ลูซิโอที่นิ่งเฉยมาจนถึงเมื่อครู่เอ่ยปากอย่างยากลำบาก ตอนนี้เขาดูทรมานมากเสียจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่ ครั้นเห็นเขาซวนเซ แพทริเซียก็เข้าไปประคองตามสัญชาตญาณ
“ระวังด้วยเพคะ”
“แฮ่ก…ถอยห่างจากเราเสีย เราไม่รู้ว่าจะทำอะไรให้เจ้าดูหมิ่นเราไปมากกว่านี้หรือไม่”
“เช่นนั้นไฉนจึงไม่ฟังคำของหม่อมฉันเล่าเพคะ นางกำนัลมีมากมาย หม่อมฉันจะไปพามาให้เดี๋ยวนี้ มีร์ยา มัวทำอะไรอยู่ ยังไม่รีบไปอีก”
“…”
สุดท้ายมีร์ยาก็วิ่งไปทางตำหนักจักรพรรดินีด้วยสีหน้าราวกับจะร้องไห้ ส่วนราฟาเอลาก็ดูเก้ๆ กังๆ ทำอะไรไม่ถูก ลูซิโอทรุดลงนั่งคล้ายจะถึงขีดจำกัดเต็มที แพทริเซียถลันเข้าไปประคองอย่างตกใจ
“ฝ่าบาท”
“แฮ่ก…เราบอกให้ถอยออกไป”
เขากัดริมฝีปากตัวเองด้วยสีหน้าทรมานเหลือแสนจนเลือดไหลซิบ ดูเหมือนว่าการข่มสัญชาตญาณดิบของตนจะเป็นเรื่องที่เกินกำลัง บ้าจริง ทำไมมีร์ยายังไม่มาอีกนะ แค่พานางกำนัลมาสักคนมันยากนักหรือไร นางเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากราฟาเอลาด้วยน้ำเสียงเร่งร้อน
“ราฟาเอลา”
“เพคะ ฝ่าบาท”
“รีบพาฝ่าบาทไปยังตำหนักที่ใกล้ที่สุดเถอะ”
ราฟาเอลาพยักหน้ารับคำก่อนจะเข้าไปพยุงร่างของลูซิโอและพาไปที่ตำหนักอีสเตซึ่งอยู่ใกล้สุด ระหว่างทางลูซิโอคอยสร้างบาดแผลให้ตัวเองอยู่เนืองๆ เพื่อระงับความปรารถนา ตอนนี้ริมฝีปากของเขาถูกกัดจนยับเยินหมดแล้ว ในปากก็ใกล้จะได้แผลเต็มที แพทริเซียระบายโทสะอันไร้ที่มาใส่ลูซิโอที่นั่งหมดสภาพอยู่ในตำหนักอีสเตด้วยความขุ่นเคือง
“ไฉนจึงดื้อดึงถึงเพียงนี้เพคะ ฝ่าบาท สตรีทั่วจักรวรรดิล้วนเป็นของพระองค์ หากทรงมีพระประสงค์…!”
“แล้วมันจะมีประโยชน์อันใดเล่า” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า “ต่อให้สตรีทั้งใต้ฟ้าเป็นของเราแล้วจะมีประโยชน์อันใด หากจักรพรรดินีมิใช่ของเรา”
“ตรัสอะไรออกมาเพคะ…!”
“ทั้งสองคนออกไปเดี๋ยวนี้ เรา…ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว”
ลูซิโอเค้นเสียงพูด เขาดูทรมาน ลมหายใจหนักหน่วงกว่าเมื่อครู่ แพทริเซียมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเคร่งเครียดก่อนจะเอ่ยปากอย่างเนิบช้า
“ราฟาเอลา”
“เพคะ ฝ่าบาท”
“เจ้าออกไปก่อน และช่วยคุ้มกันให้ที ปิดประตูให้แน่นหนา อย่าให้ใครเข้ามาจนกว่าข้าจะออกไป”
“ฝ่าบาท หรือว่า…?”
“ออกไปก่อน”
“จักรพรรดินี นี่เจ้าจะทำอะไร…”
แพทริเซียออกคำสั่งอย่างเฉียบขาดโดยไม่ฟังเสียงทัดทานของลูซิโอ
“ออกไปเดี๋ยวนี้”
ในตอนนั้นเองราฟาเอลาถึงได้พยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง
“เพคะ ฝ่าบาท”
ราฟาเอลารีบออกจากตำหนัก จากนั้นแพทริเซียจึงค่อยๆ ย่างเท้าเข้าไปหาลูซิโอ ชายหนุ่มมุ่นหัวคิ้วเอ่ยถาม
“คิดจะทำอะไร เจ้าเองก็รีบออก…”
“ฝ่าบาทเกรงว่าจะทำอะไรให้หม่อมฉันดูแคลนพระองค์ยิ่งขึ้นใช่หรือไม่เพคะ” แพทริเซียยิ้มเศร้า “เช่นนั้นก็คงไม่เลว จะเป็นอย่างไรหากหม่อมฉันเหยียดหยามพระองค์ยิ่งขึ้นด้วยสถานการณ์นี้…”
“เราบอกให้ออกไป!”
“ฝ่าบาท อย่างไรเสียหม่อมฉันก็เป็นหมันมิใช่หรือเพคะ ต่อให้วันนี้เกิดอะไรขึ้นก็หามีใครรู้ไม่”
พูดจบแพทริเซียก็ค่อยๆ ถอดชุดออก
“เราบอกให้หยุด!” ลูซิโอร้องตะโกน
“…”
แต่แพทริเซียไม่ฟัง นางตั้งหน้าตั้งตาถอดชุดที่สวมอยู่ราวกับลอกคราบจนเหลือเพียงชุดซับในสีดำบางเบาแขวนอยู่บนร่าง ในตอนนั้นลูซิโอใกล้จะสิ้นสติเต็มที แพทริเซียเห็นดังนั้นก็คิดว่าต้องเร่งมือแล้วและค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าของเขาออก กระดุมหลุดออกทีละเม็ดพร้อมกับความรู้ผิดชอบชั่วดีของแพทริเซียที่ค่อยๆ เลือนลาง หรือนี่จะเป็นความรู้สึกก่อนลงมือทำสิ่งที่ไม่อาจหวนคืน…
“เจ้าจะต้องเสียใจกับเรื่องในวันนี้”
“ตั้งแต่พบกับฝ่าบาทก็ไม่มีวันไหนที่หม่อมฉันไม่เสียใจเพคะ”
แพทริเซียยิ้มเย็นชาและโน้มตัวไปจุมพิตลูซิโอที่อยู่ในสภาพเปลือยเปล่า
“ต่อให้เรื่องนี้จะทำให้หม่อมฉันเสียใจยิ่งกว่านี้ ก็ไม่มีอะไรต่างหรอกเพคะ”
แพทริเซียลืมตาขึ้นอย่างเหม่อลอย นางเหม่อมองอากาศอยู่ครู่ใหญ่ราวกับยังปะติดปะต่อเหตุการณ์ไม่ได้ ทันใดนั้นทัศนียภาพที่ไม่คุ้นตาก็ทำให้นางจำเรื่องเมื่อวานขึ้นมาได้ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างหดหู่และหันไปมองด้านข้าง
“…”
แพทริเซียไม่คิดไม่ฝันว่าตนจะต้องมาร่วมเตียงกับลูซิโอในลักษณะนี้ นางรู้สึกพูดไม่ออก ความทรงจำเมื่อคืนวานยังคงเด่นชัดจนนางรำคาญใจ หญิงสาวนอนนิ่งกัดริมฝีปากของตัวเองอยู่อย่างนั้น ความจริงที่ว่านางเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียงเดียวกับชายที่ตนชิงชังเรียกความรู้สึกแปลกประหลาดให้ปรากฏขึ้นในใจ
“เฮ้อ…”
แพทริเซียถอนหายใจก่อนจะหันไปมองสามีของตนที่ยังคงนอนกระสับกระส่ายอยู่ข้างๆ ร่วมเตียงกันครั้งแรกโดยปราศจากความรักอย่างนั้นหรือ ทั้งยังอาศัยฤทธิ์ของยาอีกด้วย ข้าเองก็กู่ไม่กลับแล้วสินะ นางพึมพำว่าร้ายตนเอง
“อึก!”
แพทริเซียลุกขึ้นอย่างไม่ทันระวังจึงหลุดร้องครางออกมา ฤทธิ์ของยาเร้ากำหนัดจะรุนแรงขึ้นเมื่อผู้ที่กินเข้าไปขาดสติและคนที่รองรับความรุนแรงทั้งหมดนั้นไว้ก็คือแพทริเซียซึ่งเป็นสาวบริสุทธิ์ นางลูบช่วงเอวด้วยสีหน้าเจ็บปวด เมื่อวานเขาบอกว่าจะเบามือแต่ถึงกระนั้นความเจ็บปวดที่ตามมาก็เป็นเรื่องที่มิอาจเลี่ยง อาจเป็นเพราะนี่เป็นครั้งแรกของนาง
“…โอย”
หญิงสาวยังคงโอดครวญขณะใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีเพื่อลุกขึ้นจากเตียง แพทริเซียสวมชุดเดรสตัวเดิมที่สวมมาเมื่อวานด้วยตัวเองก่อนจะค่อยๆ เดินกะเผลกออกจากตำหนักอีสเต
ก่อนจะเปิดประตูออกไป นางหันหลังกลับไปมองลูซิโอที่ยังคงนอนอยู่บนเตียงเป็นครั้งสุดท้ายและกล่าวเสียงค่อยด้วยสีหน้าขื่นขม
“นี่เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของเรา”
จากนั้นแพทริเซียก็เปิดประตูเดินออกไปอย่างไม่ลังเล จนถึงตอนนี้ลูซิโอก็ยังคงหลับตาอยู่
“พระจักรพรรดินี”
สีหน้าของราฟาเอลาดูอิดโรยเพราะต้องตื่นอยู่ตลอดทั้งคืน แพทริเซียรู้สึกผิดขึ้นมาจึงเอ่ยถาม
“เจ้าเป็นอะไรไหม”
“ข้าน่ะสบายดี ว่าแต่ฝ่าบาทเถอะ”
“อา…” แพทริเซียส่ายศีรษะด้วยสีหน้าขัดเขินเล็กน้อย “ก็…เหนื่อยอยู่เหมือนกัน”
“ข้าให้ขี่หลังดีหรือไม่”
“โธ่ เห็นแก่หน้าจักรพรรดินีคนนี้ด้วยเถอะ”
ครั้นกล่าวถึงเรื่องนั้น จู่ๆ แพทริเซียก็นึกถึงโรสมอนด์ขึ้นมา แน่นอนว่าคนที่เป็นฝ่ายล่อลวงก่อนคือนาง เช่นนั้นก็หมายความว่าสุดท้ายแล้วลูซิโอไม่ได้เลือกนาง… นางคงเจ็บใจไม่ใช่เล่น แพทริเซียคิดในใจพลางเอ่ยถามราฟาเอลา
“มีร์ยาล่ะ”
“เตรียมน้ำให้ฝ่าบาทลงสรงอยู่น่ะสิ วุ่นวายเผาหินตั้งแต่เช้าแล้ว”
“ฮ่ะฮ่ะ…”
แพทริเซียเกาท้ายทอยพร้อมทำสีหน้าแปลกๆ แม้จะไม่ใช่เรื่องน่าอายแต่นางก็รู้สึกอายชอบกล หญิงสาวกระแอมไอและกล่าวกับราฟาเอลา
“จะประคองหรือขี่หลังก็ดูแปลกๆ เช่นนั้นข้าเดินไปเองแล้วกัน”
“อัศวินราชองครักษ์มีไว้ใช้งานในเวลาแบบนี้นั่นล่ะ หากฝ่าบาทไม่ชอบสองวิธีนั้น เช่นนั้นหม่อมฉันก็จะอุ้มพระองค์ไป ส่วนพระองค์ก็อยู่เงียบๆ ให้หม่อมฉันอุ้มไปเสียดีๆ เถอะเพคะ”
ราฟาเอลาดึงดันอย่างถึงที่สุด แพทริเซียจึงต้องยอมให้ราฟาเอลาอุ้มไปจนถึงตำหนักจักรพรรดินีอย่างเลี่ยงไม่ได้ นางหลับตาแน่นอยู่นานด้วยกลัวว่าใครจะมาเห็นเข้า รู้สึกตัวอีกทีนางก็มาถึงตำหนักแล้ว ทันทีที่เข้าไปในตำหนักมีร์ยาก็มาต้อนรับเหมือนปกติ มิได้ตื่นตระหนกแต่อย่างใด
“เสด็จกลับมาแล้วหรือเพคะ ฝ่าบาท”
“ขอข้าอาบน้ำก่อน”
“เพคะ ฝ่าบาท”
มีร์ยาเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมสรรพ นางเข้าไปประคองแพทริเซียและพาไปยังอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ที่มีนางกำนัลรออยู่ เมื่อแพทริเซียถอดชุดออก รอยแดงที่ปรากฏอยู่ทั่วเรือนร่างบอบบางก็เป็นที่ประจักษ์แก่สายตา ทำให้บรรยากาศในห้องอาบน้ำกระอักกระอ่วนขึ้นมาในทันใด โชคดีที่การอาบน้ำดำเนินไปไม่นานนัก ทุกอย่างเป็นไปอย่างสงบหากไม่นับคำพูดของนางกำนัลอายุน้อยที่พลั้งปากขณะช่วยขัดถูกทุกซอกทุกมุมให้แพทริเซียอย่างเบามือ
“…ยาที่ฝ่าบาทเสวยเข้าไปเมื่อวานดูเหมือนจะแรงมากเลยนะเพคะ”
“…”
ในตอนนั้นแพทริเซียรู้สึกอายแทบแทรกแผ่นดินหนี
ครั้นถึงวินาทีแห่งการปลดปล่อย ลูซิโอก็คิดจะป้องกันการตั้งครรภ์โดยไม่รู้ตัว นางจึงเอ่ยสบประสาทตัวเอง
‘ถึงอย่างไรหม่อมฉันก็เป็นหมัน ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นหรอกเพคะ’
“หรือข้าควรบอกให้เขาทำไปเลยนะ”
“เพคะ?”
“ไม่มีอะไร”
แพทริเซียถอนหายใจสั้นๆ ก่อนจะถูกเหล่าข้ารับใช้เช็ดตัวให้อย่างเอาใจใส่ด้วยผ้าสะอาดหลายผืน เพราะเพิ่งผ่านการร่วมหอครั้งแรกมา พวกนางจึงทะนุถนอมแพทริเซียอย่างเห็นได้ชัด แพทริเซียรู้สึกขอบคุณความใส่ใจของเหล่านางกำนัลแต่อีกใจนางก็รู้สึกลำบากใจด้วยเช่นกัน
“จริงสิ ฝ่าบาทเพคะ เมื่อเช้ามีจดหมายมาจากคฤหาสน์มาร์ควิสโกรเชสเตอร์แจ้งว่าเลดี้เปโตรนิยาล้มป่วยเป็นไข้หวัดจึงขอพักรักษาตัวที่คฤหาสน์สักระยะ แต่อย่างไรก็น่าจะหายทันมาร่วมงานฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระจักรพรรดิเพคะ”
“ตายจริง” แพทริเซียหัวเราะน้อยๆ “ท่าทางนีย่าของข้าจะสนุกกับการเดตจนยอมเปียกฝนอยู่นอกชายคาเลยทีเดียว”
“เลดี้เองก็ต้องได้พบและแต่งงานกับคนที่ดีเช่นกันเพคะ”
“เจ้าไม่ควรใช้คำว่า ‘เช่นกัน’ กระมัง มีร์ยา”
แพทริเซียหัวเราะอย่างขมขื่นขณะแก้คำพูดของมีร์ยา ในขณะที่มีร์ยาก็ได้แต่ยิ้มเจื่อน หลังจากนั้นแพทริเซียก็ออกคำสั่งกับนางกำนัลคนหนึ่งด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างขึ้นเล็กน้อย
“เจ้าไปดูสถานการณ์ที่ตำหนักเวนทีว่าตอนนี้มาร์เชอเนสเป็นอย่างไร และบรรยากาศในตำหนักเวนเป็นอย่างไร ที่จริงข้าก็พอจะเดาได้…แต่อย่างไรตรวจดูให้แน่ชัดย่อมดีกว่า”
“เพคะ ฝ่าบาท”
“ส่วนมีร์ยา ช่วยบอกนางกำนัลตำหนักกลางให้ไปดูแลฝ่าบาทที พระองค์บรรทมอยู่ที่ตำหนักอีสเต หากฝ่าบาทตื่นบรรทมแล้วไม่พบใคร พระองค์อาจทำตัวไม่ถูก”
“…เพคะ”
ครั้นสั่งงานเสร็จแล้ว แพทริเซียจึงได้รู้สึกว่าอะไรๆ เริ่มเข้าที่เข้าทาง นางหลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้า เมื่อวาน ไม่สิ วันนี้ข้าได้นอนไปกี่ชั่วโมงนะ? สาม ไม่สิ สองชั่วโมง? แพทริเซียพยายามรื้อฟื้นความทรงจำที่เลือนลางและพึมพำว่า
“…อย่างไรข้าก็คงต้องพักสักหน่อย”
***
โรสมอนด์นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยสีหน้าเย็นชา ทุกอย่างยังมีสภาพเหมือนกับเมื่อวาน ทั้งชุดซับในที่นางยังไม่ได้เปลี่ยนและเครื่องสำอางจัดจ้านที่ยังไม่ถูกลบ เหล่าข้ารับใช้รวมถึงคลาราต่างคอยสังเกตท่าทีของโรสมอนด์อยู่ข้างๆ
“เช่นนั้น…เมื่อวานฝ่าบาทก็เลยได้หลับนอนกับจักรพรรดินีอย่างนั้นรึ”
“ได้ยินว่า…เป็นเช่นนั้นค่ะ มาร์เชอเนส”
เช่นนั้นก็หมายความว่าเมื่อคืนจักรพรรดิและจักรพรรดินีร่วมหอกันเป็นครั้งแรก ทว่า โรสมอนด์กลับสงบนิ่งกว่าที่คิด นางหัวเราะเสียงเย็นและพูดกับตัวเอง
“เอาเถอะ ถึงอย่างไรสตรีที่เป็นหมันก็มิอาจมีลูกได้ ช่างมัน”
“…”
เพราะตำแหน่งนั้นหาใช่ตำแหน่งที่จะรักษาไว้ได้ด้วยความรักเพียงอย่างเดียว เวลานี้ฝ่าบาทอาจกระซิบคำหวานกับดอกไม้ดอกใหม่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่ก็อีกไม่นานหรอก เพราะเดิมทีเขาก็เป็นคนที่ไม่สามารถรักใครได้อยู่แล้ว เมื่อคิดได้ดังนั้นสีหน้าของโรสมอนด์ก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่ถึงกระนั้นนางก็ยังคงหงุดหงิดที่เมื่อวานพลาดช่วงเวลาที่เหมาะสมไป แต่นางก็ตั้งสติด้วยการปลอบใจตัวเอง
“ไม่เป็นไร ทั้งข้าและฝ่าบาทก็ยังอายุไม่มาก โอกาสย่อมมีเข้ามาเรื่อยๆ”
จะติดก็เพียงเรื่องคราวนี้น่าจะทำให้นางสูญเสียความไว้วางใจจากเขาอย่างสิ้นเชิงแล้ว แต่ขอเพียงหาข้อแก้ตัวและสร้างโอกาสขึ้นมาใหม่เป็นพอ ทว่า หากยังไม่ได้ผล…
“ฝ่าบาท เหนือสิ่งอื่นใด”
คลาราเปลี่ยนเรื่องพูดเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศเย็นยะเยือกในตำหนัก
“เรามาคิดเรื่องวันเฉลิมฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพไม่ดีกว่าหรือเพคะ”
“…อะไร? อ้อ!”
โรสมอนด์พยักหน้าพลางหัวเราะออกมาราวกับว่านางลืมเรื่องนั้นไปเสียสนิท