“ทรงคิดจะทำให้หม่อมฉันไม่มีความสุขไปถึงไหนหรือเพคะ”
“เราคงไม่มีหน้าไปขอให้เจ้ารักเรา แต่อย่างน้อย…ช่วยให้โอกาสเราทีเถอะ”
“จนป่านนี้แล้วน่ะหรือเพคะ”
“ไม่สิ เจ้าจะไม่ให้โอกาสเราเลยก็ได้” เขาวิงวอนจากใจจริง “ขอร้องเถอะนะ จักรพรรดินี เราทนอยู่ในพระราชวังที่ไม่มีเจ้าไม่ได้”
“กับโรสมอนด์ที่ตายไป ฝ่าบาทก็เคยตรัสเช่นนี้มิใช่หรือเพคะ” แพทริเซียกล่าวเสียงเศร้า “หม่อมฉันทำแบบนางไม่ได้หรอกเพคะ หม่อมฉันบอกรักพระองค์ทั้งที่ไม่มีใจไม่ได้”
“…”
“หม่อมฉันกราบทูลแต่ความจริงกับพระองค์เท่านั้นเพคะ ว่าหม่อมฉันไม่ได้รักพระองค์”
“แพทริเซีย ได้โปรด…”
“…หม่อมฉันทูลลา”
พูดจบแพทริเซียก็หันหลังเดินกลับออกไป ตอนนี้นางไม่มั่นใจว่าตนจะทนต่อไปได้ ราวกับหัวใจของนางได้ตายไปพร้อมกับโรสมอนด์ แพทริเซียเดินออกจากห้องไปด้วยสีหน้าแข็งกระด้างทิ้งให้ลูซิโออยู่คนเดียวในห้องอย่างปวดร้าวทรมาน เขายกมือขึ้นปิดหน้า ปลายนิ้วที่เคยแห้งสนิทเปียกชุ่มด้วยน้ำตา
***
“เจ้าจะออกจากวังจริงหรือ” เปโตรนิยาถามเสียงค่อย
แพทริเซียก็พยักหน้ารับนิ่งๆ “เดิมทีข้ามาที่นี่แทนเจ้าเพื่อใช้ชีวิตอย่างเงียบๆ หากฝ่าบาททรงให้สัญญาว่าจะคุ้มครองข้าและตระกูล ข้าก็อยากจะลงจากตำแหน่งและใช้ชีวิตอย่างมีอิสระมากกว่าตอนนี้”
“…”
เปโตรนิยามิอาจตอบโต้คำพูดของน้องสาว หากตนเข้าไปวุ่นวายกับการตัดสินใจของอีกฝ่ายอาจกลายเป็นตนเจ้ากี้เจ้าการ มองอย่างไรตอนนี้แพทริเซียก็เสียสละตัวเองเพื่อตนแล้ว นางอุทิศตัวเข้าวังแทนพี่สาวผู้โง่เขลาคนนี้
เปโตรนิยาถอนหายใจในใจ เท่าที่เห็นคือจักรพรรดิชอบแพทริเซีย เขารักนาง เปโตรนิยารู้ว่านั่นคือใจจริงของเขา เพราะสายตาที่จักรพรรดิลูซิโอมองแพทริเซียเหมือนกับสายตาที่รอธซีมองนาง แต่ดูเหมือนว่าหัวใจของแพทริเซียจะปิดตายไปเสียแล้ว เหมือนกับนางในตอนแรก
เปโตรนิยาปรารถนาจากใจจริงให้แพทริเซียลืมเรื่องทุกอย่างและครองรักกับจักรพรรดิไปจนแก่เฒ่า แต่ดูเหมือนแพทริเซียไม่ได้ต้องการเช่นนั้น ชาติก่อนน้องสาวของนางก็ไม่ได้สนใจเรื่องการแต่งงานอยู่แล้วด้วย
“นีย่าไม่เห็นด้วยหรือ”
“ถึงข้าไม่เห็นด้วยก็ใช่ว่าเจ้าจะอยู่ต่อมิใช่รึ”
“ถึงอย่างนั้นข้าก็แค่ถามดู”
“ข้าหวังให้เจ้าลืมเรื่องในอดีตและอยู่ที่นี่อย่างมีความสุข”
“เจ้าพูดเช่นนั้นได้อย่างไร” น้ำเสียงของแพทริเซียฟังดูฉุนเฉียวขึ้นเล็กน้อย “ลืมไปแล้วหรือ แม้ตอนนี้ข้าจะเป็นจักรพรรดินี แต่จักรพรรดินีในชาติก่อนคือเจ้า ว่ากันตามจริงคนผู้นั้นหาใช่สามีของข้าแต่เป็นพี่เขยต่างหาก”
“แพทริเซีย ก็อย่างที่เจ้าพูด นั่นเป็นเรื่องของพวกเราในชาติก่อน”
“ถึงกระนั้นก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าข้าถูกตัดหัว เจ้าถูกตัดหัว ท่านพ่อท่านแม่ถูกตัดหัว”
“ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น แต่ริซซี่ เจ้าจะยึดติดกับอดีตไปเรื่อยๆ หรือ? จักรพรรดิที่สั่งประหารครอบครัวของเราในตอนนั้นกับจักรพรรดิในตอนนี้เป็นคนละคนกันนะ นิสัยใจคอก็ต่างกัน”
“แต่ถึงอย่างนั้น…!” แพทริเซียที่สุขุมมาตลอดกลับพูดเสียงดังขึ้น “มันก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นสามีของเจ้า”
“โอ้ พระเจ้าช่วย ริซซี่ นี่เจ้าเป็นเช่นนี้เพราะเรื่องนั้นหรอกหรือ”
เปโตรนิยาถามด้วยน้ำเสียงจริงจังแต่แพทริเซียกลับไม่ยอมตอบ เปโตรนิยาจ้องแพทริเซียเขม็งก่อนจะพูดเสียงเบาราวกับสารภาพ
“พูดกันตามตรงก็ใช่ ครั้งหนึ่งข้ากับเขาเคยเป็นสามีภรรยากัน แต่ริซซี่ พวกเราไม่เคยมีความสัมพันธ์แบบนั้น”
“คือ…?”
เจ้าหมายความว่าอย่างไร? ได้ยินคำถามของแพทริเซีย เปโตรนิยาก็สารภาพตามตรงอย่างสงบนิ่ง
“จักรพรรดิกับข้าไม่เคยร่วมหอกันแม้แต่ครั้งเดียว พูดง่ายๆ ก็คือข้าเป็นจักรพรรดินีของเขา ‘แค่ภายนอก’ เท่านั้น”
“…”
“ทีนี้เจ้าเข้าใจหรือยัง? และหากมันเป็นเพราะข้า เจ้าเลิกสนใจไปได้เลย ข้ามีผู้ชายที่ข้ารักแล้ว ส่วนจักรพรรดิเป็นเพียงหนึ่งในความอัปยศตอนที่ข้ายังไม่รู้ความเท่านั้น ตอนนี้ข้าไม่เหลือความรู้สึกใดให้จักรพรรดิอีกแล้ว”
“ก็…ไม่ใช่เพราะเรื่องนั้นเสียทีเดียว” แพทริเซียถอนหายใจและพูดต่อ “ตอนนี้ข้าก็แค่เหนื่อยมากแล้ว ไม่อยากคิดอะไรอีกแล้ว”
“เช่นนั้นก็พักเสียเถิด ในระหว่างนั้นข้ากับมีร์ยาจะช่วยจัดการงานของฝ่ายในให้เอง เจ้าจะลาพักไปเลยก็ยังได้”
“นิล”
“แต่ขอโทษจริงๆ นะ ริซซี่ สิ่งที่เจ้าพูดมาหาใช่เรื่องที่เจ้าจะทำตัวแบบเด็กๆ เพื่อให้ผ่านไปได้ ในเมื่อเจ้ากลายมาเป็นจักรพรรดินีแล้ว เจ้าจะหาเหตุผลใดมาลงจากตำแหน่ง? เจ้าจะทำความผิดเพื่อให้ได้ออกจากวังหรือไร”
“ข้า…”
“ยังมีอีกหลายวิธีให้เจ้าได้อยู่อย่างอิสระ ข้าจะคอยช่วยเจ้า ราฟาเอลากับมีร์ยาก็จะคอยช่วยเจ้า ตอนนี้พวกเราผ่านเรื่องลำบากกันมาแล้วมิใช่หรือ”
“…”
“ข้าไม่ได้บอกให้เจ้าทน เพียงแต่…แม้จะอยู่ในตำแหน่งนี้ เจ้าก็มีอิสระได้”
“…”
แพทริเซียไม่พูดอะไร สิ่งที่เปโตรนิยาพูดมามีเหตุผล จักรพรรดินีมิอาจลงจากตำแหน่งได้โดยง่าย หากต้องการลงจากตำแหน่งนางก็ต้องทำความผิดที่มากพอจะถูกปลดอย่างที่เปโตรนิยาพูด นั่นก็ไม่ดี นี่ก็ไม่ได้ แพทริเซียถอนหายใจออกมา
“เข้าใจแล้ว เป็นข้าหุนหันพลันแล่นเกินไป”
“พักก่อนเถอะ ระยะนี้เจ้าฝืนตัวเองมากเกินไปแล้ว”
“…”
แพทริเซียถอนหายใจสั้นๆ ใช่แล้ว บางทีอาจเป็นเพราะนางเหนื่อยเกินไปจริงๆ
ตอนบ่าย เปโตรนิยาตั้งใจจะแวะไปที่คฤหาสน์เคานต์เบรดิงตันโดยไม่บอกล่วงหน้าจึงออกจากวังเร็วกว่าปกติ ทว่า ใครคนหนึ่งก็เรียกนางไว้
“เลดี้โกรเชสเตอร์”
“ท่านเป็นใครหรือคะ”
“พระจักรพรรดิมีรับสั่งให้เข้าเฝ้าค่ะ”
“…”
ครั้นได้ยินว่าลูซิโอเรียกหา นางก็นึกสงสัย มีเรื่องอะไรให้เขาเรียกหานางด้วยหรือ? ตั้งแต่ย้อนอดีตมาเปโตรนิยากับลูซิโอก็ไม่มีเรื่องให้ต้องข้องแวะกันเลย
“มิทราบด้วยเรื่องอันใด…” นางถาม
“ข้าเองก็มิอาจทราบพระประสงค์ของฝ่าบาท”
“…”
เปโตรนิยาพยักหน้านิ่งๆ แม้ไม่รู้ว่าเขาเรียกหานางด้วยเหตุใด แต่นางก็ขัดคำสั่งไม่ได้ เปโตรนิยาเดินตามนางกำนัลไปอย่างสุขุม
“ฝ่าบาท เลดี้โกรเชสเตอร์มาแล้วเพคะ”
“ให้นางเข้ามา”
ประตูเปิดพร้อมกับคำตอบรับสั้นๆ เปโตรนิยารู้สึกแปลกใจที่ตนไม่รู้สึกประหม่าในยามที่ก้าวเท้าเข้าไปในห้อง ก่อนจะย้อนเวลากลับมา เพียงเพื่อจะก้าวข้ามประตูนี้นางอดตื่นเต้นจนร่างกายสั่นเทาไม่ได้ มาตอนนี้นางสามารถรักษาความเยือกเย็นไร้ความรู้สึกไว้ได้อย่างเสมอต้นเสมอปลายแม้จะพบหน้าลูซิโอผู้เป็นอดีตสามีของตน
เปโตรนิยาทำความเคารพอีกฝ่าย
“ถวายบังคมพระจักรพรรดิ สุริยันผู้ยิ่งใหญ่แห่งจักรวรรดิ แด่เกียรติภูมิแห่งมาวินอส”
“…นั่งสิ”
สิ้นคำเชิญ เปโตรนิยาก็นั่งลงอย่างสง่างาม นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่นางได้นั่งประจันหน้ากับเขานับตั้งแต่ย้อนเวลากลับมา หญิงสาวเอ่ยถามธุระทันที
“มีรับสั่งหาหม่อมฉันด้วยเรื่องอันใดหรือเพคะ ฝ่าบาท”
“…จักรพรรดินี” น้ำเสียงของเขาฟังดูเจ็บปวด “ขอออกจากวัง”
“…ก็เป็นธรรมดามิใช่หรือเพคะ” เปโตรนิยาตอบอย่างไร้อารมณ์ “หม่อมฉันมองว่าหลังจากประสบกับเรื่องเช่นนั้นในวัง แค่ขอออกจากวังคงไม่มากเกินไป”
“เลดี้ก็ปรารถนาให้นางออกจากวังหรือ”
“หากการออกจากที่นี่ไม่ทำให้ชีวิตของเสด็จน้องต้องตกระกำลำบาก หม่อมฉันก็หวังให้เป็นเช่นนั้นเพคะ” เปโตรนิยาตอบอย่างเย็นชา “หม่อมฉันเห็นด้วย และบิดามารดาของหม่อมฉันก็คงจะเห็นด้วยเช่นกัน”
“…เรา” เขากล่าวด้วยสีหน้าเจ็บปวดราวกับจะอ้อนวอน “ตอนนี้เราอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีนาง”
“…”
เปโตรนิยาไม่พูดอะไร มาถึงจุดนี้นางยังต้องพูดอะไรอีก แน่นอนว่าต่อให้ไม่มีแพทริเซียเขาก็อยู่ได้ แต่นั่นก็แค่ภายนอก ส่วนภายในจิตใจนั้น…นางคิดว่านางเองก็คงไม่รู้ถึงขนาดนั้น
“เช่นนั้นเหตุผลที่ทรงเรียกหม่อมฉันมาก็เพื่อขอให้หม่อมฉันช่วยเปลี่ยนพระทัยเสด็จน้องหรือเพคะ”
“เรามิได้ไร้ยางอายถึงเพียงนั้น เลดี้” เขาถอนหายใจสั้นๆ และเอ่ยถาม “จักรพรรดินีเขา…มีสิ่งที่ชอบหรือไม่”
“…”
ได้ยินดังนั้น เปโตรนิยาก็เกือบจะหลุดหัวเราะออกมา วันที่ผู้ชายคนนี้ถามถึงเรื่องทำนองนี้มาถึงจนได้
“ทรงหมายถึงสิ่งใดหรือเพคะ” เปโตรนิยาถามกลับ
“เราไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับจักรพรรดินีเลย ก่อนจะได้ทำความรู้จักกัน เราก็ทำความผิดร้ายแรงลงไปเสียก่อน”
“…”
เขาก็รู้ตัวเหมือนกันสินะ เปโตรนิยาพึมพำในใจ
“เราปล่อยจักรพรรดินีไปไม่ได้ แต่เราก็ไม่อยากให้นางทุกข์ใจด้วยเช่นกัน”
“ฝ่าบาททรงละโมบมากเกินไปนะเพคะ”
“…เรารู้” เขาพึมพำด้วยสีหน้าชอกช้ำ “เราตั้งใจจะพยายามในแบบของเรา ที่เรียกเจ้ามาเพราะต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า”
“ฝ่าบาทสงสัยเรื่องใดเป็นพิเศษหรือเพคะ”
“สิ่งที่นางชอบ สิ่งที่นางไม่ชอบ เรื่องทุกอย่างที่เกี่ยวกับนาง” เขาพูดเสียงเบาราวกับกระซิบ “หากเราถามนางด้วยตัวเอง นางคงไม่ยอมตอบ”
ลูซิโอเป็นคนฉลาด เปโตรนิยาคิดว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น
“น้องสาวของหม่อมฉัน” นางเปิดปากพูด “ชอบสตรอว์เบอร์รีเพคะ ชอบขนมหวานด้วย นางมิใช่คนมือเติบเพราะฉะนั้นพวกเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับคงมิอาจทำให้นางหวั่นไหวได้”
“…”
ลูซิโอนิ่งฟังและเริ่มจดสิ่งที่เปโตรนิยาพูดลงบนกระดาษหนังแกะ เห็นดังนั้นเปโตรนิยาก็เกือบจะหัวเราะออกมา แต่เมื่อนึกถึงความจริงใจของเขา นางก็กลั้นหัวเราะเอาไว้ เขาก็มีมุมแบบนี้ด้วยหรือนี่
“สิ่งที่ไม่ชอบ…” เปโตรนิยาเกือบจะหลุดพูดไปด้วยความเคยชินว่า ‘เกลียดฝ่าบาท’ นางรีบเปลี่ยนคำพูด “นอกจากคำโกหกแล้วก็ไม่ค่อยมีอะไรเพคะ อาหารที่ไม่ทานก็ไม่มี สิ่งที่สำคัญที่สุดในการแก้ไขความสัมพันธ์ของฝ่าบาทกับเสด็จน้องน่าจะเป็น…” เปโตรนิยาเว้นช่วงก่อนจะให้คำแนะนำอย่างจริงใจ “ความจริงใจของฝ่าบาท หากฝ่าบาททรงทำทุกอย่างด้วยความจริงใจ เสด็จน้องก็คงไม่เมินเฉยหรอกเพคะ”
“…ขอบใจนะ”
เปโตรนิยารู้สึกได้ถึงความจริงใจที่อยู่ในคำขอบคุณของเขา ใช่แล้ว แบบนี้แหละ เปโตรนิยายิ้มน้อยๆ
“พอจะเป็นประโยชน์หรือไม่เพคะ”
“ที่ว่าให้ทำด้วยความจริงใจนั้นช่วยได้มาก”
เขาพูดราวกับตระหนักได้ถึงบางสิ่ง เปโตรนิยามองภาพนั้นและกล่าวเสริมอีกคำหนึ่ง
“มันเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุด แต่ก็ยากที่สุดเช่นกันเพคะ”
หลังจากที่เปโตรนิยากลับไปแล้ว ลูซิโอก็ไปหาหัวหน้าห้องเครื่องของตำหนักกลางเป็นอันดับแรก หัวหน้าห้องเครื่องไม่ค่อยมีโอกาสได้เข้าเฝ้าจักรพรรดิบ่อยนักจึงตกใจไม่น้อยที่ฝ่าบาทเสด็จมาหาอย่างกะทันหัน แต่เขาก็ต้อนรับได้อย่างถูกต้องตามมารยาท
“ถวายบังคมพระจักรพรรดิ สุริยันผู้ยิ่งใหญ่แห่งจักรวรรดิ แด่เกียรติภูมิแห่งมาวินอส”
“เรามาเพราะมีเรื่องจะขอให้เจ้าช่วย”
พระจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่คับฟ้ามาถึงที่นี่เพื่อขอให้ข้าช่วยเรื่องอันใดกัน หัวหน้าห้องเครื่องเก็บสีหน้าสงสัยใคร่รู้พลางกล่าว
“เชิญรับสั่งมาได้เลยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
“เราอยากเรียนวิธีทำขนมหวาน”
…หา? หัวหน้าห้องเครื่องตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ