162 – ต้องตรวจสอบอีกครั้ง
“ที่นั่นมีสํานักงานสุสาน ไปที่นั่นและดูกล้องวงจรปิดกันเถอะ”
โจวเจ๋อสั่งการเหล่าเต เหล่าเพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“ตกลงคุณเป็นหัวหน้า ถ้าคุณต้องการทําให้มันถูกต้อง ฉันจะได้เลิกคาดเดา
ล็อคประตูของสํานักงานสุสานถูกทําลายโดยโจวเจ๋อโดยตรง ทั้งสองเดินเข้าไปข้างในเหล่าเต่นั่งลงหน้าคอมพิวเตอร์ในห้องตรวจสอบและเริ่มดึงวิดีโอก่อนหน้า ในเวลาเดียวกันเขาได้มองหากล้องในตําแหน่งหลุมศพของโจวเจ๋อ
” น่าจะเป็นคืนเทศกาลเช็งเม้ง”
โจวเจ๋อวิเคราะห์
เนื่องจากร่องรอยการเคลื่อนย้ายศิลาหน้าหลุมศพไม่ได้หายไปโดยสมบูรณ์ มันน่าจะเป็นสองสามวันก่อนอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นหากเกิดขึ้นเมื่อสิบวันก่อนวีดีโอคงถูกลบไปแล้ว
มีคนมากมายมาเยี่ยมเขาที่หลุมศพ หากว่าสิ่งที่อยู่ข้างในไม่ใช่เถ้ากระดูกแต่เป็นพลาสติกคงเป็นเรื่องน่าตลกอย่างยิ่ง
“เจ้านาย ผมอยากจะบอกว่าเนื่องจากอีกฝายขโมยของไป พวกเขาก็น่าจะลบวิดีโอวงจรปิดทิ้งไปแล้วผมคิดว่าสิ่งที่เราทําตอนนี้กําลังเปล่าประโยชน์”
โจวเจ๋อวางมือบนไหล่ของเหล่าเต่า เล็บก็แกว่งไปมา เย็นยะเยือก ราวกับถูกแทงเข้าที่ร่าง
ชายชราตกใจจึงรีบมุ่งความสนใจของตัวเองกลับมาที่การค้นหาวีดีโออีกครั้ง เขาเริ่มเล่นวิดีโอของกล้องวงจรปิดอย่างจริงจัง
” หยุด!”
โจวเจ๋อร้อง
เหลาเหยุดทันที
“ถอยกลับหน่อย”
เหล่าเต่เริ่มถอยกลับ แน่นอนว่ามีร่างสีแดงปรากฏขึ้นในภาพ คุณภาพของภาพไม่ดีนักนอกจากนี้ยังเป็นเวลากลางคืน ดังนั้น บุคคลในภาพจึงเลือนลางมาก และโจวเจ๋อเห็นเพียงว่าเขาสวมชุดสีอะไร
หาเจอจริงๆหรอ?
เหล่าเด็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ภาพกําลังเล่นช้าๆ
ในภาพชายชุดแดงก้มตัวลงและถือมีดผ่าตัดสองเล่มอยู่ในมือเพื่อแงะหลุมฝังศพ ควา มชํานาญของเขานั้นยอดเยี่ยมไม่แพ้กับการที่โจวเจ๋อใช้เล็บของตัวเองเลย
ในเวลาเพียงไม่นานเขาก็หยิบโกศออกมา เขาหยิบภาชนะ 2 ชิ้นในกระเป๋าออกมาด้วยเริ่มต้นเขาเทเถ้ากระดูกของโจวเจ๋อเข้าไปในกล่อง หลังจากนั้นเขาก็ใช้เม็ดพลาสติกเทกลับเข้าไปในโกศของโจวเจ๋อ
ชายคนนั้นวางขวดไว้ในอ้อมแขนแล้วหันศีรษะไปด้านข้างก่อนจะยิ้มให้กล้อง มันเป็นความจงใจอย่างเห็นได้ชัด
ใบหน้านี้ โจวเจ๋อรู้สึกคุ้นเคยใบหน้านี้มาก เขาเป็นคนเอเชียซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นคนญี่ปุ่นไม่ก็เกาหลี
เขาเริ่มค้นหาข้อมูลของบุคคลนี้ในความทรงจําอันวุ่นวายของเขา
ของเขา
น่าเสียดายที่เขาเข้าสู่สถานะนั้นเมื่อเขาต่อสู้กับผู้หญิงในชุดสีฟ้า ส่งผลให้ความทรงจําขาดหายไปอย่างมากในขณะนั้น ชั่วขณะหนึ่งเขาจําไม่ได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
“อาเมน!”
หลังจากพูดจบ อีกฝ่ายก็หันหลังและจากไปทันที ทิ้งรอยยิ้มที่มีความหมายไว้เบื้องหลัง
จนกระทั่ง “อาเมน” สุดท้ายของอีกฝ่ายออกมาดวงตาของโจวเจ๋อจึงค่อยๆหดตัวลง
ภาพความทรงจําเริ่มพลิกกลับ และในที่สุดก็ปรากฏขึ้นในวิลล่าที่ล้อมรอบด้วยดอกไม้ บาทหลวงคนหนึ่งยืนอยู่ข้างโต๊ะอาหารอย่างเงียบๆ
นั่นคือเขา!
เขาขโมยขี้เถ้าของฉันไป!
“เจ้านาย คุณรู้จักผู้ชายคนนี้เหรอ?” เหล่าเด็คิดว่าปฏิกิริยาของโจวเจ๋อดูแปลกๆ
“ใช่”
เมื่อพวกเขาออกจากสุสาน ก็เป็นเวลา 1:00 น แล้ว โจวเจ๋อหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาแล้วโทรหาซูชิงหลาง
แต่ซูชิงหลางเมาและไม่รับสาย โจวเจ๋อจึงทําได้เพียงโทรหาถังซื้อ
” มีธุระอะไร?”
“ช่วยฉันปลุกซูชิงหลางไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ต้องทําให้เขาตื่นขึ้นมาให้ได้”
” ก็ได้”
ประมาณครึ่งนาทีต่อมาก็มีเสียงกรีดร้องที่ปลายอีกด้านของโทรศัพท์
หลังจากนั้น
“คุณเป็นบ้าหรือไงถึงให้เธอมาปลุกฉัน!”
“ขอเบอร์โทรศัพท์ครอบครัวตระกูลหลิวหน่อย”
“รอก่อน”
ซูชิงหลางได้ยินความโกรธที่ถูกระงับไว้ในเสียงของโจวเจ๋อ เขาจึงตอบรับโดยไม่ได้บ่นอะไรออกมา
หลังจากที่โจวเจ๋อได้เบอร์โทรศัพท์มาแล้วเขาก็โทรออก
*หมายเลขที่คุณเรียกไม่สามารถใช้บริการได้ชั่วคราว”
โจวสูดหายใจเข้าลึกๆ แม้ว่าตงเฉิงจะเป็นเมืองเล็กๆที่มีประชากรเพียงไม่กี่ล้านคน แต่ก็เป็นเรื่องยากมากที่จะหาใครบางคนที่ไม่มีใครรู้จักตัวตนได้
แต่ตอนนี้ความโกรธของโจวเจ๋อจําเป็นต้องระบายออกอย่างเร่งด่วน ดังนั้นเขาจึงต้องการหาที่อยู่ของบาทหลวงคนนั้นให้เร็วที่สุด
เมื่อกลับไปที่ร้านหนังสือ ถังซื้อกําลังนั่งอยู่ในร้านและอ่านนิตยสารบางเล่ม ขณะที่ซูชิงหลางนั่งที่บาร์ด้วยรอยฟกช้ําเล็กน้อยบนใบหน้า
“ติดต่อได้แล้ว?” ซูชิงหลางถามขณะที่เขาเอาไข่ต้มมาสัมผัสกับใบหน้าของตัวเอง
โจวเจ๋อส่ายหัว
“ฟ้อ…”
ซูชิงหลางรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้นบนใบหน้า เขาถูกทุบตีอย่างไร้ประโยชน์?
โจวเจ๋อมองไปที่ถังซื้อและถามว่า
“มีวิธีไหนที่จะหาคนได้อย่างรวดเร็วในดินแดนนี้”
ถังซื้อวางนิตยสารในมือของเธอลงและพูดว่า
“เอาเล็บของคุณขูดบนพื้นแล้วเรียกเทพารักษ์ออกมาคุยด้วยดีกว่า”
” ผมจริงจัง”
“เรื่องนี้ฉันช่วยคุณไม่ได้ มีใครขโมยอะไรคุณหรือเปล่า” ถังซื้อถาม
โจวเจ๋อไม่ตอบ เขาสูญเสียขี้เถ้าของตัวเอง มันไม่ใช่สิ่งน่าพิศมัยมากนักพอๆกับการถูกขโมยชุดชั้นในนั่นแหละ
ดูเหมือนว่าไม่มีทางหาบาทหลวงคนนั้นเจอ ไม่สามารถติดต่อกับครอบครัวหลิวได้ และโจวเจ๋อเชื่อว่าต่อให้เขาติดต่อตระกูลหลิวก็ไม่มีทางที่เขาจะได้ที่อยู่ของบาทหลวงคนนั้น
อีกฝ่ายจงใจท้าทายเขา นั่นแสดงให้เห็นว่าบาทหลวงคนนั้นมั่นใจที่จะหลบซ่อนตัวเอง
จู่ๆโจวเจ๋อก็นึกถึงอะไรบางอย่าง เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา กดหมายเลขที่ไม่ได้บันทึกชื่อไว้
“สวัสดี นั่นใครคะ?”
มีเสียงน่ารักจากปลายสายอีกด้าน
“เรียกอีกคนมาคุยด้วยหน่อย” โจวเจ๋อกล่าว
“นี่จะไม่ให้หลับนอนกันเลยหรือยังไง”
แม้ว่าปลายสายจะยังเป็นเสียงที่น่ารักแต่ก็ค่อนข้างเย็นชา
” ช่วยผมหาใครสักคนเขาเป็นบาทหลวงชาวญี่ปุ่นเพิ่งมาทํางานในตงเฉิงไม่กี่เดือนมานี้”
” ก็ได้”
จากนั้นโทรศัพท์จากอีกด้านหนึ่งก็วางสายทันที
โจวเจ๋อไม่คิดว่าเด็กหญิงตัวน้อยจะจริงจัง ดังนั้นเขาได้แต่หาวิธีอื่น
“ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม” จู่ๆถังซื้อก็พูดขึ้น
โจวเจ๋อมองดูถังซื้อ
“ช่วงนี้คุณมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีหรือเปล่า” ถังซื้อหมายถึงตําแหน่งของหัวใจ
โจวเจ๋อไม่เข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไรแล้วส่ายหัว
“อ่า…” ถังซื้อยิ้ม “ดูเหมือนว่าคุณจะคุ้นเคยกับมันแล้ว”
“คุ้นเคยกับอะไร”
“การใช้ชีวิตโดยปราศจากมโนธรรม”
ถังสือยืนขึ้นดูเหมือนพร้อมที่จะขึ้นไปชั้นบน และในขณะเดียวกันก็เตือนว่า “คืนพรุ่งนี้ถ้าว่างก็ดื่มชากันหน่อย มีเรื่องจะพูดด้วย”
“ผมไม่มีอารมณ์.”
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าถังซื้อยังคงไม่สนใจว่าเขาจะตอบรับหรือไม่
ในอพาร์ตเมนต์หลังหนึ่ง บาทหลวงนั่งอยู่บนโซฟา และมีรูปภาพและวัสดุบนโต๊ะน้ําชาอยู่ตรง หน้าเขา เขานั่งอยู่ตรงนั้นและบ่นพึมพํากับตัวเอง
ในเวลานี้ประตูถูกเปิดออก
เมื่อหมอฝึกงานคนนั้นก็เดินเข้ามา เมื่อเขาเห็นบาทหลวงนั่งอยู่บนโซฟาเขาก็ตะโกนออกมาว่า
“คุณเป็นใครทําไมคุณมาอยู่ในบ้านของผม!”
ในเวลาเดียวกันเด็กฝึกงานก็ยื่นมือออกไปหยิบโทรศัพท์โดยต้องการจะโทรหาตํารวจ
บาทหลวงคนนั้นยื่นมือออกไปบีบคอเขาอย่างรวดเร็ว
โทรศัพท์มือถือตกลงบนพื้น บาทหลวงยกเด็กหนุ่มขึ้นเหนือศีรษะทําให้เขาหายใจไม่ออก
หลังจากนั้นดวงตาของเด็กฝึกงานก็เปลี่ยนเป็นสีอึมครึมเล็กน้อย
“ผมป้อนขี้เถ้าของเขาให้คุณกินเข้าไปแล้ว ทําไมคุณถึงกลายเป็นแค่พวกกินซากธรรมดาๆ?”
หลังจากนั้นบาทหลวงก็เตะเด็กฝึกงานล้มลงกับพื้น แต่เด็กฝึกงานไม่ได้รู้สึกเจ็บปวด เมื่อเขางยหน้าขึ้นน้ําลายมากมายก็ทะลักออกมาจากปากของเขา
?บาฮา”
กีบเท้าหมูดิบชิ้นหนึ่งถูกบาทหลวงขว้างลงบนพื้น
เด็กฝึกงานรีบหยิบเท้าหมูข้างนั้นแล้วกัดกินอย่างตะกละตะกลาม
บาทหลวงส่ายหัวและกลับไปนั่งที่โซฟาอย่างไม่เต็มใจ
“ดูเหมือนว่าเหตุผลที่ทําให้เขากลายเป็นผีดิบน่าจะไม่เกี่ยวข้องกับร่างกาย ไม่อย่างนั้นเจ้าเด็กนี่คงกลายเป็นผีดิบไปแล้ว
เจ้าเด็กนี่อย่าว่าแต่เป็นผีดิบเลย แม้แต่ซอมบี้กระจอกกระจอกยังเป็นไม่ได้ ”
บาทหลวงส่ายหน้าด้วยความระอาใจ
“ถ้าไม่ใช่ร่างกาย งั้นมันเป็นวิญญาณหรือเปล่า? หรือว่าร่างก่อนหน้านี้ของเขาก็ไม่ใช่ร่างของเขาเช่นกัน ดูท่าคงมีอะไรซับซ้อนมากกว่าที่คิด ”
บาทหลวงหยิบรูปภาพของโจวเจ๋อ ซูเล่อ หมอหลิน น้องภรรยาของเขา และแม้แต่ชายชราที่ใช้เล็บแทงโจวเจ๋อก่อนที่เขาจะเสียชีวิตในโรงพยาบาลวันนั้นขึ้นมาดูอีกครั้ง
บาทหลวงเอามีดผ่าตัดตัดรูปถ่ายของชายชรากับน้องภรรยาโดยตรงแล้วถอนหายใจยาว
“เราต้องตรวจสอบอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ”