เพียงหนึ่งวันหลังจากนั้นเปโตรนิยาก็กลับไปที่คฤหาสน์ดยุก พ่อบ้านยังคงต้อนรับนางอย่างนอบน้อมเช่นเคย เปโตรนิยาดื่มชาที่พ่อบ้านเตรียมไว้ให้ก่อนจะเริ่มเข้าเรื่อง
“รบกวนบอกมาดามแจนยูเอรีว่าให้เขียนรายการสิ่งของที่ต้องการซื้อพร้อมคำนวณรายจ่ายคร่าวๆ มาทีนะคะ คุณพ่อบ้าน แล้วพวกเราค่อยมาตรวจดูและพิจารณากันอีกที”
“ขอรับ เลดี้ เป็นคำตอบที่หลักแหลมมากขอรับ”
“จริงสิ ว่าแต่…” เปโตรนิยาเอ่ยปากอย่างระมัดระวัง
“เชิญกล่าวมาได้เลยขอรับ เลดี้”
“มาดามแจนยูเอรีไม่อยู่หรือคะ”
“ออกไปข้างนอกน่ะขอรับ”
“อ้อ อย่างนั้นหรือคะ”
เปโตรนิยาพึมพำอย่างเสียดาย ก่อนจะพูดกับพ่อบ้านต่อ
“ดูเหมือนข้าจะดื่มชามากไป”
“อ้อ ห้องน้ำอยู่ชั้นสองขอรับ เลดี้ ให้ข้าพาไปไหมขอรับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณพ่อบ้าน แค่บอกทางก็พอแล้วค่ะ”
เปโตรนิยากล่าวดังนั้นและขึ้นชั้นสองไปคนเดียว นางทำทีเป็นเดินไปที่ห้องน้ำตามทางที่พ่อบ้านบอกก่อนจะย่องออกนอกเส้นทางไปยังห้องของแจนยูเอรีที่นางแอบจำทางไว้ตั้งแต่คราวก่อน หญิงสาวลอบเข้าไปในห้องที่เจ้าของไม่อยู่ก่อนจะค้นหีบทุกหีบที่อยู่ในห้องนั้น
‘ต้องหาให้เจอ…’
ขอเพียงหาเจออาจจะมีประโยชน์อะไรก็ได้ อีกทั้งเรื่องอาจจะต่างไปจากที่นางรู้ ถึงอย่างไรตัวแปรก็ถูกนำมาใช้ตั้งแต่ต้นแล้ว เปโตรนิยาเริ่มเร่งมือค้นหา และแล้วนางก็พบอะไรบางอย่างในกล่องหลายเหลี่ยมใบที่ห้า หญิงสาวเกือบจะอุทานออกมาแต่ก็รีบปิดปากและหยิบของในนั้นยัดใส่อกเสื้อ
-แกร๊ก
ตอนนั้นเองประตูก็เปิดออก หัวใจของเปโตรนิยาหดเกร็ง
“มาทำอะไรที่นี่หรือคะ”
แจนยูเอรีนั่นเอง นางมองมาที่เปโตรนิยาด้วยสีหน้าเย็นชาผิดไปจากปกติ
“อ้อ พอดีข้าจะมาเข้าห้องน้ำแต่หลงทาง…จึงลองสุ่มเปิดดูสักห้องเผื่อจะเจอสาวใช้ให้ถามทางน่ะค่ะ แต่ห้องนี้สวยเหลือเกินข้าจึงอยู่ชม เอ หรือนี่จะเป็นห้องของมาดามคะ”
“…ค่ะ”
เมื่อเปโตรนิยาบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ แจนยูเอรีจึงจนใจที่จะซักไซ้อาคันตุกะว่าเหตุใดจึงเข้ามาอยู่ในห้องของคนอื่นตอนที่เจ้าของไม่อยู่ นางทำสีหน้าไม่เต็มใจอย่างเปิดเผย เปโตรนิยาแสร้งยิ้มอ่อนหวานพลางชื่นชมการตกแต่งห้อง
“ตกแต่งห้องได้งดงามมากเลยนะคะ ข้าประทับใจมาก ห้องของข้าไม่เห็นสวยเช่นนี้เลย”
“ก็…ถ้ามีเงินก็ทำได้ทุกอย่างนั่นแหละค่ะ”
แจนยูเอรีตอบอย่างไม่จริงใจ ก่อนจะยิ้มร้ายพลางเอ่ย
“ทีนี้ช่วยออกไปหน่อยได้ไหมคะ เลดี้ พอดีข้าไม่ชอบให้ใครเข้ามาในห้องน่ะค่ะ”
“ตายจริง ขอโทษด้วยค่ะ มาดาม ข้านี่เสียมารยาทจริงเชียว”
“ไม่หรอกค่ะ ไม่เป็นไร”
“เช่นนั้นข้าขอตัวนะคะ”
พูดจบเปโตรนิยาก็ปลีกตัวออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว นางรู้สึกว่าแจนยูเอรียังคงมองมาที่นางด้วยสายตาเคลือบแคลง แต่นางก็เดินต่อไปอย่างสงบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยิ่งทำตัวงุ่นง่านจะพาลให้ยิ่งน่าสงสัยเสียเปล่าๆ
***
แพทริเซียสูดหายใจเข้าลึกๆ นางรู้สึกว่ามงกุฎที่อยู่บนศีรษะหนักกว่าครั้งไหนๆ ราฟาเอลาที่อยู่ด้านข้างดูเหมือนจะรู้ว่านางกำลังประหม่าจึงพยายามช่วยให้ผ่อนคลาย
“เป็นอะไรไป ฝ่าบาท ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”
“เฮ้อ…ไม่หรอก แค่ประหม่านิดหน่อยน่ะ”
แพทริเซียตอบพลางยิ้มอย่างอ่อนแรง นั่นทำให้ราฟาเอลาในชุดเดรสสีเงินแปลกตาระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“ฝ่าบาท เจ้าคงไม่ได้ส่องกระจกดูให้ดีใช่ไหมว่าตอนนี้เจ้างดงามเพียงใด”
“…”
คำพูดนั้นทำให้แพทริเซียหน้าแดง ถึงอย่างไรนางก็เป็นนางตัวร้ายได้แค่ลมปากเท่านั้น ในยามนี้ไม่มีใครใสซื่อไปกว่านางอีกแล้ว ราฟาเอลายิ้มอ่อนโยนเหมือนมารดายิ้มให้บุตรสาวก่อนจะกล่าว
“เจ้าสวยจริงๆ นะ ริซซี่ อย่างกับนางฟ้าลงมาจากสวรรค์”
“นั่นก็เกินไป”
“พูดจริงนะเนี่ย”
ระหว่างที่พวกนางหยอกเย้าหัวเราะคิกคักกันอยู่นั้น เปโตรนิยาก็ปรากฏตัวในชุดเดรสผ้ากำมะหยี่สีเขียวเข้มรับกับเรือนผมสีแดงเพลิงอย่างงดงาม แพทริเซียยิ้มและกล่าวต้อนรับอีกฝ่าย
“มาสิ นีย่า วันนี้เจ้าสวยมาก”
“พระจักรพรรดินีก็ทรงพระสิริโฉมเช่นกันเพคะ”
แพทริเซียถึงกับหลุดขำเมื่อได้ยินเปโตรนิยาตอบรับด้วยคำพูดทางการต่างไปจากปกติ ช่างน่าอายนัก
“ท่านพ่อท่านแม่ล่ะ” แพทริเซียเอ่ยถาม
“พวกท่านน่าจะสายหน่อย ข้าออกมาก่อน”
“อ้อ”
แพทริเซียยิ้มน้อยๆ
“จะว่าไปแล้ววันนี้น้องสาวฝาแฝดข้างดงามยิ่ง”
“ว่าไปนั่น”
“ไม่นะ สวยจริงๆ”
เปโตรนิยาว่าพลางจับชุดที่แพทริเซียสวม
“ชุดก็สวย ผมก็เกล้าอย่างงดงาม มงกุฎก็เปล่งประกาย”
“ทำไมวันนี้เจ้าเป็นแบบนี้”
“น้องข้างามยิ่ง ข้าชักจะอิจฉาแล้วสิ”
เปโตรนิยาหัวเราะคิกคักด้วยสีหน้าหยอกเย้าก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเสียดาย
“ถ้ายังโสดพวกผู้ชายคงร้องฮือ”
“หา…”
แพทริเซียทำสีหน้าเก้อเขินก่อนจะพูดราวกับแก้ตัว
“ตอนนี้ก็ไม่เลว ไม่มีเรื่องกวนใจ”
“นั่นสิ ดีแล้วล่ะ ว่าแต่พระจักรพรรดิประทับอยู่ที่ใดล่ะ”
“ใครสนกัน”
ครั้นได้ยินอีกฝ่ายพูดด้วยน้ำเสียงเฉยชา เปโตรนิยาก็ยิ้มแปลกๆ
“นั่นสินะ เจ้ายังมีคนอยู่ด้วยตั้งมากมาย มีทั้งข้า ทั้งเอล่า”
“เจ้าต้องหาว่าที่เจ้าบ่าวสิ ท่านพี่ ท่านพ่อท่านแม่กังวลแย่แล้ว”
“ถึงเจ้าไม่พูด ท่านแม่ก็เร่งเร้าไม่เว้นวันแล้ว ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปอาจจะพาข้าไปเร่ขายก็เป็นได้”
เปโตรนิยาหัวเราะอย่างนึกสนุกก่อนจะเดินไปที่โต๊ะอาหารเพื่อหยิบค็อกเทล แพทริเซียเอียงศีรษะเล็กน้อย ดูเหมือนว่านางจะเหนื่อยเสียแล้ว
“งานยังไม่ทันจะเริ่มเลย ฝ่าบาท เจ้ามาทำตัวห่อเหี่ยวเสียแล้วได้อย่างไร” ราฟาเอลาพูด
“ข้าตื่นเต้นน่ะ คงเพราะเป็นครั้งแรกกระมัง…แล้วก็ประหม่าด้วย ว่าแต่เจ้าไม่ไปเดินชมงานหรือ”
“หน้าที่ที่สำคัญที่สุดของอัศวินราชองครักษ์คือการอารักขาผู้เป็นนาย วันนี้ข้าจะทำตัวติดกับเจ้าทั้งวันเลย”
“ข้าขอปฏิเสธแล้วกันนะ คิดว่าในวันแบบนี้จะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรืออย่างไร”
“ใครจะรู้ล่ะ ทำไม? หรือเจ้าคิดจะไปเดตกับฝ่าบาท?”
“ใช่เลย นั่นคงเป็นไปได้หรอก” แพทริเซียตัดบทอย่างรับไม่ได้ “ไม่มีเรื่องแบบนั้นหรอก สนิทกันหรือก็เปล่า”
“จ้าๆ”
ในตอนนั้นเองคนที่อยู่อีกด้านก็เรียกหาราฟาเอลา ฟังจากน้ำเสียงที่ใช้เรียกแล้วน่าจะเป็นญาติพี่น้องของนาง ราฟาเอลาแอบส่งสายตาให้แพทริเซีย เห็นดังนั้นแพทริเซียก็กล่าวอย่างไม่คิดอะไร
“รีบไปเถอะ”
“ข้าไปได้หรือ ฝ่าบาท?”
“แน่นอนสิ วันนี้เจ้าเองก็มีสิทธิ์ที่จะได้เพลิดเพลินกับงานฉลอง และเจ้าก็ควรทำเช่นนั้นด้วย เจ้าก็รู้ว่าข้าทุ่มเทมากเพียงใดกับการเตรียมงานนี้”
ได้ฟังดังนั้น มุมปากของราฟาเอลาก็ยกขึ้นเล็กน้อยเป็นรอยยิ้ม ใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางหนากว่าปกติดูเหมาะกับนางทีเดียว
“ขอบใจนะ ข้าจะรีบไปรีบมา” ราฟาเอลาพูดราวกับกระซิบ
แม้แต่ราฟาเอลาก็ไม่อยู่แล้ว แพทริเซียจึงเริ่มรู้สึกสงบขึ้นมาเล็กน้อย ขณะที่ความเหงาเริ่มก่อตัว หญิงสาวก็พบว่าลูซิโอกำลังเดินเข้ามาหา เห็นดังนั้นแพทริเซียก็ทำสีหน้างุนงง
“ทำไมเจ้าอยู่คนเดียว”
แล้วทำไมต้องมาหาเรื่องกันแม้กระทั่งในวันเช่นนี้ หว่างคิ้วของแพทริเซียขมวดชนกัน
“หม่อมฉันอยู่คนเดียวมิได้หรือเพคะ”
“องครักษ์ก็ไม่อยู่ นางกำนัลก็ไม่อยู่”
“นางกำนัลไปหยิบค็อกเทล ส่วนราฟาเอลาขอตัวไปจัดการธุระของตระกูลบริงสโตนสักครู่เพคะ”
“อันตรายนะ”
“นี่เป็นงานเลี้ยงที่หม่อมฉันจัดเตรียมด้วยตัวเอง อย่างน้อยหม่อมฉันก็มั่นใจว่าจะไม่เกิดอันตรายใดๆ ในที่ที่มีคนมาชุมนุมเป็นจำนวนมากเช่นนี้ ฝ่าบาททรงเป็นกังวลเกินไปแล้วเพคะ”
“…จะไม่กังวลได้อย่างไร”
“…”
แพทริเซียเบือนหน้าหนีไม่พูดอะไร แม้นางจะปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมาแต่ลูซิโอก็ไม่คิดจะถอย ในที่สุดแพทริเซียก็ต้องเป็นฝ่ายเปิดปากอีกครั้ง
“ไม่ไปหาเลดี้เอเฟรนีหรือเพคะ”
ไม่กี่วันก่อนโรสมอนด์ได้ละทิ้งนามสกุลแดโรว์และเข้าตระกูลเอเฟรนีในที่สุด ตอนนี้ชื่อของนางจึงกลายเป็น โรสมอนด์ แมรี รูน เอเฟรนี
“ภรรยาหลวงที่ไล่สามีไปหาอนุภรรยาก็คงมีแต่เจ้า” ลูซิโอกล่าวด้วยน้ำเสียงประหลาด
“จะเป็นเช่นนั้นหรือเพคะ” แพทริเซียพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “น่าจะมีอยู่ทั่วไปกระมัง หากผิดหวังในตัวสามีมากพอและไม่คิดจะคาดหวังอะไรอีกแล้วก็ย่อมทำได้ทั้งนั้น”
“…นั่นสินะ”
แม้นางจะพูดจารุนแรงไปมากแต่เขาก็ยังคงสงบนิ่ง ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่เขาได้กระทำลงไป หากเขามีจิตสำนึกก็คงไม่สามารถว่ากล่าวอะไรนางได้
“แล้วเหตุใดฝ่าบาทถึงอยู่คนเดียวล่ะเพคะ” แพทริเซียพูดต่อไป
“เราปลีกตัวออกมา”
“ทำไมหรือเพคะ”
“รอบตัวเสียงดังเกินไปน่ะ เดิมทีเราก็ไม่ค่อยชอบเสียงดังอยู่แล้ว”
“…”
แค่เรื่องนี้เท่านั้นที่เขาและนางเหมือนกัน แพทริเซียทำเป็นไม่สนใจในทันใด ครู่หนึ่งให้หลังมีร์ยาก็ถือค็อกเทลอ่อนๆ เข้ามาหา เมื่อเห็นลูซิโอนางก็ทำความเคารพ
“ถวายบังคมฝ่าบาท สุริยันแห่งจักรวรรดิอันเกรียงไกร ขอความรุ่งเรืองจงมีแด่มาวินอส”
“นางกำนัลก็มารยาทดีเหมือนเจ้าเลยนะ”
“…”
แพทริเซียทำเมินราวกับคำพูดนั้นไม่มีค่าพอให้ตอบ นางดื่มค็อกเทลรวดเดียวก่อนจะยื่นแก้วเปล่าให้มีร์ยา เมื่อนางทำท่าจะเดินไปที่อื่น มีร์ยาก็เอ่ยทักก่อนลูซิโอ
“ฝ่าบาท? จะเสด็จไปไหนหรือเพคะ”
“คนเยอะ ข้าอึดอัด จะออกไปรับลมข้างนอกเสียหน่อย”
แพทริเซียพูดทิ้งท้ายและเดินไปราวสามก้าวก่อนจะหันกลับมาย้ำกับลูซิโอ
“แค่พูดเผื่อเอาไว้ หวังว่าฝ่าบาทจะไม่ตามหม่อมฉันมานะเพคะ”
แม้จะถูกปฏิเสธอย่างชัดเจน ลูซิโอก็ยังคงเฉยชา กลายเป็นมีร์ยาที่รู้สึกเก้อเขิน แพทริเซียเดินไปที่ระเบียงคนเดียวด้วยสีหน้าไม่ยี่หระ
***
อีกด้านหนึ่ง เปโตรนิยากำลังดื่มค็อกเทลที่นางหยิบมาจากโต๊ะอาหารและคิดอะไรไปพลาง ซึ่งก็มีสาเหตุมาจากของที่นางนำออกมาจากห้องของแจนยูเอรีเมื่อหลายวันก่อน นางยืมพลังของแอลกอฮอล์มาขยายกรอบความคิดให้มีอิสระมากขึ้น ทันใดนั้นนางก็ส่ายศีรษะอย่างแรงคล้ายว่าสมองตัน เรื่องช่างซับซ้อนเสียเหลือเกินจนนางปวดหัว
ต้องดื่มอีกแก้วแล้วล่ะ เปโตรนิยาคิดดังนั้นก่อนจะหยิบแก้วที่บรรจุค็อกเทลสีแดงสดขึ้นมาอีกแก้ว
“อ๊ะ!”
หญิงสาวอุทานออกมาเบาๆ ไม่ทันไรนางก็ทำค็อกเทลแก้วนั้นหกราดชุดเดรสของตนเสียแล้ว เปโตรนิยาชนกับใครบางคนจนล้มลงไปกองกับพื้น นางขมวดคิ้วและหยิบแก้วค็อกเทลที่ตกอยู่ข้างตัวขึ้นมา โชคดีที่มันไม่แตก
“อือ…”
“เป็นอะไรไหมครับ เลดี้?”
ในตอนนั้นเองเปโตรนิยาก็ได้ยินเสียงที่คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน นางเงยหน้าขึ้นมองอย่างเหม่อลอย ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลรับกับนัยน์ตาสีน้ำตาลแดง… ข้ารู้สึกเหมือนเคยพบเขามาก่อนนะ? แต่พบที่ไหนกัน? ราวกับใจตรงกัน ชายผู้นั้นเองก็มองมาที่นางด้วยสีหน้ายินดี
“เอ๊ะ!”
หลังจากนั้นครู่หนึ่งเปโตรนิยาก็นึกออก