ภาคแยก 8 : Happy Birthday, Mommy.
(สุขสันต์วันเกิดท่านแม่)
“อะไรดีนะ”
เรจิเนนั่งเท้าคางพึมพำด้วยสีหน้าจริงจัง ได้ยินดังนั้น เรเซียที่อยู่ด้านข้างก็รีบพูดแทรก
“ท่านแม่ชอบอัญมณีที่สุด! คราวก่อนท่านพ่อให้แหวนประดับอัญมณีเป็นของขวัญแล้วท่านแม่ดีใจมากเลย”
“แต่อัญมณีมันแพงเกินไป ลำพังพวกเราหาเองไม่ได้หรอก” เรจิเนส่ายหน้าหวือ “แล้วถ้าไปไหว้วานมีร์ยา ไม่นานท่านแม่ต้องรู้แน่”
“ใช่ๆ! มีร์ยาเล่าเรื่องตอนที่อยู่กับพวกเราให้ท่านแม่ฟังหมดเลย”
“ว่าแต่นอกจากอัญมณีแล้วท่านแม่ชอบอะไรอีกนะ” เรย์เนที่นิ่งเงียบมาตลอดเอ่ยแทรกขึ้นมา
เรเซียกับเรจิเนได้ยินดังนั้นก็ปิดปากเงียบโดยพลัน ไม่รู้เลย เรจิเนหน้าเจื่อน
“ไม่รู้อะ…ท่านแม่ชอบอะไรนะ”
“ลองแกล้งถามดูดีหรือไม่”
“จะบ้าหรือ! นี่เป็นของขวัญที่จะทำให้ท่านแม่ประหลาดใจนะ จะถามได้อย่างไร! คิดจะป่าวประกาศให้รู้กันทั่วเลยหรือ”
“ข้าไม่ได้บ้า! ตัวเองบ้ากว่าแท้ๆ”
“ตัวเอง? เจ้านี่ชอบทำตัวไม่สุภาพกับพี่สาวนักนะ”
“เอ๋! เกิดก่อนแค่สามนาทีก็เป็นพี่แล้วหรือ ข้านี่หมดคำจะพูดเลย”
“ท่านพี่ทั้งสอง อย่าทะเลาะกันสิ!”
ห้องที่เคยเงียบสงบกลับวุ่นวายขึ้นในชั่วพริบตา เรจิเนกับเรเซียเริ่มโต้เถียงกันเสียงดังเรื่อง ‘พี่ที่เกิดก่อนสามนาทีนับว่าเป็นพี่หรือไม่’ (แม้ความจริงแล้วจะดูเป็นการยืนกรานอยู่ฝ่ายเดียวมากกว่า) เรย์เนถอนหายใจพลางเอามือปิดหู
เรจิเน เรเซีย และเรย์เน เป็นแฝดสาม ดีแลนที่ร่ำร้องอยากมีน้องใจจะขาด ในที่สุดก็ได้น้องสาวมาทีเดียวถึงสามคน แต่ในตอนนั้นก็ทำเอาแพทริเซียเกือบตาย หลังจากนั้นลูซิโอจึงคุมกำเนิดอย่างเคร่งครัดจนแทบจะเรียกได้ว่ามากเกินไป
ราวกับเป็นรางวัลตอบแทนความเจ็บปวดทรมานตอนคลอด เจ้าหญิงทั้งสามมีรูปโฉมเหมือนมารดาไม่มีผิดทั้งดวงตาสีดำและเรือนผมสีน้ำเงินแกมเขียว ด้วยเหตุนั้นตอนที่เจ้าหญิงทั้งสามเกิดลูซิโอจึงดีใจอย่างสุดซึ้ง บอกว่าได้ลูกสาวที่เหมือนภรรยาสุดที่รักราวกับโขกออกมาจากพิมพ์เดียวกันถึงสามคน
ทว่า ทั้งสามกลับมีบุคลิกที่เป็นเอกลักษณ์แตกต่างกันไป คนแรก เรจิเน นางสมบูรณ์แบบมาก ในบรรดาเจ้าหญิงทั้งสามนางฉลาดหลักแหลมที่สุด และถูกเรียกว่าอัจฉริยะมาตั้งแต่เกิด คนที่สอง เรเซีย กล้าหาญ ไม่ชอบอยู่นิ่ง ชื่นชอบการฝึกดาบมากกว่าการเย็บปักถักร้อย และคนสุดท้าย คนที่สาม เรย์เน นางเป็นลูกสาวที่เหมือนแพทริเซียมากที่สุดแม้กระทั่งอุปนิสัย นางเป็นผู้ใหญ่กว่าเด็กในวัยเดียวกัน สุขุม และเงียบขรึม
ตอนนั้นเอง ใครคนหนึ่งก็เปิดประตูเข้ามา
“เจ้าหญิงทั้งหลาย ไฉนจึงเอะอะเสียงดังกันขนาดนี้”
ดีแลนนั่นเอง ปีนี้เขาอายุสิบหกปีแล้วจึงมีรูปร่างสูงใหญ่ไม่แพ้ผู้ใหญ่ มีรูปโฉมสง่างามที่ได้มาจากบิดามารดาอย่างละครึ่ง ครั้นเห็นดีแลนเดินเข้ามาในห้องพร้อมรอยยิ้ม สองศรีพี่น้องที่ทุ่มเถียงกันอยู่เมื่อครู่ก็ยิ้มกว้างต้อนรับพี่ชายราวกับไม่เคยทะเลาะกันมาก่อน
“ท่านพี่!”
“ท่านพี่ดีแลน!”
เมื่อเห็นเรจิเนและเรเซียวิ่งเตาะแตะอ้าแขนสองข้างเข้ามาหา ดีแลนก็หลุดยิ้มออกมา น่ารักกันจริงๆ เขาอ้าแขนกว้างแล้วโอบกอดทั้งคู่พร้อมกันพลางถามด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มน่าฟัง
“ทะเลาะกันอยู่หรือ”
ได้ยินดังนั้น เด็กสองคนที่เพิ่งจะสงบลงก็ตะเบ็งเสียงแข่งกันอีกครั้ง
“ท่านพี่ ฟังข้าหน่อย เรเซียถามข้าว่าเกิดก่อนสามนาทีนับเป็นพี่ได้ด้วยหรือ แล้วทำเหมือนข้าไม่ใช่พี่สาวของนาง! ข้าจะฟ้องท่านแม่!”
“ท่านพี่ ลองคิดง่ายๆ นะ เรจิเนกำลังดันทุรัง นางเกิดก่อนแค่สามนาทีเอง ไม่ใช่สามปีหรือสามชั่วโมงเสียหน่อย แล้วยังอยากจะเป็นพี่อีกหรือ นางไม่เคยทำอะไรให้ข้าเสียหน่อย!”
“ข้าไม่ได้ทำอะไรให้เจ้าตรงไหน?!”
“เมื่อวานเจ้าแย่งตุ๊กตาของข้าไปด้วย!”
“อันนั้นเดิมทีมันก็เป็นของข้าอยู่แล้ว!”
“อันนั้นท่านแม่ให้ข้าต่างหาก”
“ไม่ใช่! อันนั้นท่านแม่ให้ข้าเป็นของขวัญวันเกิด!”
“เราเกิดวันเดียวกันเถอะ?!”
“เอ๊ะ ก็ข้าบอกว่าท่านแม่ให้ข้า?!”
“อย่าดันทุรังไปหน่อยเลย!”
‘วุ่นวายจริงๆ’
ดีแลนคิดขณะมองหนูน้อยทั้งสองทะเลาะกัน ถ้าทะเล่อทะล่าเข้าไปขวางตอนนี้อาจถูกทั้งสองคนเกลียดเอาได้ ดีแลนเหลือบมองเรย์เนที่กำลังเล่นตุ๊กตาอย่างเงียบๆ อยู่ที่มุมห้อง นางทำสิ่งที่นางอยากทำไปเงียบๆ ราวกับเรื่องวุ่นวายทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวข้องกับนาง
บางครั้งเด็กคนนั้นก็ดูเป็นผู้ใหญ่ยิ่งกว่าข้าเสียอีกนะเนี่ย
ดีแลนเผลอยิ้มออกมา
“ของข้า!”
“ก็บอกว่าของข้า!”
“เอาล่ะๆ เจ้าหญิงทั้งสอง ตอนนี้เลิกทะเลาะกัน…”
“นี่ท่านพี่เข้าข้างเรเซียอย่างนั้นหรือ”
“เปล่านะ เรจิเน ไม่ใช่อย่างนั้น…”
“ข้าเกลียดท่านพี่แล้ว!”
“ข้าก็เกลียดท่านพี่!”
…ทำตัวเหมือนกันอย่างกับลอกเลียนกันมา กลัวคนไม่รู้ว่าเป็นฝาแฝดกันกระมัง ดีแลนกุมขมับอย่างปวดเศียรเวียนเกล้าก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้งอย่างใจเย็น
“เอาล่ะๆ เรจิเน เรเซีย เสด็จแม่บอกแล้วมิใช่หรือว่าถ้าทะเลาะกันอีกครั้งท่านจะโกรธมาก เป็นพี่น้องกันก็ต้องรักกันสิ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเจ้ายังเป็นฝาแฝดกันด้วย”
“…”
“…”
เมื่อดีแลนยกแพทริเซียขึ้นมาอ้าง สองสาวที่เถียงกันคอเป็นเอ็นเมื่อครู่ก็หุบปากฉับ ตอนนั้นดีแลนจึงรู้สึกว่าได้พักหายใจหายคอบ้างและกล่าวกับน้องสาวตัวน้อยทั้งสอง
“รีบคืนดีกันเร็วเข้า เสด็จแม่จะได้ดีใจด้วย”
“…”
“…”
ทว่า ทั้งสองคนกลับเอาแต่จ้องกันไปกันมาโดยไม่พูดอะไร ไม่มีใครยอมพูดก่อน สุดท้ายดีแลนก็ถอนหายใจและพูดด้วยน้ำเสียงที่เข้มงวดขึ้นเล็กน้อย
“ไปหาท่านแม่ไหม”
“…ไม่”
“…ไม่”
ทั้งคู่ตอบพร้อมกัน เข้ากันได้ดีขนาดนี้ไม่รู้จะทะเลาะกันไปทำไม พอกันทั้งคู่ ดีแลนหัวเราะเจื่อนๆ และแล้วคนที่เป็นฝ่ายเปิดปากก่อนก็คือพี่ใหญ่ที่เกิดก่อนสามนาทีอย่างเรจิเน
“ข้าผิดเอง เรเซีย ข้าขอโทษ”
“ไม่หรอก ท่านพี่…ข้าผิดเอง”
“เอาล่ะ กอดกันเสีย”
สิ้นเสียงดีแลน ทั้งสองก็มีท่าทีเอียงอายก่อนจะกอดกันในที่สุด จู่ๆ ดีแลนก็คิดขึ้นมาว่าทั้งสองเป็นฝาแฝดกัน บางทีคงรู้สึกเหมือนกำลังกอดตัวเองก็เป็นได้
หลังจากคืนดีกันแล้ว ดีแลนก็เลิกทำหน้าดุและกลับมาเป็นพี่ชายผู้แสนใจดีอีกครั้ง เขามองเรจิเน เรเซีย และเรย์เนด้วยแววตารักใคร่เอ็นดูพลางถาม
“ทุกคนทำอะไรกันอยู่หรือ”
“ใกล้จะถึงวันเกิดของท่านแม่แล้วนะ ท่านพี่”
สิ้นเสียงตอบของเรจิเน เรเซียก็พูดเสริมทันที
“เรากำลังปรึกษากันว่าจะให้อะไรเป็นของขวัญวันเกิดท่านแม่ดี ใช่ไหมเรย์เน”
“อืม แต่อัญมณีก็แพงเกินไป แล้วก็ไม่รู้ว่าท่านแม่ชอบอะไร ถ้าถามออกไปคนในวังก็จะรู้กันหมดว่าเรากำลังเตรียมของขวัญวันเกิดให้ท่านแม่อยู่”
“อย่างนี้นี่เอง” ดีแลนพยักหน้าเบาๆ
“ท่านพี่อยู่มานานกว่าพวกเรานี่นา” เรจิเนถาม
“ก็ใช่น่ะสิ?”
อยู่มานานกว่าประมาณเก้าปีได้กระมัง ดีแลนพยักหน้าอีกครั้ง
“ถ้าอย่างนั้นท่านพี่ก็ต้องรู้ดีกว่าเราสิ? ท่านพี่ ท่านแม่ชอบอะไรหรือ”
“อืม…”
ที่จริงดีแลนเองก็ไม่ค่อยรู้ จู่ๆ เขาก็รู้สึกเหมือนเป็นลูกอกตัญญูและรู้สึกผิดต่อมารดาของตนขึ้นมา
“’โทษที ที่จริงข้าก็ไม่ค่อยรู้” เขาตอบด้วยสีหน้าเก้อเขิน
“ท่านพี่ไม่รู้ได้อย่างไร!”
เรเซียตำหนิพี่ชายด้วยสีหน้า ‘เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร’ ในตอนนั้นดีแลนอยากจะมุดรูหนีไปเสียให้รู้แล้วรู้รอดจริงๆ อยู่มาตั้งสิบหกปีแต่กลับมาไม่รู้ว่าเสด็จแม่ชอบอะไรอย่างนั้นหรือนี่! ดูเหมือนเขาจะใช้ชีวิตอย่างสูญเปล่าจริงๆ
ดีแลนกระแอมไอพลางกล่าว “ขอโทษนะ พี่ผิดไปแล้ว”
“ทำอย่างไรดีล่ะ ไม่มีใครรู้เลยว่าท่านแม่ชอบอะไร!”
“ไม่หรอก พวกเราอาจจะคิดมากไปก็ได้”
เรจิเนพูดอย่างจริงจัง “ถึงอย่างไรท่านพ่อก็สรรหาของขวัญแพงๆ มาให้มากมายก่ายกองอยู่แล้ว ส่วนพวกเราก็ให้ของที่ตั้งใจทำเองกันเถอะ ท่านพี่ ท่านพี่ก็จะเอาด้วยใช่ไหม”
“หะ หืม? แน่นอน ต้องเอาด้วยอยู่แล้ว”
ดีแลนเผลอพยักหน้าโดยไม่ได้ตั้งใจ เรจิเนได้ยินดังนั้นก็ยิ้มกว้างอย่างดีใจ
“ดีเลย! ถ้าอย่างนั้น อืม…พวกเรามาค่อยๆ กันคิดดีกว่าว่าท่านแม่ชอบอะไร”
“ท่านแม่ชอบของหวาน! ท่านพ่อทำขนมหวานให้ท่านแม่ทุกวันเลยมิใช่หรือ”
“ถ้าอย่างนั้นของหวานก็ไม่ได้! ท่านแม่กินของที่ท่านพ่อทำให้อยู่ทุกวันแล้วจะชอบของที่พวกเราทำให้หรือ”
ความจริงแล้วหากเป็นของที่ลูกๆ ทำให้ ต่อให้แย่จนกินไม่ได้ แพทริเซียก็คงยิ้มกว้างและยอมกินเป็นแน่ แต่เด็กๆ ที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาคงไม่มีทางคิดไปถึงเรื่องนั้น
“ถ้าอย่างนั้นท่านแม่ชอบอะไรล่ะ”
“อืม…ถ้าอย่างนั้นเด็ดดอกไม้ในสวนมาทำเป็นช่อดอกไม้กันเถอะ!”
“เรย์เน เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าตอนที่เจ้าทำเช่นนั้นถูกท่านแม่ดุตั้งเท่าไร ขืนไปเด็ดดอกไม้มาทำช่อดอกไม้ แทนที่จะได้รับคำชม ท่านแม่ต้องดุเรายกใหญ่แน่ๆ”
“ยากเกินไปแล้ว!”
เป็นเรื่องที่ยากจริงๆ ทั้งสี่ครุ่นคิดอย่างเคร่งเครียดอยู่ครู่ใหญ่ว่า ‘สรุปแล้วควรให้อะไรเป็นของขวัญวันเกิด ท่านแม่ถึงจะชอบที่สุด’ ผ่านไปนานพอสมควรเรจิเนก็เอ่ยขึ้น
“ข้าคิดออกอยู่เรื่องเดียว”
“เรื่องเดียว?”
“อะไรล่ะ”
“รีบบอกมาสิ ท่านพี่เรจิเน”
ทั้งสามคนเร่งเร้าเรจิเน แต่นางกลับทำสีหน้าลำบากใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหน้า เรเซียเห็นดังนั้นก็รู้สึกอึดอัดจนต้องถาม
“เป็นอะไรไป”
“มันธรรมดาเกินไป ท่านแม่ต้องไม่ชอบแน่ๆ”
“ตอนนี้ใช่เวลามาคิดเรื่องนั้นไหม สัปดาห์หน้าก็เป็นวันเกิดท่านแม่แล้วนะ!”
“เรจิเน ไม่เป็นไรหรอก ลองบอกมาเถอะ”
ดีแลนให้กำลังใจเรจิเนด้วยน้ำเสียงอบอุ่น เรจิเนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆ เอ่ยปาก
“ข้าคิดว่า…”
***
วันนั้นแดดดีเป็นพิเศษ แพทริเซียจึงออกมาเดินเล่นในรอบหลายวัน ไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อนหรือตอนนี้งานของฝ่ายในก็ยังคงล้นมือ หมู่นี้นางก็ยุ่งอยู่กับเรื่องงานจนไม่มีเวลาแม้แต่จะออกมาเดินเล่นให้สบายใจ
ขณะที่กำลังเดินเล่นอยู่นั้น จู่ๆ แพทริเซียก็รู้สึกว่าสวนดอกไม้ตำหนักจักรพรรดินีปลูกดอกกุหลาบไว้เยอะเป็นพิเศษจึงเผยสีหน้าสงสัย จริงอยู่ที่นางชอบดอกกุหลาบ แต่ก็ไม่เคยสั่งให้ปลูกดอกกุหลาบมากเป็นพิเศษ เพราะต่อให้ทำเช่นนั้นก็ใช่ว่าดอกกุหลาบจะออกดอกได้มากกว่าดอกไม้ชนิดอื่น แปลกนัก
“จักรพรรดินี”
ตอนนั้นเองแพทริเซียก็ได้ยินเสียงที่นางชอบมากที่สุด นางรับรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นใครจึงคลี่ยิ้มบางๆ และค่อยๆ หันกลับไป เมื่อได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย รอยยิ้มที่ริมฝีปากจึงเด่นชัดยิ่งขึ้น
“ฝ่าบาท”
“ดูเหมือนเราไม่ได้เจอกันในสวนมานานแล้ว”
“ที่ผ่านมาหม่อมฉันก็ไม่ค่อยได้มาเดินเล่นเพคะ”
ลูซิโอเดินเนิบๆ มาทางแพทริเซีย แม้กระทั่งภาพนั้นก็ทำให้แพทริเซียใจเต้นแรง แม้อายุจะเข้าเลขสี่แล้ว แต่เขาก็ยังคงเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์เหมือนเคย ใครเห็นคงนึกว่าเขาเพิ่งจะสามสิบเท่านั้น แพทริเซียยิ้มน้อยๆ พลางกล่าวกับอีกฝ่าย
“เสด็จมาที่นี่ด้วยเรื่องอันใดหรือเพคะ”
“เราไปหาเจ้าที่ตำหนัก แต่นางกำนัลบอกว่าเจ้าออกมาเดินเล่น เราจึงตามมาที่นี่”
“หม่อมฉันกำลังจะกลับพอดี ฝ่าบาทคงจะเหนื่อย ไยไม่เข้าไปรอด้านใน…”
“เราอยากพบหน้าเจ้าเร็วขึ้นสักนิด”
เขายิ้มพรายแล้วค่อยๆ สอดนิ้วเข้ามาประสานกับนิ้วของนาง สัมผัสนั้นนุ่มละมุนเหลือเกิน และการกระทำนั้นก็ชวนให้ใจเต้นอย่างมาก แพทริเซียจึงเผลอคลี่ยิ้มราวกับสาวแรกรุ่น ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เพิ่งแต่งงาน หรือตอนนี้ที่มีลูกถึงสี่คนแล้ว เขาก็ยังคงเป็นผู้ชายที่อ่อนโยนไม่เปลี่ยนแปลง