Lady to Queen บัลลังก์แค้นจักรพรรดินี – ตอนที่ 37 ท่านคือผู้อยู่เบื้องหลังกระนั้นหรือ

แม้ว่าแพทริเซียไม่ได้รู้สึกพิศวาสอะไรในตัวดยุกเอเฟรนี แต่นางก็คาดหวังว่าอย่างน้อยเขาน่าจะมีความฉลาดและความสุขุมสมกับที่เป็นประมุขตระกูลดยุกซึ่งเป็นเสาหลักค้ำจุนจักรวรรดินี้ แต่ตอนนี้ความคาดหวังของแพทริเซียกำลังสั่นคลอน

เป็นเพียงการคิดต่างเท่านั้นหรือ? แพทริเซียลองใคร่ครวญถึงสถานการณ์ทางการเมืองในจักรวรรดิมาวินอสอย่างรวดเร็ว จักรพรรดิในตอนนี้เป็นโอรสหนึ่งเดียวของจักรพรรดิองค์ก่อน และไม่มีทายาทอื่นใด หากลูซิโอไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย ราชบัลลังค์ก็จะตกไปอยู่ที่ญาติพี่น้องคนใดคนหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม ความจริงที่ว่าลูซิโอเป็นผู้สืบราชบัลลังก์สายตรงเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ ประกอบกับการที่เขาเป็นโอรสหนึ่งเดียวของจักรพรรดิองค์ก่อน ทำให้เขามีความชอบธรรมในการสืบราชสันตติวงศ์ และความชอบธรรมนั้นหมายรวมถึงอำนาจของกษัตริย์ ด้วยอำนาจนั้น เขาจึงอยู่เหนือเหล่าขุนนาง และปกครองจักรวรรดิมาโดยไม่ได้รับรู้หรือเข้าใจถึงกรอบความคิดของคู่แข่งทางการเมือง และการที่เรื่องนั้นเพิ่งจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในตอนที่แพทริเซียขึ้นมาเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์นับว่าน่าแปลกนัก

ดังนั้น หากจะมองว่าดยุกเอเฟรนีเป็นคู่แข่งทางการเมืองของจักรพรรดิ เขาจึงต่อต้านนางซึ่งเป็นจักรพรรดินีและเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ของจักรพรรดิก็ดูจะแปลกอยู่เล็กน้อย

เช่นนั้นเป็นเพราะอะไรกันแน่? แพทริเซียคิด ก่อนจะรู้สึกว่าตนด่วนสรุปมากเกินไปจึงหยุดคิดโดยพลัน

แพทริเซียคิดว่าตอนนี้ตนอ่อนไหวมากเกินไปซึ่งนั่นอาจทำให้ตนอนุมานเรื่องต่างๆ ได้ไม่เต็มที่

ยังเร็วเกินไปที่จะกล่าวอ้างว่าใครคนหนึ่งเป็นคู่แข่งทางการเมืองเพียงเพราะเขาพูดขัดคอขึ้นมาครั้งเดียว แพทริเซียข้ามไปที่เรื่องต่อไปทันที

“เช่นนั้น การหารือในส่วนนั้นให้ทางกรมคลังส่งรายงานมาต่างหากก็แล้วกัน… เรื่องต่อไปคือเรื่องใด”

“เรื่องต่อไปเป็นเรื่องที่ฝ่าบาทยังไม่ได้อ่านรายงานพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเห็นควรให้หารือกันในการประชุมครั้งถัดไปน่าจะดีกว่า”

“ได้ เช่นนั้นหมายความว่าไม่มีเรื่องด่วนอื่นใดอีกแล้วใช่หรือไม่”

“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ยังเหลือเรื่องสำคัญที่สุดอยู่มิใช่หรือ เรื่องที่เราผลัดมาแล้วครั้งหนึ่ง”

เมื่อมาร์ควิสบริงสโตนเอ่ยปาก แพทริเซียก็พยักหน้าอนุญาตให้เขาพูดต่อไป มาร์ควิสพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยโทสะ

“พวกเราต้องสืบหาคนที่มันบังอาจลอบสังหารพระจักรพรรดินีและทำให้พระจักรพรรดิต้องตกอยู่ในสภาพนั้นพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท การที่มันผู้นั้นยังมีชีวิตอยู่จนถึงบัดนี้นับเป็นเรื่องมิบังควรอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ”

แพทริเซียได้ฟังดังนั้นก็ยิ้มเล็กๆ ที่มุมปากก่อนจะตอบออกไปอย่างใจเย็น

“ใช่แล้ว มาร์ควิส เรากำลังจะพูดถึงเรื่องนั้นพอดี” แพทริเซียพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ตอนนี้เดมราฟาเอลาและหน่วยอัศวินราชองครักษ์กำลังทำการตรวจค้นป่าที่ใช้ล่าสัตว์เมื่อวาน อย่างไรก็ตาม…เราคิดว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้คือบารอเนสเฟ็ลปส์”

หากจะกล่าวอย่างละเอียด เรื่องนั้นมิใช่แค่ความคิดแต่นางมั่นใจ ทว่า คงไม่มีใครเชื่อคำพูดลอยๆ ยิ่งไปกว่านั้นในสายตาของคนนอก โรสมอนด์และแพทริเซียนับว่าเป็นศัตรูหัวใจของกันและกัน ด้วยเหตุนั้น อาจมีคนคิดว่าแพทริเซียวางแผนใส่ร้ายโรสมอนด์ก็เป็นได้ แต่ถึงกระนั้นแพทริเซียก็ลองผลักดันความคิดของตนอย่างแน่วแน่ดูสักตั้ง

“ฝ่าบาท กระหม่อมเองก็มองว่าเรื่องคราวนี้ใหญ่หลวงนัก ต้องมีใครบางคนวางแผนลอบปลงพระชนม์พระจักรพรรดิและเชื้อพระวงศ์เป็นแน่ เราต้องรีบสืบหาตัวคนร้าย นำมาลงโทษประจานความผิดให้จงได้พ่ะย่ะค่ะ”

“เราก็คิดเช่นนั้น ดยุกวีเธอร์ฟอร์ด คำพูดของพวกนักฆ่ามิอาจเมินเฉยได้ เราจึงคิดจะเริ่มการตรวจสอบและสอบสวนบารอเนสเฟ็ลปส์ ท่านอื่นๆ มีความเห็นอย่างไร”

“ทรงตัดสินใจได้ถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท โทษทัณฑ์นี้หนักหนากว่าข้อหาใดๆ ต้องสืบสวนอย่างละเอียดรอบคอบพ่ะย่ะค่ะ”

“เรามิอาจยกโทษให้ผู้ที่หมิ่นเกียรติราชวงศ์มาวินอสได้พ่ะย่ะค่ะ”

แพทริเซียพยักหน้าเมื่อบรรยากาศโดยรวมเป็นไปในทางที่เห็นพ้องต้องกัน แต่นางก็นึกอะไรขึ้นมาได้จึงเอ่ยถามความเห็นของดยุกเอเฟรนี

“ดยุกคิดเห็นอย่างไร”

“ฝ่าบาท” ดยุกเอเฟรนีเอ่ยปากด้วยสีหน้าประหม่า “ถ้าหาก…นางไม่มีความผิด พระองค์จะทรงทำเช่นไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“…ท่านว่าอะไรนะ?”

ขณะที่แพทริเซียกำลังงุนงงเพราะคำตอบที่ไม่คาดคิด ดยุกเอเฟรนีก็พูดต่อ

“ไม่มีหลักฐานใดบ่งชี้ว่าบารอเนสเฟ็ลปส์เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ฉะนั้น การที่…”

“ดยุก”

ครั้นได้ยินเสียงเรียก ดยุกเอเฟรนีก็ดูคล้ายจะตกใจเล็กน้อยแต่เขาก็ตอบรับอย่างใจเย็น

“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”

“ท่านคือผู้อยู่เบื้องหลังหรือ?”

“อะไรนะพ่ะย่ะค่ะ”

“เราถามว่าท่านเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ใช่หรือไม่”

แพทริเซียตั้งคำถามด้วยสีหน้าเยือกเย็นเสียยิ่งกว่าอะไร ทำเอาดยุกเอเฟรนีพูดติดอ่าง

“ฝะ ฝ่าบาท…พระองค์ทรงหมายถึง…”

“ในเมื่อท่านไม่ได้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ชื่อที่ออกมาจากปากของนักฆ่าก็น่าจะถูกต้องที่สุดมิใช่หรือ อ้อ หรือท่านคิดว่าเรากุเรื่องถึงขั้นเสี่ยงชีวิตเพียงเพื่อกำจัดอนุคนหนึ่งจนฝ่าบาทตกอยู่ในสภาพนั้น?”

น้ำเสียงของแพทริเซียสั่นเครือเล็กน้อยด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่านขึ้นมา สองตาเบิกกว้าง ทั้งยังพูดเสียงดังกว่าปกติ ตนไม่ใช่คนที่จะขึ้นเสียงได้ง่ายๆ ในสถานการณ์แบบนี้ แต่อย่างน้อยในตอนนี้ตนก็ควรทำเช่นนั้น เขากล้าดีอย่างไร

“อ้อ เช่นนั้นท่านจะบอกว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ก็คือเราเองหรือ?”

“ฝ่าบาท โปรดอย่าด่วนสรุป…”

“ไม่สิ ดยุก เช่นนั้นแล้วเราควรจะคิดเช่นไรกับเรื่องนี้? เราได้ยินพวกนักฆ่าพูดเต็มสองหูว่าบารอเนสเฟ็ลปส์คือคนร้ายตัวจริง แล้วจะให้เราชี้ตัวผู้อื่นว่าเป็นคนร้ายรึ? ไหนท่านลองว่ามา ดยุก หากมีคนอื่นอีก เราจะไปสอบสวนคนผู้นั้นด้วยความยินดี”

“…”

“นี่ท่านพูดออกมาโดยไม่มีข้อเสนออื่นเช่นเดียวกับเมื่อครู่นี้อย่างนั้นหรือ?”

“ฝ่าบาท…กระหม่อมเพียงแต่กังวลว่าผู้บริสุทธิ์จะถูกใส่ความ จึงได้…”

แพทริเซียมองดยุกเอเฟรนีที่ค่อยๆ พูดเสียงเบาลง แล้วก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้

“หากท่านคิดเช่นนั้น ตราบใดที่ไม่มีใครสารภาพออกมาเอง คดีนี้ก็คงจะปิดลงไม่ได้สินะคะ เพราะมัวแต่เกรงว่าจะมีคนถูกใส่ร้าย หากเป็นเช่นนั้นจะทำอย่างไร…ใช่ไหมคะ?”

“…”

แพทริเซียมองดยุกเอเฟรนีด้วยสายตาที่เย็นชายิ่งขึ้น และในตอนนั้นเองนางก็ตระหนักได้

อา คนผู้นี้ต้องเกลียดข้าอย่างแน่นอน

“ดยุก เราไม่เข้าใจจริงๆ เราคือคนที่ต้องพาจักรวรรดิเดินหน้าต่อไปในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และยังต้องสืบหาคนร้ายแทนพระจักรพรรดิ ฉะนั้น คำกล่าวของท่านเมื่อครู่ทำให้เราลำบากใจเหลือเกิน หรือท่านกำลังจะบอกให้เราปล่อยเรื่องเมื่อวานไปเสียเพราะอาจมีผู้โชคร้ายขึ้นมาก็ได้อย่างนั้นหรือ แม้ว่ามันจะเป็นเหตุการณ์ที่เกือบทำให้สองผู้นำของจักรวรรดิต้องตาย?”

“…พระอาญามิพ้นเกล้า กระหม่อมคิดน้อยไปพ่ะย่ะค่ะ”

“ใช่แล้ว ดยุก ท่านสมควรต้องพูดคำนั้น ที่ท่านพูดเมื่อครู่อาจทำให้ท่านต้องโทษฐานก่อกบฏได้ คนฉลาดอย่างท่านไม่น่าจะไม่รู้กระมัง”

“…”

“สำหรับเรื่องนี้ เราขอมอบอำนาจในการสืบสวนทั้งหมดให้กับดยุกวีเธอร์ฟอร์ด ท่านจะรับหน้าที่นี้ได้หรือไม่”

“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท กระหม่อมจะสืบหาคนร้ายตัวจริงสุดความสามารถพ่ะย่ะค่ะ”

สีหน้าของแพทริเซียยังมีร่องรอยของโทสะให้เห็น แต่น้ำเสียงของนางไม่ดังไปกว่าปกติจนน่าตกใจอีกแล้ว แพทริเซียหายใจเข้าหายใจออกลึกๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ก่อนจะกล่าวปิดการประชุม

“การประชุมในวันนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเพราะเรื่องเมื่อวาน อีกทั้งตัวเรายังไม่รู้เรื่องกิจการบ้านเมืองมากนัก เช่นนั้นให้พอแค่นี้ พรุ่งนี้ค่อยมารวมตัวกันอีกครั้ง”

***

สิ่งที่แพทริเซียทำเป็นอย่างแรกเมื่อกลับถึงตำหนักคือการสืบเบื้องลึกเบื้องหลังของดยุกเอเฟรนี

“มีร์ยา ช่วยไปสืบเบื้องหลังของดยุกเอเฟรนีให้ข้าที”

“วันนี้เกิดอะไรขึ้นในที่ประชุมขุนนางหรือเพคะ ฝ่าบาท?”

“ได้ยินว่ามีเรื่องน่ะค่ะ”

เปโตรนิยาตอบแทนแพทริเซียด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ ซึ่งพอจะบอกได้ว่านางไม่พอใจอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องนี้

“วันนี้ดยุกเอเฟรนีโต้แย้งฝ่าบาททุกเรื่องเลยค่ะ…คล้ายกับวางแผนมา”

“…”

เมื่อได้ฟังสิ่งที่เปโตรนิยาพูด แพทริเซียก็มีสีหน้าคล้ายกับว่านึกอะไรออก ก่อนจะส่ายหน้า มีร์ยารู้สึกสงสัยในท่าทีนั้นจึงเอ่ยถาม

“มีอะไรหรือเพคะ ฝ่าบาท”

“เปล่า ดูเหมือนข้าจะใจเร็วด่วนได้เกินไป หลังจากเจอเรื่องเมื่อวาน สติสัมปชัญญะของข้าก็ดูจะแปลกไปอย่างไรมิทราบ”

“ฝ่าบาท…เมื่อวานนี้…”

จะว่าไปนางก็ยังไม่ได้เล่าเรื่องเมื่อวานให้ทั้งคู่ฟังเลย ราฟาเอลาได้พูดคุยกับนางบ้างแล้ว ประกอบกับสิ่งที่ได้ยินจากคนรอบตัวจึงน่าจะพอรู้สถานการณ์คร่าวๆ ต่างจากสองคนนี้

แพทริเซียเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานอย่างไม่มีตกหล่น แต่แน่นอนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากตกหน้าผานั้นนางเก็บไว้เป็นความลับ

ไม่ได้มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษ เพียงแต่คิดว่าเรื่องพวกนั้นไม่จำเป็นต้องเล่า

“พระเจ้าช่วย…สุดท้ายบารอเนสเฟ็ลปส์ก็ทำถึงขั้นนั้น…”

“เนื่องจากไม่มีหลักฐานจึงลำบากอยู่ไม่น้อย ต่อให้โทษหนักหนาเพียงใด ก็ยากที่จะทำให้นางถูกลงโทษเพียงเพราะคำพูดคำเดียว”

“ถูกต้อง ข้าจึงกำลังใคร่ครวญ หากมีหลักฐานไม่เพียงพอก็ต้องสร้างขึ้นมา”

“ครั้งนี้เจ้าคิดจะจบเรื่องทั้งหมดเลยหรือ?”

“หากทำได้…ข้าย่อมยินดี”

ไม่จำเป็นต้องยืดเยื้อ ไม่มีความเมตตาและไม่มีการยกโทษให้อีกแล้ว เมื่อก่อนเรื่องพวกนั้นอาจเป็นสิ่งจำเป็น แต่ตอนนี้ สถานการณ์นี้ การกระทำเช่นนั้นมีแต่จะฟ้องว่าตัวนางนั้นโง่เขลาเพียงใดเท่านั้น แพทริเซียต้องการจบเรื่องทุกอย่างหากเป็นไปได้ สิ่งที่นางต้องการคือความตายของโรสมอนด์ นางเป็นปุถุชนคนธรรมดาเกินกว่าจะมีความคิดที่บริสุทธิ์อยู่เบื้องหลังความปรารถนานั้น เมื่อถูกกระทำ นางก็อยากจะตอบโต้ ยิ่งเฉียดตายเช่นนี้ นางยิ่งอยากจะเอาคืน

พระเจ้าอาจกล่าวว่า การลงโทษจะเกิดกับโรสมอนด์ในที่สุด จงอย่าสร้างนรกบนดิน แต่ไม่รู้สิ หากมิได้แก้แค้นในตอนนี้ อย่าว่าแต่โลกใบนี้เลย แม้แต่ใจข้าก็คงจะกลายเป็นนรกไปด้วย ต่อให้ข้าต้องตกนรกด้วยเรื่องนี้ ข้าก็หาได้เสียใจไม่ แพทริเซียยิ้มเศร้าก่อนจะยกมือขึ้นปิดหน้า

***

การสอบปากคำโรสมอนด์เกิดขึ้นในทันที แม้ว่างานราชการจะล้นมือเพียงใด แพทริเซียก็จะเจียดเวลามาร่วมสังเกตการณ์การสอบปากคำด้วยตัวเอง ส่วนโรสมอนด์นั้น แม้จะถูกขังอยู่ในคุกใต้ดิน แต่นางก็ยังมิอาจละทิ้งรอยยิ้มโอหังอันเป็นเอกลักษณ์ ทั้งยังมีสีหน้าเหยียดหยามคนให้จมดิน แพทริเซียทั้งเกลียดและไม่สบอารมณ์กับการกระทำของอีกฝ่าย แต่นางก็เลือกที่จะอดทน เพราะอีกไม่นานโรสมอนด์จะต้องหายไป

แน่นอนว่าโรสมอนด์ย่อมไม่ให้ความร่วมมือในการสอบปากคำ ไม่ว่าจะถามอะไรนางก็เงียบ หากจะพูดอะไรออกมาสักคำก็มีแต่คำว่า “ไม่รู้” ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไปคงไม่มีความคืบหน้าเป็นแน่ แม้จะคาดการณ์ไว้แล้วว่าเรื่องคงไม่ง่ายนัก แต่แพทริเซียไม่คิดเลยว่าเรื่องจะไม่คืบหน้าถึงเพียงนี้

แพทริเซียคิดเป็นครั้งแรกว่าอยากจะใช้อำนาจของตนให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็มีอันต้องพับความคิดนั้นไป เพราะมันเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ นางย่อมไม่ปรารถนาที่จะยึดติดอยู่กับสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

ดยุกวีเธอร์ฟอร์ดกำลังสอบสวนโรสมอนด์ แพทริเซียจ้องมองภาพนั้นเขม็ง ทันใดนั้นนางก็ก้าวเข้าไปในห้องสอบสวนด้วยตัวเอง ดยุกวีเธอร์ฟอร์ดตกใจกับการปรากฏตัวของแพทริเซียเล็กน้อยพลางเอ่ยปากถาม

“ฝ่าบาท มีอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“ดูเหมือนว่าการสอบสวนจะไม่คืบหน้าเอาเสียเลย นี่ก็สี่วันเข้าไปแล้วแต่นางยังคงไม่ยอมเปิดปากพูดอะไร”

ใช่ สี่วันแล้ว ลูซิโอยังคงหลับใหล ส่วนโรสมอนด์ก็ยังไม่ยอมเปิดปาก

แพทริเซียถือเป็นคนที่อดทนอดกลั้นได้ดี แต่ในสถานการณ์เช่นนี้นางไม่สามารถแสดงข้อดีนั้นออกมาได้ แพทริเซียลดเสียงลงและพูดกับดยุกวีเธอร์ฟอร์ด

“ดยุก เราอยากสอบสวนนางด้วยตัวเอง ท่านจะขัดข้องหรือไม่”

“ไม่เลยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ทรงทำตามพระประสงค์เถิดพ่ะย่ะค่ะ”

ดยุกวีเธอร์ฟอร์ดเปิดทางให้ แพทริเซียอ่านบันทึกที่เขาทิ้งไว้ด้วยสีหน้าเฉยเมย ว่างเปล่า ยังคงว่างเปล่า น่าเบื่อเสียจริง แพทริเซียยิ้มเยาะ

Lady to Queen

Lady to Queen

‘เปโตรนิยา’ และ ‘แพทริเซีย’ เป็นบุตรีฝาแฝดของ‘ตระกูลโกรเชสเตอร์’ สองพี่น้องรักใคร่กลมเกลียว ตระกูลโกรเชสเตอร์จึงอยู่กันอย่างสงบสุขเรื่อยมา ทว่า ความสงบสุขนั้นมีอันต้องสั่นคลอน เมื่อเปโตรนิยา บุตรีคนโตถูกเลือกเป็นจักรพรรดินี จนนำไปสู่จุดจบอันแสนเศร้าที่ทั้งตระกูลถูกประหารภายใต้กิโยติน เมื่อบุตรีคนเล็กของตระกูลอย่างแพทริเซียลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่า เธอได้ย้อนเวลากลับมา ณ จุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรม ครั้นได้เห็นรอยยิ้มสดใสของผู้เป็นพี่สาวอีกครั้ง แพทริเซียก็ปฏิญาณตนในใจอย่างแน่วแน่ ‘ข้าจะเป็นจักรพรรดินีแทนท่านพี่เอง’ แพทริเซียอาสาเข้ารับการคัดเลือกจักรพรรดินี คราวนี้เธอจะไม่ยอมให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย และเพื่อการนั้น เธอจึงต้องเผชิญหน้ากับทั้งความรักและความชิงชังอีกครั้ง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset