แพทริเซียไม่อาจอธิบายเหตุการณ์นี้ได้ด้วยความรู้ที่นางมี แต่ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นความจริง นางย้อนเวลากลับมาตอนอายุสิบเก้าปี
ความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้อยู่ตรงหน้าแล้ว แพทริเซียจ้องไปที่พี่สาว ดวงตาที่มองมาอย่างห่วงใยนั้นใสดุจน้ำในทะเลสาบ
ความทรงจำสุดท้ายในชาติก่อนผ่านเข้ามาในหัว ชาติก่อนเปโตรนิยาไล่ตามความรักจนต้องจบชีวิตลงอย่างน่าอดสู ถ้านี่คือชีวิตใหม่ที่ฟ้าประทานให้จริงๆ… หากพระเจ้าทรงเมตตาเราสองพี่น้องจึงประทานโอกาสให้อีกครั้งล่ะก็…
เช่นนั้น ข้าจะ…
“ท่านพี่”
“อืม ว่าอย่างไร ริซซี่”
“ไม่จำเป็นต้องจับสลากหรอก”
ข้าจะไม่ทำให้โศกนาฏกรรมนั้นต้องซ้ำรอย
“ทำไมล่ะ”
ใบหน้าของแพทริเซียเจือรอยยิ้มบางเบายามมองพี่สาวที่ถามกลับมาอย่างใสซื่อ
“ข้าจะเป็นเอง”
ครานี้ ข้าจะเป็นจักรพรรดินีแทนท่านพี่เอง
“ข้าจะเป็นควิเนส”
เปโตรนิยาไม่เข้าใจน้องสาวของตนเลย เมื่อวานนี้ ไม่สิ เมื่อสักครู่นี้นางยังดื้อแพ่งบอกว่าไม่อยากเป็นจักรพรรดินี แต่จู่ๆ นางก็เปลี่ยนใจราวกับเป็นคนละคน เปโตรนิยาไม่เข้าใจว่าทำไมน้องสาวของนางถึงเปลี่ยนไปเช่นนี้ แต่การที่นางไม่ต้องไปเป็นควิเนสก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี เปโตรนิยาถามย้ำอีกครั้งด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจอีก
“จริงหรือ”
“อืม”
“ห้ามกลับคำนะ”
“อืม”
แพทริเซียตัดบทด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
“ไม่กลับคำ…แน่นอน”
“เย่!”
แพทริเซียมองเปโตรนิยาที่ทำท่าดีอกดีใจเหมือนเด็กด้วยสายตาแปลกๆ ก่อนจะพูดขึ้น
“ไปที่ห้องหนังสือกันเถอะ ไปให้คำตอบกับท่านพ่อ”
มาร์ควิสโกรเชสเตอร์ที่อายุครบสี่สิบสองในปีนี้กำลังลำบากใจว่าจะส่งลูกสาวคนใดไปเข้าร่วมการคัดเลือกควิเนสดี จะส่งเปโตรนิยาลูกสาวคนโตไป นิสัยของนางก็ดูจะเข้ากับพวกราชนิกูลไม่ได้ แต่ถ้าจะให้ส่งแพทริเซียที่ไม่ค่อยพูดค่อยจาไป เขาก็ไม่สะดวกใจ ด้วยเพราะนางเป็นลูกคนรอง และขณะที่เขากำลังเหม่อลอยไปเรื่อยเพราะยังคิดไม่ตกเสียที เสียงเคาะประตูห้องหนังสือก็ดังขึ้น
“นั่นใคร”
“นีย่าค่ะ ท่านพ่อ”
“อ้อ เข้ามาสิ”
เขาต้อนรับลูกสาวทั้งสองด้วยความปีติ แม้จะสงสัยว่าเหตุใดทั้งคู่ถึงมาหาเขากลางดึกเช่นนี้ แต่เขาก็เลือกที่จะยกน้ำชามาให้บุตรีก่อนจะเอ่ยปากถามอะไรต่อ หลังจากวางแก้วชาอัสสัมอุ่นๆ ลงบนโต๊ะ มาร์ควิสก็ถามธุระของลูกๆ
“พวกเจ้ามีธุระอะไร ดึกดื่นป่านนี้ทำไมยังไม่นอน”
“พวกเรามีเรื่องจะบอกท่านพ่อค่ะ”
สีหน้าของเปโตรนิยามีแววลิงโลด มาร์ควิสที่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรก็ได้แต่คิดว่าคงมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้น เปโตรนิยาทำหน้ากรุ้มกริ่มแต่ไม่ยอมปริปากพูดอะไร นางดื่มชาเข้าไปอีกอึกสองอึกถึงพูดออกมา
“ริซซี่บอกว่าอยากเป็นควิเนสค่ะ”
“…จริงหรือ”
“ค่ะ ท่านพ่อ”
แพทริเซียวางแก้วชาลงบนโต๊ะกระจกด้วยสีหน้าเรียบเฉย นางตอบบิดาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ข้าจะเป็นเองค่ะ”
“อืม…”
เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว เขาเองก็คิดไม่ตกกับเรื่องนี้มาตลอด แต่นิสัยของเปโตรนิยาไม่เหมาะกับความเข้มงวดและความภูมิฐานของชีวิตในวังจริงๆ ด้วยเหตุนั้นมาร์ควิสจึงเก็บความรู้สึกดีใจไว้ภายในและไม่แสดงออกเมื่อแพทริเซียเป็นฝ่ายออกปากว่าจะเป็นควิเนส
“เจ้าสมัครใจหรือ”
“ค่ะ”
เมื่อฟังบุตรีตอบ มาร์ควิสก็ทำหน้าเหมือนคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันไปพูดกับเปโตรนิยา
“เข้าใจล่ะ นีย่า ดึกมากแล้วลูกไปนอนเถอะ พ่อขอคุยกับริซซี่อีกสักหน่อย”
“ค่ะท่านพ่อ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ พรุ่งนี้คุยกันนะริซซี่”
เปโตรนิยาบอกราตรีสวัสดิ์ทั้งคู่ด้วยน้ำเสียงที่มีความร่าเริงอยู่ในทีก่อนจะออกจากห้องหนังสือไป ตอนนี้ในห้องเหลืออยู่เพียงสองคน หลังจากดื่มชาที่ยังขึ้นไอร้อนจนหมดแก้ว มาร์ควิสจึงค่อยๆ เอ่ยปากถามลูกสาว
“เจ้าสมัครใจจริงๆ หรือ ริซซี่”
“ค่ะท่านพ่อ”
“พ่อสงสัยว่าทำไมลูกถึงเปลี่ยนใจ”
มาร์ควิสจ้องเข้าไปในดวงตาสีดำของแพทริเซียและเอ่ยถาม
“ถ้าลูกมีเหตุผลอะไร บอกพ่อได้ไหม”
“…ไม่มีค่ะ ข้าเพียงแต่คิดว่าหากต้องมีใครสักคนในบรรดาเราสองคนเป็นควิเนส คนผู้นั้นควรจะเป็นข้า”
การไม่ส่งบุตรีคนใดไปเลยนั้นไม่สามารถทำได้ กฎของจักรวรรดิระบุไว้ชัดเจนว่าควิเนสจะต้องเป็นเด็กสาวอายุระหว่าง 18-20 ปีจากตระกูลขุนนางระดับเคานต์ขึ้นไป ซึ่งตระกูลของมาร์ควิสโกรเชสเตอร์ก็จำเป็นต้องส่งไปหนึ่งคน
“หรือท่านพ่ออยากให้นีย่าไป?”
แพทริเซียเอ่ยถามด้วยใจที่สั่นไหว แต่โชคดีที่คำตอบที่ได้รับไม่แย่นัก
“ไม่หรอก ใจจริงพ่อก็อยากให้เจ้าไป”
“…อย่างนั้นหรือคะ”
ไม่ต้องถามเหตุผลก็พอจะรู้ บิดาของนางเป็นถึงมาร์ควิส ท่านคงคิดว่าหากส่งตัวนางซึ่งเป็นคนเงียบขรึมไปน่าจะวางใจมากกว่า และตัวนางเองก็ไม่ได้ไม่พอใจหรือน้อยเนื้อต่ำใจกับความคิดนั้น
“สัปดาห์หน้าหรือคะ ที่ข้าต้องเข้าวัง” นางถามต่อ
ควิเนสทั้งห้าคนจะไปรวมกันเพื่อเข้ารับการทดสอบในพระราชวังเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ และหนึ่งในนั้นจะถูกเลือกเป็นจักรพรรดินี มาร์ควิสพยักหน้าก่อนจะกล่าวด้วยความเคลือบแคลงใจ
“เจ้าดูนิ่งและไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลย พ่อก็พอรู้ว่าเจ้าเป็นคนเงียบขรึม แต่ไม่รู้ทำไม…เหมือนเจ้าคุ้นชินกับสิ่งนี้แล้วอย่างไรอย่างนั้น”
แพทริเซียหัวเราะไม่ออกเสียงให้กับคำพูดของบิดาเพราะมันคือความทรงจำที่ปวดร้าวสำหรับนาง แต่นางไม่อาจบอกอะไรให้อีกฝ่ายรู้จึงพูดเรื่องจริงให้เหมือนคำโกหกออกไป
“ข้าคงเคยเห็นในฝันมาแล้วกระมัง”
“เจ้านี่นะ”
มาร์ควิสแย้มยิ้ม ส่วนแพทริเซียพูดเหมือนแจ้งให้รู้ไว้ก่อน
“ท่านพ่อ ข้าไม่คิดจะชนะนะคะ ข้าจะกลับบ้าน”
ควิเนสมีทั้งหมดห้าคน แต่คนที่จะได้เป็นจักรพรรดินีมีเพียงหนึ่งเดียว ควิเนสที่ไม่ได้รับคัดเลือกจะได้กลับไปใช้ชีวิตตามปกติ แน่นอนว่าสามารถแต่งงานกับลอร์ด[1]ตระกูลใดก็ได้ เหมือนอย่างมารดาของนาง ก่อนจะย้อนเวลากลับมา แพทริเชียก็ไม่ได้อยากขึ้นไปอยู่บนที่ที่สูงกว่าผู้อื่น หลังย้อนเวลากลับมาแล้วยิ่งไม่ชอบใจเข้าไปใหญ่ แม้ว่าตอนนี้ทุกๆ อย่างจะเป็นเพียงความทรงจำก็ตาม แต่จะให้ไปแต่งงานกับผู้ชายที่เคยเป็นพี่เขยจนถึงเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ คงไม่สอดคล้องกับหลักศีลธรรมสักเท่าไร
“ท่านพ่อจะว่าไหมคะ” นางยิ้มพลางเอ่ยปากถามมาร์ควิส
“ไม่เลย ลูกจงพ่ายแพ้และกลับมาหาพ่อเถอะ”
เขาจุมพิตที่หน้าผากของบุตรสาวอย่างแผ่วเบา ก่อนจะพูดราวกับกระซิบ
“ตอนนี้พ่อก็ยังไม่อยากยกเจ้าหญิงของพ่อให้ผู้ชายหน้าไหนเหมือนกัน”
แพทริเซียกลับมาที่ห้องและทิ้งตัวลงบนที่นอน ย้อนอดีตกลับมายังไม่ทันถึงสองชั่วโมง แต่นางกลับเปลี่ยนเหตุการณ์ที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องในอดีตไปแล้ว จำได้ว่าที่จริงแล้ว เปโตรนิยาซึ่งเป็นคนจับสลากแพ้ต่างหากที่เป็นคนบอกผู้เป็นบิดาว่าจะเป็นควิเนส แพทริเซียกัดปากแน่นโดยไม่รู้ตัว
ตอนนั้นทั้งนางและเปโตรนิยาต่างไม่มีใครอยากเป็นควิเนส อย่างที่พูดไปเมื่อครู่ ตัวนางเองไม่ได้อยากอยู่เหนือใคร นางเคยอ่านจากจารึกประวัติศาสตร์หลายต่อหลายฉบับกล่าวว่าบนนั้นมีด้านที่อันตราย แน่นอนว่าที่ตอนนี้นางเปลี่ยนใจก็เนื่องมาจากโศกนาฏกรรมในอดีต
อีกทั้งพี่สาวของนางเป็นคนที่ช่างเพ้อฝัน เปโตรนิยาเฝ้าฝันว่าจะได้เจอเจ้าชายขี่ม้าขาวเหมือนในนิทาน นางไม่มีทางมองว่าตำแหน่งควิเนสที่เหมือนถูกจับคลุมถุงชนกลายๆ นั้นน่าดึงดูดเป็นแน่
ด้วยเหตุนั้น ในอดีตพวกนางสองพี่น้องจึงใช้วิธีที่แม้แต่แพทริเซียในตอนนี้ก็ยังคิดว่าน่าอดสูอย่างการจับสลากเพื่อตัดสินว่าใครจะได้เป็นควิเนส สุดท้ายแล้วคนที่ได้เป็นก็คือเปโตรนิยา และบทสรุปของนางคือความตาย เมื่อแพทริเซียคิดมาถึงตรงนี้ ปากของนางก็เยินจนเลือดซึมแล้ว
แพทริเซียย้อนเวลากลับมาแล้ว และนางเปลี่ยนอนาคตด้วยการเสนอตัวเป็นควิเนสแทนเปโตรนิยา ซึ่งปลายทางของมันอาจไม่ซ้ำรอยโศกนาฏกรรมที่ตัวนางและครอบครัวต้องตาย
ต่อให้แพทริเซียต้องเป็นควิเนส แต่ถ้านางไม่ได้เป็นจักรพรรดินีทุกอย่างก็จบ และต่อให้นางได้เป็นจักรพรรดินี ถ้าการเสียสละของนางจะทำให้ทุกคนสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขต่อไปได้ เพียงเท่านั้นนางก็พอใจแล้ว ขอเพียงไม่เกิดความสูญเสียเช่นนั้นอีก ย่อมดีกว่าเป็นร้อยเท่าพันทวี
“เรื่องนั้นยังอีกตั้งสามปี”
เพราะฉะนั้นนางจะเปลี่ยนอนาคตเท่าไรก็ย่อมได้ นางจะต้องเปลี่ยนมันให้ได้
แพทริเซียไม่อาจรู้ได้ว่าอนาคตที่รออยู่จะเป็นเช่นไร แต่อย่างน้อยนางก็จะไม่ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมเช่นที่เคยเกิด นางจะพยายามด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีเพื่อให้เรื่องนั้นไม่เกิดขึ้นอีกครั้ง เพราะฉะนั้นชีวิตที่ได้รับมาใหม่นี้ เจ้าหวังให้มันจบอย่างมีความสุขได้เลยนะ ท่านพี่
“ข้าจะทำให้มันจบอย่างมีความสุขให้ได้”
แพทริเซียตั้งใจเช่นนั้น นางจะเป็นควิเนส ดีไม่ดีอาจจะต้องเป็นจักรพรรดินีแทนพี่สาว นางจะลบรอยแผลในอดีตให้สิ้นซาก ไม่เหลืออยู่แม้แต่ในความทรงจำ
***
ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ทุกคนก็พอจะทราบกันแล้วว่าควิเนสทั้งห้าคน ได้แก่ เลดี้[2]ราฟาเอลา จากตระกูลมาร์ควิสบริงสโตน เลดี้เกรตา จากตระกูลเคานต์อาร์เซลโด เลดี้บาร์บรา จากตระกูลมาร์ควิสดิวาร์ เลดี้ทริชา จากตระกูลดยุกวาเซียร์ และตัวนาง
เดิมทีเลดี้ทริชาซึ่งเป็นบุตรีของดยุก[3]ควรจะได้เป็นจักรพรรดินี แต่ในตอนนั้นไม่รู้ว่าพี่สาวเอาชนะเลดี้ทริชาแล้วกลายเป็นจักรพรรดินีได้อย่างไร แพทริเซียตั้งใจจะทำให้ตัวเองสอบตกและไม่ต้องเป็นจักรพรรดินี แต่นางก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก เพราะเรื่องเหนือความคาดหมายเคยเกิดขึ้นไปแล้วครั้งหนึ่ง
ในที่สุดก็ถึงวันที่แพทริเซียต้องเดินทางเข้าวัง เปโตรนิยาที่น้ำปริ่มขอบตาไม่ยอมปล่อยมือของน้องสาว
“ริซซี่ เจ้าไม่ต้องสนใจเรื่องอื่น เดินทางดีๆ แล้วก็รีบไปรีบมานะ เข้าใจไหม”
ครั้นได้ฟังดังนั้น แววตาของแพทริเซียที่มองอีกฝ่ายก็ลุ่มลึกขึ้น เมื่อสามปีก่อนตัวนางเองก็เป็นเช่นนี้ สองมือของนางกอบกุมมือของเปโตรนิยาที่กำลังจะเข้าวัง ปากก็บอกว่าให้รีบสอบตกและรีบกลับมา ให้พี่สาวเดินทางปลอดภัย ซึ่งท้ายที่สุดพี่สาวของนางก็ได้เป็นจักรพรรดินีและกลับมาโดยไม่มีรอยขีดข่วน แพทริเซียยิ้มบางๆ
“ข้าต้องคิดถึงเจ้าแน่ นิล”
“ข้าก็เหมือนกัน ริซซี่ พวกเราไม่เคยอยู่ห่างกันนานๆ แบบนี้เลยนะ…”
เสียงของเปโตรนิยาอู้อี้ ตั้งแต่อยู่ในท้องมารดาจนเวลาผ่านเลยมาถึงตอนนี้ก็สิบเก้าปีแล้ว พวกนางไม่เคยอยู่ห่างกันนานๆ เช่นนี้เลย บางคนอาจค่อนแคะได้ว่าห่างกันเพียงสัปดาห์เดียวจะอะไรกันหนักหนา แต่สำหรับพี่น้องคู่นี้ นี่คือครั้งแรก แพทริเซียกำชับเบาๆ ในขณะที่เปโตรนิยากอดนางไว้ในอ้อมอกราวกับนางเป็นเด็กเล็ก
“…ห้ามมาที่วังนะ เข้าใจไหม”
ที่พูดออกไปนั้นอาจเป็นเพราะแพทริเซียกังวลเกินกว่าเหตุ คราวก่อนคนที่ได้เป็นควิเนสคือเปโตรนิยาที่บ่นหนักหนาว่าไม่อยากเป็นจักรพรรดินี แต่ที่สุดแล้วนางกลับตกหลุมรักจักรพรรดิตั้งแต่แรกพบ และพยายามทุกทางเพื่อที่จะได้เป็นจักรพรรดินี
แน่นอนว่าคราวนี้คนที่ได้เป็นควิเนสคือตนไม่ใช่พี่สาว แต่ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ระวังไว้ก่อนไม่เสียหาย เปโตรนิยาหัวเราะคิกคักเมื่อถูกกำชับเช่นนั้น
“เจ้านี่นะ เห็นข้าเป็นคนอย่างไร ข้าไม่คิดจะทำลายชื่อเสียงของน้องสาวหรือตระกูลเราสักนิด ไม่ต้องกังวลหรอก”
“…นั่นสินะ”
แพทริเซียตบบ่าพี่สาวเบาๆ เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะไปร่ำลามาร์ควิสและมาร์เชอเนส
“ข้าจะรีบไปรีบมานะคะ”
“จ้ะ ริซซี่ เดินทางปลอดภัยเหมือนที่พี่สาวลูกอวยพรนะ”
“เราเชื่อว่าลูกสาวของเราจะรักษากิริยาได้ดี”
แพทริเซียเกือบจะร้องไห้ให้กับน้ำเสียงที่เจือความห่วงใยของบิดาและมารดา แต่โชคดีที่คนขับรถม้าเข้ามาพอดี นางจึงรอดจากเรื่องน่าอายเช่นนั้นไปได้ มาร์ควิสและมาร์เชอเนสกอดแพทริเซียอีกครั้ง ก่อนจะปล่อยนางมาขึ้นรถม้า และมุ่งหน้าสู่พระราชวัง
และนี่คือจุดเริ่มต้นของอดีตที่เปลี่ยนไป
[1] ลอร์ด (Lord) เป็นคำเรียกที่ใช้เรียกขุนนางชายตั้งแต่ยศมาร์ควิสลงไปจนถึงบารอน หรือลูกชายของขุนนาง ไม่ใช่ตำแหน่งทางการ
[2] เลดี้ (Lady) เป็นคำเรียกที่ใช้เรียกหญิงชนชั้นสูงที่มีบรรดาศักดิ์ตั้งแต่มาร์เชอเนสลงไปจนถึงบารอเนส รวมถึงภรรยาและบุตรีของขุนนาง ไม่ใช่ตำแหน่งทางการ
[3] ดยุก (Duke) เป็นตำแหน่งสูงสุดในบรรดาศักดินาขุนนางของยุโรป อันได้แก่ ดยุก มาร์ควิส เคานต์ ไวเคานต์ และบารอน เลดี้ทริชาซึ่งเป็นลูกสาวของดยุกวาเซียร์จึงมีศักดิ์สูงกว่าเลดี้คนอื่นๆ และมีโอกาสได้เป็นจักรพรรดินีมากที่สุด