มันเป็นห้องสีขาวบริสุทธิ์ ผนังแต่ละทิศเป็นสีขาวโดยไม่หลงเหลือรอยต่อ มีแท่นบูชาสีขาวบริสุทธิ์ดุจหิมะ และแสงไฟที่สว่างไสวก็เป็นสีขาว ทุกสิ่งในห้องนี้ล้วนเป็นสีขาวเช่นกัน
“ถวายเครื่องสังเวย”
เสียงดังขึ้นจากที่ลึกลับ ประตูทั้งสองบานก็ได้เปิดออก และมีผู้คนค่อย ๆ เดินออกมาจากทางที่มืดมิด พวกเขาเหล่านั้นล้วนใส่หน้ากากและชุดขาวทั้งตัว ซึ่งปิดบังทุกส่วนของร่างกาย ได้นำกล่องสีขาวมาทั้งหมด หกกล่องเข้ามาภายในห้องนี้ โดยที่ไม่รู้ว่าในกล่องนั้นเป็น “เครื่องบูชา”หรือไม่ พวกเขาวางกล่องไว้ตามจุดที่กำหนดและเดินออกจากห้องไป
เสียงล็อกดังขึ้นพร้อมกับการปิดประตูสองชั้นซึ่งเสียงนั้นดังก้องภายในห้องสีขาวที่ว่างเปล่า
“การเตรียมการเสร็จสิ้น”
ชายคนหนึ่งกำลังมองสังเกตการณ์จากอีกห้องด้วยความพึงพอใจ
นอกจากนี้เขายังสวมชุดคลุมสีขาวเหมือนกับคนที่เข้าไปในห้อง แต่ว่าใบหน้าของเขานั้นไม่ได้ถูกปกปิดด้วยหน้ากากและเผยให้เห็นใบหน้าที่เหี่ยวย่นที่ให้ความรู้สึกถึงวัยของเขา
“เริ่มได้”
เมื่อได้ยินเสียงประกาศของชายชรา คนที่รออยู่ข้างหลังก็เริ่มท่องบทสวดต่างๆ
『Black Dragon Soul Summon ส่งบทที่เชื่อมต่อโลกที่แตกต่างกัน 』
“『التنين الاسود تقديم إستدعاء الروح باب ربط العالم المختلفة』– เมื่อสิ้นสุดบทสวดมนต์ลง ประตูก็ได้เปิดออก—”
ด้วยแสงปรากฎออกมา ชายชราจึงหลับตาลง และตั้งใจฟังเสียงของคนที่อยู่ด้านหลัง
ชั่วขณะนั้นแท่นบูชาสีขาว ได้เกิดแสงสว่างที่อันตราย และทำให้สูญเสียการมองเห็นอย่างถาวร หากมอง
เข้าไปตรงๆ สิ่งเดียวที่ชายชราเห็นคือความมืดด้านหลังเปลือกตาของเขาเอง
ในไม่ช้าเสียงต่าง ๆ ก็เงียบลง
“ มันได้สำเร็จเสร็จสิ้น”
เมื่อชายชราพูดพึมพำ ก็มีเสียงแห่งความสุขและโล่งใจขึ้นภายในห้อง
“เริ่มต้นการตรวจสอบ”
เป็นอีกครั้งที่คนชุดขาวเริ่มเดินเป็นแถวเข้าไปในทางเชื่อมกับห้องแท่นบูชา
ทันใดนั้นเอง เสียงของชายชราดังก้องอยู่ในหูของพวกเขาพร้อมกับข้อมูล พวกเขาได้จดจำข้อมูลเหล่านั้นโดยไม่พลาดเลยแม้แต่คำเดียว
“ 17 ปี, เพศชาย, นักเรียน”
ข้อมูลส่วนตัวของบุคคลลึกลับหลั่งไหลเข้ามาหาชายชรา แต่ไม่ว่าพวกเขาจะเข้าใจความหมายหรือไม่ ก็ไม่มีวี่แววของความสับสนในตัวของพวกเขาเลย
“ชื่อ คือ—อุ หะ ฮ่าาาาา”
ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยชื่อบุคคลที่ได้รับข้อมูลจู่ ๆ เสียงหัวเราะก็ดังขึ้น
“อุฟ..ฮ่าฮ่าฮ่า”
ชายชรากำลังหัวเราะแม้ว่านี่จะเป็นสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดนั้น แม้จะเกิดความไม่สงบขึ้นเล็กน้อย ชายในชุดขาวก็ไม่ได้หยุดเคลื่อนไหวแต่อย่างใด ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงห้องบูชาสีขาว และด้วยท่าทางที่คุ้นเคยจึงเริ่มปลดล็อกประตู
“ขอโทษด้วยทุกท่าน แต่มันก็ไร้สาระเกินไปสำหรับชื่อที่คุณเห็น”
เมื่อชายชราพูดเช่นนั้นด้านในของห้องได้มองเห็น คล้ายกับที่เคยเป็นห้องสีขาวสะอาดสะอ้าน แต่กล่องที่พวกเขานำมาได้หายไปแล้ว และราวกับว่าแลกกับชายคนหนึ่ง นอนเปลือยอยู่บนแท่นบูชาสีขาว
ชายผมสีดำมีลักษณะเหมือนกับข้อมูลที่ชายชราได้รับมา จากนั้นชายชราก็เอ่ยชื่อชายคนนั้นอีกครั้ง
“ เขาชื่อ คุโรโนะ มาโอ”
————————————————————————————————————-
เมื่อแสงอ่อน ๆ ตกลงบนเปลือกตาของผม สติที่เลือนลางก็กลับคืนมา
ผมจำได้ว่ากำลังหลับสนิท ถูกห่อด้วยฟูกอุ่น ๆ ในขณะที่คิดจะลุกขึ้นความอบอุ่นที่น่ากลัวของเตียงทำให้หมดความมุ่งมั่นที่จะออกไปจากที่นี่
.. ขออีกหน่อย… .. อีก 5 นาที…….
“ตื่น!”
ด้วยน้ำเสียงที่โกรธเกรี้ยวร่างกายของผม ได้สัมผัสกับความหนาวเย็นที่โหดร้ายอย่างไร้ความปราณี เนื่องจากสิ่งกระตุ้นที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันมากเกินไปฉันจึงกระโดดขึ้น
“ โอ้วววว! ศัตรูบุก!?”
“ นายกำลังต่อสู้กับอะไร?”
ด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา สิ่งที่เข้ามาในการมองเห็นของผมคือใบหน้าที่ฉันคุ้นเคยมากที่สุด ทันทีที่ฉันจำได้ความง่วงในหัวของฉันก็หายไปทันที
ลาก่อนโลกแห่งความฝัน สวัสดีความจริงยามเช้า
ในห้องที่ยุ่งเล็กน้อยมีผู้หญิงคนเดียวกำลังฉกฟูกออกไปจากผม
ผมยาวสีดำขลับผิวสีขาวไม่มีตำหนิที่รูปร่างที่โดดเด่น ทั้งจมูกที่สูงริมฝีปากที่สดใส และมีคิ้วที่เรียวยาวและเป็นมุม กำลังรู้สึกโกรธ
การแสดงออกที่คมชัดและรุนแรงนี้ควรให้ความรู้สึกน่ากลัว หรือสวยงามนั้นขึ้นอยู่กับรสนิยมของส่วนบุคคล แต่ความจริงที่ว่ามันเป็นรูปลักษณ์ที่ดูดีเกินกว่าที่จะยืนยันได้ นอกจากหน้าตาที่ดีแล้วความสูงของเธอก็เกือบ 180 ซม.
ด้วยขาที่เรียวยาวและเอวที่เล็กคอด อีกทั้งผ้ากันเปื้อนที่สวมอยู่นั้นยิ่งทำให้หน้าอกของเธอดูเด่นขึ้นไปอีก เทียบระดับแล้วยังเหนือกว่านางแบบ หรือกราเวียร์ไอดอลเสียอีก เว้นเสียแต่ว่า คุณจะเป็นโลลิคอนขั้นรุนแรง หรือกะเทย หรือไร้น้ำยาก็สามารถดึงดูดสายตาได้อย่างแน่นอน แต่ไม่ว่าเธอจะดูสวยแค่ไหน ก็ไม่สามารถสัมผัสถึงหัวใจของความที่แท้จริงของฉันได้
“ สวัสดียามเช้าครับแม่”
เธอเป็นแม่แท้ ๆ ของฉัน
“ อรุณสวัสดิ์ รีบตื่นได้แล้ว ทุกคนอยู่ที่โต๊ะหมดแล้ว”
แม่พูดเสร็จก็เดินออกจากห้องไปโดยที่ประตูเปิดแง้มไว้
“ อย่างน้อยก็ปิดประตูด้วยสิ… มันหนาว”
มองไปที่นาฬิกาบนโต๊ะเวลา 6:50 น. ในฐานะนักเรียนมัธยมปลายที่ไม่มีการซ้อมตอนเช้าอาจกล่าวได้ว่านี่ยังเช้าอยู่ที่จะลุกขึ้นมาจากเตียง
ตอนนี้ผมก็ตื่นแล้ว ไม่สามารถกลับไปนอนได้อีก
“ ผมควรจะเตรียมตัวให้พร้อม?”
และวันนี้ก็เป็นอีกวันของผม คุโรโนะ มาโอ ชีวิตที่สงบสุขไม่เปลี่ยนแปลงจึงเริ่มขึ้น
เปลี่ยนเป็นชุดนักเรียน ซึ่งเป็นหลักฐานของนักเรียนมัธยมปลาย ผมออกจากห้องของผมที่อยู่บนชั้นสอง
หลังจากล้างหน้าแปรงฟัน และเตรียมตัวในห้องน้ำชั้น 1 เรียบร้อยแล้วก็ไปรับประทานอาหารเช้าที่ห้องนั่งเล่น
อย่างที่แม่บอกไว้ มีหุ่นตุ็กตาตัวเล็ก ๆ สองตัวตั้งอยู่บนโต๊ะ
“ อรุณสวัสดิ์”
เมื่อผมทักทายทั้งสอง ก็หันกลับมาหลังจากรู้ว่าผมมาถึงแล้ว
คนหนึ่งคือพ่อของฉัน แม้จะอยู่ในวัย 30 ปี แต่เขาก็ยังคงดูเด็กกว่าคุณแม่ ที่มองผ่านๆ ก็จัดได้ว่าเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน และยังเป็นคนรักสวยรักงามอย่างน่าประหลาดใจ
ความอ่อนเยาว์ที่อาจเรียกได้ว่าเป็นเด็กอายุ 20 ปีพร้อมกับส่วนสูง 160 ซม. เขาดูเหมือนเด็กหนุ่มมากกว่าชายวัยกลางคน
เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของพ่อ? คุณคิดว่าร่างกายของเขาไม่รู้จักความแก่ชราหรือบางทีเวลาของเขาหยุดลง
เมื่อผมจบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยม ผมนั้นดูแก่ขึ้นเมื่อเทียบกับพวกเขา
ยังไงก็ตามแทนที่จะเทียบพ่อที่ตัวเตี้ยและท่าทางตุ้งติ้งเหมือนกะเทยคนนี้ ผมว่าผมคล้ายกับแม่มากกว่า ด้วยความสูง183 ซม. รวมไปถึงดวงตาที่เฉียบคมของเธอ และด้วยหน้าตาที่น่ากลัวของผม ทำให้ผมมีรูปลักษณ์ละม้ายคล้ายปีศาจ
เป็นเรื่องดีที่ผมสูง แต่การที่ผมไม่ได้มีใบหน้าเหมือนพ่อของผมรู้สึกเสียดาย
ต้องขอบคุณใบหน้าที่น่ากลัวนี้คนรอบตัวของผม จึงรู้สึกกลัวแม้ว่าผมจะไม่ได้ทำอะไรก็ตาม
“ สวัสดียามเช้า มาโอ”
อีกคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะคือพี่สาวคนโต มานะ
ซึ่งตรงข้ามกับฉันโดยสิ้นเชิง พี่สาวของฉันละม้ายคล้ายกับพ่อ กล่าวคือน่ารัก ตัวเล็กอ่อนหวาน ให้ความรู้สึกอยากปกป้องเหมือนตุ๊กตา แม้ว่าเธอจะเรียนอยู่ในระดับมหาวิทยาลัยแล้ว แต่เธอก็ยังคงไว้ผมทรงทวินเทลสีดำอยู่
“ วันนี้ทำข้าวกล่องอีกแล้วเหรอ”
“ฮ..ฮ่า”
การที่เห็นพี่สาวของฉันเขินอายมันช่างเป็นสิ่งที่คุ้มค่าที่จะเห็นเสียนี่กระไร
แต่คนที่รับรู้ถึงความปรารถนาดีนี้ที่ซ่อนอยู่ในอกเล็ก ๆ ของเธอนั้นไม่ใช่ผม แต่เป็นแฟนของเธอที่เพิ่งคบกัน
สิ่งเดียวที่สามารถทำให้ใบหน้าที่เฉยเมยของเธอนั้นมีรอยยิ้มได้คือสิ่งที่เกี่ยวข้องกับแฟนของเธอเท่านั้น นั่นคือสิ่งที่ทำให้เธอมีความสุข แต่สิ่งที่เกี่ยวกับแฟนของพี่สาว ก็ไม่ได้เกี่ยวกับผม เอาล่ะ! สักวันหนึ่งผมจะมีแฟน อาจจะเป็นไปได้ว่า… คงจะดีถ้าผมทำได้ ความวิตกกังวลเข้ามาครอบงำจิตใจของผมเมื่อผมทานข้าวกับซุปมิโสะเสร็จแล้วก็ลุกขึ้นจากที่นั่ง
“ จะไปแล้วเหรอ”
เมื่อพี่สาวของผมถาม ผมตอบขณะที่ใส่เสื้อโค้ท
“ ฝนตกวันนี้ฉันจะขึ้นรถบัส”
“ โอ้ป้ายรถเมล์อยู่ไกลเลย”
เราอยู่โรงเรียนเดียวกันจนถึงปีที่แล้ว และพี่สาวก็รู้ด้วยว่าต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะไปถึงป้ายรถเมล์จากบ้าน ถ้าปั่นจักรยานไปก็คงจะดีแม้ว่าผมจะออกเดินทางช้าไปหน่อย แต่ผมก็ไม่มีทางเลือกนอกจากยอมแพ้เมื่อฝนตกแรงขนาดนี้
“ เอ้านี้! ข้าวกล่อง อย่าลืมละ”
“ ขอบคุณครับ”
ผมเอาข้าวกล่องมาจากแม่ และนำใส่ถุงเพื่อไม่ให้มันพลิกคว่ำขณะเดินทาง
“ไปละนะ”
เมื่อบอกลาครอบครัวของผมเสร็จ ก็ออกไปข้างนอกท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บ
ผมจะลงที่ป้ายรถเมล์ที่หน้าโรงเรียน แต่ก่อนอื่นผมต้องข้ามสัญญาณไฟจราจรเพื่อไปยังอาคารเรียน เมื่อเม็ดฝนเม็ดใหญ่ตกลงบนร่ม ผมรอสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียวพร้อมกับนักเรียนคนอื่น ๆ ที่กำลังเดินทางไปโรงเรียนโดยรถบัส
คนอื่น ๆ อีกหลายคนที่เดินเท้าก็หยุดที่ไฟแดงเช่นกัน เหตุเพราะคนจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ภายในฝูงชนนั้นผมสังเกตเห็นเด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่ง อาจเป็นเพราะรูปร่างที่เล็กและบอบบางของเธอ ร่มสีน้ำเงินเข้มในมือของเธอจึงดูใหญ่ผิดธรรมชาติ
ถึงแม้ว่าฝูงชนจะเยอะพอที่จะทำให้เธอที่ตัวเล็กหายไปกับฝูนชน แต่ผมยาวของเธอก็ดูโดดเด่นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้เธอมีตัวตนที่ชัดเจน
ด้านข้างของเธออาจจะเป็นเพื่อนร่วมชั้น ในขณะที่ผมกำลังหงุดหงิดว่าจะไปขัดจังหวะการพูดคุยอันมีความสุขของพวกเธอเพียงเพื่อทักทายเธอดีหรือไม่
“อา”
“ ฮะ”
ตาของเราสบกันโดยไม่คาดคิด
ขนตายาวและดวงตากลมโตที่เย้ายวนของเธอนั้น น่ารักพอที่จะกระตุ้นความปรารถนาอยากที่จะปกป้อง ซึ่งอยู่ภายในจิตใจของผู้ชายทุกคน
ด้วยรูปร่างที่โค้งเว้า ผิวสีขาวบริสุทธิ์ จมูกตรง ริมฝีปากที่เล็กและชุ่มฉ่ำ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะพบข้อบกพร่องใด ๆ ในความงามบนใบหน้าของเธอ ผมยาวนุ่มสลวยดุจผ้าไหม และสัดส่วนอันโค้งเว้าของเธอที่แต่งกายด้วยเครื่องแบบกะลาสีให้ความรู้สึกเป็นระเบียบเรียบร้อย
ผู้หญิงในอุดมคติที่ทุกคนจินตนาการถึง เธอเป็นตัวตนอันสมบูรณ์แบบอย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อสบตากันแล้วผมก็ไม่สามารถแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นได้อีกต่อไป ไม่ใช่เพราะเธอสวยสมบูรณ์แบบ แต่เป็นเพราะเธอเป็นแค่คนรู้จัก
“ สวัสดีตอนเช้า คุณชิราซากิ”
ฉันตั้งใจแน่วแน่และตัดสินใจทักทาย ชิราซากิ ยูริโกะ เพื่อนที่อยู่ในชมรมวรรณกรรมเดียวกัน
“ อะ…อรุณสวัสดิ์ คุโรโนะคุง….”
ชมรมวรรณกรรมมีสมาชิกไม่กี่คน เห็นได้ชัดว่าผมรู้จักเธอ และได้คุยกับเธอหลายครั้ง แต่ในแง่ของความสัมพันธ์ เธอไม่ใช่เพื่อนเป็นแค่คนรู้จัก
ดังนั้นฉันจึงไม่มีอะไรจะคุยกับเธออีกแล้ว ฉันได้ทำตามมารยาทพื้นฐานของสังคมเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นตอนนี้คุณสามารถกลับไปคุยกับเพื่อนของคุณ ซึ่งมองมาทางฉันด้วยสายตาแปลกๆ
แต่แล้ว
“…..”
มีอะไรหรือเปล่า?
ชิราซากิซังยืนอยู่ตรงหน้าผมโดยที่ไม่ขยับ และไม่พูดอะไร บรรยากาศที่เงียบงันก็ไหลเข้ามาระหว่างเรา ทั้งความสูงที่แตกต่างกันมากกว่า 30 ซม. ทำให้รู้สึกเหมือนว่าผมกำลังมองลงไปที่ชิราซากิซัง บางทีสำหรับคนอื่นอาจดูราวกับกำลังตั้งคำถามกับชิราซากิซัง
“ เออ คือว่า วันนี้ -“
“ ไปกันเถอะ ยูริโกะ!”
คุณชิราซากิ ดูเหมือนว่าเธอพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เพื่อนของเธอดึงมือของเธอ ก่อนที่สัญญาณจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวและหายไปในกลุ่มนักเรียนที่เดินผ่านไป
” …อะไร? วันนี้มีอะไรที่ชมรม?”
คุณชิราซากิจะไม่คุยกับผมเป็นการส่วนตัว ดังนั้นมันต้องเป็นอะไรที่เกี่ยวกับชมรม บางทีชมรมจะปิดวันนี้หรืออะไรซักอย่าง?
“ ฉันจะรู้เอง เมื่อฉันไปที่ชมรม”
แต่เพื่อนของเธอแน่ใจว่ากำลังมองมาที่ผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ผมคิดว่าหัวใจของผมแตกเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ชิราซากิซังเองก็ไม่ค่อยได้สบตากับผมเท่าไหร่นักและผมก็เคยสงสัยแล้วว่าเธอทำได้แค่ทักทาย แต่
“เอาจริงดิ บางทีผมอาจะถูกเกลียดไปแล้ว…..”
ชั้นเรียนน่าเบื่อ แต่ผมคิดว่ามันไม่น่าเบื่อเสียทีเดียว ผมสามารถทำตามสิ่งที่สอนได้ แต่มันก็เหมือนกับว่าไม่มีอะไรเข้ามาในหัวผมเลย บางทีอาจจะมีความสุขในการเรียนรู้ แต่เมื่อเหนื่อยเสียงของครูจะกลายเป็นเสียงสะกดจิตโดยอัตโนมัติ
“ เฮ้ คุโรโนะ เอาการบ้านมาให้ลอกหน่อย”
แต่คราวนี้มันไม่ใช่ผม แต่เป็นเพื่อนของผมที่หลับในห้อง
“ ก็ได้ แต่ว่า นอนติดต่อกัน 4 คาบเรียนก็ไม่ไหวนะ”
ด้วยน้ำเสียงแห่งความทึ่ง ผมได้ส่งสมุดบันทึกตัวคันจิที่คัดลอกจากกระดาน
“ ขอบคุณ! แต่เมื่อวานนี้ผมต้องทำการบ้านทั้งคืน ดังนั้นผมจึงไม่สามารถช่วยนายได้ มันเป็นชะตาที่มิอาจเลี่ยง”
ผู้ชายคนนี้เป็นเพื่อนไม่กี่คนของผม ไซกะ โยตะ หัวเราะโดยไม่มีความละอาย เมื่อสิ้นสุดช่วงเวลาเรียนช่วงเช้า ตอนนี้เป็นช่วงพักเที่ยงดังนั้นผมจึงเข้าร่วมโต๊ะกับไซกะ
“ เมื่อคืนนายทำการบ้านเสร็จแล้วหรอ?”
“ เปล่า มันมีทางเลือกอยู่ ซึ่งค่อนข้างยาก ฉันคิดว่ามันคงดีตราบใดที่ฉันยังให้ความรักกับเธอ แต่ดูเหมือนว่าฉันจะต้องเพิ่มจุดเสน่หากับนางเอกคนอื่นและทำให้คนนี้หึงสักครั้ง -“
เมื่อได้ยินส่วนหนึ่งของการสนทนาของ ไซกะ สิ่งที่เขาพูดจะมี แต่คนที่รู้ว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร โดยทั่วไปแล้วจะเป็นแนวทางในเกมจำลองสถานการณ์โรแมนติก 18+ หรือเกมจีบสาว
“ – อ่า…อืม ฉันเสียเวลาไปกับการทำโน่นทำนี่ ฉันก็เลยพักสมอง โดยดูอนิเมะรอบดึกแบบถ่ายทอดสด ไปอีกชั่วโมงนึง”
ไซกะ มีรูปร่างสมส่วน ไม่ใส่แว่น ดังนั้นเขาจึงดูไม่เหมือนโอตาคุ แต่ภายในก็เป็นอย่างที่คุณเห็น
ไม่สามารถพูดได้ว่าเป็นโอตาคุขั้นรุนแรง แต่ก็เรียกได้ว่าไม่เบาเช่นกัน ในทำนองเดียวกันแม้ว่าจะไม่ใช่ระดับเดียวกับ ไซกะ แต่ผมเองก็จัดว่า เป็นโอตาคุเช่นกัน ลักษณะงานเขียนที่ผมทำบ่อยๆในชมรมวรรณกรรมนั้น ไม่ใช่ทั้งวรรณกรรมบริสุทธิ์ หรือเรื่องลึกลับ แต่เป็นนวนิยายที่เรียกว่า ไลท์โนเวล
“ นายแค่อัดอนิเมะรอบดึกไว้ไม่ได้เหรอ”
“ ไม่อ่ะ มันไม่ดีเท่ากับดูถ่ายทอดสด! มันน่าตื่นเต้นกว่าเยอะ!”
“ขนาดนั้นเลยเหรอ” ผมตอบอย่างคลุมเครือขณะที่หยิบข้าวกล่องออกมา
“ อ้อ!…ฉันลืมถามนายเมื่อเช้า วันนี้นายมาโรงเรียนกับชิราซากิซังไม่ใช่เหรอ”
“ ไม่! มันไม่ใช่อย่าง -“
“ ไม่เป็นไรน่า คุโรโนะ นายไม่จำเป็นต้องเล่นตัว”
หมายความว่าอะไร เล่นตัว? ผมไม่ใช่ผู้ชายที่คิดเล็กคิดน้อยที่ทำงานหนักเพื่อรักษาภาพลักษณ์ในทุกๆวัน!
“ ฉันเห็นฉากที่คนสองคน สบตากันต่อหน้าสาธารณะ ฉันรู้สึกอิจฉา! ถ้านี่คือเกมจำลองสถานการณ์โรแมนติก 18+ มันก็คงเป็นระดับที่นายจะได้ไปอยู่ในฉากนั้น! ฉันเองก็อยากสัมผัสฉากแบบนั้นในชีวิตจริงด้วย!”
“ ใจเย็นๆ เราไปที่ชมรมเดียวกันก็แค่นั้น ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับการที่เหตุการณ์ในเกมจำลองสถานการณ์โรแมนติก 18+ จะกลายเป็นเรื่องจริงได้”
“ จริงเหรอ?”
อะไร คือ ความรู้สึกสงสัยจากก้นบึ้งของหัวใจ จากสายตาที่นายมองมาที่ฉัน ฉันเริ่มจะเห็นขดลวดด้านหลังของนาย ในโลกความเป็นจริง เนื่องจากความเวอร์ของนาย!
“ ตัวเอกทุกคนเป็นแบบนี้แหละ! “แต่ฉันเป็นนักเรียนธรรมดาไม่ได้เป็นที่นิยมขนาดนั้น ฉันไม่มีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนั้น – ไม่ว่านายจะมองยังไงค่าความสัมพันธ์ของตัวละครอยู่ที่ 100% งั้นหรอ? ไอ้เวรเอ้ย!”
“ ก็อย่างที่บอกใจเย็น ๆ ก่อน! อย่าเพิ่งเหมารวมความเป็นจริงกับจินตนาการ ฉันหมายความว่าแบบนั้น เช่น ในสถานการณ์ที่ฉันสัญญากับชิราซากิซังซึ่งเป็นเพื่อนสมัยเด็ก หรือแม้ว่าเราจะยังไม่ได้คบกัน เธอก็มาปลุกฉันที่บ้านทุกวันหรือกินข้าวเที่ยงด้วยกันบนดาดฟ้า แต่ว่านะเหตุการณ์ดังกล่าวน่ะ ไม่มีอยู่จริง”
“ เงียบ! การได้ฉากสถานการณ์ 2 ครั้งในระหว่างไปโรงเรียนกับสาวสวยระดับชิราซากิซังเป็นมากกว่าสถานการณ์ที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว! แม้ว่านายจะคิดว่ามันไม่มีอะไร? นี่แกเป็นผู้ชายจริงๆเหรอ? ผู้ชายธรรมดา ๆ ที่ไม่ได้พูดคุยกับผู้หญิงเลยแม้แต่ครั้งเดียว!”
“ นะ.. นั้น….”
ตอนนี้ผมคิดว่าเขาอาจจะพูดถูก แม้ว่าจะประหม่าหรือเกลียดชัง แต่การได้ทักทายสาวสวย ที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นเอกฉันท์ในตอนเช้า ก็อาจจะเป็นพรจากสรรค์แล้วก็ได้ ถ้าผมไม่ได้เข้าร่วมชมรมวรรณกรรม การติดต่อกับผู้หญิงจะเป็นศูนย์เช่นกัน ผมจำชื่อของเด็กผู้หญิงในชั้นเรียนแทบไม่ได้และจำไม่ได้ว่าทักทายพวกเธอเลย แม้แต่ครั้งเดียว
“ เดี๋ยวก่อนมันเหมือนกับว่านายไม่เคยได้อยู่กับผู้หญิงเลย นายอยู่ในชมรมฟุตบอล นายไม่ได้คุยกับผู้จัดการที่น่ารักคนนั้นเหรอ?
“ ไอ้โง่! เธอมีความสัมพันธ์กับกัปตันแล้ว! และนั่นคือแฟนคนที่ 3 ของเธอหลังจากเข้ามัธยม! ไม่! ฉันไม่อยากได้ยินเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ในชีวิตจริงของสาว ๆ !!”
“ นายจะไม่เห็นแก่ตัวไปหน่อยเหรอ อ่ะ…ไม่เป็นไร ตราบใดที่เธอน่ารัก”
“อะไรวะ! ผู้หญิงที่ NTR และโดน NTR ไม่ใช่นางเอกเลย! มีบางอย่างที่โหดร้ายอย่างที่ควรจะเป็นในละครอีโรติก และละครน้ำเน่าเท่านั้น!”
“ ฉันเข้าใจแล้ว! ก่อนอื่นใจเย็น ๆ แล้วนั่งลงได้ไหม”
ด้วยการแสดงออกว่า “ช่วยไม่ได้” ไซกะ นั่งลงด้วยความลนลาน ถ้าเขายังคงร้อนแรงแบบนั้นเขาจะกลายเป็นจุดดึงดูดของเพื่อนร่วมชั้นใน
ทางที่ไม่ดีก็เป็นได้
“ ด..ดะ…เดี๋ยวก่อนถ้าผู้หญิงที่มีแฟนเป็น NG แล้ว ชิราซากิซัง ก็ไม่มีข้อยกเว้นใช่ไหม”
*NG means clearly “Bad” or “Forbidden”( ต้องห้าม ). For example, when you are going to take a photo, someone says,” Koko, satsuei, NG ne!”, it means “Taking photos is forbidden here.”
“ หืม….อย่างนั้นหรอ”
ผมเท้าคางไว้บนมือ และมองไปนอกหน้าต่างด้วยสายตาที่เม่อลอยในขณะที่ผมคุยกับไซกะ
“ อืม ชิราซากิซัง เป็นหญิงสาวที่ยอดเยี่ยม เธอคุยกับคนอย่างฉันโดยไม่ทำหน้าไม่พอใจเลย”
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่มองตาโดยตรง แต่ก็ดีกว่าการหลีกเลี่ยงตรงๆ
“ นายน่ะ…มีใบหน้าที่น่ากลัวเหมือนยักษ์”
“ ถูกต้อง! แต่ฉันเป็นคนที่อ่อนไหวกับเรื่องนี้จึงไม่ต้องพูดอะไรอีก”
“ตกลง…แล้ว?”
“ ก็ไม่มีทางที่จะไม่มีผู้ชายเลยแม้แต่คนเดียว อยู่ในสังคมของเธอเลยใช่ไหม?”
เห็นได้ชัดว่า เหตุการณ์ที่เธอจะใจดีกับผมเท่านั้นจะไม่เกิดขึ้น เดี๋ยวก่อน! ถ้าเธอเป็นผู้หญิงที่ดีจริงๆ เธอก็จะไม่ใจดีกับใครคนใดคนหนึ่งเท่านั้น
“ แน่นอนฉันเคยเห็นผู้ชายหน้าตาดีมากมาย เข้ามาคุยกับชิราซากิซัง”
“ ถูกต้อง! ฉันเป็นแค่คนที่อยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย ที่สามารถทักทายเธอได้ และฉันก็เป็นคนที่ไม่ใช่สามารถนับได้ด้วยสองมือของเธอ”
“ อ่าหะ ฉันเดาว่าความจริงก็เป็นแบบนั้นแหละ! สาวสวยก็เป็นมนุษย์เช่นกันถ้ามีผู้ชายดี ๆ อยู่ใกล้เธอ ก็จะเห็นได้ชัดว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
“ นั่นล่ะ! เป็นอย่างนั้นแหล่ะ! ถ้าเป็นชิราซากิซัง ตามปกติแล้วอ่ะนะ เธอจะต้องมีแฟนซักคน สองคน -“
“ฉัน…ไม่”
คนที่ขัดจังหวะผมไม่ใช่ซาอิกะ ผมจะพูดยังไงดี ถ้าจู่ ๆ เขาก็เริ่มพูดด้วยน้ำเสียงน่ารัก ผมก็จะเป็นเพื่อนกับเขาอีกไม่ได้ ไม่ใช่เสียงนั่นใช่ไหม!
“ ฉันไม่มีแฟน”
“ คุณชิราซากิซัง… .. ”
ทำไม…เธอถึงมาปรากฏตัวที่นี่ด้วยเวลาที่เหมาะเจาะ ผมไม่ได้บอกหรอว่า เราไม่ได้อยู่ในความสัมพันธ์ที่เราจะกินข้าวเที่ยงด้วยกันหรอ? นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมาที่ห้องเรียนเพื่อมาพบผมโดยเฉพาะ
แต่ทำไมตอนนี้ผมรู้สึกผิด ตอนนี้หัวใจของผมเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง อ่า…ผมรู้สึกได้ถึงเหงื่อเย็น ๆ ที่ไหลบนใบหน้าของผม
เดี๋ยวก่อนใจเย็น ๆ หรือว่า ผมจะพูดอะไรที่ทำให้เธอไม่พอใจ!
“ ข…. ขอโทษที่ฉันพูดอะไรไปเอง”
สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการขอโทษ การพูดถึงความสัมพันธ์กับคนอื่นนั้น มันไม่ดีเท่าไหร่นัก และการที่เจ้าตัวได้ยินเองก็ไม่มีอะไรทำได้นอกจากขอโทษ
“ อ่า..ฉันไม่ได้โกรธหรืออะไรเลย ไม่มีอะไรต้องขอโทษ”
“ อืมอย่างนั้นหรอ? ไม่เป็นไรงั้น…….”
ไม่ไม่บรรยากาศนี้ไม่ดีเลย! ไซกะ แข็งเป็นรูปปั้นหินไปแล้วและแสดงท่าทาง “ไม่เกี่ยวกับฉัน”
ดูเหมือนว่าเธอจะไม่โกรธจริงๆ แต่ผมรู้สึกได้ว่าเธอก็ไม่พอใจเหมือนกัน แต่เนื่องจากเจ้าตัวพูดอย่างนั้น ฉันจึงวางหัวข้อสนทนาไว้เพียงเท่านี้
“ อืม…เธอต้องการอะไรหรือเปล่า”
“ ใช่! ฉันไม่ได้พูดมันในตอนเช้า”
ในขณะนี้โปรดลืมเรื่องนั้น และมุ่งเน้นไปที่เนื้อหาของการสนทนานี้ ดังนั้นเธอจึงมีข้อความบางอย่างที่อยากจะบอกฉันในตอนเช้า
“ วันนี้มีการประชุมที่สำคัญในชมรม ดังนั้นนายต้องมา”
“ ประชุม?อย่างนั้นหรือ.. ได้ ฉันจะทำให้แน่ใจว่าได้ไปแน่ๆ”
เมื่อวานผมไม่ได้ยินอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ต้องมีอะไรบางอย่างเร่งด่วนที่เธอมาหาผม
ในตอนเย็น ไม่มีการเปลี่ยนแปลงกับแผนที่จะไปชมรม
“ อ่า โอเค…. ฉันจะรอ”
“โอเค ขอบคุณ.”
หลังจากการพูดคุยอย่างเป็นงานเป็นการของเราจบลง ชิราซากิซังก็ออกจากห้องเรียนไปอย่างรวดเร็ว
“เพื่อน ผู้หญิงน่ารัก (Bishoujo) นี่สร้างแรงกระทบได้รุนแรงจริงๆ ว่างั้นไหม”
Bishoujo (Hiragana: びしょうじょ; Kanji: 美少女), sometimes written as Bishōjo, is a Japanese term that translates into “Pretty Girl”
เพื่อนที่แสนจะเย็นชาของผมคนนี้ ที่เงียบอยู่ ได้กลับมาพูดอีกครั้ง
“ ไซกะ นายช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหม”
“ ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้! ฉันเองก็ไม่ใช่คนรู้จักเหมือนกัน แต่มันเป็นเรื่ีองที่ดีที่นายเจอทางออกเจอ จริงไหม”
นายสามารถเรียกสิ่งนั้นว่าสงบลงได้หรอ? ฉันเห็นเพียงค่าความสัมพันธ์ของฉันลดลงอย่างรวดเร็ว
“ ดูเหมือนว่า ซิราซากิซัง เธอยังไม่มีแฟนนะ เป็นเรื่องที่ดีสำหรับนายเลย นะ คุโรโนะ! นายยังมีโอกาสอยู่นะ!”
“ อ่า…หัวข้อเดิมอีกแล้ว”
“ ชีวิตมัธยมปลาย มัน คือ เหตุการณ์ของเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ใช่ไหมล่ะ”
“ เอาล่ะ! ตอนนี้ฉันมีกำลังใจขึ้นมาบ้างแล้ว! โอย คุโระโนะคราวหน้าช่วยแนะนำชิราซากิซังให้ฉันด้วย!”
“ นายจะให้กำลังใจฉัน หรือนายอยากออกไปจัดการเองล่ะ!”
ทั้งหมดที่ผมพูดได้ก็คือ เมื่อทักษะการสื่อสารของผมยังไม่สูงพอที่จะแนะนำเพื่อนของผมได้ หรือพูดง่าย คือ เป็นไปไม่ได้ที่ผมจะแนะนำ ไซกะ ให้ ชิราซากิซัง รู้จัก
“ ถ้าอย่างนั่น ไปกินข้าวกันเถอะ”
“ ใช่หรอ…ช่วงพักกลางวันสั้นเกินไปไม่สามารถเพิ่มเวลาพักอย่างน้อยซัก 2 ชั่วโมงได้ -“
ข้าวกล่องของผมที่ถูกทิ้งไว้ตามลำพังบนโต๊ะ ในระหว่างที่ผมคุยกับชิราซากิ นั้นเปิดฝาออก เดี๋ยว! มันควรเป็นที่ข้าวกล่องที่แม่ทำอาหารนี่
แต่
“ อะไรวะเนี้ย….”
ข้าวขาวด้านบนซึ่งเป็นรูปหัวใจขนาดใหญ่ที่ทำด้วยสีชมพูเข้ามาในมุมมองของผม
“ เอ๊ะ…อะไรน่ะ คุโรโนะ ข้าวกล่องนั่นคืออะไร!? ข้าวกล่องเติมความรักแบบนี้ที่ฉันเคยเห็นในเกมเท่านั้น!?”
“ อ๊ะนั่นมัน -“
ข้าวกล่องที่เต็มไปด้วยความรักนี้ไม่ใช่สิ่งที่แม่ทำเพื่อฉัน
“ แม่หยิบมาให้ผิดกล่อง………”
นี่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพี่สาวทำอะไรให้แฟนของเธอ ตอนนี้แฟนหนุ่มของพี่ต้องกินข้าวกล่องเย็น ๆ ของแม่
“ อืม…ยอดเยี่ยม! มันเป็นรูปหัวใจ อะฮ่าฮ่า! เหลือเชื่อ !!”
ผมไม่สนใจเพื่อนที่บ้าบอของผม และผมจึงตัดสินใจกินข้าวกล่องที่ทำโดยพี่สาวด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย แต่นี่มันความรักของพี่ มันไม่เยอะไปหน่อยเหรอ?
ตอนนี้เป็นช่วงหลังเลิกเรียนหลังจากเข้าเรียนอีกสองคาบ หลังจากทำหน้าที่กวาดเสร็จแล้วผมก็ตรงไปที่ห้องเรียนของชมรมวรรณกรรม เมื่อเปิดประตูผมก็ก้าวเข้าไปในห้องเรียนที่คุ้นเคย
“ฮะ?”
โดยไม่ได้ตั้งใจ ผมก็ปล่อยเสียงโง่ๆ ออกมา เพราะทั้งห้องเรียนมีคนเดียว แน่นอนว่าในชมรมมีสมาชิกน้อยมาก และหลายคนก็เป็นเพียง*สมาชิกผี แต่ความจริงที่ว่าไม่มีคนอื่น ถึงแม้ว่าผมจะมาสาย ผมกำลังจินตนาการถึงประธานชมรมที่ตามปกติกำลังพูดคุยกับคนอื่น ๆ ในระหว่างรอ แต่ก็ไม่อย่างนั้น นอกจากนี้ ความจริงที่ว่าสมาชิกเพียงคนเดียวที่มาแล้วจะเป็น คุณชิราซากิ ก็คาดไม่ถึงเช่นกัน
*หมายเหตุ : สมาชิกผี คือ เป็นสมาชิกของชมรมในนาม แต่ไม่มีส่วนร่วม
“ อา คุโรโนะคุง”
“ คุณชิราซากิ คุณอยู่คนเดียวเหรอ”
“ ชะ..ใช่…”
จบการสนทนา!
ผมไม่มีอะไรจะพูดกับเธอและใบหน้าอันน่ารักของเธอ ผมไม่แน่ใจว่า ผมควรพูดมากกว่านี้หรือเปล่า แล้วผมเดินไปหาที่นั่ง ผมคิดถึงหลายอย่างมากเกินไป แต่ไม่มีอะไรออกจากปากของผมเลยแม้แต่อย่างเดียว และเธอก็เช่นกัน
คุณชิราซากิ ถือสมุดอ่อนที่มีปกน่ารัก ๆ คล้ายกับผม ที่หยิบนิยายที่เขียนเองออกมาจากกระเป๋าเพื่อฆ่าเวลา
บนกระดาษขนาด A4 ที่ติดกัน มีชื่อของ [Legend of Hero Abel]*ตำนานผู้กล้าอาเบล ซึ่งเป็นชื่อที่ไม่น่ามีเกม RPG เกมไหนเอาไปใช้ นี่คือเรื่องที่ผมเขียนเป็นครั้งแรกในช่วงมัธยมต้น เนื้อหาเป็นไปตามชื่อเรื่อง – ผู้กล้าอาเบลเดินทางไปปราบจอมมาร ไม่มีการดัดแปลง หรือจุดหักมุม และลักษณะการเขียนที่เลอะเทอะทำให้ดูเป็นงานของมือสมัครเล่น แต่ก็ยังคงมีตอนจบที่เหมาะสมงานที่เสร็จสมบูรณ์ บางทีผมควรอ่านซ้ำหรืออาจจะเขียนภาคต่อ…….
เงียบสนิท
ยกเว้นเสียงตะโกนของชมรมกีฬาที่ดังมาจากพื้นและเสียงของการพลิก
หน้ากระดาษของพวกเรา ห้องชมรมส่วนที่เหลือเงียบสนิท เนื่องจากบรรยากาศที่น่าอึดอัดทำให้การอ่านนิยายไม่ได้เข้ามาในหัวของผมเลย อะไรกัน ทำไมไม่มีใครมา มันควรจะมีการประชุมไม่ใช่หรอ? ทุกคนที่สบายดี ช่วยมาหน่อย! เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงพักเที่ยงทำให้รู้สึกอึดอัดระหว่างเรา
สองคนที่อยู่เพียงลำพังในห้องชมรม และผมจะไม่สามารถอยู่แบบนี้ได้อีกต่อไป
อ่า…ในตอนแรกผมไม่เคยสองต่อสองกับชิราซากิซังมาก่อน ตลอดเวลาที่ผมคุยกับเธอจะมีคนอื่นคุยด้วย
ไม่! แต่การเงียบต่อไปแบบนี้มันเจ็บปวดนะ แม้ว่าเสี่ยงไปหน่อย แต่ผมก็ควรที่จะลองคุยเรื่องอะไรสักอย่าง ใช่แล้ว! เราเป็นเพื่อนชมรมและแม้ว่าแนวเพลงของเราจะแตกต่างกันเล็ก
น้อย แต่ก็ต้องมีเรื่องที่คุยกันได้บ้างแหละ
ไม่ช้าก็เร็วประธานชมรมและคนอื่น ๆ ก็จะเข้ามาในชมรมเพราะบรรยากาศที่มีเสียงและสีสัน ตราบใดที่ผมสามารถพูดคุยได้ในช่วงเวลาสั้นๆ มันก็คงไม่เป็นไร เอาล่ะผมจะเริ่มแล้ว –
“ อืม”
เสียงของเราเปล่งออกมาพร้อมกัน!
“ อา…ขอโทษ”
“ ……”
อึดอัดเหลือเกิน
แม้ว่าเราทั้งสองจะเงียบจนถึงตอนนี้
ไม่คิดว่าเราจะพูดพร้อมกัน ..
“ เธอพูดก่อนได้เลย -“
“ อา…ไม่เป็นไร คุโรโนะคุง พูดก่อนก็ได้”
ไม่ใช่ว่าผมมีเรื่องสำคัญที่จะพูด แต่สิ่งที่เธอพูดคือ
“ ฉันไม่คิดว่าทุกคนจะมาช้า”
หัวข้อธรรมดาๆและน่าเบื่อ ที่แม้แต่ฉันก็อดคิดไม่ได้ว่ามันน่าเบื่อ
“ อา…ใช่ ฉันก็คิดอย่างนั้น….”
แต่ คุณชิราซากิ ก็กำลังจะพูดอะไรบางอย่างที่คล้ายกัน –
“ ……. ไม่ นั่น ไม่ใช่อย่างนั้น”
“ฮะ?”
“ อันที่จริงนั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันอยากจะพูด”
ด้วยเหตุผลบางอย่างผมสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในตัวเธอ
จากท่าทีเงียบ ๆ ก่อนหน้านี้
มีอะไรอีกไหมที่เธออยากจะพูดกับผม?
“ คุณเห็นไหม – -“
ราวกับว่าแก้ไขอะไรบางอย่างชิราซากิซังลุกขึ้นยืนอย่างเข้มแข็ง ขณะที่เธอยืนขึ้น คุณชิราซากิ ที่ไม่เคยแม้แต่จะสบตาผมก็มองมาที่ผมอย่างชัดเจน ในดวงตาที่น่ารักเหล่านั้นตอนนี้มีความมุ่งมั่นและเป็นสีที่แสดงถึงความเข้มแข็ง
สำหรับการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ผมค่อนข้างแปลกใจ แต่ภายนอกของผมยังคงสงบ
“ มันเป็นเรื่องโกหก…”
“ หืม…เรื่องอะไร”
“ คือ…การประชุมน่ะ…มันเป็นเรื่องโกหก”
สิ่งที่เธอพูดผมไม่สามารถเข้าใจมันได้เลยแม้แต่นิดเดียว หัวของผมเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
“ อา…เป็นอย่างนั้นเหรอ”
มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องโกรธ แต่แรกผมไม่รู้ว่าอะไรคือแรงจูงใจดังนั้นผมจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพูดคุยต่อ