อีกด้านหนึ่ง เปโตรนิยาไปเยือนคฤหาสน์ดยุกเอเฟรนีในรอบหลายวันเนื่องด้วยพ่อบ้านของคฤหาสน์เรียกหา หญิงสาวสวมชุดเดรสสีเหลืองเรียบๆ มีเพียงริบบิ้นเส้นหนึ่งประดับอยู่ที่เอว เมื่อไปถึงพ่อบ้านก็ออกมาต้อนรับนางอย่างนอบน้อม
“ยินดีต้อนรับเลดี้เปโตรนิยา เชิญทางนี้เลยขอรับ”
“สวัสดีค่ะ คุณพ่อบ้าน”
เปโตรนิยาทักทายกลับอย่างสุภาพก่อนจะเดินอย่างสง่าผ่าเผยเข้าไปในคฤหาสน์ดยุก ที่นี่ดูไม่ต่างจากตอนที่มาครั้งที่แล้วเท่าไรนัก พ่อบ้านนำทางไปจนถึงห้องรับแขก เปโตรนิยานั่งลงและจิบชาเปเปอร์มินต์ที่สาวใช้นำมาให้หนึ่งอึกก่อนจะเอ่ยถาม
“มีเรื่องอะไรหรือคะ”
“มิใช่เรื่องใหญ่หรอกขอรับ แต่เกรงว่าข้าจะตัดสินใจเองไม่ได้จึงต้องเรียนเชิญเลดี้มา ขออภัยที่ทำให้วุ่นวายนะขอรับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณพ่อบ้าน เดิมทีคนที่ได้รับการไหว้วานจากดัชเชสก็คือข้า ดัชเชสเองก็สั่งเอาไว้แล้ว ท่านทำเช่นนี้นับว่าถูกต้องแล้วค่ะ ว่าแต่มีเรื่องอะไรหรือคะ”
“เรื่องการจับจ่ายซื้อของเกินจำเป็นของมาดามแจนยูเอรีขอรับ เลดี้”
พ่อบ้านกระแอมไอพลางปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติก่อนจะเริ่มอธิบายสถานการณ์ให้เปโตรนิยาฟังอย่างชัดเจน
“รายจ่ายในส่วนนั้นนับเป็นเงินก้อนใหญ่ของค่าใช้จ่ายครึ่งปีแรกเลยทีเดียวขอรับ ด้วยอำนาจของข้าคงจะอนุมัติให้ไม่ได้”
ตายจริง เปโตรนิยาอุทานขึ้นเบาๆ ปัญหายุ่งยากนี่เอง
“ข้าอยากทราบท่าทีของใต้เท้าค่ะ”
“ใต้เท้า…แม้ท่านจะเป็นเช่นนั้นเสมอมา แต่สำหรับเรื่องนี้ท่านใจกว้างขอรับ”
“อ้อ”
เปโตรนิยาทำสีหน้า ‘ข้าถามอะไรไม่เข้าเรื่องเสียแล้ว’ พลางพยักหน้า ก็แน่ล่ะ เดิมทีพวกขุนนางชั้นสูงก็เป็นเช่นนี้อยู่แล้วมิใช่หรือ อะไรที่ทำให้ภรรยาหลวงไม่ได้กลับทำให้อนุภรรยาได้อย่างเปิดเผย เช่นเดียวกับที่จักรพรรดิทำอยู่ตอนนี้ เปโตรนิยาเก็บซ่อนสีหน้าดูหมิ่นพลางถามพ่อบ้าน
“เช่นนั้นท่านอยากให้ข้าทำอย่าง…”
“อุ๊ย เลดี้เปโตรนิยา”
ในตอนนั้นเองเสียงแหลมสูงก็ดังขึ้นขัดบทสนทนาของทั้งสอง เปโตรนิยารับรู้ได้ทันทีว่านั่นเป็นเสียงของใครแม้จะเคยได้ยินเพียงครั้งเดียว นางฝืนยิ้มขณะกล่าวทักทายแจนยูเอรี
“สวัสดีค่ะ มาดาม ไม่เจอกันนานนะคะ”
“นั่นสิคะ เลดี้ ไม่เจอกันนานเลย” แจนยูเอรีเอ่ยถามต่อด้วยรอยยิ้ม “ว่าแต่เลดี้มาทำอะไรหรือคะ…”
“ข้าเรียนเชิญมาขอรับ”
สีหน้าของแจนยูเอรีดูเย็นชาขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของพ่อบ้าน แต่ถึงกระนั้นรอยยิ้มก็ยังคงแขวนอยู่บนใบหน้าของนาง
“อ้อ อย่างนั้นหรือคะ ไม่ทราบว่าด้วยเหตุใด…?”
“ข้าคงไม่จำเป็นต้องอธิบายถึงขนาดนั้นกระมังขอรับ มาดาม”
“…”
แจนยูเอรีดูไม่สบอารมณ์แต่พ่อบ้านก็ยังมีท่าทางขึงขังไม่ยอมจำนนต่อท่าทีของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย เปโตรนิยาคิดว่าพ่อบ้านคนนี้ช่างใจกล้าเสียจริง และรีบเปลี่ยนเรื่องโดยพลัน
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่เรื่องเล็กน้อย”
“…อ้อ อย่างนั้นหรือคะ”
ข้าไม่ทราบเลย ขอโทษนะคะ แจนยูเอรีว่าพลางยิ้มบางๆ และพูดต่อทันทีว่า ‘เช่นนั้นก็ทำตัวตามสบายนะคะ’ ก่อนจะเดินจากไป ลับหลังแจนยูเอรีพ่อบ้านก็ถอนหายใจออกมาอย่างลืมตัว ท่าทางเขาจะมั่นใจแล้วว่าเปโตรนิยาเป็นพวกเดียวกัน
“ที่สำคัญที่สุดย่อมเป็นท่าทีของดัชเชสสินะคะ”
“…”
“เอาล่ะค่ะ คุณพ่อบ้าน พูดมาเถอะค่ะ ดัชเชสคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้คะ”
“ท่านก็รู้ดีอยู่แล้วมิใช่หรือขอรับ เลดี้”
ได้ฟังดังนั้นเปโตรนิยาก็ยิ้มพราย
“ไม่รู้สิคะ ทำไมคุณพ่อบ้านถึงคิดว่าข้ารู้เรื่องทั้งหมดอยู่แล้วล่ะคะ”
“เป็นเรื่องธรรมดามิใช่หรือขอรับ”
“บางครอบครัวก็ไม่คิดว่านั่นเป็นเรื่องธรรมดานะคะ แต่หากข้าคิดไม่ผิด ดัชเชสไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น ถูกต้องไหมคะ”
“แน่นอนขอรับ เลดี้ ดัชเชสคอยควบคุมมาดามแจนยูเอรีมาตลอด ท่านเกลียดที่นางใช้จ่ายเกินตัวยิ่งกว่าผู้ใด”
“เช่นนั้นก็ได้ข้อสรุปแล้วมิใช่หรือคะ”
“เรื่องมิได้เรียบง่ายเช่นนั้นขอรับ ใต้เท้ากับดัชเชสโต้เถียงกันด้วยเรื่องนี้อยู่บ่อยครั้ง”
อนิจจา ก็เป็นไปได้ เปโตรนิยาพยักหน้า
“มีโอกาสที่จะโต้เถียงกันสูงจริงๆ ค่ะ”
“ขอรับ เราควรหาวิธีประนีประนอม แต่เรื่องนั้นไม่ง่ายเลยขอรับ”
“นั่นสินะคะ” เปโตรนิยาพยักหน้าก่อนจะเอ่ยถาม “คุณพ่อบ้านคะ ข้าต้องให้คำตอบตอนนี้เลยไหมคะ”
“ไม่จำเป็นขอรับ แต่ถ้าเร็วหน่อยน่าจะดีกว่าเพราะมาดามแจนยูเอรีเร่งเร้าเหลือเกิน”
ได้ฟังดังนั้นเปโตรนิยาก็พยักหน้ารับคำ
“ไม่ต้องห่วงนะคะ ข้าจะให้คำตอบท่านภายในสามวัน” เปโตรนิยาว่าพลางลุกขึ้น “ภายในสามวันข้าจะกลับมาอีกครั้งพร้อมกับคำตอบที่ทุกฝ่ายน่าจะพอใจค่ะ”
“ขอบคุณมากขอรับ เลดี้”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
แพทริเซียยิ้มบางๆ ก่อนจะออกจากห้องรับแขกไป
***
“…เพราะฉะนั้นข้าจึงอยากให้เจ้าช่วยน่ะ ริซซี่”
แพทริเซียฟังที่เปโตรนิยาเล่าแล้วพยักหน้า เห็นได้ชัดว่านี่เป็นปัญหาที่ยุ่งยาก
‘ทำอย่างไรฝ่ายเราจึงจะได้ประโยชน์’ แพทริเซียคิด
“ถึงอย่างไรเราก็ต้องเลือกคนใดคนหนึ่ง”
แพทริเซียตอบสนองกับคำพูดของเปโตรนิยา
“นั่นสิ ภรรยาหลวงกับอนุภรรยาเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่มีวันเฉียดเข้ามาใกล้กันได้ แม้ไม่จำเป็นต้องตั้งตนเป็นศัตรูกับอีกฝ่ายแต่อย่างน้อยก็ต้องใช้ชีวิตอย่างไม่ลำบาก”
“ข้าก็คิดเช่นนั้น”
ถึงอย่างไรตอนนี้ตระกูลดยุกเอเฟรนีก็เป็นปฏิปักษ์กับแพทริเซีย อีกทั้งตัวนางก็มีตระกูลดยุกวีเธอร์ฟอร์ดอยู่แล้ว สิ่งที่น่าหนักใจคือไม่ว่าจะภรรยาหลวงหรืออนุภรรยาสุดท้ายแล้วทั้งสองฝ่ายต่างก็เป็นภรรยาของดยุก แต่ถึงกระนั้นไม่ว่าใครก็คิดได้ว่าการเลือกเข้าข้างภรรยาหลวงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
“อนุคนนั้นมีชาติกำเนิดอะไรเราก็ไม่รู้ เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับนางเลย ระวังไว้ไม่เสียหาย”
“ถูกต้อง ไม่ว่าจะเลือกทางใดข้าก็ต้องจัดการให้เรียบร้อย ไม่ให้มีความยุ่งยากตามมา”
“ก่อนอื่นให้นางเขียนเสนอรายการสิ่งของที่ต้องการซื้อมาอย่างละเอียด หลังจากตรวจสอบแล้ว รายการไหนไม่จำเป็นก็ตัดทิ้ง อนุญาตให้ซื้อเฉพาะของที่จำเป็นก็พอ ในตอนนี้วิธีนี้น่าจะดีที่สุดแล้ว”
“ข้าก็คิดเช่นนั้น หากเป็นไปได้ การเลือกทำประโยชน์ให้ดัชเชสเอเฟรนีน่าจะเป็นประโยชน์กับเราในอนาคต”
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อนางตอบรับคำขอของดัชเชสเอเฟรนี แจนยูเอรีก็คงถือว่านางเป็นพวกเดียวกับดัชเชสไปแล้ว เปโตรนิยาเปลี่ยนเรื่องคุย
“เรื่องนั้นพอแค่นี้… ริซซี่ ที่นี่ไม่มีเรื่องอะไรสนุกๆ บ้างหรือ ช่วงนี้ข้าไม่ค่อยได้เข้าวังจึงไม่รู้ข่าวคราวอะไรสักอย่าง”
“ที่พอจะเรียกได้ว่าข่าวคราวน่ะไม่มีหรอก…อ้อ มีอยู่เรื่อง ไม่สิ สองเรื่องกระมัง”
“อะไรหรือ”
“โรสมอนด์กลับมาเร็วกว่าที่คิด และได้ยินว่าอีกไม่นานนางจะได้เป็นบุตรีของดยุกแล้วล่ะ”
“…หา?”
นี่มันเรื่องอะไรกันอีกล่ะนี่ สีหน้าเครียดเขม็งด้วยความตกตะลึงของเปโตรนิยาช่างน่าดูชมทีเดียว แต่แพทริเซียก็พูดต่อไปด้วยสีหน้าไม่ทุกข์ไม่ร้อน
“ก็นะ ข้าก็คาดการณ์ไว้บ้างแล้ว ตั้งแต่ที่นางบอกว่าจะเดินทางไปบารอนี…”
“โธ่ ริซซี่ ว่าแต่ทำไมเจ้ายังนิ่งเฉยอยู่เช่นนี้”
“ที่จริงจะบอกว่านิ่งเฉยก็ไม่ได้ แต่เรื่องมันเกิดไปแล้ว นางคงคิดจะใช้ฐานันดรศักดิ์ที่สูงขึ้นมาเป็นอาวุธโจมตีข้ากระมัง”
เมื่อเช้าก็มาก่อความวุ่นวายทีหนึ่งแล้ว ได้ฟังดังนั้นเปโตรนิยาก็ก่ายหน้าผากพลางทำสีหน้าปวดเศียรเวียนเกล้า เพิ่งกลับมาได้ไม่ทันไร ไฉนจึงก่อเรื่องเสียแล้ว
“เจ้าต้องจัดการเรื่องนี้ให้ได้นะ ไม่ว่ามันจะสำเร็จเมื่อไรก็ต้องทำให้ได้”
“ข้ารู้ แต่นี่ยังเร็วเกินไป ต้องรอให้ถึงเวลาก่อน”
จนกว่าจะถึงตอนนั้นข้าก็แค่อุทิศตนทำงานที่ต้องทำและคอยหาจังหวะดีๆ เท่านั้นเอง เปโตรนิยาพยักหน้าให้กับคำพูดของแพทริเซีย สมแล้วที่เป็นน้องสาวฝาแฝดผู้แสนสุขุมของนาง
“งานรำลึกวันสถาปนาจักรวรรดิที่จะจัดขึ้นในสัปดาห์หน้าเตรียมการเสร็จหรือยัง” เปโตรนิยาถาม
“เกือบเสร็จแล้วล่ะ เหลือแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องใส่ใจมากก็ได้”
“โล่งอกไปที”
เปโตรนิยายิ้มบางๆ และเอ่ยถาม “วันนั้นไปเดตกับพี่สาวสักหน่อยดีหรือไม่”
“อืม…ไม่ล่ะ ขอโทษนะ แต่เอาไว้ปีหน้าเถอะ”
“ทำไมล่ะ”
“วันนั้นข้าน่าจะเหนื่อยมาก ต้องพบปะกับขุนนางทั้งวัน”
“นั่นก็จริง”
เปโตรนิยาพยักหน้าอย่างเข้าใจ ตอนนั้นเองแพทริเซียที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็เอ่ยถามขึ้นมา
“ท่านพี่ เจ้าไม่แต่งงานหรือ”
“…อะไรนะ?”
หัวข้อสนทนาที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันทำให้เปโตรนิยาอุทานถามอีกฝ่ายด้วยความงงงัน แพทริเซียพูดต่ออย่างไม่คิดอะไร
“อืม…ข้าก็แต่งงานแล้วจึงคิดว่าน่าจะถึงเวลาของท่านพี่แล้วหรือไม่”
“พระเจ้าช่วย ริซซี่ นี่เจ้าอยากให้พี่สาวรีบออกเรือนขนาดนั้นเชียวหรือ”
ถ้าข้าแต่งงานก็มาเป็นนางกำนัลให้เจ้าไม่ได้แล้วนะ ครั้นได้ยินน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเศร้าสร้อยของอีกฝ่าย แพทริเซียก็ยิ้มพลางแก้ตัว
“ไม่ใช่นะ นีย่า ต้องไม่ใช่อย่างนั้นอยู่แล้ว”
“แล้วอย่างไหนล่ะ”
“อืม…ข้าแค่อยากให้เจ้าได้เจอคนดีๆ เร็วๆ และอยู่อย่างมีความสุขต่างหาก”
“พูดจาไม่เข้าท่า” เปโตรนิยาพูดตัดบทเสียงเข้ม “ตอนนี้ข้าก็มีความสุข”
“จริงหรือ”
“ข้ามีเจ้า มีท่านพ่อท่านแม่อยู่เคียงข้าง แค่นี้มีความสุขดีอยู่แล้ว ชีวิตข้าไม่ได้มีความสุขเพียงเพราะมีผู้ชายอีกคนเพิ่มเข้ามาในชีวิตหรอกนะ”
“โอ้ นิล เมื่อครู่เจ้าเท่มาก”
“ข้ารู้” เปโตรนิยาฉีกยิ้ม “ข้าชอบเวลาที่ได้อยู่กับเจ้าเช่นนี้ ข้ายังอยากมีอิสระอีกสักหน่อย”
“มิใช่ว่าจะไม่แต่งงานตลอดชีวิตใช่ไหม”
“ถ้ามีคนดีๆ โผล่มา ต่อให้เจอกันแค่ห้านาทีข้าก็แต่งได้”
ห้านาทีก็เกินไป แพทริเซียหัวเราะคิกคัก
“ข้าอยากเห็นหน้าหลานเร็วๆ”
“ข้าก็อยากเห็นหน้าหลานเร็วๆ” เปโตรนิยาพูดล้อเลียน “น้องสาวเอ๋ย เจ้าน่าจะมีความเป็นไปได้มากกว่าข้านะ”
“ทำไมล่ะ”
“ข้ายังโสดแต่เจ้าแต่งงานแล้วนี่”
ครั้นได้ฟังสองพี่น้องสนทนากันในหัวข้อที่อ่อนไหวที่สุด มีร์ยาก็มีสีหน้าตะขิดตะขวงใจ แต่แพทริเซียกลับโต้ตอบอย่างไม่คิดอะไร
“นีย่า ข้ากับสามีคงไม่มีลูกด้วยกันไปอีกอย่างน้อยห้าปี ข้าจะอดทนจนกว่าจะตั้งครรภ์และถึงตอนนั้นข้าจะต้องมีบุตรชาย”
“ใครบอกว่าเจ้าจะได้บุตรชาย ขนาดฝันยังคิดการใหญ่นัก”
“ก็…ต้องพยายามจนกว่าจะได้สิ”
แพทริเซียตัดบทส่งๆ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง
“อย่างไรก็เถอะ งานรำลึกฯ ครานี้เจ้าก็ลองหาเจ้าบ่าวดีๆ ดู ใครจะรู้ เนื้อคู่ในพรหมลิขิตของเจ้าอาจจะปรากฏตัวขึ้นมาก็ได้”
“เพ้อเจ้อ เรื่องพรหมลิขิตอะไรนั่นตอนนี้ข้าเข็ดขยาดแล้ว”
“หืม?”
แพทริเซียถามด้วยสีหน้าสงสัย
“ตอนนี้หรือ?”
“ข้าไม่เชื่อเรื่องพรหมลิขิตหรอก ไม่สิ ต่อให้เชื่อแต่ข้าก็เลือกไม่ได้มิใช่หรือ”
นั่นก็จริง แพทริเซียพยักหน้าเงียบๆ ในตอนนั้นเองเปโตรนิยาก็ส่งเสียง ‘ฮึบ’ พร้อมกับลุกขึ้นจากที่นั่ง แพทริเซียเห็นดังนั้นก็เอ่ยถาม
“เป็นอะไรไป”
“ข้าอยากกินขนมปัง เจ้าไม่อยากกินหรือ”
“ถ้าเพิ่งอบเสร็จใหม่ๆ ก็น่าสนใจ”
ได้ยินดังนั้นเปโตรนิยาก็เผยยิ้ม น้องสาวข้าช่างน่ารักเสียจริง
“ดีเลย ริซซี่ รอเดี๋ยวนะ”