แพทริเซียมองลูซิโอที่ยื่นมือมาให้ด้วยสีหน้าเลื่อนลอยไร้สติ
“ลุกขึ้นเถอะ”
ท่านพี่ เจ้าไปเห็นอะไรเข้าถึงได้กระทบกระเทือนจิตใจถึงเพียงนั้น หรือเจ้าเห็นผู้ชายคนนี้ซึ่งเคยเป็นสามีของเจ้า? มิเช่นนั้น หรือว่า… แพทริเซียหน้าซีดเผือดเมื่อสมมติฐานหนึ่งโผล่ขึ้นมาในหัว อย่าบอกนะว่า…เจ้าเห็นพระจักรพรรดิอยู่กับโรสมอนด์?
แพทริเซียอยากจะกระชากคอเสื้อจักรพรรดิมาถามเดี๋ยวนี้ แต่นั่นเป็นเพียงความปรารถนาในใจเท่านั้น ในความเป็นจริงไม่มีทางที่จะเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นได้ ยิ่งคนทำเป็นแพทริเซียซึ่งจะเป็นจักรพรรดินีในอีกไม่ช้ายิ่งแล้วใหญ่
แพทริเซียจำต้องจับมือที่ยื่นมา นางกัดริมฝีปาก ความจริงมันทั้งโหดร้ายและน่าขายหน้า การที่ไม่ยอมจับพระหัตถ์ที่พระจักรพรรดิทรงยื่นมาให้นั้นผิดกฎบ้านกฎเมือง
สตรีที่จะกลายเป็นจักรพรรดินีจะประพฤติผิดกับสามีซึ่งเป็นจักรพรรดิมิได้ กฎเกณฑ์และมารยาทต่างๆ ลอยวนเวียนอยู่ในหัว และคอยย้ำเตือนแพทริเซียว่าจงอย่าประพฤติตนให้เป็นที่ครหา
แต่ความรู้สึกที่แท้จริงนั้นต่างออกไป ในใจของหญิงสาวกำลังสบถอย่างรุนแรงอย่างที่นางไม่เคยทำมาก่อน และไม่สามารถทำได้ในชีวิตจริง
“…ขอบพระทัยเพคะ”
แพทริเซียจำต้องเอ่ยขอบคุณมือที่ยื่นมา ทั้งที่ไม่ได้รู้สึกขอบคุณสักนิด ความจริงข้อนั้นก็ชวนให้คลื่นไส้มากพอแล้ว แต่การที่นางไม่สามารถเลือกทำอย่างที่ต้องการได้ยิ่งทำให้นางรู้สึกรังเกียจ
จักรพรรดิไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธคำขอบคุณจากหญิงสาว แต่แพทริเซียก็ไม่ได้คาดหวังปฏิกิริยาตอบรับอะไรอยู่แล้ว นางจึงค่อยๆ ลากเท้าที่เจ็บเดินกะเผลกไปยังเตียงที่พี่สาวของตนนอนอยู่ แต่ละก้าวที่ก้าวไปหาเปโตรนิยาช่างหนักอึ้งเสียจนแทบจะเกินกำลังของร่างบาง
“ท่านพี่…”
น้ำไร้สีไหลออกจากดวงตาของแพทริเซียก่อนจะร่วงเปาะลงบนผ้าปูสีขาว นางอยากจะปล่อยโฮอีกครั้งแต่ก็ทำไม่ได้เพราะจักรพรรดิยังอยู่ มือเรียวจึงขย้ำผ้าปูเตียงแทนการร้องไห้
แกรก… ลูซิโอมองภาพของสองพี่น้อง ก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องไป สิ้นเสียงปิดประตู แพทริเซียจึงปล่อยโฮออกมา นางร้องไห้ฟูมฟายเหมือนเด็ก
โชคดีที่เปโตรนิยาได้สติขึ้นมาก่อนเที่ยงคืน หลังจากตั้งสติได้ก็พบว่าแพทริเซียนอนตะแคงข้างอยู่บนเตียงเดียวกัน ครั้นเห็นดังนั้นก็พาลให้นึกถึงภาพที่ตนเห็นก่อนหน้านี้จนทำให้ปวดใจขึ้นมาอีกครั้ง
อา…น้องสาวที่น่าสงสารของข้า เปโตรนิยาค่อยๆ ลูบปลอบน้องสาวที่อยู่ในนิทรา แววตาดูเศร้าสร้อย นางไม่ได้วาดหวังถึงเจ้าชายขี่ม้าขาว แต่อย่างน้อย…นางก็หวังว่าจะไม่มีเรื่องพรรค์นั้นก่อนแต่งงาน ทว่า…
ในที่สุดน้ำตาหนึ่งหยดก็ไหลลงมาจากตาของเปโตรนิยา น้ำใสๆ หยดนั้นไหลลงมาตามแก้ม และร่วงลงบนชุดเดรสของนาง
“อืม…”
แพทริเซียส่งเสียงเบาๆ ก่อนจะลืมตาขึ้นราวกับรู้สึกได้ถึงสัมผัสจากมือของเปโตรนิยาที่กำลังลูบศีรษะของนางอยู่ หญิงสาวรีบปาดน้ำตาก่อนจะหันมาสบตากับน้องสาว นางไม่อยากให้น้องเห็นสภาพเช่นนี้ อีกทั้งไม่อยากสร้างความกังวลใจให้กับว่าที่จักรพรรดินี ด้วยเหตุนี้นางจึงแสร้งพูดคุยกับน้องด้วยน้ำเสียงสดใส
“ตื่นแล้วหรือ ริซซี่”
“…ท่านพี่”
อา ทำไมเสียงของน้องถึงดูเครียดเช่นนั้น มีเรื่องอะไรกันนะ หรือว่านางจะเห็นภาพเดียวกับที่เราเห็น? เปโตรนิยารู้สึกได้ว่าใจของตนวูบโหวงด้วยความกังวลหลายๆ อย่าง แต่นางก็เลือกที่จะพูดกับแพทริเซียด้วยสีหน้าไม่ทุกข์ไม่ร้อน
“นอนเก่งนะเจ้าน่ะ ช่วงนี้เหนื่อยหรือ”
“…ไม่หรอก ข้าไม่เป็นไร เจ้าฟื้นแล้วทำไมไม่ปลุกข้า”
“เห็นนอนฝันหวานอยู่ เลยปลุกไม่ลงน่ะ”
เปโตรนิยาค่อยๆ ลูบหัวของน้องสาว การกระทำเช่นนี้คงทำไม่ได้อีกแล้วหากน้องได้ขึ้นเป็นจักรพรรดินี เพราะฉะนั้นต้องฉวยโอกาสนี้ตักตวงให้เต็มอิ่ม เปโตรนิยาพูดด้วยน้ำเสียงเอ็นดู
“ริซซี่ ข้าอยากให้เจ้ามีความสุข”
“…”
“ข้าหวังมากไปหรือไม่”
“…ข้าก็มีความสุขดี”
จะมีเหตุผลอะไรที่ทำให้ข้าไม่มีความสุข ครั้นเห็นน้องสาวแสร้งตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับไม่ได้รู้สึกอะไร เปโตรนิยาก็มองออกในทันทีว่าตอนนี้แพทริเซียรู้อะไรต่อมิอะไรมากกว่าที่นางรู้ เมื่อคิดเช่นนั้นแล้วเปโตรนิยาก็รู้สึกใจสลายขึ้นมาอีกครั้ง
“ข้ามีเจ้า มีท่านพ่อมีท่านแม่อยู่ ตอนนี้ข้ามีความสุขดี นีย่า”
“ริซซี่ ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น…”
เปโตรนิยาตั้งใจจะพูดอะไรสักอย่างออกไป แต่สุดท้ายนางก็ไม่พูด มันไม่ใช่กงการอะไรของนาง ตอนนี้แพทริเซียจะแต่งงานแล้ว และการที่นางไปเจ้ากี้เจ้าการเรื่องการแต่งงานของอีกฝ่ายนับเป็นเรื่องเกินตัว แต่…เปโตรนิยาไม่สามารถห้ามใจตัวเองไม่ให้รู้สึกเจ็บปวดได้
“ไม่พูดดีกว่า ริซซี่ เจ้าทั้งสวย ทั้งใจดี และฉลาด เจ้าต้องมีความสุขได้แน่ๆ”
แค่เจ้ายังมีชีวิตอยู่ แค่นั้นข้าก็มีความสุขแล้ว แพทริเซียพูดพึมพำในใจแทนคำตอบ เพราะมันเป็นสิ่งที่นางไม่อาจพูดออกไปได้
“ขอบคุณนะ เจ้าเองก็จะต้องมีความสุขเช่นกัน”
ครั้นรุ่งสางมาเยือน เปโตรนิยาก็เดินทางกลับบ้านทันที เมื่อกลับมาถึงคฤหาสน์มาร์ควิส นางอยากจะเล่าทุกสิ่งอย่างให้บุพการีฟังแต่ก็ทำไม่ได้ นางไม่อาจเปิดปากได้เลย
อีกไม่นานน้องสาวก็จะเข้าพิธีอภิเษกแล้ว จะให้พูดออกไปได้อย่างไรว่าว่าที่สามีของนางมีคนรักอยู่แล้ว มิหนำซ้ำความสัมพันธ์ก็ดูไม่ธรรมดาเสียด้วย เปโตรนิยาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เรื่องนี้เท่านั้นที่ไม่สามารถทำได้ เรื่องที่นางพบเจอในวันนั้น นางทำได้เพียงฝังมันเอาไว้ในใจเท่านั้น
***
เวลาสองเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในระหว่างนั้นแพทริเซียวุ่นวายอยู่กับการอบรมจนแทบไม่มีเวลาหายใจหายคอ การอบรมเพื่อเป็นจักรพรรดินีนั้นเข้มงวดกว่าที่คิดไว้ก็จริง แต่นางก็ทำสำเร็จโดยไม่บ่นแม้ครึ่งคำ ความแตกต่างระหว่างนางกับโรสมอนด์คงมีเพียงเรื่องนี้เท่านั้น
คนที่ได้รับการอบรมอย่างเป็นทางการเพื่อจะเป็นจักรพรรดินีอย่างนาง กับคนที่เป็นภรรยาลับมาก่อนจะได้เป็นจักรพรรดินีอย่างโรสมอนด์ อย่างน้อยแพทริเซียก็ไม่อยากน้อยหน้าโรสมอนด์ในเรื่องของพิธีรีตรอง เพราะเรื่องนั้นเป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับศักดิ์ศรีของนาง เรื่องอื่นนางไม่สนใจ
ในระหว่างสองเดือนนั้น ลูซิโอไม่เคยมาพบแพทริเซียเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะฉะนั้นก่อนที่จะแต่งงานกัน แพทริเซียจึงได้พบหน้าสามีอย่างเป็นการส่วนตัวเพียงครั้งเดียวคือตอนที่เปโตรนิยาเป็นลมในวัง และอันที่จริงตอนนั้นนางกับเขาก็ไม่ได้อยู่กันสองต่อสอง
แน่นอนว่าแพทริเซียไม่ได้ยี่หระกับความจริงข้อนั้น นางไม่เจ็บปวดเพราะนางรู้ทุกอย่างอยู่แล้ว และต่อให้นางไม่ได้เจอเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียวจนวันตาย นางก็ไม่เดือดเนื้อร้อนใจ เพราะนางไม่ได้รักผู้ชายคนนั้น ไม่มีเยื่อใยแม้แต่น้อย
และแล้วเวลาสองเดือนก็ผ่านไป
………………………………………………
ส่วนที่ 2 Queen Patrizia (จักรพรรดินีแพทริเซีย)
จะแต่งองค์ทรงเครื่องให้งดงามไปเพื่อการใด แพทริเซียไม่ได้รู้สึกยินดีนักที่เห็นตัวเองถูกจับแต่งกายอย่างสวยหรูงดงาม เพราะไม่ว่านางจะใส่ชุดเดรสหรือจะใส่เสื้อผ้าที่ขาดวิ่น จักรพรรดิก็เลือกโรสมอนด์แทนที่จะเลือกนางอยู่แล้ว แน่นอนว่านางเองก็ไม่ได้อยากถูกเลือกเช่นกัน
“ท่านแพทริเซีย ต้องออกไปแล้วค่ะ”
แพทริเซียก้าวออกไปช้าๆ ตามคำบอกของมีร์ยา นางไม่ประหม่าเลย ความประหม่าย่อมต้องเกิดขึ้นเมื่ออยู่กับคนที่ชอบเท่านั้น
นางไม่ปรารถนาในตัวเขา และเขาก็ไม่ได้พิศวาสในตัวนาง เพราะฉะนั้นพิธีนี้เป็นแค่พิธีตามมารยาท หาใช่พิธีศักดิ์สิทธิ์ของคู่รัก มันมีความหมายเพียงเท่านั้น
แพทริเซียไม่แม้แต่จะเผยรอยยิ้มในตอนที่เห็นพระจักรพรรดิในชุดสูทที่บรรจงแต่งมาอย่างดี และลูซิโอเองก็ไม่แย้มยิ้มเมื่อเห็นแพทริเซียที่อยู่ในชุดเดรสอันงดงามเช่นกัน
ทั้งสองยืนอยู่ในที่แห่งนี้ราวกับหุ่นจำลอง เหมือนคนที่ต้องทำในสิ่งที่ตัวเองต้องทำ
ดยุกวาเซียร์เป็นประธานในพิธี การประกอบพิธีของดยุกดำเนินไปอย่างเนิ่นนาน แพทริเซียรู้สึกว่าขาของนางกำลังจะชา ในตอนนั้นเองที่เสียงของจักรพรรดิแทรกซึมเข้ามาในโสตประสาท
“เราจะบอกไว้ก่อน”
“…”
“อย่าได้คาดหวังความรัก ความเสน่หาอะไรพวกนั้นจะดีเสียกว่า”
“…”
การที่อีกฝ่ายร่ายยาวในสิ่งที่ตัวนางเองก็รู้อยู่แล้วนั้นให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่ดีเหมือนกัน แพทริเซียยังคงมองไปเบื้องหน้าด้วยสายตาที่ไร้ความรู้สึกใดๆ นางไม่รู้สึกถึงความจำเป็นที่จะต้องโต้เถียง
“จงอยู่อย่างไร้ตัวตน ทำเช่นนั้นจะดีต่อตัวเจ้า”
“นี่คือคำขู่หรือเพคะ”
“หัวไว”
ลูซิโอพูดจบก็ยิ้มออกมาราวกับพึงใจ แพทริเซียปิดปากสนิท พูดมากไปคนที่เสียเปรียบก็คือนาง พูดไปคนที่จะรำคาญใจก็คือนางอีกเช่นกัน นางคิดว่าควรเอาเวลาไปสนใจคำกล่าวอวยพรของดยุกวาเซียร์ เพราะคำอวยพรที่แสนน่าเบื่อยังดีกว่าเสียงเห่าหอนของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีเป็นร้อยเท่า
“เช่นนั้นแล้ว เลดี้แพทริเซีย เจ้าจะยอมรับองค์สุริยันของเราเป็นสามี และสาบานว่าจะให้เกียรติ จะยอมติดตาม และมอบความจงรักภักดีต่อพระองค์หรือไม่”
“…ข้าสาบาน”
“ฝ่าพระบาทของเกล้ากระหม่อม พระองค์จะยอมรับเลดี้แพทริเซียเป็นภรรยา และจะทรงสาบานว่าจะยกย่อง ห่วงใย และมอบความรักให้แก่นางในฐานะจันทราหรือไม่”
“สาบาน”
ทั้งสองคนต่างเอ่ยคำลวงให้แก่กัน แพทริเซียเกือบหลุดขำออกมาเพราะมันเหมือนฉากในละครน้ำเน่าสักเรื่อง แต่ดีที่นางกลั้นไว้ทัน
“เช่นนั้นแล้ว ข้าขอประกาศให้ทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน”
และแล้วงานแต่งงานที่ไม่น่าขำก็จบลง
คืนนั้นแพทริเซียอยู่ในงานเลี้ยงจนจบงาน นางรู้สึกหน่วงไปทั้งร่าง การเข้าร่วมพิธีแต่งงานและงานเลี้ยงไม่ใช่เรื่องธรรมดาจริงๆ หลังจากอาบน้ำเสร็จ แพทริเซียก็หวังจะเข้านอนในทันที แต่มีร์ยากลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้น
“ฝ่าบาท อีกประเดี๋ยวพระจักรพรรดิจะเสด็จมาแล้วนะเพคะ แม้จะเหนื่อย แต่ต้องอดทนไว้ก่อนนะเพคะ”
“มีร์ยา”
แพทริเซียเรียกมีร์ยาเบาๆ ชายคนนั้นไม่มีทางมาที่นี่ นางไม่ได้คาดหวังให้มันเปลี่ยนไปเพียงเพราะนี่เป็นคืนแรก ถ้าชายคนนั้นเป็นคนที่คาดหวังได้ตั้งแต่แรก พี่สาวของนางก็คงไม่ถูกกระทำเช่นนั้นในอดีต
“ฝ่าบาทไม่เสด็จมาหรอกค่ะ”
“….”
“ไหนๆ ก็พูดแล้ว เรามาลองเปิดใจคุยกันดีไหมคะ ข้ารู้ว่าพระจักรพรรดิทรงมีคนรักอยู่แล้ว”
“ฝ่าบาท…”
มีร์ยาหน้าซีดราวกับจะถามว่านางรู้เรื่องนั้นได้อย่างไร แต่แพทริเซียกลับไม่เข้าใจมีร์ยาเอาเสียเลย นางหาใช่คนไกลปืนเที่ยงที่มาจากชนบทห่างไกล แต่เป็นไม้ประดับงานสังคมในฐานะบุตรีของมาร์ควิส เช่นนั้นแล้วนางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าจักรพรรดิมีคนรักอยู่แล้ว ข่าวนั้นแพร่สะพัดไปทั่วในวงสังคม แพทริเซียพูดเสียงเรียบ
“ข้าไม่คิดว่านั่นเป็นเพียงข่าวลือค่ะ มีร์ยา เจ้าเองก็อยู่ในรั้วในวังนี้ เจ้ามิอาจพูดได้กระมังว่าไม่รู้”
“…ขอประทานอภัยเพคะ”
ไม่ใช่เรื่องที่นางต้องขอโทษเลย แพทริเซียพูดต่อไปอย่างไม่รู้สึกรู้สา
“เพราะฉะนั้น ฝ่าบาทจะไม่เสด็จมาหรอกค่ะ ข้าพูดผิดหรือไม่”
“…”
มีร์ยาไม่อาจตอบออกไปได้ นางจะพูดความจริงข้อนั้นออกจากปากของตนได้อย่างไร แพทริเซียยิ้มบางๆ เพราะเข้าใจว่าอีกฝ่ายอยู่ในฐานะใด และพูดต่อไป
“เพราะฉะนั้น มีร์ยา ให้ข้านอนเถอะค่ะ จะให้ข้าเสียเวลารอคนที่ไม่คิดจะมานี่มัน…”
ในตอนนั้นเอง มีเสียงเอะอะที่ด้านหลังของประตูจนเสียงของแพทริเซียถูกดูดกลืนหายไปในอากาศ ข้ารับใช้ที่อยู่ด้านนอกบอกว่ามีใครคนหนึ่งมาหา
“พระจักรพรรดินีเพคะ พระจักรพรรดิเสด็จเพคะ”
ดวงตาทั้งสองของแพทริเซียสั่นไหว เขาน่ะหรือ? ทำไมกัน? ขณะที่นางกะพริบตาปริบๆ อย่างไม่เข้าใจสถานการณ์ ชายคนนั้นก็เข้ามาในห้อง มีร์ยาหลบออกไปข้างนอกทันทีอย่างรู้งาน ส่วนแพทริเซียถวายความเคารพราวกับเครื่องจักร
“ถวายบังคมพระจักรพรรดิ ขอจงทรงพระเจริญ”
“ยังไม่นอนหรือ”
ที่จริงก็กำลังจะเข้านอน แต่แพทริเซียเลือกที่จะใช้คำพูดที่รื่นหูอีกฝ่าย
“พระองค์ยังไม่เสด็จ…”
“ไยต้องเสียเวลารอ”
เขาพูดตัดบท แพทริเซียเห็นด้วยกับคำพูดนั้น แต่นางไม่เสียใจ เพราะนางไม่ได้รอเขา แต่กลับดีใจที่ตัวเองคิดถูก
เขานั่งลงบนเก้าอี้แทนที่จะหันหลังเดินออกไปทันที แพทริเซียกำลังคิดว่าตนต้องยกน้ำชามาให้เขาหรือไม่ แต่เขาก็ช่วยคลายความสงสัยของนางให้เรียบร้อย
“ชาไม่ต้อง นั่งลงเถอะ”
นางทำตามที่เขาบอก และจ้องมองจักรพรรดิที่เลือกมาหานางแทนที่จะไปหาโรสมอนด์ จะมาพูดอะไรหรือเปล่านะ ไม่น่าจะมาเพื่อใช้เวลาในค่ำคืนนี้กับข้าหรอก
“เจ้าก็อยู่ในวังแล้ว น่าจะพอรู้อะไรมาบ้าง”
“ตรัสถึงเรื่องใดหรือเพคะ”
“เรื่องข่าวลือเกี่ยวกับตัวเรา”
อา มาเพื่อพูดเรื่องนี้นี่เอง แพทริเซียยิ้มออกมา เพราะเรื่องที่เขาจะพูดไม่ได้ต่างไปจากที่นางคาดไว้สักเท่าไร
“ข่าวลือที่ว่าทรงมีคนรักอยู่แล้วหรือเพคะ”