Lady to Queen บัลลังก์แค้นจักรพรรดินี – ภาคแยก | บทที่ 16.1 วันที่กงล้อแห่งโชคชะตาเวียนมาบรรจบ

“เฮ้อ…”

รอธซีขอให้ทุกคนออกไปจากห้องรับรองเจ้าบ่าวสักครู่หนึ่งและพยายามทำใจให้สงบ เมื่อไม่กี่วันก่อน หรือจนกระทั่งเมื่อวานเขาเฝ้าฝันถึงวันนี้มาตลอด แต่น่าแปลกที่เขาตื่นเต้นเหลือเกิน รอธซีค่อยๆ สูดหายใจเข้าลึกๆ และบอกตัวเองว่าเขาทำได้ เขาจะไม่ทำพลาด ระหว่างนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

“ใครครับ”

“พ่อเอง โร”

เคานต์เบรดิงตันนั่นเอง รอธซียิ้มน้อยๆ พลางตอบรับ

“เชิญครับ ท่านพ่อ”

เคานต์เบรดิงตันเปิดประตูเดินเข้ามา เขาอยู่ในชุดที่เรียบง่ายกว่าปกติขณะเดินเนิบช้าเข้ามาหาบุตรชาย

“เจ้าดูตื่นเต้นนะ เมื่อวานยังดูมั่นอกมั่นใจอยู่เลย”

“ข้าน่ะหรือครับ”

“ใช่แล้ว เจ้าลูกชาย เมื่อวานยังทำหน้าเหมือนอยู่บนสวรรค์ มาวันนี้สีหน้าเช่นนั้นหายไปที่ใดเสียเล่า”

“พอเอาเข้าจริงข้าก็รู้สึกวุ่นวายใจขึ้นมาน่ะครับ ข้า…กังวลว่าจะทำได้ดีหรือไม่”

“เรื่องอันใด? ชีวิตแต่งงานน่ะหรือ?”

“ครับ ข้าไม่มั่นใจว่าข้าจะเป็นสามีที่ดีได้หรือไม่”

เห็นบุตรชายมีท่านี้กังวลเช่นนี้เคานต์เบรดิงตันก็ยิ้มกว้างแล้วตบหลังรอธซีเบาๆ

“อย่ากังวลไปเลย โร ตั้งแต่ที่เจ้ามีความคิดเช่นนั้นก็เท่ากับเจ้ามีคุณสมบัติเพียงพอแล้ว” เคานต์เบรดิงตันมองบุตรชายด้วยสายตาเชื่อมั่น “เจ้าต้องเป็นสามีที่ดีและเป็นพ่อที่ดีได้แน่”

“ทำไมถึงมั่นใจขนาดนั้นล่ะครับ”

“เพราะเจ้าเป็นลูกของพ่อกับแม่ของเจ้าน่ะสิ พวกเราไม่ได้เก็บเจ้ามาเลี้ยงเสียหน่อย แล้วลูกไม้จะหล่นไปไกลต้นได้อย่างไร”

“ฮ่าๆ” นั่นก็จริง รอธซีหัวเราะเบาๆ “ขอบคุณครับ ท่านพ่อ”

“เรื่อง?”

“ที่เลี้ยงดูข้ามาอย่างดี ข้าดีใจที่มีท่านพ่อท่านแม่ผู้แสนดีเลี้ยงดูมาจนเติบใหญ่ ข้าช่างเป็นคนที่โชคดีจริงๆ”

“ได้ยินลูกชายที่ถึงวัยแต่งงานพูดแบบนี้พ่อก็กระดากอายเหมือนกันนะ เจ้ารีบออกไปได้แล้ว จะปล่อยให้เจ้าสาวรอหรือไร”

“ครับ”

แม้จะคิ้วจะยังขมวดมุ่น แต่รอธซีก็คลี่ยิ้มออกมา รอยยิ้มนั้นบริสุทธิ์และสดใสเหมือนกับว่าที่เจ้าสาวของเขา

***

“เชิญเจ้าสาวเข้าสู่พิธี”

สิ้นเสียงนั้น รอธซีซึ่งยืนอยู่ทางขวาของแท่นพิธีก็รู้สึกว่าหัวใจที่พยายามทำให้สงบอย่างสุดความสามารถพลันเต้นระรัวอย่างบ้าคลั่งขึ้นมาอีกครั้ง ตอนที่เข้ามาในสถานที่ประกอบพิธี เขายังไม่รู้สึกมากนักว่านี่คืองานแต่งงานของตัวเอง แต่ตอนนี้มาถึงช่วงเวลาที่เจ้าสาวจะปรากฏตัวแล้ว เขาอดไม่ได้ที่จะหันหลังไปมอง

วินาทีนั้นเขาถึงกับเผลอกลืนน้ำลาย เปโตรนิยานั้นงดงามอยู่เสมอ แต่วันนี้เขากล้าพูดเลยว่านางดูงดงามกว่าปกติถึงสองร้อยเท่า ไม่สิ งดงามที่สุดในโลกเลยทีเดียว นางอยู่ในชุดแต่งงานสีขาวดูราวกับนางฟ้าที่จำแลงกายลงมาเป็นมนุษย์ รอธซีคลี่ยิ้มกว้างโดยไม่รู้ตัว

ตอนนั้นเองสายตาของรอธซีและเปโตรนิยาก็ประสานกัน รอยยิ้มของรอธซีกว้างมากขึ้นเมื่อพบว่าทันทีที่อีกฝ่ายสบตากับเขา นางก็ยิ้มกว้างอย่างมิอาจเก็บซ่อน

เจ้าสาวของเขางดงามที่สุดในโลก

และแล้วเมื่อเปโตรนิยามายืนอยู่ทางด้านซ้ายของเขา รอธซีก็ยื่นมือไปกุมมือขวาของนางไว้ เปโตรนิยาแสร้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและจับมือเขาตอบทำให้เกิดความรู้สึกกระชุ่มกระชวยราวกับเพิ่งคบกันใหม่ๆ ขึ้นมาอีกครั้ง แต่แน่นอนว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาในตอนนี้ก็หวานซึ้งและชวนให้ใจเต้นไม่แพ้กัน

ดยุกวีเธอร์ฟอร์ดให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธี การประกอบพิธีของดยุกวีเธอร์ฟอร์ดยาวนานเช่นเดียวกับผู้ประกอบพิธีท่านอื่น แม้ทั้งสองจะไม่ชอบเรื่องน่าเบื่อมากที่สุด แต่ก็มิอาจกล่าวกับดยุกได้ว่า ‘ยาวเกินไปแล้ว กล่าวให้กระชับได้ใจความเถิด’

โดยเฉพาะรอธซี เขาอยากจะให้พิธีนี้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด และอยากจะเข้าหอกับเจ้าสาวใจจะขาด แต่ในเมื่อมิอาจพูดออกไปตรงๆ ได้ เขาจึงตัดสินใจว่าจะอดทนจนถึงที่สุด

“…ด้วยเหตุนั้น เจ้าบ่าวสาบานหรือไม่ว่าจะร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเจ้าสาว และรักเจ้าสาวไปจนแก่เฒ่า”

ในที่สุดก็มาถึงคำถามสุดท้ายก่อนเสร็จสิ้นพิธี  รอธซีเอ่ยปากตอบอย่างสุขุมราวกับเตรียมคำตอบไว้นานแล้ว

“ข้าขอสาบานด้วยเกียรติของตระกูล ต่อให้เส้นผมนี้ขาวจนหมดศีรษะ ต่อให้ร่างกายนี้เน่าเปื่อยแหลกสลายกลายเป็นเถ้าธุลี ข้าจะรักเพียงเจ้าสาวคนเดียว”

จู่ๆ เขาก็รู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหล

เขาไม่คิดมาก่อนว่าจะมีวันที่ได้ยืนเคียงข้างเปโตรนิยาแล้วพูดอะไรแบบนี้ ทั้งที่มันเป็นคำถามที่เขาคิดและเฝ้าฝันถึงมานานแสนนานขนาดนั้น ชายหนุ่มเก็บซ่อนดวงตาที่คล้ายพร้อมจะหลั่งน้ำตาทุกเมื่อพลางยิ้มน้อยๆ

“…แล้วเจ้าสาวสาบานหรือไม่ว่าจะร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเจ้าบ่าว และรักเจ้าบ่าวไปจนแก่เฒ่า”

“ข้าขอสาบานด้วยเกียรติของตระกูล ข้าจะซื่อสัตย์และปฏิบัติตัวตามทํานองคลองธรรมในฐานะภรรยาของเจ้าบ่าวไปชั่วชีวิต แม้นชีวีนี้ดับดิ้น ข้าจะรักเพียงเจ้าบ่าวคนเดียว”

พูดจบ เปโตรนิยาก็หันมามองรอธซีซึ่งอยู่ทางขวามือของตน ในขณะเดียวกันรอธซีก็หันไปมองเปโตรนิยาซึ่งอยู่ทางซ้ายมือของตนเช่นกัน ดวงตาของนางดูแดงเล็กน้อยราวกับมีความรู้สึกมากมายประเดประดังเข้ามา รอธซีเห็นดังนั้นก็ปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาหยดหนึ่งอย่างสุดกลั้น แต่พร้อมกันนั้นเขาก็คลี่ยิ้มด้วยรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายก็รู้สึกเช่นเดียวกับเขา

มีความสุขยิ่ง

“ทั้งสองเป็นสามีภรรยากันแล้ว ขอทุกท่านโปรดอำนวยพรให้คู่แต่งงานใหม่เดินไปบนเส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ”

สิ้นคำ เสียงปรบมือก็ดังขึ้นจากทั่วทุกสารทิศ ขณะเดินไปบนทางเดินระหว่างที่นั่งเปโตรนิยาและรอธซีได้ซึมซับเสียงปรบมือไว้ทั้งหมด

ทั้งสองหันมามองกันและกันโดยพร้อมเพรียง

น้ำตาเมื่อครู่หายไปหมดแล้ว เหลือไว้เพียงรอยยิ้มอันแสนเจิดจ้า รอธซีดูมีความสุขราวกับได้ครอบครองโลกทั้งใบ แน่นอนว่าเปโตรนิยาเองก็เช่นกัน

วันนี้เป็นวันที่มีแต่ความปีติยินดี รอธซียิ้มจนตาหยี เขาสามารถพูดได้เต็มปากว่าวันนี้เป็นวันที่เขามีความสุขมากที่สุดในชีวิต ชายหนุ่มมองเข้าไปในดวงตาของเจ้าสาวผู้น่ารักของเขาและตั้งใจแน่วแน่

‘ข้าจะทำให้ท่านมีความสุขให้ได้ ข้าจะทำให้ท่านพูดได้อย่างเต็มปากว่าท่านมีความสุขที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับข้า’

ข้ารักท่าน เจ้าสาวของข้า

[ภาคแยก 2] The Violet Rose. (จบบริบูรณ์)

Lady to Queen

Lady to Queen

‘เปโตรนิยา’ และ ‘แพทริเซีย’ เป็นบุตรีฝาแฝดของ‘ตระกูลโกรเชสเตอร์’ สองพี่น้องรักใคร่กลมเกลียว ตระกูลโกรเชสเตอร์จึงอยู่กันอย่างสงบสุขเรื่อยมา ทว่า ความสงบสุขนั้นมีอันต้องสั่นคลอน เมื่อเปโตรนิยา บุตรีคนโตถูกเลือกเป็นจักรพรรดินี จนนำไปสู่จุดจบอันแสนเศร้าที่ทั้งตระกูลถูกประหารภายใต้กิโยติน เมื่อบุตรีคนเล็กของตระกูลอย่างแพทริเซียลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่า เธอได้ย้อนเวลากลับมา ณ จุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรม ครั้นได้เห็นรอยยิ้มสดใสของผู้เป็นพี่สาวอีกครั้ง แพทริเซียก็ปฏิญาณตนในใจอย่างแน่วแน่ ‘ข้าจะเป็นจักรพรรดินีแทนท่านพี่เอง’ แพทริเซียอาสาเข้ารับการคัดเลือกจักรพรรดินี คราวนี้เธอจะไม่ยอมให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย และเพื่อการนั้น เธอจึงต้องเผชิญหน้ากับทั้งความรักและความชิงชังอีกครั้ง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset