ภาคแยก 1 : The life of the dead is in the memory of the living.
(คนตายยังคงมีชีวิตอยู่ในความทรงจำของคนเป็น)
ชีวิตของโรสมอนด์ แมรี ลา เฟ็ลปส์ในช่วงนี้ราวกับอยู่ในความฝัน
เพราะเปโตรนิยาซึ่งเรียกได้ว่าเป็นศัตรูคู่อาฆาตของนางถูกประหารชีวิตไปเมื่อไม่นานมานี้ เหล่าขุนนางที่พอจะมีสมองคิดได้ก็มิอาจข้ามหัวนางไปแต่งตั้งจักรพรรดินีคนใหม่ หากไม่มีอะไรผิดพลาด ตำแหน่งจักรพรรดินีย่อมต้องตกเป็นของนางอย่างแน่นอน
ตำแหน่งจักรพรรดินีเป็นสิ่งที่โรสมอนด์ปรารถนามาเนิ่นนานเรียกได้ว่าทั้งชีวิต นางจึงนึกสงสัยว่าความลำบากตรากตรำที่ผ่านมาล้วนเกิดขึ้นเพื่อความสุขที่กำลังจะมาถึงนี้ใช่หรือไม่
“ฝ่าบาทจะประกาศแต่งตั้งจักรพรรดินีคนใหม่เมื่อใด คลารา ตำแหน่งนี้มิอาจปล่อยว่างได้นาน อีกไม่นานคงประกาศแล้วกระมัง”
“แน่นอนค่ะ มาร์เชอเนสเฟล็บส์”
โรสมอนด์ได้ฟังคำตอบของคลาราก็เขม้นมองอีกฝ่ายด้วยความไม่พอใจ และแก้คำพูดของนางเสียใหม่
“คลารา ตอนนี้เจ้าควรเรียกข้าว่า ‘ฝ่าบาท’ มิใช่รึ หากเจ้าไม่แก้คำเรียกนั่น เห็นทีว่าลิ้นของเจ้านั้นมีไว้ก็ไร้ประโยชน์ ข้าตัดทิ้งเสียดีหรือไม่?”
“ขะ ขออภัยค่ะ มาร์… เอ่อ ฝ่าบาท หม่อมฉันโง่เขลาเบาปัญญา…โปรดอภัยให้หม่อมฉันด้วยเถิดเพคะ”
คลาราหวาดกลัวจนหัวหดรีบร้อนคุกเข่าขออภัย จากนั้นไม่นานโรสมอนด์ก็อารมณ์ดีขึ้น หญิงสาวลูบสันจมูกพลางส่งเสียง ‘อืม’ ด้วยสีหน้าหยิ่งผยองราวกับจะบอกว่านางผ่อนผันให้
“ดี ต่อไปก็จงระวังคำพูด เข้าใจหรือไม่ คลารา”
“แน่นอนเพคะ ฝ่าบาท มีหรือหม่อมฉันจะกล้า”
“ใช่แล้ว ต้องอย่างนี้สิ”
เมื่อพอใจแล้ว โรสมอนด์ก็ลูบคลำเล็บมือของตนด้วยสีหน้าพึงใจพลางกล่าวกับคลารา
“คิดถึงฝ่าบาทจัง ข้าไปตำหนักกลางดีกว่า”
แต่เมื่อมาถึงตำหนักกลางโรสมอนด์ก็ต้องพบกับเรื่องขัดใจ
“เข้าไม่ได้? หมายความว่าอย่างไร”
“ฝ่าบาทเพิ่งเข้าที่บรรทมไปเมื่อครู่ค่ะ”
“แต่นี่มันตอนกลางวันนะ”
“ฝ่าบาทมีพระอาการอ่อนเพลียจึงบรรทมกลางวัน ขออภัยมาร์เชอเนสเฟ็ลปส์ แต่ฝ่าบาทมีรับสั่งมิให้ใครเข้าเฝ้าทั้งนั้น”
“อะไรนะ?”
นางซักไซ้หัวหน้านางกำนัลตำหนักกลางด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ สำหรับนางแล้วนี่เป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น
“ข้าคนนี้กำลังจะได้เป็นจักรพรรดินีของฝ่าบาท แต่เจ้ากลับบอกว่าข้าเข้าไปไม่ได้อย่างนั้นรึ?”
“ถึงกระนั้นข้าก็มิอาจขัดรับสั่งของฝ่าบาทได้ ขออภัยด้วยค่ะ มาร์เชอเนส”
“อ๊ากกก!”
ตอนนั้นเองเสียงที่คุ้นเคยก็ดังออกมาจากด้านใน หัวหน้านางกำนัลนิ่วหน้า ในขณะที่สีหน้าของโรสมอนด์พลันสดใสขึ้น นี่เป็นเวลาที่นางต้องออกโรง โรสมอนด์จ้องหัวหน้านางกำนัลตาไม่กะพริบคล้ายจะถามว่าจะเอาอย่างไร หัวหน้านางกำนัลได้แต่ทำสีหน้าละล้าละลัง
“ฝ่าบาทคงฝันร้ายอีกแล้วกระมัง” โรสมอนด์กล่าวด้วยน้ำเสียงชอบกลคล้ายเห็นเป็นเรื่องสนุก
“…เชิญค่ะ”
เมื่อเป็นเช่นนี้หัวหน้านางกำนัลจึงจำต้องปล่อยให้โรสมอนด์เข้าไปอย่างช่วยไม่ได้ เพราะในจักรวรรดินี้มีเพียงโรสมอนด์คนเดียวที่สามารถบรรเทาอาการคุ้มดีคุ้มร้ายของผู้กุมอำนาจเด็ดขาดของจักรวรรดิได้
โรสมอนด์ก้าวเท้าไปหยุดอยู่หน้าประตูด้วยความมั่นใจและเปิดประตูเข้าไปอย่างไม่ลังเล หลังจากกำชับกับหัวหน้านางกำนัลว่าอย่าให้ใครเข้ามา โรสมอนด์ก็หายเข้าไปในห้อง
“ฝ่าบาท~” นางเอ่ยเรียกลูซิโอด้วยน้ำเสียงฉอเลาะ
นางมองลูซิโอที่กำลงเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัสพลางยิ้มละไมและก้าวไปหยุดตรงหน้าเขาอย่างสง่างาม ท่านคงไม่ทราบว่าข้าดีใจมากเพียงใด สภาพนี้ของท่านมีเพียงข้าที่ได้รู้ได้เห็น และเป็นคนเดียวที่สามารถช่วยท่านได้ โรสมอนด์เผยยิ้มอ่อนหวานและนั่งลงข้างเตียง
“อึก…”
ลูซิโอยังไม่ตื่นจากฝันร้าย สีหน้าของเขาบิดเบี้ยวราวกับฝันนั้นช่างน่ากลัวเหลือแสน น่าเสียดายที่โรสมอนด์ไม่ได้มีความรู้สึกร่วมไปกับความเจ็บปวดนั้น ไม่สิ นางไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
“ฝ่าบาท…ฝ่าบาทของหม่อมฉัน”
นางลูบไล้แก้มของลูซิโออย่างทะนุถนอมพลางกระซิบ “พระองค์ฝันถึงสิ่งใด เหตุใดจึงทรมานถึงเพียงนี้”
“อือ…”
“ฝันถึงอดีตจักรพรรดินีอลิซาอีกแล้วหรือเพคะ หรือว่า…”
“จะ…จักร…”
“…”
“จักรพรรดินี…”
คำที่หลุดออกมาจากปากของลูซิโอทำให้สีหน้ายิ้มแย้มของโรสมอนด์พลันเปลี่ยนเป็นแข็งทื่อ ในยามที่ฝันร้าย ลูซิโอไม่เคยเรียกอลิซาว่า ‘จักรพรรดินี’ เลยแม้แต่ครั้งเดียว เขามักจะเรียกอลิซาว่า ‘เสด็จแม่’ โรสมอนด์ตั้งใจฟังสิ่งที่ออกจากปากของลูซิโอด้วยสีหน้าโกรธขึ้ง
“ได้โปรด…อย่า…”
“เฮอะ!”
โรสมอนด์แค่นหัวเราะอย่างหมดคำพูด เป็นเช่นนี้หรอกรึ? ไม่ได้ฝันถึงอลิซาแต่ฝันถึงเปโตรนิยา? อดีตจักรพรรดินี? โรสมอนด์เขม้นมองลูซิโอด้วยสายตาเย็นชา นางอารมณ์ไม่ดีแล้ว ทำไมเขาต้องละเมอถึงผู้หญิงคนนั้น?
“ฝันถึงอลิซาเสียยังดีกว่า…จะไปฝันถึงผู้หญิงที่ท่านฆ่าไปแล้วทำไม?”
“เฮือก!”
ตอนนั้นเอง ลูซิโอก็แผดเสียงประหลาดและลืมตาขึ้น โรสมอนด์มองสีหน้าของลูซิโอที่คล้ายถูกสูบเรี่ยวแรงออกไปจนหมดพลางปลอบเขาอย่างเยือกเย็น
“ฝ่าบาท ทำพระทัยให้สงบก่อนเพคะ”
“…โรส?”
“เพคะ ฝ่าบาท”
ความเย็นชาเมื่อครู่หายไปจนหมดสิ้น บนใบหน้าโรสมอนด์เหลือเพียงรอยยิ้มเด่นชัด นางกระซิบกับอีกฝ่ายราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ชู่ว ฝ่าบาท ฝันร้ายหรือเพคะ หม่อมฉันอยู่ตรงนี้แล้ว ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย ไม่เป็นไรแล้วเพคะ”
“…”
“เป็นความฝันที่เลวร้ายมากใช่ไหมเพคะ สีพระพักตร์ดูไม่ดีเลย”
“…ข้าฝันถึงอดีตจักรพรรดินี”
เขาตอบอย่างตรงไปตรงมา แม้โรสมอนด์จะรู้อยู่แล้ว แต่เอาเข้าจริงกลับรู้สึกไม่ดี นางพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติและเอ่ยถามลูซิโอ
“ตายจริง ฝันถึงอดีตจักรพรรดินีหรือเพคะ มิทราบฝันว่าอย่างไร”
“…ก็แค่” เขาพูดอ้อมแอ้ม “ไม่มีอะไรหรอก”
“…”
อา…ตอบแบบนี้ยิ่งน่าขัดใจ มีความลับกับข้ารึ
โรสมอนด์อยากให้ระหว่างตนกับลูซิโอไม่มีความลับต่อกัน แน่นอนว่าเรื่องที่นางปิดบังไว้ไม่ได้มีแค่เรื่องสองเรื่อง แต่อย่างน้อยนางก็หวังว่าอีกฝ่ายจะไม่ปิดบังนาง
อาจจะดูเห็นแก่ตัว แต่นั่นคือความสัมพันธ์ที่นางคาดหวัง ความสัมพันธ์ที่ต่อให้นางปิดบังอะไรไว้ อีกฝ่ายจะต้องไม่มีอะไรปิดบังนาง ความสัมพันธ์ที่นางอยู่เหนือทุกสิ่งอย่างสิ้นเชิง
“ไม่มี ‘อะไร’ หรือเพคะ?”
“อืม”
“…หม่อมฉันเป็นห่วงนะเพคะ พระองค์เหงื่อออกมากขนาดนี้ ทั้งยังส่งเสียงร้องครวญคราง”
“หาใช่เรื่องแปลกใหม่อันใดมิใช่หรือ”
ในน้ำเสียงที่ฟังดูเหนื่อยล้าชอบกลแฝงไว้ด้วยความหงุดหงิดอย่างประหลาด โรสมอนด์ไม่พอใจและไม่สบายใจกับบรรยากาศที่ดำเนินไปอย่างแปลกๆ นี้ สัญชาตญาณของนางบอกว่าได้เวลาที่ต้องถอยแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่โรสมอนด์ไม่เห็นด้วยกับสัญชาตญาณของตน นางแสร้งออดอ้อนและเอ่ยถาม
“ถึงอย่างไรจากนี้พระองค์ก็มีหม่อมฉันอยู่เคียงข้างนะเพคะ ทรงลืมหญิงชั่วผู้นั้นและมองแค่หม่อมเถิดเพคะ นะ?”
“…นั่นสินะ” เสียงถอนหายใจปนมาในคำตอบของลูซิโอ “ควรต้องเป็นเช่นนั้น”
“…”
“มีผู้คนต้องสังเวยชีวิตไปตั้งมากมาย ข้าย่อมต้องทำเช่นนั้น”
“…ฟังดูเหมือนประชดประชันเลยนะเพคะ” โรสมอนด์นิ่วหน้าถาม “หม่อมฉันคงจะคิดไปเองกระมัง ฝ่าบาท?”
“อืม วันนี้ข้าเพลียไปหน่อย รู้สึกแปลกๆ ตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว”
น้ำเสียงอ่อนล้าที่คล้ายบอกเป็นนัยว่าให้ออกไปได้แล้วนั้นทำให้โรสมอนด์หงุดหงิดขึ้นมาจริงๆ แล้ว แต่นางก็ยังไม่ยอมแพ้และพูดธุระออกไป
“ว่าแต่…ฝ่าบาทเพคะ”
“หืม?”
“อดีตจักรพรรดินีก็ถูกประหารไปร่วมเดือนแล้ว เมื่อไรจะแต่งตั้งหม่อมฉันเป็นจักรพรรดินีหรือเพคะ”
“…เจ้าอย่าได้รบเร้าเอาแต่ใจ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีขั้นตอนของมัน”
“เพคะ? แต่…มันตั้งหนึ่งเดือนนะเพคะ เวลาเท่านี้ยังไม่เพียงพออีกหรืออีกหรือ”
“คิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวรรดินี้หมุนรอบตัวเจ้าหรือไร นอกจากเรื่องนั้นข้ายังมีงานที่จะต้องจัดการอีกมากมาย โชคดีแค่ไหนที่ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับงานของฝ่ายในไปอีกระยะหนึ่ง”
พูดถึงตรงนี้ลูซิโอก็รู้สึกตัวว่าเขาอ่อนไหวมากเกินไป หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เอ่ยขอโทษ
“…ขอโทษนะ โรส ข้าทำตัวอ่อนไหวเกินไปเสียแล้ว”
โรสมอนด์สัมผัสได้ถึงการปลอบโยนเล็กน้อยในคำพูดนั้น แต่อารมณ์ไม่พอใจของนางก็ยังไม่คลายลงทั้งหมด ถึงกระนั้นนางก็ตั้งใจจะทำตัวเป็นแม่พระที่เข้าใจลูซิโอทุกอย่าง เพราะถึงอย่างไรตอนนี้เขาก็ยังจำเป็นสำหรับนาง
“…ไม่เป็นไรเพคะ ฝ่าบาท” โรสมอนด์ปั้นหน้ายิ้มและกล่าวอย่างอ่อนหวาน “พระองค์ย่อมต้องอ่อนไหวเป็นธรรมดา ที่ผ่านมาต้องทรงงานหนักเพียงใด หม่อมฉันไหนเลยจะไม่รู้ ราชกิจก็ล้นมือ ไหนจะมีเรื่องให้กังวลพระทัยมากมาย…”
“…”
“พักบ้างก็ดี จะบรรทมต่อไหมเพคะ”
“ไม่แล้ว ข้าลุกเลยดีกว่า มีเรื่องให้สะสางอีกเป็นภูเขาเลากา”
“…เพคะ ฝ่าบาท”
โรสมอนด์ช่วยพยุงลูซิโอลุกขึ้นอย่างระมัดระวัง เขายืนโงนเงนเล็กน้อย ทันใดนั้นก็ล้มเข้าไปในอ้อมแขนของโรสมอนด์ นางประคองให้เขายืนอย่างมั่นคงและเอ่ยเสียงกระซิบ
“ฝ่าบาท หากพอจะมีเวลาว่างแล้ว เสด็จประพาสสักหน่อยน่าจะดีนะเพคะ”
“…อย่างนั้นหรือ?”
“เพคะ มีบ่อน้ำพุร้อนซึ่งเป็นที่โปรดปรานของจักรพรรดิรุ่นก่อนๆ อยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงมิใช่หรือเพคะ หากเป็นที่นั่นคงดีไม่น้อย”
“ก็ไม่เลวนะ”
ลูซิโอพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนเพลียเล็กน้อย โรสมอนด์ลูบหลังลูซิโอเบาๆ พลางกระซิบด้วยน้ำเสียงรักใคร่เอ็นดู
“ทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดีเพคะ”
ความปรารถนาของโรสมอนด์กลายเป็นจริงแล้ว ไม่กี่วันหลังจากนั้น ลูซิโอก็ประกาศแต่งตั้งโรสมอนด์เป็นจักรพรรดินีคนใหม่ของจักรวรรดิมาวินอสให้ทุกคนรับทราบโดยทั่วกัน แน่นอนว่าหลังจากโรสมอนด์ได้ยินข่าวนี้ก็ดีใจจนตัวลอย
“ยินดีด้วยเพคะ ฝ่าบาท”
สิ้นเสียงแสดงความยินดีอย่างเริงร่าของคลารา โรสมอนด์ก็ตอบอย่างวางท่า
“มีอันใดแปลกใหม่กัน มิใช่ว่าเราคาดการณ์กันไว้หมดแล้วหรอกรึ”
“ถึงกระนั้นก็เถิด อย่างไรที่ผ่านมาพระองค์ก็ลำบากมามากนะเพคะ”
นั่นก็จริง โรสมอนด์พึมพำ แต่มันก็กลายเป็นแค่อดีตไปแล้ว อย่างไรตอนนี้นางก็ได้เป็นว่าที่จักรพรรดินีแล้ว ความทุกข์ใจในอดีตจึงถูกพัดไปไกล ไม่ว่าอย่างไรทุกสิ่งทุกอย่างก็จะตกเป็นของนางในอนาคตอันใกล้นี้
“ตอนนี้จักรวรรดิมาวินอสทั้งหมดเป็นของพระองค์แล้วเพคะ”
“จักรวรรดิย่อมต้องเป็นของฝ่าบาท ตัวข้านั้นเป็นเพียงจักรพรรดินีของพระองค์เท่านั้น”
“แต่ฝ่าบาท เดิมทีมีคำกล่าวที่ว่า ‘บุรุษคือผู้ปกครองโลกา’ และ ‘สตรีคือผู้ปกครองบุรุษนั้น’ มิใช่หรือเพคะ องค์จักรพรรดิอยู่ในกำมือของพระองค์แล้ว ดังนั้น จักรวรรดินี้ย่อมต้องเป็นต้องของพระองค์สิเพคะ”
“เจ้านี่นะ” โรสมอนด์เอ่ยอย่างชอบใจ “สรรหาคำพูดคำจารื่นหูก็เป็นหรือนี่”
ต่างจากท่าทีเมื่อไม่กี่วันก่อนที่นางใช้คำเรียกขานผิดจนถูกโรสมอนด์บริภาษไปหนึ่งคำรบลิบลับ เรื่องนี้ใช่ว่าทั้งคู่ไม่รับรู้ แต่เลือกที่จะไม่พูดถึง เพราะถึงอย่างไรสิ่งสำคัญก็คืออนาคต หาใช่อดีต
“จักรพรรดินีเสด็จ”
สิ้นเสียงเคร่งขรึมของนางกำนัล โรสมอนด์ก็เข้ามาในโบสถ์ วันนี้เป็นวันสถาปนาโรสมอนด์ขึ้นเป็นจักรพรรดินี พิธีถูกจัดขึ้นที่โบสถ์เซนต์อีสต์ซึ่งเคยเป็นสถานที่จัดพิธีราชาภิเษกของลูซิโอ
‘ในที่สุด!’
โรสมอนด์เยื้องย่างไปบนรองเท้าส้นสูงทีละก้าว ทีละก้าวด้วยสีหน้าปีติยินดี นางดูเจิดจรัสท่ามกลางบรรยากาศเคร่งขรึม แน่นอนว่านางนั้นงดงาม บางทีอาจงดงามที่สุดในจักรวรรดิ เรื่องนี้มิอาจปฏิเสธได้ หากไม่นับเรื่องอุปนิสัยและการกระทำในอดีต
และแล้วนางก็เดินมาหยุดตรงหน้าชายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศนี้ บาทหลวงส่งสัญญาณให้นางคุกเข่าและค้อมศีรษะ หญิงสาวทำตามด้วยความเต็มใจ
“โรสมอนด์ แมรี แอสเทอร์ เดอ มาวินอส”
ในที่สุดนางก็ได้เปลี่ยนนามสกุลเป็นมาวินอส นามสกุลของเชื้อพระวงศ์ที่จักรพรรดินีเท่านั้นที่ใช้ได้ โรสมอนด์ยิ้มกว้างอย่างซาบซึ้งใจ เนื่องจากก้มหน้าอยู่นางจึงไม่เห็นสีหน้าของลูซิโอ แต่เขาย่อมต้องมีสีหน้ายินดีแน่นอนอยู่แล้ว ไยจะไม่ยินดีเล่า ในเมื่อเขาต้องยอมให้มือเปื้อนเลือดเพื่อให้นางได้ขึ้นเป็นจักรพรรดินี เขาต้องดีใจอย่างแน่นอนที่สุด
“ในนามของจักรพรรดิ เราขอแต่งตั้งเจ้าเป็นจักรพรรดินีองค์ใหม่แห่งจักรวรรดิมาวินอส”
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งเพคะ ฝ่าบาท”
โรสมอนด์ตอบด้วยน้ำเสียงสง่างาม ทันใดนั้นเสียงสรรเสริญแซ่ซ้องก็ดังขึ้นทั่วทุกสารทิศ
“จักรพรรดินี ทรงพระเจริญ!”
“จักรพรรดิ ทรงพระเจริญ!”
“จักรวรรดิมาวินอสจงเจริญ!”
ใช่แล้ว ทุกอย่างกำลังเป็นไปด้วยดี รอยยิ้มของโรสมอนด์เปล่งประกายอยู่บนใบหน้า