Lady to Queen บัลลังก์แค้นจักรพรรดินี – ตอนที่ 38 หรือพระองค์ทรงเล็งโอกาสนี้ไว้?

“ร้ายกาจเสียจริง ไม่สิ หรือเราต้องชมว่าหลักแหลมล่ะ?”

“หม่อมฉันเป็นผู้บริสุทธิ์เพคะ ฝ่าบาท ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์จับคนไม่มีความผิดมากักขังเช่นนี้ได้หรือเพคะ”

“แม้ไม่มีหลักฐานว่าเจ้ากระทำผิด แต่ก็ไม่มีหลักฐานว่าเจ้ามิได้กระทำผิดเช่นกัน เราได้แต่นึกเสียดายที่คำพูดของเรามิอาจใช้เป็นหลักฐานได้ ตอนนั้นเราน่าจะจำหน้าเจ้าคนที่พูดเอาไว้เสียหน่อย”

แพทริเซียพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ส่วนโรสมอนด์มีสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องด้วยตัวนางเองก็รู้ดี

แม้จะเป็นจักรพรรดินี แต่หากไม่มีหลักฐานแน่ชัดก็ไม่สามารถลงโทษประชาชนที่ยังพิสูจน์ความผิดไม่ได้ ต่อให้ความผิดนั้นเป็นความผิดฐานลอบปลงพระชนม์จักรพรรดิก็ตาม แพทริเซียครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเรียกชื่ออีกฝ่าย

“โรสมอนด์ แมรี ลา เฟ็ลปส์”

“เพคะ ฝ่าบาท?”

“ดูเหมือนเจ้าจะยังมั่นใจอยู่ได้เพราะตอนนี้ยังไม่มีหลักฐาน แต่เจ้าไม่คิดว่าตัวเองชะล่าใจไปหน่อยหรือ?”

“พระองค์ทรงหมายความว่ากระไร”

“สาวใช้ของเจ้ากำลังถูกสอบสวนอยู่ที่ห้องข้างๆ แม้ตอนนี้จะยังไม่ถึงขั้นใช้วิธีทรมาน… แต่ใครจะรู้ หากเรื่องยังไม่คืบหน้าเช่นนี้ เราเองก็กำลังใคร่ครวญอยู่ว่าควรจะใช้เริ่มการทรมานเลยดีหรือไม่ เพราะนั่นเป็นวิธีที่แน่นอนที่สุด จริงไหม?”

แน่นอนพอๆ กับความโหดเหี้ยมของมัน แพทริเซียยิ้มกว้าง โรสมอนด์หน้าตึงไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมาราวกับไม่ได้รู้สึกอะไร

“อา หากเป็นเช่นนั้น นางก็คงจะยอมรับผิดทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำผิดกระมังเพคะ”

“จะเป็นเช่นนั้นหรือ ใช่แล้ว เราต้องทำถึงขั้นนั้นเชียวหรือ?”

แพทริเซียหัวเราะอย่างเป็นธรรมชาติพลางลูบผมของตนที่ดีดออกมา แล้วพูดต่อด้วยโทนเสียงต่ำ

“เราต้องจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยก่อนที่ฝ่าบาทจะฟื้นเพื่อสร้างความปีติยินดีให้แก่พระองค์ จริงไหม? เมื่อทรงฟื้นขึ้นมาก็พบว่าคนร้ายลอบปลงพระชนม์ได้ตายไปแล้ว อา ช่างเป็นฉากความสุขที่สมบูรณ์แบบเสียนี่กระไร”

“ต่อให้ต้องป้ายความผิดให้ใครสักคนอย่างนั้นหรือเพคะ”

“เรื่องนั้นฝ่าบาทจะทรงทราบได้อย่างไรเล่า บารอเนส พระองค์จะไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น”

แน่นอนว่าหากเรื่องเป็นไปในทิศทางนั้น เขาย่อมรู้ แต่ต่อให้เขาจะเกลียดชังนางเพียงใด เขาก็มิอาจทัดทานอะไรได้

อย่างน้อยจักรพรรดินีก็มีอำนาจเช่นนั้น แพทริเซียเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมาจึงย้ำกับโรสมอนด์

“เราหวังว่าเจ้าจะยอมรับสารภาพในเร็ววัน บารอเนสเฟ็ลปส์ ขณะนี้เหล่าอัศวินกำลังพลิกแผ่นดินตรวจค้นทั่วสนามล่าสัตว์ หากเจอหลักฐานที่แน่ชัดเข้าล่ะก็ ถึงตอนนั้นคงไม่ใช่แค่หายนะธรรมดาเป็นแน่ แต่หากเจ้ายอมสารภาพ เราก็จะรักษามารยาทและยอมปล่อยเจ้าไปในฐานะหญิงคนรักของพระจักรพรรดิ”

โรสมอนด์ที่ยืนฟังอย่างนิ่งเฉยมาครู่หนึ่งถ่มน้ำลายใส่หน้าแพทริเซีย นั่นทำให้สีหน้าของแพทริเซียบิดเบี้ยวในทันใดจนดูน่ากลัว แต่นางก็ยังรักษาความสุขุมเอาไว้ได้และกล่าวพลางหัวเราะกับโรสมอนด์

“ตายจริง ต่อให้พ้นผิดจากเรื่องนั้น แต่เจ้าอาจต้องเข้าคุกโทษฐานดูหมิ่นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เสียกระมัง”

“หม่อมฉันก็อยู่ในคุกแล้วมิใช่หรือเพคะ ฝ่าบาท สถานการณ์ของหม่อมฉันคงไม่แย่ไปกว่าตอนนี้หรอกกระมัง อาศัยจังหวะที่พระจักรพรรดิทรงยังไม่ได้พระสติมาเอาคืนอนุภรรยาอย่างหม่อมฉันเช่นนี้… หรือว่าพระองค์ทรงเล็งโอกาสนี้ไว้? เช่นนั้นคนที่ควรถูกสอบสวนคงมิใช่หม่อมฉัน…”

เพี้ยะ!

ในตอนนั้นเอง แพทริเซียมิอาจเอาชนะความโกรธได้อีกต่อไป นางเงื้อมือตบโรสมอนด์สุดแรง เดิมทีนางพยายามควบคุมอารมณ์มิให้หุนหันพลันแล่น อีกทั้งช่วงนี้ก็มิได้มีเรื่องอะไรให้หงุดหงิดใจมากนัก แต่คำพูดของโรสมอนด์เท่านั้นที่แพทริเซียไม่สามารถทนได้จริงๆ

นางจะไม่ทนอีกต่อไป แพทริเซียเขม้นมองโรสมอนด์ด้วยสายตาเย็นเยียบและกล่าว

“ระวังปากด้วย เจ้ากล้าดีอย่างไรจึงมาเล่นลิ้นกับเราเช่นนี้ คิดว่าเราไม่กล้าทำอะไรเจ้าหรือ”

“…”

โรสมอนด์เขม้นมองแพทริเซียกลับด้วยสีหน้านิ่งสนิทไม่แสดงอารมณ์และไม่ปริปากพูดอะไร

แพทริเซียอดขนลุกไม่ได้ แผนการต่อไปของโรสมอนด์อยู่เหนือการคาดเดาของนาง แต่นางไม่กลัว นางคิดว่าตนเพียงแต่ตกใจที่ได้พบกับสิ่งที่ไม่คาดคิดเท่านั้น หญิงสาวพูดต่อไป

“คิดคำสั่งเสียไว้เสียก็ดี ดูเหมือนไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็จะไม่เปิดปาก ใช่หรือไม่?”

“…”

โรสมอนด์ยังคงจ้องแพทริเซียด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ตอนนี้แพทริเซียไม่คิดถึงเรื่องอื่นใด มีเพียงความรู้สึกเข็ดขยาดเท่านั้น นี่อีกฝ่ายอยากได้ตำแหน่งจักรพรรดินีบ้าๆ นี่ถึงเพียงนี้เชียวหรือ ถึงได้คอยวางแผนยุ่งยากน่ารำคาญอยู่เรื่อย? หากตำแหน่งนี้ได้มาจากความเพียรพยายามล่ะก็ ฝ่ายนั้นคงได้ตำแหน่งนี้ไปครองแล้ว

แพทริเซียไม่ซ่อนสายตาเย็นชาและเดินออกจากห้องสอบสวนไปทั้งอย่างนั้น การอยู่ที่นี่ในช่วงเวลาที่ยุ่งจนแทบไม่ได้ลืมหูลืมตาเช่นนี้รังแต่จะเป็นการเอาเวลามาทิ้งเท่านั้น

ดยุกวีเธอร์ฟอร์ดมองแพทริเซียที่เดินออกมาจากห้องด้วยสายตาห่วงใย ท่าทางเขาจะได้ยินเสียงที่นางลงไม้ลงมือกับโรสมอนด์ เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงประหม่า

“ฝ่าบาท ข้างในเกิดอะไรขึ้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“…”

แพทริเซียเพียงแต่มองดยุกวีเธอร์ฟอร์ดโดยไม่พูดอะไรก่อนจะเฉไฉไปพูดเรื่องอื่น

“สอบสวนคนร้ายให้ดี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องทำให้นางเปิดปากให้จงได้”

“…พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”

ดยุกวีเธอร์ฟอร์ดค้อมศีรษะทำความเคารพ จากนั้นหญิงสาวก็เดินจากมาพร้อมกับสายตาที่เย็นชา แพทริเซียรู้สึกคล้ายกับมีหนามเล็กๆ มากมายกำลังแย่งกันทิ่มแทงศีรษะ เป็นความรู้สึกโกรธจนตัวสั่น

แพทริเซียคำรามออกมาเบาๆ ไม่ว่าโรสมอนด์จะมีปฏิกิริยาอย่างไร แต่ตัวตนของนางก็ทำให้แพทริเซียเครียดได้เสมอ จะว่าไปแล้ว ยิ่งในสถานการณ์เช่นนี้ยิ่งแล้วใหญ่

***

“พระอาการของฝ่าบาทยังไม่ดีขึ้นเลยหรือ”

“ฟังว่าเป็นเช่นนั้นเพคะ ฝ่าบาท”

ครั้นได้ยินคำตอบจากมีร์ยา แพทริเซียก็ไม่พูดอะไรอีก แต่มีร์ยากลับเอ่ยถามขึ้นขณะที่แพทริเซียกำลังจะก้าวเข้าสู่เขตตำหนักกลาง

“ฝ่าบาท ไม่ไปที่ตำหนักกลางหน่อยหรือเพคะ”

“ไยต้องไป”

แพทริเซียถามกลับห้วนๆ ก่อนจะปิดปากสนิท คำพูดของนางดูอกตัญญูเกินไปหรือไม่? ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เสี่ยงตายเพื่อปกป้องนาง แพทริเซียถอนหายใจสั้นๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินไปทางตำหนักกลางโดยไม่พูดอะไร นี่เป็นเพียงการเยี่ยมไข้ธรรมดาๆ เท่านั้น

ข้ารับใช้ของตำหนักกลางดูตกใจกับการปรากฏตัวของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ช่างน่าขันที่ปฏิกิริยาเช่นนี้เกิดขึ้นกับการที่จักรพรรดินีเสด็จมาหาจักรพรรดิ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วนั่นเป็นเรื่องที่สมควร

เรื่องที่สามีภรรยาคู่นี้ไม่ค่อยลงรอยกันย่อมรู้มาถึงตำหนักกลางแล้ว อย่างไรก็ตาม เรื่องที่จักรพรรดิมอบใจให้โรสมอนด์เองก็เปิดเผยออกมาจนหมดสิ้นแล้วเช่นกัน

“พระจักรพรรดิประทับอยู่ด้านในหรือ”

“เพคะ ฝ่าบาท ทรงมีเรื่องอันใดหรือเพคะ”

“เรามาดูพระอาการ ขอเข้าไปได้หรือไม่”

“ได้เพคะ”

นางกำนัลเคารพอย่างนอบน้อมพร้อมเปิดประตูให้ แพทริเซียคิดตั้งมั่นในใจว่าตนจะพยายามไม่คิดอะไร ก่อนจะก้าวเข้าไปในห้อง แต่นางก็ไม่สามารถห้ามความคิดที่เอ่อล้นออกมาได้ แพทริเซียถอนหายใจด้วยความอึดอัดก่อนจะหลุดเสียงพึมพำออกมา

“อย่างไรก็ดี…ไม่แปลกที่ข้าจะเป็นห่วง”

แพทริเซียค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้อีกฝ่าย ภาพที่เขานอนนิ่งราวกับคนตายนั้นไม่ต่างไปจากตอนที่อยู่ในถ้ำแม้แต่น้อย เขากำลังฝันเรื่องอะไรอยู่? ที่ยังไม่ตื่นขึ้นมาเพราะเขากำลังหลงทางอยู่ในความฝันนั้นหรือ?

ทำให้คนเขาเป็นห่วงโดยใช่เหตุ ทำให้คนเขาต้องมาหาโดยใช่เหตุ

แพทริเซียถอนหายใจออกมา ได้โปรด ท่านรีบตื่นขึ้นมาเถิด อย่าทำให้คนเขาต้องเป็นห่วง อย่าทำให้ข้ายุ่งวุ่นวายด้วย แพทริเซียมองไปทั่วร่างของลูซิโอด้วยสายตาครุ่นคิด เขาดูผอมลงไปอีกแล้ว

ท่านมารับลูกศรแทนข้าทำไมกัน

ท่านรับลูกศรอาบยาพิษนั้นเพราะความรู้สึกผิดที่มีต่อข้าจริงๆ หรือ? จักรพรรดิของจักรวรรดิจะทำอะไรขาดสติเช่นนั้น? แพทริเซียยิ้มเยาะออกมา ทันใดนั้นนางก็ลุกพรวดขึ้นจากที่นั่ง ขืนอยู่ที่นี่ต่อไปต้องรู้สึกเหมือนเมื่อครู่นี้เป็นแน่

แพทริเซียเดินเนิบๆ ออกไปโดยไม่หันหลังกลับ ทว่า กลับมีความรู้สึกบางอย่างคอยขัดขวางแต่ละย่างก้าวนั้น มันคืออะไรกันนะ

แพทริเซียไม่นึกสงสัย ไม่สิ ต้องบอกว่านางตั้งใจว่าจะไม่สงสัย สงสัยไปแล้วจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงล่ะ

มีคนที่สามารถให้คำตอบที่ถูกต้องได้อย่างนั้นหรือ? ด้วยเหตุนั้นจึงไม่ควรเก็บคำถามที่ไร้คำตอบไว้ในใจตั้งแต่ต้น เพราะคนที่จะทรมานก็คือตัวนางเอง

แพทริเซียสลัดเยื่อใยทั้งหมดทิ้งไปและก้าวเดินต่อ เมื่อออกมาข้างนอกหญิงสาวก็รู้สึกได้ว่าข้ารับใช้กำลังมองมาเป็นเชิงถามว่า เหตุใดจึงออกมาเร็วนัก แต่นางไม่ได้สนใจ เพียงแต่กล่าวขอบคุณสั้นๆ ที่ช่วยดูแลจักรพรรดิเท่านั้น

แพทริเซียก้าวขาออกเดินอีกครั้งโดยทิ้งความรู้สึกอ่อนไหวมายาที่เกิดขึ้นสั้นๆ ณ ที่นี้ไว้เบื้องหลัง เพราะตอนนี้ได้เวลาคลานกลับไปสู่ความจริงอันโหดร้ายและซับซ้อนแล้ว…

***

งานของราชสำนักและงานของฝ่ายในไม่ได้ต่างกันมากนัก แต่เมื่อต้องทำงานทั้งสองพร้อมๆ กัน ความเหนื่อยยากจึงเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว

แต่ถึงกระนั้น นางก็มีแต่ต้องทำเท่านั้น นี่มิใช่งานที่นางทำเพราะอยากทำ และมิใช่งานที่นางต้องพยายามทำให้ดี เป็นเพียงงานที่นางต้องทำ แม้ไม่เคยสัมผัสกับผลลัพธ์ของการไม่ทำงานเหล่านั้น แต่แพทริเซียก็พอจะเดาได้

ด้วยเหตุนั้นรอยคล้ำใต้ตาของหญิงสาวจึงไม่ยอมหายไปไหน แววตาของนางเหม่อลอยตลอดเวลาเพราะนอนไม่พอ ส่วนมุมปากก็คว่ำลงและคงอยู่เช่นนั้น

เปโตรนิยาและคนรอบตัวต่างก็เป็นห่วงแพทริเซีย แต่ก็ไม่สามารถห้ามไม่ให้ฝ่ายนั้นทำงานได้ เพราะพวกนางต่างรู้ดีว่าหากแพทริเซียทำงานไม่ดีจะเกิดผลอะไรตามมา

แพทริเซียเขี่ยมุมกระดาษที่เปื่อยแสนเปื่อยเล่นไปพลางอ่านเอกสารเกี่ยวกับการช่วยเหลือทางด้านการเงินเพิ่มเติมให้กับราษฎรที่ยากไร้ในปีนี้ ในตอนนั้นเองราฟาเอลาก็เข้ามา แพทริเซียปิดเอกสารลงทันที

“เดมราฟาเอลา”

“ฝ่าบาท หม่อมฉันกลับมาแล้วเพคะ”

ไม่เจอกันแค่ไม่กี่วันแต่อีกฝ่ายดูซูบลงไปมาก ท่าทางการตรวจค้นสนามล่าสัตว์ที่ใช้เวลาเนิ่นนานจะไม่เสียเปล่า แวบหนึ่งแพทริเซียรู้สึกสงสารราฟาเอลาขึ้นมา แต่นางก็สงบสติอารมณ์ก่อนจะถามออกไป

“เห็นเจ้าไม่ส่งข่าวมา ข้าวุ่นวายใจทีเดียว เกิดอะไรขึ้นหรือ”

“ขอประทานอภัยเพคะ ฝ่าบาท”

นางทำสีหน้าคล้ายไม่มีอะไรจะแก้ตัวก่อนจะรายงานต่อไป

“หม่อมฉันได้ตรวจค้นทุกตารางนิ้วแม้แต่มดสักตัวก็ไม่ปล่อยให้หลุดรอดสายตาเพื่อหาสิ่งที่พอจะเป็นเบาะแส ทว่า… พระอาญามิพ้นเกล้า ไม่มีสิ่งใดพอจะเป็นหลักฐานที่แน่ชัดได้เลยเพคะ ราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน”

“เป็นไปไม่ได้” แพทริเซียส่ายหน้า “ถ้าอย่างนั้นพวกนักฆ่าเข้ามาในสนามล่าสัตว์ได้อย่างไรกัน เจ้าเองก็น่าจะรู้ หากจะเข้าไปในสนามล่าสัตว์ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องผ่านจุดที่พวกเราเข้าไปในตอนแรก ด้วยเหตุนั้น ป่านั่นจึงถูกเลือกใช้เป็นสนามล่าสัตว์มิใช่หรือ”

“เป็นเช่นนั้นเพคะ ฝ่าบาท พระองค์รับสั่งถูกต้องแล้ว ทว่า…”

ราฟาเอลาหน้าเสีย นางกัดริมฝีปากก่อนจะยื่นอะไรบางอย่างให้แพทริเซีย มันคือแผนที่ แพทริเซียรับสิ่งนั้นมาก่อนจะถามด้วยความสงสัย

“นี่คืออะไร”

Lady to Queen

Lady to Queen

‘เปโตรนิยา’ และ ‘แพทริเซีย’ เป็นบุตรีฝาแฝดของ‘ตระกูลโกรเชสเตอร์’ สองพี่น้องรักใคร่กลมเกลียว ตระกูลโกรเชสเตอร์จึงอยู่กันอย่างสงบสุขเรื่อยมา ทว่า ความสงบสุขนั้นมีอันต้องสั่นคลอน เมื่อเปโตรนิยา บุตรีคนโตถูกเลือกเป็นจักรพรรดินี จนนำไปสู่จุดจบอันแสนเศร้าที่ทั้งตระกูลถูกประหารภายใต้กิโยติน เมื่อบุตรีคนเล็กของตระกูลอย่างแพทริเซียลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่า เธอได้ย้อนเวลากลับมา ณ จุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรม ครั้นได้เห็นรอยยิ้มสดใสของผู้เป็นพี่สาวอีกครั้ง แพทริเซียก็ปฏิญาณตนในใจอย่างแน่วแน่ ‘ข้าจะเป็นจักรพรรดินีแทนท่านพี่เอง’ แพทริเซียอาสาเข้ารับการคัดเลือกจักรพรรดินี คราวนี้เธอจะไม่ยอมให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย และเพื่อการนั้น เธอจึงต้องเผชิญหน้ากับทั้งความรักและความชิงชังอีกครั้ง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset