38 – ผีขี้เหงา
“ผมยังมีปัญหาต้องแก้ไขเรื่องการกินการนอนอีก” นี่คือสิ่งที่โจวเจ๋อต้องการถามมากที่สุดและต้องการแก้ไขอย่างเร่งด่วนที่สุดเช่นกัน
หลังจากกลับมาจากความตายทุกสิ่งทุกอย่างของเขาค่อนข้างสมบูรณ์มีเพียงเรื่องนี้เท่านั้นที่เขายังเป็นกังวลอยู่
“ฉันจะยกตัวอย่างให้คุณฟังนะ คอมพิวเตอร์ที่สั่งซื้ออะไหล่มือสองมาประกอบเอง มันย่อมไม่มีทางทำงานได้ดีเหมือนกับที่โรงงานผลิตขึ้นมา” เด็กหญิงตัวน้อยส่ายหัวอย่างอ่อนแรง
“ถ้าคุณอยากนอนหลับจริงๆ คุณต้องพึ่งพาพลังจากนรกแต่การที่คุณใช้พลังเพื่อช่วยเหลือคนอื่นมันจะทำให้คุณนอนหลับยากขึ้น เหมือนกับฉันที่ไม่ได้นอนหลับจริงๆมาเกือบครึ่งปีแล้ว! ฉันค่อนข้างทึ่งคุณจริงๆที่ค้นพบวิธีนอนหลับได้ด้วยตู้แช่ที่อยู่ข้างบน”
เด็กหญิงตัวน้อยหัวเราะอย่างอ่อนแรงอีกครั้ง “ถ้าฉันไม่กลับไปคุณสามารถนอนกอดฉันได้ นั่นจะทำให้คุณนอนหลับได้อีกครั้ง”
“………… ” โจวเจ๋อ
“ ส่วนเรื่องกินฉันแก้ปัญหาเรื่องนี้ไม่ได้”
หลังจากพูดจบศีรษะของเด็กหญิงตัวน้อยก็เอียงไปข้างๆและนอนหลับจริงๆ
โจวเจ๋อเคยเป็นหมอดังนั้นเขาจึงเห็นได้ว่าเด็กหญิงตัวน้อยไม่ได้เป็นอะไร เธอเพียงแค่ง่วงนอนเท่านั้น
หนูน้อยคนนี้เป็นลูกสาวของหวังเค่อและเขาไม่สามารถปล่อยให้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเธอได้
“นี่หลับจริงๆหรือเปล่า?” โจวเจ๋อพูดกับตัวเองพร้อมกับมองดูอักษรที่อยู่บนฝ่ามือของเขา
ทันใดนั้นเด็กหญิงตัวน้อยในอ้อมแขนของเขาก็ลืมตาขึ้นและพูดว่า
“โชคดีที่คุณไม่ได้ทำอะไรโง่ๆ”
โจวเจ๋อตัวแข็งไปชั่วขณะเธอแกล้งหลับจริงๆ!
หลังจากนั้นดูเหมือนว่าหยินจีที่รวมตัวกันกลายเป็นหยดน้ำได้ไหลออกมาจากร่างกายของเด็กหญิง แม้ว่าภายในร้านหนังสือจะเปิดเครื่องทำความร้อนไว้แต่อากาศก็เย็นลงอย่างรวดเร็ว
ประตูหน้าร้านถูกเปิดออกลมเย็นๆพัดเข้ามาแม้แต่โจวเจ๋อที่ไม่กลัวลมหนาวก็ยังสั่นสะท้าน
เงาสีดำขนาดใหญ่รวมตัวกันปกคลุมบริเวณนี้จนมีรูปร่างคล้ายกับสัตว์ร้ายในตำนาน
เล็บของโจวเจ๋องอกออกมาอีกครั้งหลังจากได้รับการกระตุ้นจากเงาของอสูรร้ายตัวนี้ อีกทั้งภายในหน้าอกของเขายังเหมือนกับมีเลือดจำนวนมากกำลังเดือดพล่านอยู่
หลังจากนั้นหยินฉีทั้งหมดที่รวมตัวกันเป็นร่างอสูรร้ายก็ซึมลงไปในดินและหายสาบสูญไป
เงามืดที่ปกคลุมอยู่ในร้านหายไปแล้วรวมทั้งอากาศเย็นๆด้วย!
เด็กหญิงตัวน้อยนอนหลับไหลอยู่ในอ้อมอกของโจวเจ๋อ
…………
ในตอนเย็นซูชิงหลางนำอาหารเย็นพร้อมกับน้ำมะระแก้วใหญ่มาให้โจวเจ๋อ
“น้ำบ๊วยหมดแล้วเหลือแต่น้ำมะระคงต้องใช้ไปก่อน”
ซูชิงหลางพูดด้วยความเขินอายเล็กน้อย เมื่อเขามองเห็นเด็กหญิงตัวน้อยในตอนกลางวันเขารู้สึกหวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูก
ในตอนที่พ่อแม่ของเขาถูกเด็กหญิงตัวน้อยพาไปเขาไม่สามารถทำอะไรได้มีเพียงคุกเข่าร้องไห้เท่านั้น นับประสาอะไรกับการแก้แค้น
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังทำตัวชั่วช้าด้วยการโกรธแค้นโจวเจ๋อจนถึงขั้นวางยาพิษเขา
ตอนนี้ซูชิงหลางคิดตกแล้ว เขาเป็นเพียงมนุษย์ตัวเล็กๆที่มีดวงตาหยินและหยางทำให้สามารถมองเห็นภูตผีปีศาจได้เท่านั้น การที่จะให้เขาเผชิญหน้ากับยมทูตจากนรกนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้จริงๆ
ในความเป็นจริงเด็กหญิงตัวน้อยสามารถจัดการเขาไปพร้อมกันกับพ่อแม่ก็ได้ เขาพยายามที่จะคืนชีวิตให้กับพ่อแม่ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดกฎสวรรค์ร้ายแรง
แต่เธอก็ยังใจดีไม่ได้จัดการเขาดังนั้นเขาสมควรขอบคุณเธอมากกว่าที่จะโกรธแค้น
หลังจากทานอาหารเสร็จโจวเจ๋อก็หยิบเงิน 1000 หยวนวางไว้ตรงหน้าของซูชิงหลาง
“ ค่าอาหารวันนี้รวมทั้งค่าอาหารในอนาคตด้วย หมดเมื่อไหร่ก็บอกฉัน”
“โย่ว! เป็นคนรวยมาจากไหน?” ในที่สุดซูชิงหลางก็ยิ้มเล็กน้อยจากนั้นก็ยัดเงินคืนใส่กระเป๋าเสื้อของโจวเจ๋อ
“ชีวิตของคนเราไม่ควรประมาท คุณยังมีครอบครัวที่ต้องดูแล”
“………… ” โจวเจ๋อ
“พี่ก็รู้ว่าฉันมีคอนโดตั้ง 20 ห้องจะมารับเงินของพี่ได้ยังไง”
“………… ” โจวเจ๋อ
โจวเจ๋ออยากจะบอกว่าเขาจะร่ำรวยในไม่ช้าตราบใดที่เขานั่งเผากระดาษเงินกระดาษทองอยู่หน้าร้านก็จะมีคนส่งกระเป๋าสตางค์มาให้เขาตลอดเวลา
แต่แล้วโจวเจ๋อก็คิดได้ว่า ต่อให้เขานั่งเผากระดาษเงินกระดาษทองทั้งปีก็ไม่มีทางที่จะได้คอนโดถึง 20 ห้อง?
เว้นแต่ในตอนที่เขาเผากระดาษเงินกระดาษทองอยู่นั้นจะมีคนบังเอิญมาลืมรถขนเงินไว้ที่หน้าร้านของเขา
“บอกพี่ตามตรงนะ ฉันตั้งใจจะย้ายร้านไปที่อื่นแล้ว” ซูชิงหลางกล่าวอย่างกะทันหัน
“ จะไปไหนเหรอ?”
“เปลี่ยนที่ทำมาหากิน” ซูชิงหลางยิ้ม “ฉันวางแผนจะย้ายร้านก๋วยเตี๋ยวไปที่เซี่ยงไฮ้ ถึงแม้ว่าร้านจะเล็กลงแต่คิดว่าคงทำเงินได้มากขึ้น”
“อย่ามาโม้หน่อยเลย เดี๋ยวพวกนักเลงเซี่ยงไฮ้ก็ไล่เตะนายกลับมา” โจวเจ๋อกล่าวอย่างปรามาส
“ฮ่าๆๆ ฉันพูดจริงเดี๋ยวฉันกำลังจะไปดูร้าน”
ซูชิงหลางเก็บถ้วยชามบนโต๊ะไปไว้หลังร้านหลังจากนั้นเขาก็เดินออกจากร้านไป
………………..
ตอนดึกโจวเจ๋อกำลังมองไปที่สัญลักษณ์บนฝ่ามือขณะทำเล็บไปด้วย ในวันนี้ไม่มีลูกค้าแม้แต่คนเดียวมันทำให้โจวเจ๋อรู้สึกกังวล
ทำไมถึงยังไม่มีลูกค้า แล้วรายได้ของเขาจะสร้างขึ้นมาได้ยังไง
ยัยหนูนั่นบอกว่าเธอทำให้เขาสว่างไสวยิ่งกว่าสปอร์ตไลท์ตอนกลางคืนแต่วันนี้แม้แต่หมาตัวเดียวก็ยังไม่โผล่หัวมา?
“ แซ่บ ………… ”
ประตูร้านหนังสือถูกผลักเปิดออกผู้หญิงสองคนเดินเข้ามาข้างในโดยไม่ขออนุญาต
คนหนึ่งยังเด็กมากอายุน่าจะเท่ากับโจวเจ๋อ (ซูเล่อ) และอีกคนน่าจะอายุเกือบห้าสิบ ลักษณะของทั้งสองเหมือนแม่และลูกสาว
คนที่เป็นหญิงสาวโจวเจ๋อจำได้ดี เธอเป็นลูกค้าคนแรกของเขาที่มาพร้อมกับสุนัขคอร์กี้
เพียงแต่ว่าครั้งนี้ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้มามากับสุนัขของเธอ
“นั่งตรงนี้ไม่รู้ว่าจะมีอะไรสกปรกหรือเปล่า” หญิงวัยกลางคนพูดกับหญิงสาว
หญิงสาวก้มลงหยิบกระดาษเช็ดหน้าออกมาเช็ดบนม้านั่งพลาสติกแล้วนั่งลงอย่างสงบ
“ลองอ่านหนังสือเล่มนี้สิ มันพูดถึงเรื่องปรัชญาชีวิตสามารถนำไปใช้ได้จริง” หญิงวัยกลางคนพยายามเสนอหนังสือต่อหน้าหญิงสาว
“อา.”
หญิงสาวถอนหายใจใบหน้าของเธอยังคงมืดมน เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้ฟังที่หญิงวัยกลางคนพูด
หญิงวัยกลางคนรู้สึกเศร้าสร้อยที่ไม่ได้รับความสนใจ เธอจึงนั่งยองๆลงด้านข้างหญิงสาว
โจวเจ๋อไม่ได้หันหน้าไปมองพวกเขา เขามัวแต่ตัดเล็บของตัวเองอยู่
ในเวลานั้นหญิงสาวหันไปมองโจวเจ๋อแล้วพูดว่า
“เถ้าแก่”
“ คุณเป็นเจ้าของร้าน” หญิงวัยกลางคนคนนั้นมองไปที่โจวเจ๋อพร้อมกับใช้ร่างกายของตัวเองบดบังสายตาของโจวเจ๋อไม่ให้มองเห็นหญิงสาว
“ มีอะไรเหรอ?” โจวเจ๋อถาม
“คุณคิดจะทำอะไร?” หญิงวัยกลางคนคนนั้นตะโกนออกมาพร้อมกับรีบเตือนไปที่หญิงสาว “อย่าไปสนใจเขาเลยผู้ชายคนนี้ไม่น่าจะเป็นคนดี”
หญิงสาวเงียบไปชั่วขณะ แต่ในตอนท้ายเธอก็พูดว่า
“เบ๊บหาย”
เบ๊บมันน่าจะเป็นชื่อคอร์กี้
“หายไปไหน?” โจวเจ๋อถาม
“ฉันก็ไม่รู้” ดวงตาของหญิงสาวเป็นสีแดงก่ำและเมื่อนึกถึงสุนัขตัวนั้นเธอก็ร้องไห้ออกมา
“ตอนที่ฉันทำความสะอาดบ้านฉันไม่ทันสังเกตไม่รู้ว่ามันหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เลิกพูดกับเขาได้แล้วแค่หมาตัวเดียวหายก็ซื้อใหม่สิ?” หญิงวัยกลางคนพูดด้วยความรำคาญ
โจวเจ๋อลุกขึ้นยืนและเดินมาหาหญิงสาว
“คุณกำลังทำอะไร อย่าแตะต้องเธอเด็ดขาด?” หญิงวัยกลางคนชี้ไปที่โจวเจ๋อ
“เดี๋ยวผมจะตามหามันให้”
โจวเจ๋อไม่สนใจผู้หญิงคนนั้นและปลอบโยนหญิงสาว
“ขอบคุณ”
หญิงสาวร้องไห้จากนั้นก็โผเข้าอ้อมกอดของโจวเจ๋อ
“ ไอ้คนชั่วแกมันไม่ใช่คน!” หญิงวัยกลางคนคนนั้นพยายามกระชากแขนของโจวเจ๋อ
“ นี่คุณเป็นบ้าอะไร?”
ดวงตาของโจวเจ๋อเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท
หญิงวัยกลางคนคนนั้นตกใจจนล้มลงไปนอนกับพื้นโดยไม่กล้าลุกขึ้นอีก
“ มีอะไรเหรอ?” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองอย่างว่างเปล่า เธอไม่รู้ว่าโจวเจ๋อกำลังคุยกับใคร
โจวเจ๋อปล่อยหญิงสาวออกจากอ้อมอก หญิงสาวคนนี้กำลังตกอยู่ในช่วงอารมณ์หดหู่มันจึงเป็นโอกาสดีของเหล่าภูตผีที่จะเข้าสิงเธอ
โชคดีที่ผีผู้หญิงวัยกลางคนคนนี้ไม่ได้มีเจตนาร้าย เธอเพียงแค่เหงามากเกินไปเท่านั้นจึงพยายามหาคนคุยด้วย
อีกทั้งยังดูเหมือนว่าเธอจะมีความรู้สึกเอ็นดูต่อหญิงสาวคนนี้เธอจึงพยายามปกป้องหญิงสาวจากวิญญาณร้ายที่พยายามจะเข้าใกล้หญิงสาว รวมทั้งโจวเจ๋อด้วย
“ฉันประกาศตามหาเบ๊บไปทุกที่แม้แต่บนเว่ยป๋อก็ทำหมดแล้ว” หญิงสาวหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและแสดงรูปสุนัขให้โจวเจ๋อดู
“ คุณเห็นมันบ้างไหม?”
โจวเจ๋อยิ้มอย่างขมขื่นธุรกิจของเขาซบเซามากแม้แต่คนยังไม่เข้านับประสาอะไรกับหมา
แต่ทันใดนั้นหญิงวัยกลางคนก็กระโดดขึ้นมาพร้อมกับกรีดร้องว่า
“ฉันเคยเห็นสุนัขตัวนี้ฉันเคยเห็นสุนัขตัวนี้ฉันเห็นมันอยู่ในหมู่บ้านของฉัน มีใครบางคนจูงมันเดินเข้ามาในหมู่บ้านฉันจำได้ดีเลย! “