“…”
แพทริเซียตกตะลึงไปวูบหนึ่ง นางไม่คุ้นชินกับมิตรไมตรีที่ได้รับอย่างกะทันหัน โดยเฉพาะเมื่อฝ่ายที่หยิบยื่นให้เป็นสามีที่ไม่เคยสนใจไยดีนางยิ่งแล้วใหญ่ โชคดีแค่ไหนที่นางไม่ได้รู้สึกรังเกียจ หากนางถึงขั้นรังเกียจชายคนนี้ ต่อให้นางตั้งใจจะอยู่อย่างเงียบๆ ก็คงเป็นไปได้ยาก แต่โชคดีที่ยังไม่ตกต่ำถึงขั้นนั้น
“หากทูลว่าไม่ลำบากก็คงเป็นการโกหกเพคะ แต่หม่อมฉันพอทำได้”
“เช่นนั้นก็ดี”
แพทริเซียรู้สึกว่าลูซิโอดูกระอักกระอ่วน เขาและนางต่างไม่สุงสิงกัน แม้ทั้งคู่จะถูกผูกมัดด้วยฐานะสามีภรรยา แต่ผู้ชายคนนี้ก็มีหญิงคนรักอยู่แล้ว ส่วนแพทริเซียก็ไม่ได้สนใจเขาสักนิด สิ่งที่เป็นจุดร่วมของพวกเขามีเพียงเรื่องที่ทั้งคู่ต่างก็เป็นสมาชิกของราชวงศ์เท่านั้น เพราะฉะนั้น เมื่อหมดหัวข้อสนทนาในเรื่องที่ต้องใส่ใจร่วมกันแล้ว ไม่แปลกที่ต่างฝ่ายต่างเงียบใส่กัน
แน่นอนว่าถ้าเป็นโรสมอนด์ ลูซิโอคงจะชวนคุยนั่นคุยนี่ แต่กับแพทริเซีย เขาไม่ทำ เพราะฉะนั้นการสนทนาของพวกเขาจำต้องจบลงที่ตรงนี้
“หม่อมฉันจะไม่ทำให้เสื่อมเสียมาถึงพระองค์หรือราชวงศ์เพคะ” แพทริเซียพูดกับเขาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“…”
“ฉะนั้น ไม่ต้องทรงเป็นกังวัลนะเพคะ”
“…เข้าใจแล้ว”
เขาพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะหันหลังเดินออกไป แพทริเซียไม่ชายตามองจักรพรรดิที่ค่อยๆ เดินจากไปจนลับสายตาด้วยซ้ำ อย่างน้อยนางก็รักษามารยาทเท่าที่จะทำได้ นั่นเท่ากับว่ารอดพ้นจากการตกเป็นขี้ปากของชาวบ้านแล้ว เพียงครู่เดียวแพทริเซียก็หันมาจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ต้องทำ
ปัง-
เสียงปิดประตูดังก้อง
“เจ้าว่าภริยาของบรรดาทูตจะมาเยือนหรือ”
โรสมอนด์เงี่ยหูฟังข่าวที่เหนือความคาดหมาย คลาราที่ทำสีหน้าระริกระรี้ผงกหัวก่อนจะกระซิบกระซาบที่หูของผู้เป็นนาย
“ฟังว่าเพิ่งตกลงกันเมื่อครู่ค่ะ ตอนแรกจะมีแต่คณะทูตมา แต่จู่ๆ ก็เปลี่ยนกำหนดการค่ะ”
เมื่อคลาราพูดจบ โรสมอนด์ก็มีสีหน้าคล้ายกำลังครุ่นคิด คริสตา จักรวรรดิคริสตา… โรสมอนด์ทวนชื่อนั้นซ้ำๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพูดโพล่งออกมาพร้อมทำสีหน้าเหมือนคิดอะไรออก
“จักรวรรดิคริสตานี่ใช่จักรวรรดิที่ไม่กินเนื้อหมูเพราะเรื่องทางศาสนาหรือไม่”
“ใช่ค่ะ เห็นว่าหมูเป็นสัญลักษณ์แทนพระเจ้า”
คลาราตอบโรสมอนด์ จากนั้นนางก็มีสีหน้าคล้ายจะมีความคิดดีๆ
“เลดี้ ไม่ลองเล่นงานด้วยเรื่องนั้นดูล่ะคะ” นางยิ้มกว้างและพูดกับโรสมอนด์
“คลารา เจ้านี่หัวแหลมนัก รู้ใจข้าจริงๆ”
โรสมอนด์ยิ้มพลางลูบหัวคลารา ก่อนจะออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์
“คลารา เจ้ารีบไปสืบหามาว่าจักรพรรดินีจะเตรียมอาหารชนิดใดไว้รับรองพระราชอาคันตุกะบ้าง เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อื่นๆ ด้วย รีบหน่อย อีกไม่กี่วันคณะทูตก็จะมาแล้ว”
“ค่ะ เลดี้ อย่าได้ห่วงเลยค่ะ”
ครั้นได้ยินดังนั้น โรสมอนด์ก็ยิ้มอย่างพึงใจ จักรวรรดิคริสตาเป็นจักรวรรดิมหาอำนาจแทบจะเทียบเท่าจักรวรรดิมาวินอส หากไปแตะต้องเรื่องทางศาสนาเข้าล่ะก็ คงไม่จบแค่การขอโทษเป็นแน่ ถ้าทุกอย่างไปได้สวย นางอาจจะลากจักรพรรดินีลงจากบัลลังก์ได้ด้วยแผนการเดียว
หากสามารถกล่าวโทษแพทริเซียว่าเป็นสตรีที่ทำให้จักรวรรดิได้รับความเสียหายใหญ่หลวงได้ ฝ่ายนั้นอาจถูกปลดจากตำแหน่ง โรสมอนด์จินตนาการถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึงพลางยิ้มกริ่ม
“หากเป็นเช่นนั้นเรื่องอาจลุกลามไปใหญ่โตก็เป็นได้”
***
“หม่อมฉันกำชับอย่างดีแล้วเพคะว่าสเต็กในงานเลี้ยงรับรองต้องใช้เนื้อวัว”
“ขอบคุณค่ะ มีร์ยา”
แพทริเซียเงยหน้าขึ้นมาตอบรับก่อนจะกลับไปให้ความสนใจกับงานที่ทำต่อ มีร์ยาเห็นเช่นนั้นก็ทำหน้าคล้ายสงสัย
“ว่าแต่…ฝ่าบาททรงทำอะไรอยู่หรือเพคะ” มีร์ยาถาม
“กำลังเขียนบัตรเชิญอยู่ค่ะ”
“บัตรเชิญ…หรือเพคะ”
มีร์ยามองจักรพรรดินีด้วยสีหน้างุนงง แต่แพทริเซียก็ไม่ได้สนใจอะไร นางใส่บัตรเชิญที่เขียนเสร็จแล้วลงในซองทีละซองด้วยสีหน้าสบายๆ ก่อนจะประทับตราของจักรพรรดินีลงไป แพทริเซียยื่นซองบัตรเชิญจำนวนหนึ่งให้มีร์ยาก่อนจะออกคำสั่ง
“แต่ละซองมีชื่อผู้รับเขียนอยู่ นำไปส่งให้หน่อยได้ไหมคะ มีร์ยา”
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหาเพคะ แต่จู่ๆ ทรงเขียนบัตรเชิญทำไมหรือเพคะ เพิ่งจะจัดงานเลี้ยงน้ำชาไปมิใช่หรือ”
“ไม่ใช่บัตรเชิญงานเลี้ยงน้ำชา แต่เป็นบัตรเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับที่จะมีขึ้นในอีกไม่กี่วันค่ะ แม้จะเป็นหน้าที่ของจักรพรรดินี แต่จะให้ข้าต้อนรับอาคันตุกะผู้มีเกียรติทั้งหมดคนเดียวคงไม่ไหว”
นั่นก็จริง มีร์ยาทำหน้าเหมือนเข้าใจก่อนจะไล่ดูรายชื่อบนซองทีละซอง นอกจากชื่อของมาร์เชอเนสโกรเชสเตอร์แล้ว ยังมีมาร์เชอเนสบริงสโตน ดัชเชสวาเซียร์ มาร์เชอร์เนสดิวาร์ เคาน์เตสอาร์เซลโด ดัชเชสวีเธอร์ฟอร์ด จนกระทั่งเห็นชื่อสุดท้าย มีร์ยาก็นิ่วหน้าขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว นางรีบเรียกแพทริเซีย
“ฝ่าบาท”
“มีอะไรหรือคะ”
“มีชื่อแปลกๆ ปะปนอยู่เพคะ”
“ชื่อแปลกๆ หรือคะ”
แพทริเซียทำท่าสงสัยพลางถามกลับ เมื่อเห็นท่าทีเช่นนั้น มีร์ยาก็ยื่นซองบัตรเชิญด้านที่มีชื่อเขียนอยู่ให้แพทริเซียดู สีหน้าของมีร์ยาดูไม่สบายใจขณะกล่าวราวกับจะต่อว่า
“ทำไมชื่อของบารอเนสเฟ็ลปส์ถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะเพคะ”
“อ้อ”
‘ก็นึกว่าอะไร’ แพทริเซียพึมพำ ก่อนจะทำหน้าราวกับว่านั่นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แน่นอนว่ามีร์ยาที่เห็นดังนั้นรู้สึกราวกับอกจะแตกตาย นางแปลกใจว่าทำไมถึงมีแต่นางที่รู้สึกหงุดหงิดอยู่อย่างนี้ หรือฝ่าบาทจะสติไม่สมประดีไปเสียแล้ว มีร์ยาอึดอัดจนต้องเอ่ยถามออกมา
“ฝ่าบาท ทรงเขียนผิดใช่ไหมเพคะ”
“ไม่นี่คะ”
“ฝ่าบาท!”
แพทริเซียคิดว่านี่คงน่าตกใจมากกระมัง เพราะขนาดมีร์ยาที่ไม่ค่อยจะพูดเสียงดังยังขึ้นเสียงได้ขนาดนี้ หญิงสาวยิ้มอย่างใจเย็นราวกับไม่รับรู้หัวอกของมีร์ยา
“ไม่ต้องคิดเล็กคิดน้อยขนาดนั้นก็ได้ค่ะ มีร์ยา ข้าไม่ได้เขียนผิด และข้าก็ไม่ได้บ้าด้วย” แพทริเซียพูดกับมีร์ยา
“…”
มีร์ยาสะดุ้งก่อนจะกระแอมออกมา แพทริเซียยังคงรอยยิ้มไม่ยี่หระนั้นไว้พลางพูดต่อ
“แน่นอนว่าการเชิญเลดี้เฟ็ลปส์ซึ่งเป็นบารอเนสมาร่วมงานที่ข้าและภริยาขุนนางชั้นสูงมารวมตัวกันถือเป็นเรื่องที่ผิดมารยาท แต่ถึงอย่างไร…นางก็เป็นอนุภรรยาของฝ่าบาท อีกทั้ง…ข้ามีบางอย่างที่อยากแสดงให้นางได้เห็น”
ข้าไม่เข้าใจท่านเลยว่าท่านจะเอาอะไรให้นางดู แต่หากเป็นภาพที่ข้าอกแตกตายล่ะก็ นางได้เห็นได้แน่ๆ
ในสายตาของมีร์ยา การให้บารอนเรสต่ำต้อยอย่างโรสมอนด์เข้าร่วมงานเช่นนี้นับเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเกิดขึ้นได้
มีร์ยาพูดกับแพทริเซียด้วยสีหน้าบึ้งตึง น้ำเสียงเจือความไม่พอใจ “ที่ทรงอยากแสดงให้บารอเนสเฟ็ลปส์ได้เห็นถึงพระบารมีของพระองค์ หม่อมฉันเข้าใจเพคะ แต่นั่นไม่เป็นไปตามระเบียบนะเพคะ จะทรงเชิญบารอเนสมาร่วมงานที่มีแต่ภริยาขุนนางระดับเคาน์เตสขึ้นไปได้อย่างไร และพระองค์ก็ตรัสเองว่านางเป็นอนุภรรยาขององค์จักรพรรดิ เช่นนี้แล้วบรรดาภริยาท่านทูตจะมองพระองค์อย่างไรเล่าเพคะ”
“ลองขอคำแนะนำดูสักครั้งก็ไม่เลวนะคะ ถามดูว่าหากมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในจักรวรรดินั้นจะเป็นอย่างไร ไม่แน่ว่าคำชี้แนะจากทางนั้นอาจจะพอช่วยได้”
“ฝ่าบาท!”
คำหยอกที่ฟังไม่เหมือนคำหยอกนั้นทำให้มีร์ยาทำหน้าเหมือนจะร้องไห้และพูดเสียงดังออกมา ปกติแล้วพระจักรพรรดินีไม่ใช่คนเช่นนี้เลย มีร์ยารู้สึกเหมือนว่านิสัยของพระองค์เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันโดยไม่ทราบสาเหตุ
“แล้วถ้ามันไม่เป็นไปตามที่ฝ่าบาททรงคาดไว้จะทำอย่างไรเพคะ” นางถามแพทริเซียด้วยสีหน้าของคนที่ไม่เข้าใจสถานการณ์เลยสักนิด
“นั่นก็คงเป็นชะตาของข้าแล้วล่ะค่ะ จริงไหมคะ?”
น้ำเสียงราบเรียบของแพทริเซียทำเอามีร์ยาหมดคำจะพูด เมื่อก่อนจักพรรดินีจะกระทำการสิ่งใด มีร์ยาก็คาดเดาได้ แต่คราวนี้ฝ่าบาททรงแปลกไป
ที่สุดแล้วมีร์ยาก็ไม่เข้าใจจุดประสงค์ของแพทริเซีย แต่นางก็ตัดสินใจที่จะไม่พูดอะไรต่อ เพราะแพทริเซียดื้อกับเรื่องนี้อย่างเหนือความคาดหมาย มีร์ยาถอนหายใจสั้นๆ ในใจก่อนจะเปลี่ยนเรื่องพูด
“อ้อ วันนี้ไม่เห็นเดมราฟาเอลาเลยนะเพคะ ปกติจะอยู่ข้างพระวรกายตลอดเวลามิใช่หรือ”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ข้าให้นางไปทำงานบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับงานเลี้ยงรับรองนี้ ประเดี๋ยวก่อนมืดก็คงจะกลับมา ไม่ต้องใส่ใจเรื่องนั้นก็ได้ค่ะ”
แพทริเซียตอบออกมาเรียบๆ และเปลี่ยนเรื่องคุยอีกครั้ง
“ว่าแต่ใช้สมองนั่งคิดมาทั้งวัน ท้องก็ชักจะหิวแล้วสิ มีร์ยา ก่อนจะไปส่งบัตรเชิญช่วยนำของว่างมาให้หน่อยได้ไหมคะ”
บัตรเชิญที่แพทริเซียมอบให้มีร์ยาถูกส่งไปหาผู้รับอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แน่นอนว่ารวมถึงโรสมอนด์ด้วย
ตอนแรกโรสมอนด์ตกใจ คิดว่าบัตรเชิญจากแพทริเซียถูกส่งมาให้ผิดคน แต่เนื่องจากมีร์ยาย้ำหนักหนาว่านี่เป็นของนางแน่นอน โรสมอนด์จึงรับมาด้วยสีหน้างุนงง และดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะสีหน้าของนางกำนัลที่นำบัตรเชิญมาส่งดูไม่ค่อยจะสู้ดีนัก
“อะไรหรือคะ เลดี้”
แน่นอนว่าคลาราก็ให้ความสนใจกับบัตรเชิญนั้น โรสมอนด์มองพระราชลัญจกรหรือตราประทับประจำพระจักรพรรดินีที่ประทับอยู่ด้วยสีหน้าไม่พึงใจครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยตอบ
“มีบัตรเชิญมาจากตำหนักจักรพรรดินี”
“บัตรเชิญหรือคะ งานเลี้ยงน้ำชาก็เพิ่งจัดไปมิใช่หรือ”
“อ่านดูก็รู้เองนั่นแหละ”
โรสมอนด์แกะซองจดหมายลวกๆ จนเหมือนพยายามจะฉีก ก่อนจะอ่านเนื้อความอย่างช้าๆ ริมฝีปากที่เรียบนิ่งมาจนถึงเมื่อครู่ของโรสมอนด์จู่ๆ ก็กระตุกเล็กน้อย จากนั้นร่างกายของโรสมอนด์ก็เริ่มสั่น ทำเอาคลาราที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดลุ้นระทึกไปด้วย นี่คงไม่อาละวาดอีกแล้วใช่ไหม
“อ๊า…ฮ่ะๆๆๆๆ”
คลารามองโรสมอนด์ที่ระเบิดเสียงหัวเราะเหมือนคนเสียสติด้วยสีหน้าหวาดระแวง นางหวังว่าเนื้อหาในบัตรเชิญจะไม่ไปกระตุกต่อมอะไรของโรสมอนด์เข้า จากนั้นค่อยๆ เลียบๆ เคียงๆ ถามผู้เป็นนาย
“เขียน…ว่ากระไรท่านถึงได้หัวเราะเช่นนั้นหรือคะ บารอเนส”
“ฮ่ะฮ่ะฮ่า คลารา ให้ตายเถอะ มาดูนี่เร็ว”
โรสมอนด์ยื่นบัตรเชิญให้คลาราด้วยสีหน้าราวกับว่าไม่มีอะไรน่าขันไปกว่าสิ่งนี้อีกแล้ว คลารารับมันมาด้วยสีหน้างงงวยก่อนจะเริ่มอ่านช้าๆ แต่นางกลับไม่หัวเราะเช่นโรสมอนด์
“ในนี้บอกว่า…ขอเชิญท่านไปงานเลี้ยงรับรองนี่คะ”
“นางเด็กนั่นก็ร้ายเหมือนกันนะ นี่คงตั้งใจจะทำให้ข้าสำเหนียกตนต่อหน้าทุกคนล่ะสิ”
โรสมอนด์ยิ้มยะเยือกก่อนจะแย่งบัตรเชิญกลับมาจากคลารา คราวนี้นางฉีกมันออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างไม่ลังเลสักเสี้ยววินาที ในขณะเดียวกันก็พูดพึมพำไปด้วย
“ไปสิ ต้องไปแน่”
ข้าต้องไปดูด้วยตาตัวเองว่าจะถูกทำให้ขายหน้าอย่างไร หรือจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น โรสมอนด์ยิ้มกว้าง เพียงแค่คิดก็สนุกแล้ว คลารายิ้มตามก่อนจะพูดออกมา
“บารอเนส เรื่องที่สั่งเรียบร้อยแล้วนะคะ”
“ดีมาก”
โรสมอนด์โปรยเศษกระดาษที่ฉีกลงบนพื้น แม้ว่าจะเป็นเศษกระดาษที่ถึงเหยียบไปก็ไม่แหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แต่นางก็ยังใช้เท้าเหยียบขยี้อย่างถ้วนทั่วโดยไม่สนใจ ราวกับว่าเศษกระดาษนั้นจะกลายเป็นแพทริเซียก็ไม่ปาน