สถานการณ์เลวร้ายที่สุด ข้างหน้าก็หน้าผา ข้างหลังก็นักฆ่า อีกทั้งลูซิโอที่นางประคองอยู่ก็ใกล้จะหมดสติอยู่รอมร่อ ไม่ว่าเลือกทางใด สุดท้ายก็ตายอยู่ดีอย่างนั้นหรือ
แพทริเซียจ้องมองนักฆ่าด้วยสีหน้าลังเลใจ ดูๆ แล้วพวกนั้นคงไม่คิดจะไว้ชีวิตนาง หนึ่งในนั้นชี้ดาบมาก่อนจะพูดขึ้น
“น่าเสียดาย คนที่ถูกยิงน่าจะเป็นเจ้า”
“ใครส่งพวกเจ้ามา”
ครั้นได้ยินคำถาม คนพวกนั้นก็หัวเราะ คงกำลังคิดว่าใครจะยอมบอก แพทริเซียยิ้มเย็นราวกับว่าไม่ได้คาดหวังคำตอบตั้งแต่แรก
“โรสมอนด์ใช่หรือไม่” นางเอ่ยถาม
“เดี๋ยวก็ตายแล้ว เรื่องนั้นจะไปสำคัญอะไร”
“สำคัญสิ พวกเจ้าจะยอมบอกหรือไม่”
คนเหล่านั้นส่งสายตาให้กันไปมาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะคิกคักราวกับไม่ยี่หระ แล้วหนึ่งในนั้นก็เป็นคนตอบ
“โรสมอนด์ แมรี ลา เฟ็ลปส์ เห็นว่าเป็นอนุของจักรพรรดิ หรือเป็นบารอเนสอะไรนี่แหละ ผู้หญิงคนนั้นจ้างวานพวกเราด้วยเงินก้อนโต”
พูดจบแล้วก็หัวเราะกันสนุกสนาน แพทริเซียรู้สึกได้ว่าสีหน้าที่เคยเต็มไปด้วยโทสะของตนค่อยๆ สงบลงอย่างเยือกเย็น อา…อย่างนี้นี่เอง ที่ว่าโรสมอนด์วางแผนต่ำช้าเช่นนี้เพื่อฆ่าข้าเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นสินะ แพทริเซียเกือบจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา แต่ก็ตระหนักได้ว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะแสดงความบ้าคลั่งออกไป แพทริเซียเลือกที่จะยิ้มกว้าง เหล่านักฆ่ามองหญิงสาวที่กำลังยิ้มราวกับมองคนวิปลาส ก่อนจะกระซิบกระซาบกันว่านางน่าจะรับความจริงไม่ได้จนเสียสติไปแล้ว พวกเขาพูดไม่ผิดเลยสักคำ นางมันบ้า และจะเป็นบ้าต่อไปไม่เปลี่ยนแปลง ตอนนี้แพทริเซียกลายเป็นหญิงวิปลาสไปแล้ว หลักฐานข้อแรกคือนางทำสิ่งที่ไม่เคยคิดฝันว่าจะทำ แพทริเซียจ้องเขม็งไปที่ลูซิโอที่หมดสติไปในสภาพโชกเลือด ก่อนจะจุมพิตบนหน้าผากราบเรียบของเขาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ อา…เสียดายเหลือเกินที่ท่านไม่ได้ยินสิ่งที่คนพวกนั้นกล่าว
“ในเมื่อเจ้ารู้ความลับแล้ว ทีนี้ก็ถึงเวลาไปยมโลก”
หนึ่งในกลุ่มนักฆ่ายิ้มเหี้ยมเกรียมพลางเดินกวัดแกว่งดาบเข้ามาหา แพทริเซียยิ้มราวกับนางไม่ได้กำลังเผชิญหน้ากับความตาย และพาลูซิโอที่หมดสติลงจากหลังม้า
“อย่าฆ่าม้าของข้าได้หรือไม่ ข้ารักมันมาก” นางร้องขอ
“โอ๊ย ใจดีเหลือเกินนะแม่คุณ จะตายอยู่แล้วยังจะสนใจม้าอีกหรือ”
แพทริเซียแย้มยิ้มแม้จะถูกล้อเลียนซึ่งๆ หน้าพลางตอบ
“สนใจสิ พวกเจ้าจะรักษาสัญญาได้หรือไม่ สาบานต่อหน้าฟ้าดินสิ”
“เฮอะ! อะไรมันจะสำคัญขนาดนั้น เจ้าคงจะเสียสติก่อนตายสินะ”
“อาจเป็นเช่นนั้น”
“ได้ ถ้าต้องการเช่นนั้น พวกข้าก็ขอให้สัญญาว่าจะไม่ยุ่งกับม้า”
“ดี”
แพทริเซียยิ้มอย่างพึงใจ ก่อนจะออกแรงกระชับอ้อมแขนที่โอบกอดลูซิโอไว้ เขายังคงไม่ได้สติ ตอนนี้คนที่จะเปลี่ยนสถานการณ์ได้มีแค่นางเท่านั้น แพทริเซียกอดลูซิโออย่างระมัดระวังราวกับกอดเด็กเล็ก สีหน้าของนางในตอนนี้ดูเย็นชาอย่างหวาดหวั่น ราวกับว่าสีหน้าเปื้อนยิ้มก่อนหน้านี้เป็นเพียงเรื่องเสแสร้งแกล้งทำ
“ขอบคุณสำหรับข้อมูล เพราะพวกเจ้า ข้าจึงตระหนักได้ถึงบางสิ่ง”
“นางนั่นมันพูดอะไรของมัน”
พวกนักฆ่าทำสีหน้างุนงงพร้อมกับยกนิ้วชี้ขึ้นทำท่าหมุนๆ ข้างขมับเป็นเชิงว่าอีกฝ่ายท่าทางจะเสียสติไปแล้ว แต่แพทริเซียก็พูดต่อไปโดยไม่สนใจจุดนั้น
“ข้าคงบ้าไปแล้วที่ไปเตือนผู้หญิงคนนั้น”
ครั้นพูดจบ แพทริเซียก็ทิ้งตัวลงจากหน้าผาอย่างไม่ลังเล ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นในเสี้ยววินาที พวกนักฆ่าตกใจรีบวิ่งไปยังจุดที่แพทริเซียเคยยืนอยู่ แต่ก็สายไปแล้ว กลุ่มนักฆ่าหน้าเสียพลางมองลงไปใต้หน้าผา แพทริเซียยิ้มอย่างที่คิดว่าสวยที่สุดให้พวกเขา ตูม! ทันใดนั้น ผิวน้ำที่นิ่งสงบก็เกิดคลื่นสูง ละอองน้ำสาดกระจาย เหล่านักฆ่ามองใต้หน้าผาสลับกับมองพวกเดียวกันเองอย่างลำบากใจก่อนจะพยักหน้าให้กันและออกจากที่ตรงนั้นไป
แพทริเซียเคยคิดว่าตัวเองฉลาดพอตัว นางทั้งอ่านหนังสือมากมาย ชอบคิดวิเคราะห์ ทั้งยังชอบการอภิปรายความคิดของตนกับผู้มีความรู้ แต่วินาทีที่ทิ้งตัวลงจากหน้าผา นางก็เข้าใจแล้วว่า ความรู้ที่นางสั่งสมมาจนถึงบัดนี้เป็นเพียงภาพลวงตา หาใช่ความจริงไม่ ความรู้ทั้งหมดที่เหมือนดั่งปราสาททรายนั้นไม่ต่างอะไรกับเครื่องประดับที่มีไว้เพื่อความโก้เก๋
ในท้ายที่สุด ผู้ชนะในเรื่องนี้ก็มิใช่บุตรีของมาร์ควิสผู้ใสซื่อแต่แสร้งทำตัววิเศษวิโสอย่างนาง แต่เป็นนางร้ายจอมวางแผนอย่างโรสมอนด์
“แค่ก! แค่ก!”
แพทริเซียลากตัวเองขึ้นมาริมแม่น้ำ และทรุดตัวลงนั่งบนพื้นที่เต็มไปด้วยหิน นางทุบหน้าอกตัวเองพลางส่งเสียงไออย่างต่อเนื่อง แพทริเซียรู้สึกแน่นท้องและแสบจมูก ดูเหมือนนางจะกลืนน้ำเข้าไปมาก มือเรียวปาดน้ำที่เกาะบนใบหน้าออกไปให้มากที่สุดพลางอ้าปากหายใจหอบ
“แฮ่ก! แฮ่ก!”
แพทริเซียพยายามปรับลมหายใจอยู่นานและใช้เวลาอีกครู่หนึ่งทำจิตใจให้สงบลง การที่เหมือนตายแล้วฟื้นเช่นนี้จะบอกว่าพระเจ้าช่วยก็ว่าได้ โชคดีที่นางว่ายน้ำเป็น หาไม่แล้วนางคงกลายเป็นผีเฝ้าแม่น้ำไปแล้ว
แพทริเซียฉีกเสื้อตัวนอกที่เปียกแล้วปล่อยให้มันลอยไปตามน้ำ ชุดขี่ม้าลอยตามกระแสน้ำไปจนถึงจุดที่คนจะสามารถพบเห็นได้ หากมีคนพบ โรสมอนด์ก็จะคิดว่าแพทริเซียตายไปแล้วและไม่ส่งคนมาตามหา
แพทริเซียที่เหลือแต่เสื้อตัวในมองลูซิโอที่นอนสลบไสลอยู่ข้างๆ นางเริ่มจากตรวจดูแผลที่ถูกธนูยิงเมื่อครู่นี้ก่อน เลือดยังคงไหลออกมาไม่หยุด และสีของเลือดนั้นเปลี่ยนไปอย่างประหลาด บางทีลูกธนูนั้นอาจจะอาบยาพิษ บ้าจริง! แพทริเซียสบถออกมาเบาๆ ขืนปล่อยไว้เช่นนี้เขาต้องตายแน่ ถ้าเป็นเช่นนั้นต่อให้นางรอดไปได้ นางอาจถูกจับข้อหาปลงพระชนม์จักรพรรดิ ไม่แน่ว่าโรสมอนด์อาจต้องการสิ่งนั้นมากที่สุดก็เป็นได้
ตายด้วยกันเสียที่นี่ยังจะดีเสียกว่า แต่นั่นก็ไม่ได้อีก ก่อนอื่นแพทริเซียลากลูซิโอออกมาให้พ้นริมน้ำเพื่อให้เขานอนบนพื้นที่เต็มไปด้วยหินที่อบอุ่นจากการได้รับแสงอาทิตย์ ถ้ายังปล่อยให้เขาใส่เสื้อผ้าเปืยกชื้นก็มีโอกาสที่จะตายเพราะอุณหภูมิลดต่ำเกินไป แพทริเซียจึงไม่ลังเลที่จะถอดเสื้อผ้าของลูซิโอออกโดยไม่คิดว่าเขาเป็นเพศตรงข้าม เป็นจักรพรรดิของจักรวรรดิ และเป็นสามีของนาง ตอนนี้นางไม่ได้คิดกับเขาในเชิงชู้สาว นางคิดเพียงว่าทำเช่นไรจึงจะมีชีวิตรอดกลับวังได้โดยสวัสดิภาพเท่านั้น
แพทริเซียถอดเสื้อของลูซิโอออกและตรวจดูแผลของเขาอย่างละเอียดอีกครั้ง เขาถูกธนูอาบยาพิษแถมยังวิ่งมาตั้งไกลจึงเป็นไปได้มากที่พิษจะกระจายไปทั่วแล้ว นางต้องรีดพิษออกมาให้มากที่สุด อย่างน้อยก็เพื่อป้องกันไม่ให้อาการของอีกฝ่ายแย่ไปกว่านี้
แพทริเซียซุกหน้าลงกับอกของลูซิโออย่างไม่ลังเลก่อนจะดูดเอาพิษบริเวณปากแผลออก นางระวังเป็นอย่างมากไม่ให้ตัวเองกลืนพิษเข้าไปและคายพิษรวมไว้ที่จุดเดียวกัน ผ่านไปกว่าสิบนาที แพทริเซียก็รู้สึกวิงเวียนเล็กน้อย แม้จะไม่ได้กลืนพิษเข้าไป แต่ดูเหมือนพิษจะเข้าสู่ร่างกายจากการที่นางอมมันไว้
แพทริเซียเดินโซเซพลางเอามือกุมหน้าผาก นางเบิกตาให้กว้างเพื่อเรียกสติอีกครั้ง หากนางเป็นอะไรไปด้วยอีกคน ผู้ชายคนนี้ต้องตายแน่ๆ แม้แต่ตัวนางเองก็อาจต้องพบจุดจบเดียวกัน ตอนนี้ ณ ที่แห่งนี้ไม่มีใครปกป้องนางได้ทั้งนั้น มีแค่นางที่ต้องปกป้องและคุ้มครองตนเอง
สิ่งที่สำคัญคือเวลา แพทริเซียต้องกลับไปที่พระราชวังพร้อมลูซิโอภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง หรืออย่างมากก็สี่สิบแปดชั่วโมง
ทางเลือกที่ดีที่สุดคือการกลับไปถึงพระราชวังภายในคืนนี้ หากเลยเวลานั้นไป เหล่าขุนนางจะกังวลกับตำแหน่งของผู้บริหารราชการแผ่นดินที่ว่างลง และอาจกระเหี้ยนกระหือรือให้แต่งตั้งจักรพรรดิองค์ใหม่ก็เป็นได้ ซึ่งแพทริเซียต้องขัดขวางเรื่องนั้นให้ได้ ไม่ใช่เพื่อลูซิโอเท่านั้น แต่เพื่อตัวนางเองด้วย
การที่จักรพรรดิและจักรพรรดินีหายตัวไปพร้อมกัน ดยุกทั้งสามต้องเป็นเดือดเป็นร้อนและส่งคนออกตามหาเป็นแน่ อย่างน้อยก็ต้องให้พวกเขาหานางให้พบ ดังนั้นนางต้องช่วยชีวิตผู้ชายคนนี้เป็นอันดับแรก แพทริเซียมองลูซิโอที่นอนไร้สติอยู่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเจือด้วยความเศร้าสลด ก่อนอื่นต้องรักษาอุณหภูมิร่างกายไว้ หญิงสาวลากสังขารบอบบางเข้าไปกอดลูซิโอไว้ ในตอนนั้นเองก็มีบางสิ่งขวางนางไว้ เมื่อแพทริเซียเห็นว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็ตกใจ
“เจ้า…ได้อย่างไร…”
ในขณะที่แพทริเซียมองเหม่อ แซลลี่ก็เดินเข้ามาหา นางไม่เคยยินดีที่ได้เห็นแซลลี่เท่าตอนนี้มาก่อน พระเจ้าช่วย เจ้าม้านี่ฉลาดจริงๆ แพทริเซียลูบแผงคอของแซลลี่อย่างเบามือพลางเอ่ย
“เจ้ายังไม่ตาย! โชคดีจริงๆ ว่าแต่เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร”
แซลลี่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้และทำท่าดมกลิ่นราวกับจะตอบคำถามนั้น มันใช้เวลาเพียงสั้นๆ ในการดมกลิ่นตามนางมาที่นี่ด้วยตัวเอง ม้าที่เดิมทีถูกฝึกมาไม่ดีนักจนกัดมือผู้เป็นนายเข้า กลับมีพัฒนาการที่ดีขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ แพทริเซียชมเชยและดึงมันเข้ามากอดด้วยความปลาบปลื้ม
“ขอบใจนะ แซลลี่ โชคดีจริงๆ ที่มีเจ้าอยู่ด้วย”
แพทริเซียจุมพิตลงบนหน้าผากของมันก่อนจะรีบพยุงลูซิโอขึ้นหลังม้า นางไม่ขึ้นไปด้วยเพราะกลัวแซลลี่จะเหนื่อย ตอนนี้นางต้องคิดถึงพละกำลังของม้าเหนือสิ่งอื่นใด
หลังจากเดินมาได้หลายสิบนาที แพทริเซียก็พบถ้ำที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดียว แพทริเซียเข้าไปด้านในก่อนจะพยุงลูซิโอลงมานอนบนหินเรียบๆ และตรวจดูอาการของเขาอย่างละเอียด โชคดีที่อีกฝ่ายไม่เป็นไข้ แต่ร่างกายก็เย็นมาก แพทริเซียมองหาอะไรที่พอจะให้ความอบอุ่นได้ ก่อนจะหันไปเจอมัดฟางที่มุมหนึ่งของถ้ำ นางจึงนำออกมากองหนึ่งใช้ปูรองบนพื้นเพื่อป้องกันความเย็นจากพื้นถ้ำ แพทริเซียจัดแจงให้ลูซิโอนอนบนนั้นและนำกองฟางอีกกองมาห่มตัวเขาอีกชั้น อย่างน้อยนี่ก็ถือเป็นการรักษาขั้นต้นแล้ว ส่วนพวกสมุนไพรรักษาค่อยไปหาทีหลัง ถึงอย่างไรก็แก้ปัญหาที่ด่วนที่สุดได้เรียบร้อยแล้ว แพทริเซียจึงมีเวลากวาดตามองรอบๆ แพทริเซียจูงแซลลี่ออกไปด้านนอกเพื่อดูแลเจ้าม้าที่เหน็ดเหนื่อยจากการตามหาผู้เป็นนาย ก่อนจะก้าวออกจากถ้ำ แพทริเซียหันกลับไปมองลูซิโอที่นอนไม่ได้สติอยู่แวบหนึ่งก่อนจะละสายตาไป
เรื่องอื่นไว้ค่อยคิดทีหลัง ตอนนี้ต้องอยู่กับปัจจุบันก่อน