131 – บ้าน
วันที่ 1 เมษายน 2018 เวลา 20 นาฬิกา
เฉิงตูฝนตกปรอยๆจากพายุดีเปรสชัน
ร้านของเหล่าเต๋าปิดไปนานแล้วแม้แต่เพื่อนบ้านเก่าแก่ของพวกเขาก็ยังไม่รู้ว่าชายชราคนนั้นจะกลับมาเปิดร้านอีกครั้งเมื่อไหร่
ตามปกติแล้วไม่ค่อยมีใครสนใจร้านของเขามากนัก นี่ไม่ใช่ร้านขายเสื้อผ้าหรือร้านขายอาหาร
คนส่วนใหญ่ไม่อยากเข้าร้านนี้เพื่อซื้อของ มันไม่แตกต่างจากร้านขายโลงศพเท่าไหร่ ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่จะไม่มีคนสนใจว่าร้านนี้จะเปิดหรือปิด
มีชายอ้วนคนหนึ่งขับรถตํารวจมาจอดที่ประตูทุกสองสามวัน เขายืนอยู่ที่นั่นสูบบุหรี่ 2-3 ม้วนทุกวันแล้วค่อยจะไป
ในถนนสายเก่าชายแก่เจ้าของร้านตัดผมก็ทนการรบกวนของตํารวจคนนี้ไม่ได้ในที่สุดเขาก็ย้ายออกไป
ร้านนวดที่อยู่ด้านข้างก็ปิดไปนานแล้ว ว่ากันว่าเจ้าของร้านที่นี่มีความเกี่ยวข้องกับคดี ฆาตกรรมเมื่อหลายปีก่อนดังนั้นเธอจึงถูกตํารวจจับตัวไป
แม้ว่าท้ายที่สุดแล้วเธอจะเป็นผู้บริสุทธิ์และตํารวจได้ปล่อยตัวเธอกลับมาแล้ว แต่เธอก็ไม่เคยกลับมาที่ร้านอีกเลย
ในโรงน้ำชาและห้องเล่นไพ่นกกระจอกตามถนนและตรอกซอกซอยของเฉิงตูเต็มไปด้วยผู้คนที่กําลังพักผ่อน
นี่เป็นเมืองที่ผ่อนคลายและเป็นเมืองที่น่าเพลิดเพลิน ในเมื่อตอนนี้ไม่ใช่ฤดูหนาวและฤดูร้อน ในช่วงเวลาฝนตกผู้คนมากมายที่อยู่ในเมืองก็จะออกมาเล่นไพ่นกกระจอกกันอย่างนี้เป็นประจํา
ถนนสายเก่าในช่วงเช้าไม่มีผู้คนเลย มีเพียงเจ้าของร้าน 2-3 คนเท่านั้นที่กําลังยืนมองหาอะไรบางอย่าง
ในร้านหมิงมีเก้าอี้สองแถว มีเก้าอี้สองตัวตั้งอยู่ในตําแหน่งประธานและมีคนสองคนนั่งอยู่ตรงนั้น
คนแรกเป็นชายชรามีหนวดมีเครา อีกคนเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆเธอเป็นสาวน้อยน่ารักอายุเพียง 4-5 ขวบสวมใส่ชุดกระโปรงสีชมพู
ที่ด้านหลังของพวกเขา มีผู้คนมากมายยืนอยู่ บางคนสวมชุดปอสีขาวล่องลอยอยู่ในอากาศ
บางคนสวมชุดดํายืนถือไม้ปัดขนไก่ในลักษณะผู้คุ้มกัน
มีบางคนสวมหน้ากากส่วนมือของเขาถือลูกคิดอยู่
อีกคนเป็นคนอ้วนที่มีหน้าท้องใหญ่โตมโหฬาร เขากําลังยืนยิ้มอยู่ตรงนั้น
หากมองให้ละเอียด จะเห็นว่าเสื้อผ้าของคนเหล่านี้คล้ายกับคนกระดาษที่อยู่หน้าร้านขายของเกี่ยวกับคนตายแห่งนี้เป็นอย่างมาก สิ่งที่ทุกคนสวมใส่มีลักษณะเหมือนเสื้อผ้าที่ทํามาจากกระดาษทั้งสิ้น
บางครั้งมันก็ดูน่าตลก แต่รับรองว่าใครก็ตามที่มองเห็นภาพนี้จะไม่กล้าหัวเราะออกมาอย่างแน่นอน?
ปากของทุกคนที่อยู่ในร้านล้วนแล้วแต่ทาสีแดง แม้กระทั่งคนที่สวมหน้ากากอยู่ หน้ากากของเขาก็ยังทาสีแดงบริเวณปาก
ท่ามกลางผู้คนทั้งหมดในห้องนั้น มีเตาไฟขนาดเล็กตั้งอยู่ตรงกลาง ในเวลาเดียวกันกองกระดาษเงินกระดาษทองมากมายที่หยุดด้านข้างของพวกเขาจะลอยลงไปในเตาโดยอัตโนมัติ
ที่ด้านหน้าประตูมีผู้หญิงผมยาวคนหนึ่งยืนอยู่ ศีรษะของเธอก้มลงเล็กน้อยทําให้ผม ยาวของเธอปิดบังใบหน้าทั้งหมด
เธอมีรูปร่างที่งดงามสมกับเป็นหญิงสาวที่เติบโตเต็มที่แล้ว เส้นผมที่ปิดบังใบหน้าของเธอนั้นต่างก็ทําให้ผู้ชายที่มองจากด้านนอกต้องการที่จะเห็นใบหน้าของเธอ
แต่เธอไม่มีใบหน้า
“ทําไมไม่ลงมือตอนนี้”
ชายเครายาวที่นั่งอยู่ข้างๆเด็กหญิงตัวน้อยพูดด้วยเสียงหนักแน่นพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ยังไม่ถึงเวลา”
เด็กหญิงตัวน้อยกล่าว
ชายชราพยักหน้าแล้วพูดว่า
“ถ้าอย่างนั้นก็ปกป้องพลังชีวิตของตัวเองให้ดีอย่าพยายามตากแดดให้มาก”
กระดาษยันต์สีดําจํานวนหนึ่งหลุดออกจากข้อมือชายชราหนวดยาวและตกลงบนพื้น
ทุกคนในห้องเอื้อมมือหยิบกระดาษยันต์ชิ้นหนึ่งที่อยู่บนพื้นมาวางบนคิ้วของตัวเอง ชายชราที่มีหนวดเครายาวซึ่งดูเหมือนจะเป็นผู้นําขบวนในครั้งนี้ก็ทําเหมือนกับทุกคน
สักพักทั้งร้านก็เงียบลง ผู้คนที่มีกระดาษยันต์บนหน้าผากหยุดเคลื่อนไหว นี่ทําให้พวกเขาดูเหมือนกับคนกระดาษในร้านขายของให้คนตายอย่างไม่มีผิดเพี้ยน
เด็กหญิงตัวน้อยลุกขึ้นยืน เธอหยิบกระดาษยันต์ชิ้นหนึ่งขึ้นมาแล้วเดินไปที่ด้านหน้าของสาวไร้หน้า
สาวไร้หน้าเงยหน้าขึ้นช้าๆ
“ร่างอวตารของฉันถูกทําลายแล้ว”
“มันไม่ได้ส่งผลกระทบกับเธอมากขนาดนั้น” เด็กหญิงตัวน้อยไม่สนใจ
“เธออยู่กับเขา” สาวไร้หน้าเตือนเบาๆ
“เธอบอกว่าเมื่อฉันกลับไปจะไม่มีเขาอยู่อีก”
เด็กหญิงตัวน้อยยิ้ม
“ให้เวลาฉันอีกหน่อยฉันจะจัดการเขาได้ก่อนที่คุณจะกลับไปอย่างแน่นอน”
“ฉันทําเองดีกว่า”
“ฉันต้องการได้เขาตัวเป็นๆ”
“ถ้าอย่างนั้นก็พยายามมากกว่านี้สิ” เด็กหญิงตัวน้อยกระชากเส้นผมของสาวไร้หน้า
สาวไร้หน้าก้มหน้าลงอย่างนอบน้อม
“ฉันไม่เข้าใจอย่างนึง ทําไมเธอต้องหมกมุ่นอยู่กับผู้ชายคนนี้นัก เขาก็แค่ของเล่นที่ใครบางคนสร้างขึ้น ไม่สิของขวัญต่างหาก”
“ของขวัญ?”
ดวงตาของลอรีน้อยหรี่ลงเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า
“เมื่อฉันกลับไปฉันต้องจัดการเขาให้สาสม
ในเวลานี้ เส้นผมบนใบหน้าของสาวไร้ใบหน้าก็พลันกระจายออกไป แต่ใบหน้าที่ว่าง เปล่านั้นก็เริ่มรวมตัวเป็นใบหน้าของหญิงสาวคนหนึ่ง การแสดงออกของเธอเต็มไปด้วยความเจ็บปวดเหมือนกําลังดิ้นรน
“เธอยังไม่มีปัญญาจัดการมันได้หรือไง?” เด็กหญิงตัวน้อยตกตะลึง
“พวกเรายังสู้กันอยู่”
หญิงหน้าซีดตอบ
“มีจิตใจอันแน่วแน่ ไม่เลว”
เด็กหญิงตัวน้อยยิ้มก่อนจะโยนกระดาษยันต์ลงไปในเตาถ่าน
“ถ้าไม่มีการดิ้นรนเลยก็ดูเหมือนจะจืดชืดเกินไป”
ถนนสายเก่าท่ามกลางสายฝนโปรยปราย เห็นแอ่งน้ำเล็กๆอยู่ทุกหนทุกแห่ง
ชายในเสื้อสเวตเตอร์เดินช้าๆบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยโคลน
ใบหน้าของเขาเขาซ่อนอยู่ใต้หมวก และร่างกายของเขาก็ดูราวกับว่ามันถูกรวมเข้ากับความมืดของตอนกลางคืนอย่างสมบูรณ์
“เหมียว”
ข้างๆเขามีแมวสีขาวเดินตามเขาไปอย่างสง่างาม
หนึ่งคนหนึ่งแมวเดินไปภายใต้ไฟถนนสีเหลืองสลัว เงายาวสองอันถูกดึงออกมา
มันว่างเปล่า โฉบอยู่เหนือถนนสายเก่าเป็นเวลานาน
รูปร่างของผู้ชายไม่สูงใหญ่ แต่ให้ความรู้สึกเฉียบคม เขาเป็นเหมือนมีดสั้น ตราบใดที่มันหลุดออกมาจากฝึกมันจะสามารถฟันศีรษะของใครบางคนให้หลุดจากบ่าได้
ด้านหน้ามีร้านอาหารแห่งหนึ่ง ธุรกิจคืนนี้ไม่ดี เจ้าของร้านผู้ชายนั่งอยู่หน้าร้านและไออย่างหนัก ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นหวัดจากละอองฝนที่พัดเข้ามาในร้าน
เมื่อเจ้าของร้านเงยหน้าขึ้นแล้วเห็นชายคนนั้นพร้อมกับแมวของเขา เจ้าของร้านก็ยิ้มทักทาย
“ไม่เจอกันนานเลย”
“ครับ” ชายคนนั้นตอบกลับ
“เหมียว” แมวขาวก็ตอบกลับเช่นกัน
เจ้าของร้านยังคงไออยู่ที่นั่น เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นว่ายังมีแขกทานอาหารอยู่ในร้านของเขา ด้วยความที่กลัวว่าลูกค้าจะรังเกียจเขาจึงเดินเข้าไปส่วนในของร้านเพื่อกลับไปห้องนอนของตัวเอง
ชายคนนั้นเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าร้านขายของของคนตาย
แมวขาวจะกระโดดไปที่ขั้นบันไดในตําแหน่งที่คุ้นเคยของตัวเอง
ใช่ สถานที่ที่คุ้นเคย ความรู้สึกที่คุ้นเคย สิ่งที่เขาชอบมากที่สุดก็คือนั่งบนเก้าอี้โยกท่ามกลางแสงแดดอ่อนๆของตอนเช้า
เจ้าของร้านนวดที่อยู่ข้างบ้านยังไม่กลับมา บางทีเธออาจจะไม่กลับมาอีกแล้วตลอดกาล
ในตอนแรกเขาคิดว่าการอยู่คนเดียวก็ไม่เป็นไร แต่เมื่อเพื่อนที่อยู่ด้วยกันมาอย่างยาวนานหายไป ดังนั้นเขาต้องทําอะไรสักอย่าง เขาไม่ใช่คนเดิมที่อยู่คนเดียวอีกต่อไปแล้ว
เขามาที่ประตู เขาไม่ได้เคาะประตูเพราะว่านี่คือบ้านของเขา เขามีกุญแจ