกด้วย

 

 

 

 

 

——————————

 

#30วันให้ฉันจูบนาย

 

#ปัณณ์โซ่

 

 

 

 

 

Talk : สวัสดีนักอ่านทุกท่าน กลับมาเจอกันอีกแล้วกับนิยายวายเรื่องที่ 2 ของเรา

 

เรื่องนี้เป็นวัยทำงาน จะมีความโตขึ้นมาหน่อย ไม่รู้ว่านักอ่านจะชอบกันไหม 

 

ยังไงก็คอมเมนต์ติชมกันได้เหมือนเดิมนะคะ

 

พูดคุยเม้าท์มอยนิยายได้ที่ Twitter @ppolarisma

KISS ME

KISS ME

KISS ME
Score 6.8
Status: Ongoing
อ่านKISS MEเรื่องย่อ ข่าวเดียวเปลี่ยนชีวิตคือเรื่องจริง เมื่อการเขียนข่าวกอสซิปครั้งแรกของสาริน ทำให้เขาต้องรับผลกรรมเป็นการจูบกับผู้ชายด้วยกันถึง 30 วัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset